ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 13 บทที่ 364 แม่ลูกสกุลเถียน
ทั้งสองเดินเข้าไปภายในห้องแคบๆ มืดทึบ กลิ่นยาผสมกลิ่นอับชื้นของผนังห้องเหม็นตลบอบอวล
แต่ก่อนเถียนมามาเป็นคนรักความสะอาด ไม่ว่าใครในจวนเจิ้นหนานโหวต่างก็ชื่นชม
ทว่าเหตุเพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนางและพี่ชาย นางจึงตกต่ำลงเช่นนี้
ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะพาเถียนมามาไปด้วยให้ได้!
“ขอเพียงคุณหนูใหญ่และคุณชายอยู่ดีมีสุข ผอจื่อเช่นข้าก็ไม่ต้องการสิ่งใดแล้วเจ้าค่ะ ตอนอยู่ที่จวนพวกเรามิอาจพูดคุยกันได้สะดวก แต่ข้าได้ยินมาว่าอาการป่วยของท่านดีขึ้นมากแล้ว อาการเจ็บป่วยหายไปนับเป็นเรื่องดี แต่ไม่รู้ว่าท่านจะต้องพบเจอความลำบากอันใดบ้างในจวนอ๋อง”
เถียนมามายกมือขึ้นปาดน้ำตา ชีวิตของนางรันทดนัก สามีทิ้งลูกชายเอาไว้ให้เพียงคนเดียวก่อนจะตายจากไป
หากมิใช่เพราะตอนนั้นได้รับความช่วยเหลือจากฮูหยิน เกรงว่าตนเองและลูกชายคงกลายเป็นปุ๋ยไปแล้ว
วันนี้อาการป่วยของคุณหนูใหญ่หายไป อีกทั้งยังมีชีวิตสงบสุข คาดว่าชีวิตในจวนอ๋องจะต้องดีกว่าตอนที่ยังอาศัยอยู่ในจวนเป็นแน่
ความกังวลในหัวใจจางไปไม่น้อย
สวรรค์ยังมีตา อย่างน้อยฮูหยินผู้เมตตาก็ได้รับสิ่งดีๆ ตอบแทน
“มามา เรื่องบางเรื่องคงมิอาจเล่าออกมาให้ชัดเจนได้ภายในสามประโยค นอกจากท่านพ่อและพี่ชาย ก็เห็นจะมีท่านและพี่ชายเถียนเท่านั้นที่เปรียบเสมือนครอบครัวของข้า วันนี้ข้าสามารถหยัดยืนอยู่ในจวนอวี้อย่างมีความสุข เช่นนั้นพวกท่านเองก็ควรมีความสุขไปด้วยกันกับข้า ท่านไปกับข้าเถิด ข้าจะหาหมอที่เก่งที่สุดในต้าจิ้นมารักษาอาการพี่ชายเถียนเอง”
เถียนมามากลับส่ายหน้า ดวงตาพร่ามัวคู่นั้นฉายแววตามั่นคง
“ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ไม่ได้ ท่านอ๋องหาใช่คนธรรมดาทั่วไป ท่านพาป๋ายจื่อเข้าไปในฐานะเพ่ยเจี้ยแล้ว เช่นนั้นข้าที่เป็นเพียงผอจื่อ ซ้ำยังมีภาระติดตัวจะเข้าไปอยู่ในจวนอ๋องเพื่อสร้างปัญหาให้กับท่านได้อย่างไร”
หลินเมิ้งหยามีความปรารถนาดี คนรอบกายล้วนเป็นห่วงนางอย่างจริงใจ พวกนางมิเคยสร้างปัญหาให้กับนางเลย หากเป็นคนที่คิดจะกอบโกยหาผลประโยชน์จากนาง เช่นนั้นนางคงมิใยดี
โน้มน้าวอีกสองสามประโยค แต่เมื่อเห็นเถียนมามายังคงยืนยันคำเดิม หลินเมิ้งหยาจึงมิอยากบังคับขืนใจ
ทำได้เพียงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา แต่ถึงกระนั้นนางก็ตั้งปณิธานเอาไว้แล้วว่าจะไม่ยอมปล่อยให้เถียนมามาต้องได้รับความลำบากอีก
“ตกลงพี่ชายเถียนเจ็บป่วยด้วยโรคอันใดกันแน่? ข้าอยากไปดูอาการเขาสักหน่อย ถึงอย่างไรข้าก็เป็นหมอ อย่างน้อยข้าก็สามารถทำให้อาการของเขาไม่ย่ำแย่ลง”
เมื่อได้ยินว่าหลินเมิ้งหยามีความสามารถทางด้านการแพทย์ สีหน้าของเถียนมามาเผยความกระวนกระวายออกมาให้เห็น
ขณะที่คิดจะตอบ เสียงไออย่างรุนแรงพลันดังออกมา
เสียงไอหนักหน่วงเสมือนปอดกำลังฉีกขาด
หลินเมิ้งหยารีบเดินไปตามเสียง แหวกผ้าม่านสีขาวออก จมูกพลันได้กลิ่นน่าสะอิดสะเอียน
“พี่ชายเถียน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
แม้หลินเมิ้งหยาจะรู้สึกเหมือนกำลังเจอกับคนแปลกหน้า แต่เพราะความทรงจำในวัยเด็กจึงทำให้ความรู้สึกมิได้เปลี่ยนไปตามกาลเวลา
ฉะนั้นเรื่องราวทั้งหมดค่อนข้างชัดเจน ไม่ว่าคนที่เคยมีความสัมพันธ์หลอกลวงหรือจริงใจกับนาง นางล้วนจดจำได้เป็นอย่างดี
อันที่จริงพี่ชายเถียนคนนี้เหมือนกับเถียนมามา พวกเขาล้วนเป็นคนซื่อสัตย์และมองหลินเมิ้งหยาเป็นเสมือนน้องสาวแท้ๆ
ดังนั้นเมื่อเขาเจ็บป่วย เถียนมามาเองก็กำลังตกต่ำ หลินเมิ้งหยาจึงมิอาจเพิกเฉยได้
พยายามกลืนเสียงไอลงคอ หลินเมิ้งหยาเดินเข้าไปใกล้อีกสองสามก้าว
หม้อยาวางอยู่บนเตา นางครุ่นคิด อาจเพราะบ้านหลังนี้มีฟืนน้อยมาก ฉะนั้นเตาอันนั้นจึงต้องทำหน้าที่เป็นเครื่องทำความร้อนด้วย
บนเตียงทรุดโทรมที่มีผ้าคลุมเตียงขาดวิ่น ชายคนหนึ่งกำลังนอนหอบหายใจอยู่บนนั้น
แขนผอมบางจนแทบจะเหลือเพียงกระดูกตกลงบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง
หากมิใช่เพราะแผงอกของเขายังขยับขึ้นลง หลินเมิ้งหยาคงจะนึกสงสัยอย่างแน่นอนว่าชายคนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
“เจ้า…เจ้าคือ…แค่ก แค่ก แค่ก...หยาเอ๋อร์หรือ?”
พยายามสูดอากาศเข้าปอด เสียงของเขาขาดๆ หายๆ เสมือนคนกำลังจะหมดลมหายใจ
หลินเมิ้งหยารีบเดินเข้าไปแหวกม่านบังตา ใบหน้าขาวซีดซูบตอบ ดวงตาเบิกกว้างมองนางอย่างตกตะลึง
“พี่เถียน ข้าคือหยาเอ๋อร์ ท่านยังจำข้าได้หรือไม่?”
ประตูแห่งความทรงจำพลันเปิดออก ขณะเดียวกันภาพของวันเก่าๆ เริ่มหลั่งไหลออกมา
แม้พี่ชายสกุลเถียนคนนี้จะมิได้หล่อเหลาหรือฉลาดหลักแหลมดั่งเช่นพี่ชาย แต่เขาเป็นคนซื่อสัตย์
ใบหน้าที่เคยสะอาดเกลี้ยงเกลากลับซูบตอบจนแทบจะเหลือแต่เพียงกระดูก ร่างกายที่เคยกำยำทั้งยังเคยโอบอุ้มนางบัดนี้อ่อนแรงจนแทบจะลุกไม่ไหว ราวกับอาการเจ็บป่วยกำลังจะพรากชีวิตของชายหนุ่มผู้ซื่อสัตย์คนนี้ไป
“เจ้า…เรื่องที่เจ้าคุยกับท่านแม่…ข้า…ข้าได้ยินหมดแล้ว…ท่านแม่…ไม่เสียเปล่าที่ท่านแม่เลี้ยงดูเจ้า…ข้า…ข้าสามารถตายตาหลับได้แล้ว…เจ้า…เจ้าพาท่านแม่ไปเถิด…ไม่…ไม่ต้องสนใจข้า”
ทั้งที่เป็นประโยคที่ไม่ยืดยาวเลยแม้แต่น้อย ทว่าพี่เถียนกลับเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก
มองเขาที่พยายามลุกขึ้นนั่ง หลินเมิ้งหยารีบเข้าไปพยุงร่างเขา
“รีบ….รีบไปจากที่นี่”
มองดูใบหน้าที่เริ่มแดงก่ำของเขาด้วยความสงสัย
นับตั้งแต่ตอนที่นางเดินเข้ามา คำพูดของเขาช่างแปลกประหลาด
ราวกับ…กำลังส่งสัญญาณเตือนนางอย่างไรอย่างนั้น
“ท่านอย่าเพิ่งขยับ นอนพักสักหน่อยเถิด ข้าจะพาท่านและมามาไปด้วยกัน ข้าจะหาหมอที่เก่งที่สุดมารักษาท่านให้กลับมาแข็งแรงดังเดิม ท่านวางใจเถิด ข้าไม่เหมือนข้าคนก่อนอีกต่อไป พี่เถียน ท่านต้องเชื่อข้า”
ใบหน้าของพี่ชายสกุลเถียนแดงก่ำ เหตุเพราะความตื้นตันใจทำให้ลมหายใจของเขาสูดเข้าออกไม่ทัน
“ไป…หยาเอ๋อร์…จงรีบพาท่านแม่ไป…”
พี่เถียนพยายามเปล่งเสียงออกมา ก่อนที่ร่างของเขาจะล้มลงบนเตียง
หลินเมิ้งหยามิได้รีบร้อนเข้าไปตรวจอาการเขา แต่กลับเดินออกไปด้านนอกห้องนอน
ตอนนี้ภายในเรือนเหลือเพียงป๋ายจื่อและเถียนมามา ส่วนพ่อบ้านเติ้งหายตัวไปแล้ว
“เถียนมามา ท่านมาตรงนี้เถิด ตอนนี้เหตุการณ์ไม่ปกติ พ่อบ้านเติ้งหายไปไหนเล่า?”
ป๋ายจื่อที่ยืนอยู่กับเถียนมามาไม่พูดพร่ำทำเพลง นางรีบประคองเถียนมามาและหลินเมิ้งหยาเข้าไปในห้อง
เหตุเพราะอยู่กับหลินเมิ้งหยามานาน ฉะนั้นนางจึงมีสัญชาตญาณว่องไว
มองเห็นลูกชายของตนเองที่เงียบกริบไม่ขยับเขยื้อน เถียนมามารีบเดินเข้าไปดูอาการ
หลินเมิ้งหยากลับมีท่าทางระแวดระวัง นางดึงผ้าเช็ดหน้าออกมา ก่อนจะก้าวไปหยิบหม้อยาบนเตามาถือไว้
“หยาเอ๋อร์ นี่มัน…”
มองลูกชายของตนที่เพียงเป็นลมสลบไป เถียนมามาถอนหายใจอย่างโล่งอก
แต่เมื่อเห็นหลินเมิ้งหยาที่ยืนด้วยท่าทางระแวดระวัง เถียนมามาจึงรู้สึกสงสัย
แม้ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่จะมิได้สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้อื่น แต่ดวงตาคู่สวยกลับคมกริบเสมือนใบมีด ทำให้พวกนางเริ่มตื่นตระหนก
“ช่วงนี้มีใครมาพบพี่เถียนหรือไม่?”
หลินเมิ้งหยากระซิบถาม เถียนมามาครุ่นคิดก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่มีใครมาหาหนิงเอ๋อร์หรอกเจ้าค่ะ อีกอย่างพวกเราเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ได้เพียงไม่นาน นอกจากข้าจะไปที่จวนแล้วก็ไม่เคยติดต่อใครมาก่อน หยาเอ๋อร์ ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
เหตุเพราะการแสดงออกของเถียนหนิงผิดปกติ ฉะนั้นการที่พ่อบ้านเติ้งออกไปไล่ล่าใครบางคนแสดงให้เห็นว่าเขาพบคนน่าสงสัย
มิเช่นนั้นพ่อบ้านเติ้งไม่มีทางทิ้งนางและป๋ายจื่อเอาไว้ที่นี่เพื่อตามล่าคนคนนั้นอย่างแน่นอน
ไม่…บางทีอาจจะไม่ได้มีเพียงคนเดียว
เวลาผ่านไปราวหนึ่งนาที หลินเมิ้งหยาสั่งให้ทุกคนเงียบเสียงลง
พลันได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก
“เร็วเข้า! เร็วเข้า! ถ้าไอ้พ่อบ้านนั่นกลับมา พวกเราจะซวยกันหมด”
ผู้มาใหม่พยายามกดเสียงให้เบาลง แต่ถึงกระนั้นหลินเมิ้งหยาก็ยังจับได้ถึงความดีใจในน้ำเสียง
จากนั้น เสียงฝีเท้าของกลุ่มคนพลันดังใกล้เข้ามา
ตอนที่หลินเมิ้งหยาเพิ่งเข้ามา นางลงกลอนประตูเอาไว้ ฉะนั้นหากคนภายนอกคิดจะบุกเข้ามา เช่นนั้นคงต้องพังประตูบานนั้น
“ชิ ทำไม่เงียบขนาดนี้ หรือไอ้ป่วยนั่นคิดจะเก็บเอาไว้กินคนเดียว? ฮ่า ฮ่า รีบเปิดประตูเร็วเข้า พวกเราพี่น้องจะได้มีความสุขร่วมกัน!”
แม้จะไม่เข้าใจว่าอะไรคือการแอบเก็บไว้กินคนเดียว แต่หลินเมิ้งหยาเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดเถียนหนิงจึงอยากไล่นางและเถียนมามาออกไป
แม้จะตื่นตระหนก แต่หลินเมิ้งหยาหาใช่นางคนก่อนไม่
หม้อยาร้อนที่ถืออยู่ในมือกำลังร้อนฉ่า หากใครเข้ามาเป็นคนแรก มันผู้นั้นจะต้องซวย!
แต่สิ่งที่ทำให้หลินเมิ้งหยาคาดไม่ถึงก็คือป๋ายจื่อที่เคยผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาหลายครั้งมีท่าทางสงบนิ่งไม่เหมือนก่อน
เหลือบมองเตาในมือของหลินเมิ้งหยา ก่อนสัญชาตญาณของนางจะสั่งให้ตัวเองใช้ที่คีบถ่านคีบถ่านร้อนๆ ขึ้นมา
หลินเมิ้งหยาอดที่จะยกนิ้วโป้งชื่นชมไม่ได้ เมื่อเทียบกับสถานการณ์น่าหวาดกลัวตรงหน้าแล้ว สองนายบ่าวกลับมีท่าทางตื่นเต้นสนุกสนาน
ไม่ว่าใครจะพุ่งตัวเข้ามา แต่ของขวัญชิ้นใหญ่นี้จะทำให้เขาลืมไม่ลงไปชั่วชีวิต!
ในที่สุดประตูอันแสนผุพังก็ถูกพังลง
หลินเมิ้งหยารีบเปิดฝาหม้อยาแล้วสาดออกไป
“อ๊าก...”
ยาสมุนไพรร้อนฉ่าราดรดลงบนร่างของชายฉกรรจ์
แต่นั่นเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น หลินเมิ้งหยารีบเหวี่ยงหม้อยาออกไป ก่อนจะได้ยินเสียง “ตุ้บ” ดังขึ้น ไม่รู้ว่าหม้อยาใบนั้นกระทบโดนร่างของใคร
ความร้อนบวกกับความแข็งของหม้อยาทำให้เสียงแผดร้องของชายคนที่สองดังลั่น
แน่นอนว่านี่ยังไม่หมด!
ป๋ายจื่อสบโอกาส นางจึงโยนก้อนถ่านที่คีบไว้ออกไป
ถ่านสีแดงอมส้มร้อนฉ่าถูกโยนออกไปใส่ร่างของคนเหล่านั้น หากใครโดนถ่านนี้เข้า รับรองว่าร่างกายของเขาจะต้องพุพองแสบร้อนจนทนไม่ไหว