ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 12 บทที่ 351 ศัตรูหัวใจ
“หม่อมฉันขอตัวก่อนเพคะ เชิญพระองค์ตามสบาย”
หลินเมิ้งหยาเดินออกจากห้องอ่านหนังสือของหลงเทียนอวี้อย่างว่าง่าย ขณะที่กำลังจะก้าวพ้นประตู นางเกือบชนเข้ากับใครบางคน
“ขออภัย….พระชายา! บังเอิญเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ก็อยู่ที่นี่ด้วย”
เสียงคุ้นหูพลันดังขึ้นเหนือศีรษะ
หลินเมิ้งหยาเงยหน้า ก่อนจะมองชิวอวี้ด้วยความสงสัย
แปลกเหลือเกิน เหตุใดเขาจึงมิได้เข้าวังเล่า? เหตุใดเขาจึงโผล่หน้ามาที่นี่?
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
หลินเมิ้งหยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ตอนออกจากวัง นางมั่นใจว่าตนเองทิ้งช่องทางการติดต่อให้กับเขาแล้ว
เหตุเพราะสถานการณ์ในวังหลวงค่อนข้างซับซ้อน หากต้องการถอนพิษของฮ่องเต้ เช่นนั้นนางจำเป็นต้องติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับชิวอวี้
ทว่าตอนนี้เขากลับเดินเข้าประตูจวนมาดื้อๆ เสียอย่างนั้น
หรืออยู่ๆ อาการของฮ่องเต้จะแย่ลง เขาจึงมาที่นี่?
เมื่อพบว่าบริเวณรอบๆ ไม่มีใคร หลินเมิ้งหยาจึงดึงตัวเขาเข้าไปที่มุมหนึ่ง
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าขณะที่นางกำลังจะจากไป ร่างของหลงเทียนอวี้พลันปรากฏตัวที่หน้าห้องอ่านหนังสือ
“นี่เจ้า…กำลังทำอะไร?”
ชิวอวี้รู้สึกกล้ำกลืนอย่างบอกไม่ถูก ราวกับเขาเพิ่งเคยเห็นท่าทางหลบๆ ซ่อนๆ ของนางเป็นครั้งแรก
อากัปกิริยาราวกับคนมีลับลมคมนัย บางทีนางอาจจะไม่สะดวกก็เป็นได้
“เกิดเรื่องอะไรในวังหรือ? เจ้าจงอธิบายให้ข้าฟังเถิด อาการประชวรของฮ่องเต้แย่ลงอย่างนั้นหรือ?”
มองสายตาเปี่ยมไปด้วยความกังวลของหลินเมิ้งหยา ชิวอวี้หลุดขำออกมา
ดูเหมือนการมาเยือนอย่างกะทันหันของเขาจะทำให้หลินเมิ้งหยาเข้าใจผิดเสียแล้ว ชิวอวี้หยักยิ้มก่อนจะส่ายหน้าพลางเอ่ยเสียงเบา
“เจ้าวางใจเถิด ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับฮ่องเต้ทั้งสิ้น เหตุที่ข้ามาก็เพราะ….”
ยังไม่ทันจะพูดจบ เสียงหนึ่งพลันดังขัดขึ้น
“มีเรื่องอะไร เหตุใดจึงไม่สะดวกเข้าไปคุยในห้องอ่านหนังสือ เมิ้งหยา เจ้าเองก็เข้ามาด้วยกันเถิด”
การปรากฏตัวของหลงเทียนอวี้ทำให้หลินเมิ้งหยาสะดุ้งเฮือก
รีบปล่อยแขนเสื้อของชิวอวี้เสมือนคนทำความผิดแล้วถูกจับได้
สายตาของหลงเทียนอวี้จ้องเขม็งไปทางชิวอวี้ ดวงตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง ท่าทางเหมือนคนกำลังพยายามอดทนอดกลั้น
บรรยากาศคลุมเครืออึดอัดจนทำให้ผู้บริสุทธิ์อย่างชิวอวี้รู้สึกประหม่า
หลังจากกระแอมเล็กน้อย เขาถวายคำนับก่อนจะเดินขึ้นมาข้างหน้า
“ถวายพระพรท่านอ๋อง อันที่จริงกระหม่อมมาเพื่อปรึกษากับพระองค์เรื่องพระโอสถของฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ”
ชิวอวี้รีบชี้แจงเหตุผลในการมาของตนเอง อันที่จริงเขาเคยพบเจอกับองค์ชายและพระชายาหลายพระองค์แล้ว
แต่อ๋องอวี้เป็นคนที่มีอำนาจและความน่าเกรงขามมากที่สุด
หากมิใช่เพราะวันนี้เขามีธุระต้องการปรึกษาหารือกับหลินเมิ้งหยา เกรงว่าเขาคงไม่กล้าแม้แต่จะย่างกรายเข้ามา ณ ที่แห่งนี้
ดูเหมือนเขาจะถูกหลงเทียนอวี้คาดโทษเข้าให้แล้ว
ซวยแล้วไงเล่า!
“อ้อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
ตอบสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หลงเทียนอวี้เป็นฝ่ายหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องอ่านหนังสือก่อน
หลินเมิ้งหยามองเขาด้วยความสงสัย เหตุใดนางจึงสัมผัสได้ว่าหลงเทียนอวี้กำลังอารมณ์ไม่ดีกันนะ?
หรือนางทำอะไรผิดไป?
ชิวอวี้ที่พูดอะไรไม่ออกชั่วขณะหันไปมองคู่สามีภรรยาที่แผ่บรรยากาศน่าอึดอัด หากเขาเดาไม่ผิดแล้วล่ะก็ คาดว่าอ๋องอวี้จะต้องกำลังหึงหวงอย่างแน่นอน
น่าสนใจยิ่งนัก อย่างน้อยเขาก็ได้เห็นท่านอ๋องผู้แสนเย็นชารู้สึกกระสับกระส่ายเพราะผู้หญิงคนเดียว
ทั้งสามเดินเข้าไปในห้องอ่านหนังสือ ความเงียบพลันครอบคลุมทั่วทุกมุมห้อง
ชิวอวี้และหลงเทียนอวี้สบตากันอยู่หลายครั้ง เมื่อเปรียบเทียบสายตาของทั้งสองแล้ว คนหนึ่งกำลังหยั่งเชิง ส่วนอีกคนกำลังสงสัย
หลินเมิ้งหยาซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นขณะกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ฉะนั้นนางจึงมองไม่เห็นสถานการณ์ตึงเครียดของทั้งคู่เลยแม้แต่น้อย
“ที่นี่หาได้มีคนนอกไม่ เช่นนั้นใต้เท้าชิวบอกมาเถิดว่าต้องการให้พวกเราทำสิ่งใด?”
อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็เอ่ยออกมา การปะทะทางสายตาของทั้งคู่จึงหยุดลง
“อันที่จริงกระหม่อมถูกพวกใต้เท้าขอร้องมาอีกที ตอนนี้สถานการณ์ในวังหลวงไม่สู้ดีนัก ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากพระชายาออกจากวังหลวงแล้ว สำนักหมอหลวงก็กลับมาเป็นปกติ เกรงว่าหากอาการประชวรของฮ่องเต้ยังคงยืดเยื้อต่อไปจะมิเป็นการดีพ่ะย่ะค่ะ”
คำพูดเหล่านี้ทำให้หลินเมิ้งหยารู้สึกกังวล
ตอนนี้สิ่งเดียวที่ไม่เอื้ออำนวยคือเวลา
ยิ่งไปกว่านั้นยาพิษยังเป็นสิ่งที่ไม่อาจคอยท่าได้
วิธีถอนพิษที่ระบบเซินหนงวิเคราะห์ออกมาไม่เลวเลย แต่ยาพิษในพระวรกายของฮ่องเต้ซับซ้อนเกินไป
ท่านอาจารย์เองก็เสียสติไม่เหมือนก่อน หากไม่มีท่านอาจารย์คอยชี้แนะ เกรงว่านางคงมิอาจปรุงยาออกมาได้เสร็จสมบูรณ์
นางควรทำอย่างไรดีนะ?
พิจารณาสถานการณ์ตึงเครียดตรงหน้า บางทีอาจเพราะประโยคที่เพิ่งเอ่ยออกมาของหลินเมิ้งหยาซึ่งแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาและนางเป็นพวกเดียวกัน ฉะนั้นอารมณ์ของหลงเทียนอวี้จึงดีขึ้นเล็กน้อย
หลินเมิ้งหยาเป็นชายาของเขา เหตุที่นางสนิทสนมกับชิวอวี้คงเพราะอาการประชวรของเสด็จพ่อกระมัง
แม้จะยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย แต่เพื่อการใหญ่ หลงเทียนอวี้จึงทำลายความว้าวุ่นในใจ สีหน้าจึงไร้ซึ่งความเย็นชา
“เจ้าต้องการให้พวกข้าทำสิ่งใดจงรีบพูดเถิด ขอเพียงสามารถรักษาฮ่องเต้ได้ ข้าและท่านอ๋องยินดีจะทำ”
ชิวอวี้มองหลินเมิ้งหยาพลางลอบถอนหายใจในใจ
เพราะเหตุนี้พี่ใหญ่จึงบอกเสมอว่าผู้หญิงคือสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนที่สุดบนโลกใบนี้
ดูเหมือนคำกล่าวนั้นจะเป็นจริง
โชคดีที่พวกเขาสองคนพี่น้องไม่ได้ตกหลุมพรางของพวกผู้หญิง
สายตานึกสนุกเหลือบมองอีกทาง เมื่อคนเฉลียวฉลาดดำดิ่งสู่ห้วงแห่งความรัก คนเหล่านั้นมักจะทำเรื่องน่าสนใจเสมอ
สายตาเลื่อนกลับมามองหลินเมิ้งหยาที่กำลังขมวดคิ้วแน่นอีกครั้ง
สองคนนี้ช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก
ทว่าหมดเวลาคิดเรื่องไร้สาระแล้ว ตอนนี้ควรหันกลับมาพิจารณาปัญหาหลัก
ชิวอวี้ปรับสีหน้าก่อนจะเอ่ย
“ก่อนนั้นพวกเราเคยปรึกษากันอยู่นาน สุดท้ายสิ่งที่สรุปได้ก็คือสูตรปรุงยาในคราวนี้พระชายากับกระหม่อมจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ กระหม่อมมีเรื่องอยากรบกวนท่านอ๋องให้ช่วยหาสถานที่สงบไร้ผู้คนรบกวนเพื่อปรุงยาพ่ะย่ะค่ะ”
เพียงได้ยินว่าชายคนนี้ต้องร่วมปรุงยากับหลินเมิ้งหยา หัวใจของหลงเทียนอวี้พลันรู้สึกหงุดหงิด
แต่อย่างน้อยก็อยู่ในสายตาของเขา เมื่อคิดดูแล้ว ถึงอย่างไรก็คงไม่เกิดเรื่องอันใดหรอกกระมัง
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองกำลังทำเพื่อช่วยเสด็จพ่อ เช่นนั้นเขาจะปฏิเสธได้อย่างไร
สีหน้าขององค์ชายอวี้แห่งต้าจิ้นพลันเคร่งขรึมลง
“เรื่องนี้หาได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด ท่านอ๋องคิดเห็นเช่นไรเพคะ?”
หลินเมิ้งหยารู้สึกกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก เหตุเพราะนางกำลังจะได้ศึกษาตัวยากับหมอเทวดาอย่างชิวอวี้
สายตาเปล่งประกายไปด้วยความหวังจ้องมองหลงเทียนอวี้
เพียงสบตากับดวงตาคู่สวย หลงเทียนอวี้ผงกศีรษะลงอย่างไม่รู้ตัว
“ดีจริงๆ ข้าได้เตรียมสถานที่เอาไว้แล้ว ที่นั่นก็คือตำหนักของข้า หากคราวหน้าเจ้ามาที่นี่ เช่นนั้นจงสั่งให้คนพาเจ้าไปที่นั่นเถิด ยิ่งไปกว่านั้นสถานที่ที่ข้าตกแต่งย่อมไม่มีผู้ใดพบเห็นอย่างแน่นอน”
หลินเมิ้งหยาส่งเสียงดีอกดีใจ แต่หลงเทียนอวี้ที่ได้ฟังกลับรู้สึกแสลงหูยิ่งนัก
เขาเข้าใจความหมายที่นางต้องการจะสื่ออย่างชัดเจน แต่….หากตีความคำพูดนี้ในทางอื่นก็ดูมิเหมาะมิควร
เสมือนก้างติดคอ หลงเทียนอวี้ไม่อาจพูดหรือทำสิ่งใดได้ เขาทำเพียงนั่งนิ่ง ใบหน้าแข็งทื่อ แต่สายตาอำมหิตกลับจ้องชิวอวี้เขม็ง
“เช่นนั้นก็เอาแบบนี้แล้วกันพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอไปเตรียมตัวก่อน เรื่องนี้จะรอช้าไม่ได้แล้ว เช่นนั้นพวกเราเริ่มงานกันพรุ่งนี้เลยเถิด จริงสิ กระหม่อมไม่อาจออกจากวังได้บ่อยนัก ฉะนั้นหากมีเรื่องอันใด เช่นนั้นรบกวนท่านอ๋องได้โปรดส่งข่าวให้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
น่าสนใจ หัวใจของชิวอวี้เบิกบาน
ผู้หญิงซื่อบื้อคนนี้มองไม่เห็น แต่เขาที่สบตากับหลงเทียนอวี้ตลอดเวลาเห็นอย่างชัดเจน
ดวงตาคู่นั้นราวกับดวงตาของสัตว์ร้ายกำลังจ้องสัตว์ร้ายอีกตัวที่บังอาจเหยียบย่างเข้าสู่อาณาเขตของตัวเอง ฉะนั้นเขาจึงส่งสายตาไม่เป็นมิตรตักเตือน
หรือพูดง่ายๆ ก็คือหลงเทียนอวี้กำลังหึง
น่าสนใจยิ่งนัก แม้พวกคนสกุลหลงจะไม่ได้จริงจังในความสัมพันธ์นัก แต่น้อยมากที่จะแสดงความรู้สึกเช่นนี้ออกมา ฮ่องเต้มีสนมอยู่ในวังมากมายจนมิอาจนับจำนวนได้ ฉะนั้นจึงมีสนมคนโปรดมากมาย แต่ถึงกระนั้นก็ได้รับความโปรดปรานเพียงไม่กี่เดือน
เมื่อลองนับดูแล้ว พวกเขาน่าจะแต่งงานกันราวครึ่งปีเห็นจะได้
ทว่านอกจากอ๋องอวี้จะไม่แหนงหน่ายแล้ว แต่เขายังแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอย่างชัดเจน
ดูเหมือนชีวิตเขาในจวนอวี้จะไม่ราบรื่นเท่าไรนัก
หยักยิ้มเจ้าเล่ห์ ชิวอวี้ไม่มีทางปล่อยเรื่องน่าสนใจเช่นนี้ไปอย่างแน่นอน
“ได้ จากนี้ไปคงต้องรบกวนใต้เท้าชิวแล้ว”
หลินเมิ้งหยาแอบถลึงตาใส่หลงเทียนอวี้หนึ่งที เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นแขก ซ้ำยังมาเพื่อปรึกษาเรื่องพระอาการของฮ่องเต้
แต่ใครจะคิดว่าผู้ชายคนนี้จะแสดงอาการเสียสติขึ้นมา เขาจ้องชิวอวี้เสมือนกำลังจ้องศัตรูอย่างไรอย่างนั้น
อย่าว่าแต่ชิวอวี้อาจเป็นผู้ช่วยชีวิตเสด็จพ่อของเขาเลย เนื่องจากเขามาในฐานะแขก เช่นนั้นควรจะมีมารยาทจึงจะถูก
หลังจากได้เห็นสายตาคมกริบราวใบมีดของหลินเมิ้งหยา แม้หลงเทียนอวี้จะรู้สึกไม่ยินยอม แต่ถึงกระนั้นก็พยายามสงบสติอารมณ์ของตนเอง
พยายามไม่ให้หลุดขำ หลังจากชิวอวี้และหลินเมิ้งหยาพูดกันอีกสองสามประโยค เขาจึงเตรียมตัวเดินทางกลับไปยังวังหลวง
“ข้าจะสั่งคนให้เตรียมรถม้าส่งเจ้ากลับวัง เมื่อกลับไปถึงวังแล้ว ใต้เท้าได้โปรดระมัดระวังตัวด้วย”
หลินเมิ้งหยาหมุนตัวออกจากห้องอ่านหนังสือของหลงเทียนอวี้เพื่อเตรียมรถม้า
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มทั้งสองพลันสบตากันนิ่ง
ทว่าคนหนึ่งสายตาเปี่ยมไปด้วยความขุ่นเคือง ส่วนอีกคนกลับแสดงสีหน้านึกสนุกที่ได้เห็นคนตรงหน้าหึงหวง