ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 14 บทที่ 403 ตกตะลึง
ตอนแรกหลงเทียนอวี้อยากเก็บซ่อนตัวมิยอมเปิดเผยเพราะอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่กำลังจับตามองหลินเมิ้งหยาอยู่
อันที่จริง นับตั้งแต่วันที่เขารู้ข่าวว่าหลินเมิ้งหยาออกจากเมืองหลวง เขาก็รีบมุ่งหน้าตรงมายังที่นี่ทันที
เมื่อนางไปถึงโรงเตี๊ยมแห่งนั้น เขาเองก็เพิ่งเดินทางไปถึงเช่นเดียวกัน
ทว่าองครักษ์เงาที่เขาส่งมาติดตามหลินเมิ้งหยาล้วนมีความสามารถทั้งสิ้น
หากพวกเขาทั้งสองยังไม่พบเบาะแส บางทีคนคนนั้นอาจมิได้มาเพื่อจับตามองหลินเมิ้งหยาเพียงอย่างเดียว
ชิวอวี้งี่เง่าคนนั้นแม้จะมีความสามารถทางการแพทย์ แต่เรื่องแบบนี้กลับมองไม่ออก
ฉะนั้นเขาจึงเลือกที่จะออกมาอยู่ข้างกายนางและตามติดนางทุกฝีก้าวเพื่อคอยปกป้อง
หลินเมิ้งหยาที่คิดจะห้ามกลับทำได้เพียงยินยอมแต่โดยดี
แต่นางยังไม่อยากเปิดเผยตัวตน ดังนั้นจึงต้องการปรึกษากับหลงเทียนอวี้ก่อน
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันมีเรื่องอยากปรึกษาพระองค์เพคะ”
หลินเมิ้งหยาแย้มยิ้มอ่อนหวานพลางโบกมือ
ทั้งสองผลุบเข้าไปในตรอกเล็กทางด้านข้าง หลงทียนอวี้มองนางด้วยความสงสัย
“อะแฮ่ม คือว่า…”
หลินเมิ้งหยากระแอมเล็กน้อย ดวงตาหลุบต่ำมองพื้น ท่าทางเสมือนคนกำลังเขินอาย ทว่านางไม่เห็นสายตาระแวดระวังของหลงเทียนอวี้เลยแม้แต่น้อย
“แน่นอนว่าพวกเราย่อมรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่พระองค์มาเข้าร่วมขบวนการค้า แต่ถ้าหากพระองค์อยากเดินทางโดยไม่ดึงดูดความสงสัยของผู้อื่นแล้วล่ะก็ เช่นนั้นหม่อมฉันคิดว่าพระองค์ควรจะปลอมตัวอยู่ในสถานะอื่น”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยเยินยอหลงเทียนอวี้ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงใช้ส่งสายตาใสซื่อจริงใจมองเขาพร้อมรอยยิ้มหวานหยดย้อย
คิ้วของหลงเทียนอวี้เลิกขึ้นสูง ทุกครั้งที่นางเผยรอยยิ้มอ่อนหวานเช่นนี้มักจะไม่มีเรื่องดีเกิดขึ้น
แต่เขาฉลาดพอที่จะเงียบเพื่อรอดูว่านางกำลังจะทำอะไร
“เหตุเพราะตอนนี้ป๋ายซ่าวแสดงเป็นหญิง หากหม่อมฉันเองก็เป็นหญิง เกรงว่าจะไม่เหมาะสมสักเท่าไร ชิวอวี้แสร้งเป็นญาติผู้พี่ของหม่อมฉันแล้ว หากท่านอ๋องไม่รังเกียจแล้วล่ะก็ เช่นนั้นพระองค์แสร้งเป็นเพื่อนที่บังเอิญพบกันระหว่างทางดีหรือไม่? เท่านี้ก็จะมีข้ออ้างในการเดินทางไปเมืองหลินเทียนด้วยกันแล้ว”
หลงเทียนอวี้ไม่ได้ยินเรื่องอื่นนอกจากเรื่องที่ชิวอวี้กลายมาเป็นญาติผู้พี่ของหลินเมิ้งหยา
ใบหน้าหล่อเหลาจับจ้องหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา
“ข้าเป็นสามีของเจ้า”
“หม่อมฉันรู้เพคะ แต่ตอนนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ”
“ข้าเป็นสามีของเจ้า”
“ท่านอ๋อง พวกเราทำเพื่อความสะดวกในการเดินทาง”
“ข้าเป็นสามีของเจ้า”
“……”
หลินเมิ้งหยารู้สึกว่าความอดทนของตัวเองกำลังจะหมดไป
แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงกระตุกยิ้มแล้วเอ่ยโน้มน้าวอย่างใจเย็น
“พวกเราเพียงแค่แสดงละครเท่านั้น อีกอย่างพระองค์เป็นผู้ใหญ่ เช่นนั้นต้องรู้จักการเสียสละใช่หรือไม่เพคะ?”
หลงเทียนอวี้ทำท่าครุ่นคิด เงยหน้ามองฟ้า ก้มหน้ามองดิน สุดทายจ้องหลินเมิ้งหยานิ่ง
“ข้าจะเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเจ้า ข้าเป็นสามีของเจ้า ฉะนั้นต้องสนิทสนมกับเจ้ามากกว่าชิวอวี้!”
หลังจากได้ยินเสียงมุ่งมั่นของหลงเทียนอวี้ หลินเมิ้งหยารู้ได้ทันทีว่าเหตุที่หลงเทียนอวี้ดื้อดึงเช่นนี้ก็เพราะต้องการให้ตัวเองอยู่ฐานะพี่ชายแท้ๆ ของหลินเมิ้งหยา
หลินเมิ้งหยาพูดไม่ออก สวรรค์โปรด! ตัวตนปลอมของนางคือลูกชายคนเดียวของตระกูลนะ
แต่ไม่ว่าจะเอ่ยโน้มน้าวเขาเช่นไร เขาก็ไม่ยอมฟัง
หลินเมิ้งหยารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาคือหลงเทียนอวี้จริงๆ หรือ? หรือภูติผีวิญญาณที่ไหนเข้าสิงเขา?
“ท่านอ๋องอย่าเอาแต่ใจได้หรือไม่เพคะ? ไม่ว่าเพื่อนหรือญาติผู้พี่ก็ไม่ต่างกันเลยนะเพคะ”
เบนสายตามองท้องฟ้าที่เริ่มสว่าง หลินเมิ้งหยาทำได้เพียงยิ้มและเอ่ยโน้มน้าวอย่างอดทนอดกลั้น
หลงเทียนอวี้ปรายตามองนาง ทว่าใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มกลับถมึงทึงแสดงให้เห็นอาการไม่พอใจ การต่อต้านโดยไม่ออกเสียงเช่นนี้ทำให้หลินเมิ้งหยาต้องกัดฟันกรอด
“ได้ หม่อมฉันไม่สนใจพระองค์แล้ว แต่ถ้าหากพระองค์กล้าเผยตัวตนของหม่อมฉัน หม่อมฉันจะไล่พระองค์กลับเมืองหลวงไปในทันที!”
หลินเมิ้งหยาสะบัดมือหนีแล้วเดินจ้ำอ้าวออกไป
ทว่าหลงเทียนอวี้รีบเดินเข้าไปคว้าตัวนางเอาไว้ ก่อนจะจ้องนางด้วยสายตาจริงจัง
“ข้าเป็นสามีของเจ้า ฉะนั้น…”
สุดท้ายหลงเทียนอวี้มิได้เอ่ยอะไรออกมา หลินเมิ้งหยาจ้องเขาอย่างหมดความอดทน ก่อนจะส่งเสียงเย็นชา
“พอแล้ว! พวกเรายังไม่เคยร่วมเตียงกันเลยด้วยซ้ำ ฉะนั้นพวกเราหาใช่สามีภรรยากันไม่!”
ไม่ได้นอนหลับพักผ่อนมาหนึ่งคืนเต็มทำให้อารมณ์ของนางไม่แจ่มใสนัก
กว่านางจะรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ดวงตาของหลงเทียนอวี้ที่กำลังมองนางพลันสั่นไหวเล็กน้อย ความรู้สึกเหมือนคนแปลกหน้า
“ขออภัยเพคะ หม่อม…หม่อมฉันแค่เหนื่อย”
ส่งเสียงอ่อย หลินเมิ้งหยารู้ว่าคำพูดเมื่อครู่ทำร้ายจิตใจเขามากขนาดไหน
แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามือข้างหนึ่งของเขาจะยื่นเข้ามาจับคาง ส่วนมืออีกข้างโอบเอวบางเอาไว้แน่น
“พวกเราจะร่วมเตียงกันตอนนี้เลย”
เสียงทุ้มต่ำพลันดังขึ้นข้างใบหู ก่อนริมฝีปากนุ่มนิ่มของตนเองจะถูกริมฝีปากหนาประกบ
แตกต่างจากการจูบผิวเผินเสมือนแมลงปอเดินบนผิวน้ำ ความหนาวเย็นถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อน
รสจูบดูดดื่มทำให้หลินเมิ้งหยาไร้แรงต้านทาน
แต่สมองของนางกำลังย่อยคำพูดของเขาเมื่อครู่
ร่วมเตียงกันตอนนี้ หมายความว่า…กลางแจ้ง?
สวรรค์!
สติของหลินเมิ้งหยาหลุดลอย เลือดฝาดแดงก่ำแล่นพล่านตั้งแต่ใบหน้าจรดข้อเท้า
นี่ นี่ นี่…นี่เขาคือหลงเทียนอวี้จริงๆ หรือ?
เขาต้องไม่ใช่หลงเทียนอวี้ เขาต้องเป็นคนอื่นปลอมตัวมา!
ลิ้มรสชาติหวานล้ำจากริมฝีปากของสตรีตรงหน้าอย่างพึงใจ เพียงได้เห็นท่าทางเงอะงะของนาง หัวใจของเขาเสมือนถูกแสงแดดสาดส่องจนได้สติกลับมา
แต่เมื่อลองครุ่นคิดดูอีกที หลินเมิ้งหยาแต่งงานเข้าจวนเกือบครบปีแล้ว
เขาที่เป็นสามีกลับไม่เคยทำหน้าที่สามีมาก่อน
ดูเถิด เขาเป็นสามีที่ใช้การได้เสียที่ไหน ทั้งที่ภรรยาเฝ้าพร่ำเพ้อหาตัวเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน สุดท้ายเขาปล่อยให้นางเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกกระดากอาย
ดูเหมือนเขาต้องเร่งมือทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ!
แต่เมื่อเห็นว่าตนเองยังอยู่ในตรอกเก่าทรุดโทรม เขารู้สึกไม่อยากทำให้ชายาของตนเองต้องอับอาย
มือหนายื่นเข้าไปลูบไล้ลำคอยาวระหง สัมผัสนุ่มนิ่มนวลเนียนเหมือนผิวเด็ก
ความรู้สึกแปลกใหม่ปัดเป่าอากาศหนาวเย็นยามเช้า
มองดูสีหน้าตื่นตระหนกของนางด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะรั้งร่างของนางเข้าหาแผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
สัญชาตญาณดิบของบุรุษเพศเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานขนาดไหนกว่าความรู้สึกฟุ้งซ่านที่ระเบิดออกมาของหลินเมิ้งหยาจะสงบลง
มองดูหญิงสาวว่านอนสอนง่ายในอ้อมกอด
อยู่ๆ ความโกรธพลันแล่นพล่าน มือเล็กยกขึ้นบิดเอวของเขา ก่อนจะได้ยินเสียงโอดโอยเบาๆ
นางที่ไม่อาจทำอันใดคนบ้ากามเช่นเขาได้ทำได้เพียงวิ่งหนีกลับไปที่โรงเตี๊ยม
ชายที่ถือดาบฟาดฟันศัตรูมากว่าพันเล่มอย่างเขากล้าพูดเรื่องนี้กับนางกลางแจ้งเช่นนี้ได้อย่างไร!
หลงเทียนอวี้เดินตามหลังหลินเมิ้งหยา ใบหน้าเปื้อนยิ้ม แววตาอ่อนโยน
เสี่ยวเอ้อร์ที่กำลังทำความสะอาดหน้าโรงเตี๊ยมถึงกับผงะ
ชายคนนี้มีใบหน้าหล่อเหลาเสมือนเทพบุตร รูปโฉมงดงามตราตรึงใจของเขาทำให้ตนเองที่เป็นชายเหมือนกันยังตื่นตะลึง
ดึงสติกลับมา ก่อนจะออกไปต้อนรับ แต่เขากลับเห็นเทพบุตรคนนั้นเดินไปทางท่านกัว
รีบออกไปทำหน้าที่ของตนอย่างรู้ความ ทว่าดวงตายังคงฉายแววฉงน
เขาทำงานอยู่ในโรงเตี๊ยมเป็นเวลานานหลายปีแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นชายคนใดพาภรรยาเข้าพักในโรงแรมก่อนคืนแรกแล้วพาผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาเข้ามาอยู่ด้วยในเช้าวันถัดมาเช่นนี้
เกรงว่าบนโลกนี้จะต้องมีผู้ชายแปลกๆ อีกมากอย่างแน่นอน
ท่านกัวที่ได้เห็นหยวนหลินวิ่งกลับเข้ามาภายในโรงเตี๊ยมพอจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้
เขารู้ว่าแม้ชายหนุ่มคนนี้จะมีร่างกายอ่อนแอ แต่เขาเป็นคนเลือดร้อน
ฉะนั้นเขาย่อมไม่มีทางเพิกเฉยต่อเรื่องของพวกตงฟางอย่างแน่นอน
เมื่อคืนคงจะออกไปทั้งคืนสินะ
อดไม่ได้ที่จะชื่นชมหยวนหลินคนนี้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่กลับมา เขาไม่แม้แต่จะเอ่ยทักทายตนเอง แต่กลับวิ่งพรวดกลับขึ้นไปบนห้อง
หรือจะทำการไม่สำเร็จ?
หยิบกล้องยาสูบออกมาถือไว้ด้วยความเคยชิน
ดูเหมือนเขาจะต้องต่อกรกับพวกป๋ายหลงแล้วสินะ
แต่แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้สร้างประสบการณ์หายากให้กับเด็กหนุ่มคนนี้
“ท่านนี้คงเป็นท่านกัว ผู้น้อยหยวนเหมยคารวะท่านกัว”
หูพลันได้ยินเสียงแสดงความเลื่อมใส
ท่านหัวหันหน้าไปมอง ก่อนจะได้เห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสวมใส่ชุดสีดำสนิทยืนยกกำปั้นคารวะตนเอง
หยวนเหมย? ดูเหมือนจะมาจากสกุลหยวน คิ้วของเขาจึงขมวดเข้าหากันแน่น
ชายคนนี้แตกต่างจากเด็กหนุ่มไร้เดียงสาคนนั้นอย่างชัดเจน เพียงมองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าชายตรงหน้าเคยผ่านร้อนผ่านหนาวอะไรมาบ้าง
แววตามุ่งมั่นสุขุมเย็นชา ชุดสีดำสนิททำให้มองจุดอ่อนของเขาไม่ออก
ช่างเป็นชายหนุ่มรูปงามและน่าเกรงขามยิ่งนัก แม้แต่เขาเองก็ไม่กล้าวางอำนาจใส่ ดังนั้นจึงทำตามกฎของยุทธจักรยกมือขึ้นรับการคารวะ
“มิกล้า ไม่ทราบว่าเจ้าคือ…”
หลงเทียนอวี้หยักยิ้มน้อยๆ ก่อนจะแสดงสีหน้าช่วยไม่ได้ สายตาเหลือบมองขึ้นไปบนชั้นสอง
“ความจริงมิอาจซ่อนเร้น หยวนหลินคือน้องชายแท้ๆ ของข้า แต่เพราะท่านลุงของข้าไร้ซึ่งทายาทหญิงชาย ดังนั้นจึงรับไปเลี้ยงดู แต่ใครจะรู้ว่าอยู่ๆ ท่านลุงก็มาจากไป ท่านพ่อท่านแม่ไม่วางใจจึงรับข้ากลับมาอยู่ด้วย เฮ้อ น่าเสียดายที่ข้ากับน้องชายมิได้ถูกเลี้ยงดูมาด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เขาคิดว่าท่านพ่อและท่านแม่ลำเอียงรักเพียงแต่ข้า ดังนั้นจึงแอบหนีออกจากบ้านมา”
เสียงของหลงเทียนอวี้ไม่ดังหรือเบาจนเกินไป ทว่าคนที่อยู่รอบๆ กลับได้ยินอย่างชัดเจน
กอปรกับการแสดงสมจริงของเขา ดังนั้นทุกคนล้วนเชื่อคำพูดของเขาจดหมดสิ้น
ยิ่งไปกว่านั้น แม้คุณชายหยวนหลินจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูล แต่อายุของเขายังน้อยจนเกินไป
แม้คุณชายใหญ่หยวนตรงหน้าจะมีหน้าตาไม่เหมือนเขาสักเท่าไร แต่ท่าทางกลับดูเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นในสายตาของทุกคนตอนนี้จึงมองคุณชายน้อยหยวนหลินเป็นเด็กเอาแต่ใจที่กำลังหนีออกจากบ้าน