ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 15 บทที่ 433 สถานการณ์คับขัน
“รีบไป!”
หลินเมิ้งหยารู้สึกร้อนใจอยู่หลายส่วน นางกระซิบเสียงเบากับหลงเทียนอวี้
“ให้เขาไปก่อน ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”
หลงเทียนอวี้มองหลินเมิ้งหยาด้วยสายตามุ่งมั่น
ดวงตาสีดำคมกริบคู่นั้นมักเปี่ยมไปด้วยความสุขุมเยือกเย็นและฉลาดเฉลียว ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขามองนางด้วยสายตาเด็ดเดี่ยวเช่นนี้
มือหนายื่นเข้าไปกุมมือเล็กของนางซึ่งกำลังจับเชือกแน่น
ความอบอุ่นส่งต่อผ่านทางฝ่ามือไปยังหัวใจของนาง
หลินเมิ้งหยาส่ายหน้าพลางส่งยิ้มอบอุ่น ใบหน้าขาวนวลอมชมพูเผยความอ่อนโยน
“ไม่ได้ ชีวิตของคนมากมายอยู่บนบ่าของพระองค์ อีกอย่างพวกเขาไม่มีทางทำร้ายหม่อมฉัน”
นางมิอาจเห็นแก่ตัวได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากหลงเทียนอวี้และชิวอวี้ปลอดภัย นางก็จะยิ่งปลอดภัยด้วยเช่นเดียวกัน
“อ๋องอวี้ ท่านโปรดวางใจ ในเมื่อข้ารับปากชายาอวี้แล้ว ข้าไม่มีวันผิดคำพูด”
ชายสวมหน้ากากมองออกว่าหลงเทียนอวี้กำลังลังเล ดังนั้นเขาจึงเอ่ยโน้มน้าว
แม้จะยังไม่วางใจ แต่ถึงกระนั้นหลงเทียนอวี้ก็เอื้อมมือไปหยิบเชือกของพวกเขามามัดกับเชือกที่เอวของตนเอง
“ไปเถิด ข้าจะตามเจ้าไปเดี๋ยวนี้”
ชิวอวี้ใช้ร่างกายบดบังหลินเมิ้งหยาเพื่อรับประกันกับหลงเทียนอวี้
หลงเทียนอวี้จ้องมองหลินเมิ้งหยาด้วยสายตาสับสน เขาจับเชือกแน่นแล้วสืบเท้าเดินไป
เพียงเดินผ่านบริเวณที่ม้าร่วงหล่น สายลมกระโชกพลันพัดกระทบร่างของเขา
ทว่าหลงเทียนอวี้เตรียมตัวอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว เขาขับวิชาตัวเบาของตนเองออกมา ดังนั้นขาของเขายังคงติดอยู่กับพื้น
ชิวอวี้และหลินเมิ้งหยาล้วนหวั่นวิตก พวกเขาบีบเชือกในมือแน่น หากอีกฝ่ายเล่นตุกติก พวกเขาก็พร้อมจะดึงหลงเทียนอวี้กลับมา
หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว…ระยะทางเพียงไม่กี่เมตร แต่หลงเทียนอวี้ต้องใช้เวลาเดินนานถึงห้านาที
“หลบไป!”
ใบหน้าเครียดขรึมเปี่ยมโทสะ หลงเทียนอวี้ตะคอกใส่คนเหล่านั้น
พวกเขารีบแหวกทางออกให้เขาเล็กน้อย ในที่สุดเท้าของหลงเทียนอวี้ก็ก้าวขึ้นมาบนผืนดิน
ดาบในมือหันเข้าหาคนเหล่านั้น ชายสวมหน้ากากเริ่มไม่สบอารมณ์
“เก็บดาบของท่านเสียเถิด พวกข้ามิต้องการชีวิตของพวกเจ้า มิเช่นนั้นเมื่อครู่ข้าคงไม่ยั้งมือ”
วรยุทธ์ของหลงเทียนอวี้เก่งกาจอย่างน่าอัศจรรย์ หากมิใช่เพื่อตำราชิงเจิงผู่แล้วล่ะก็ ชายสวมหน้ากากไม่คิดอยากต่อกรกับเขาเลยแม้แต่น้อย
ทว่าหลงเทียนอวี้มิฟังคำพูดของเขา เหตุเพราะหากมิใช่เพราะวรยุทธ์ของเขาและชิวอวี้ เกรงว่าเมื่อครู่ลูกธนูคงปักร่างพวกเขาจนพรุนไปแล้ว
คนที่ควรวางอาวุธคือพวกมันต่างหาก
มือหนึ่งถือดาบ อีกมือจับประคองเชือก สายตาเยียบเย็นกวาดมองศัตรูเพื่อมิให้พวกเขาสบโอกาสทำร้ายพวกพ้องของตนเอง
“ไป”
หลินเมิ้งหยาสลับตำแหน่งกับชิวอวี้ นางผลักร่างเขาออกไปเบาๆ
ชิวอวี้มิต่างจากหลงเทียนอวี้ เขายังคงไม่วางใจ แต่เมื่อถูกหลินเมิ้งหยาถลึงตาใส่ เขาจึงต้องเดินนำไปก่อน
“เมิ้งหยา หากตำราชิงเจิงผู่อยู่ในมือของเจ้า จำเอาไว้ อย่ามอบมันให้ใครเป็นอันขาด!”
กระซิบข้างหูของหลินเมิ้งหยา หลินเมิ้งหยาชะงักอยู่กับที่ คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่ชิวอวี้เองก็รู้เรื่องตำราชิงเจิงผู่
แต่ตอนนี้หาใช่เวลาเค้นถามเขาไม่ ชิวอวี้สืบเท้าก้าวไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง
ตอนนี้บนถนนเซียนเหลือเพียงหลินเมิ้งหยาและม้าตัวหนึ่ง
นางตบคอม้าเบาๆ ม้าตัวนั้นจึงขยับออกไปพร้อมกับนาง
โชคดีที่ม้าคอยเป็นเกราะกำบังให้แก่นาง ดังนั้นแม้ลมจะแรง แต่ก็มิอาจพัดนางจนปลิวได้
เดินขึ้นไปทีละก้าว ความกระวนกระวายเวียนวนอยู่ในหัวใจ อีกฝ่ายจะต้องรู้เรื่องตำราชิงเจิงผู่เป็นอย่างดีแน่นอน แม้นางคิดจะมอบออกไปตอนนี้ก็คงไม่ได้ ทว่าหากพวกเขาโกรธขึ้นมา เช่นนั้นพวกนางคงมิอาจหนีรอดออกไปได้ง่ายๆเช่นกัน
ขยับเท้าทีละก้าว อีกเพียงก้าวเดียวก็จะถึงฝั่งแล้ว อยู่ๆ หลงเทียนอวี้และชิวอวี้ที่มองอย่างระมัดระวังตลอดเวลาก็ส่งเสียงร้องด้วยความตระหนก
“ระวังข้างหลัง!”
ทั้งสองตะโกนออกมาพร้อมกัน หลินเมิ้งหยารีบทรุดตัวหมอบ แต่การเคลื่อนไหวของนางเชื่องช้าเกินไป ครู่ต่อมาความเจ็บปวดพลันแล่นพล่านที่ไหล่ขวา
ลูกธนูดอกหนึ่งแล่นทะลุไหล่ขวาของนางจากทางด้านหลัง
หัวธนูคมกริบกรีดแทงฝังลึกลงไปในเนื้อหนังราวกับไหล่ขวาและไหล่ซ้ายกำลังจะแยกตัวออกจากกัน
ความเจ็บปวดรวดร้าวทำให้หลินเมิ้งหยารู้สึกแทบทนไม่ไหว
โลหิตสีแดงสดรินไหลเปรอะเปื้อนเสื้อผ้า
“ใคร? ฝีมือใครกัน?”
ชายสวมหน้ากากร้อนรนยิ่งกว่าหลงเทียนอวี้และชิวอวี้เสียอีก เหตุเพราะพวกเขาเป็นคนนำธนูเหล่านี้มาเอง แต่กลับมีคนบังอาจลอบทำร้ายหลินเมิ้งหยา!
เสียงตะคอกเพราะความโกรธกึกก้อง พวกคนชุดดำคาดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนกล้าทำเรื่องเช่นนี้
อีกเพียงแค่สองก้าวเท่านั้น ทว่าร่างของหลินเมิ้งหยากลับแข็งทื่อ
กัดฟัน หยาดเหงื่อรินไหล นางทำได้เพียงฝืนก้าวเท้าไปด้านหน้า
“เมิ้งหยา!”
หลงเทียนอวี้รีบกระโดดออกไปรับร่างโอนเอนของหลินเมิ้งหยาเอาไว้ สายตาจับจ้องใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดของนาง เขารู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบกำลังถล่มทลายลง
“หมอ! ชิวอวี้ เจ้ารีบมาดูอาการนางเร็วเข้า!”
โชคดีที่ชิวอวี้ขึ้นชื่อว่าเป็นหมอเทวดา ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะตรวจอาการของหลินเมิ้งหยา เหตุการณ์ตรงหน้ากลับพลิกผัน
เสียงดาบฟาดฟันและการต่อสู้ดังขึ้นในกลุ่มคนชุดดำเหล่านั้น ชายสวมหน้ากากเมื่อครู่เองก็ถูกดาบบั่นคอหมดลมหายใจไปแล้ว
กวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง แม้แต่หลงเทียนอวี้และชิวอวี้เองต่างก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
“เร็ว…พวกเราอาศัยจังหวะนี้…หนีเร็วเข้า…”
แม้จะเจ็บปวด แต่หลินเมิ้งหยายังคงมีสติ ริมฝีปากของนางขาวซีดตามสีหน้า ยิ่งได้เห็นแววตาของหลงเทียนอวี้ นางก็ยิ่งเจ็บปวดใจ
“โชคดีที่ลูกธนูทะลุผ่านกล้ามเนื้อของนางเท่านั้น กระดูกและอวัยวะภายในมิได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด พวกเรารีบหาที่ปลอดภัยห้ามเลือดให้นางก่อนเถิด”
ชิวอวี้รีบร้องบอก แต่ถึงกระนั้นหลงเทียนอวี้ก็ยังรู้สึกเหมือนมีมีดปักลงกลางใจอยู่ดี
อุ้มหลินเมิ้งหยาขึ้น ทั้งสามคิดอยากอาศัยความวุ่นวายหนีไป แต่เดินออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ถูกพบ
“ฆ่าพวกมัน! นายท่านมีรางวัลให้!”
ไม่รู้ว่าเป็นคำสั่งของใคร คนชุดดำพร้อมอาวุธครบมือรีบพุ่งตัวมาทางพวกเขา
ชิวอวี้และหลงเทียนอวี้ช่วยกันปกป้องหลินเมิ้งหยา ทั้งรุกทั้งรับ
ห่าธนูเมื่อครู่ทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
ทว่าตอนนี้หลินเมิ้งหยาได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นพวกเขาจึงมิอาจสุขุมได้อย่างตอนแรก
“ข้าจะปกป้องพวกเจ้าเอง เจ้ารีบพานางออกไปเสีย”
ชิวอวี้รีบร้องตะโกนบอก ทว่าหัวคิ้วหลงเทียนอวี้ขมวดมุ่น เขามองหลินเมิ้งหยาอย่างมิอาจทำใจแยกจาก
“เจ้าพานางไปเถิด เจ้าเป็นหมอ”
ขณะพูด เขาคิดมอบร่างหลินเมิ้งหยาให้ชิวอวี้
วันนี้ไม่ว่าใครจะอยู่ที่นี่ แต่สิ่งที่รออยู่คงเป็นความตาย
“ปล่อยข้าลง…”
หลินเมิ้งหยาในอ้อมกอดของหลงเทียนอวี้มองเห็นเพียงความมืด แม้นางจะมองไม่เห็นอย่างชัดเจน แต่นางรู้ได้ว่าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาทั้งสามต้องตายอย่างแน่นอน
“เจ้าจะทำอะไร?”
มองคนที่แม้แต่จะออกแรงดิ้นก็ยังไม่สามารถในอ้อมกอด หลงเทียนอวี้พยายามป้องกันดาบของคนเหล่านั้นพร้อมทั้งกระซิบเสียงเบา
“ข้า…ข้าเป็นภาระของพวกเจ้า…ปล่อยข้าลง…พวกเจ้าทั้งสองมีวรยุทธ์…จะต้องหนีไปได้อย่างแน่นอน”
แม้อาการบาดเจ็บจะไม่สาหัส แต่เพราะเสียเลือดมากดังนั้นสติของนางจึงเริ่มเลือนราง
ประสาทสัมผัสเริ่มชา คาดว่าอีกไม่นานนางจะต้องหมดสติเพราะอาการเสียเลือดมากอย่างแน่นอน
หากนางต้องเป็นภาระของพวกเขา สู้ปล่อยนางเอาไว้ที่นี่และให้พวกเขาหนีรอดไปได้จะดีกว่า
หลงเทียนอวี้กลับกอดนางแน่น ใบหน้าคมเข้มเคร่งขรึมกว่าเดิม
“พวกเราเป็นสามีภรรยากัน ถ้าจะตายก็ตายด้วยกัน”
เอ่ยคำมั่นเสียงแน่วแน่เด็ดเดี่ยวทำให้หลินเมิ้งหยารู้สึกมีแรงที่จะสู้ต่อ
แม้ตอนนี้พวกนางจะถูกศัตรูล้อมเอาไว้ เหตุการณ์คับขันย่ำแย่จนมองไม่เห็นทางออก แต่นางกลับหลุดขำออกมาอย่างอดไม่ได้
“เข้าไป! พวกเขาสู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว”
คนชุดดำบุกเข้ามาโจมตีอีกครั้ง หลงเทียนอวี้และชิวอวี้ต่างพยายามยืนหยัดต่อสู้ แต่คนชุดดำพุ่งตัวเข้ามาไม่หยุด อีกทั้งยังโผล่ออกมาจากอีกฝั่งของถนนเซียน
พวกคนที่อยากได้ตำราชิงเจิงผู่ของนางถูกพวกคนชุดดำทรยศสังหารจนหมดสิ้นแล้ว
หลินเมิ้งหยากัดริมฝีปากแน่น ในเมื่อหลงเทียนอวี้ไม่มองว่านางเป็นภาระ เช่นนั้นนางก็ไม่ควรส่งเสียงรบกวนสมาธิของเขา
เสียงกรีดร้องด้วยความทรมานดังขึ้นทั่วทุนหนแห่ง หยาดเหงื่อโทรมกายหลงเทียนอวี้และชิวอวี้
หลินเมิ้งหยาในอ้อมกอดของหลงเทียนอวี้ถูกเลือดสาดกระเซ็นใส่จนใบหน้าของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด
ทว่าจำนวนคนของทั้งสองฝ่ายกลับยิ่งแตกต่างกัน
หลงเทียนอวี้พร้อมทั้งชิวอวี้พยายามฆ่าผู้ไม่หวังดี ในที่สุดเรี่ยวแรงของพวกเขาก็มาถึงขีดจำกัด
หลงเทียนอวี้มิอาจยืนได้อย่างมั่นคงอีกต่อไป หลินเมิ้งหยาในอ้อมกอดจึงกลิ้งลงพื้น ขณะเดียวกันพวกศัตรูจึงสบโอกาส
เสียงกวัดแกว่งดาบในอากาศดังขึ้น เป้าหมายคือหลินเมิ้งหยา หลงเทียนอวี้พุ่งตัวเข้าไปบังร่างนาง
“แก๊ง…” เสียงดังขึ้น ใบมีดกระเด็นลอยขึ้นกลางอากาศ สุดท้ายพุ่งเข้าไปปักยังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
หลงเทียนอวี้ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ทว่าเลือดกลับสาดกระเซ็นเต็มใบหน้าของเขา
เวลาเพียงชั่วอึดใจ ใบหน้านิ่วคิ้วขมวดของชิวอวี้พลันปรากฏในสายตา
ชิวอวี้พยายามปกป้องหลินเมิ้งหยาในอีกด้านหนึ่ง ทว่าแผ่นหลังของเขาท่วมไปด้วยเลือด
ที่แท้ในช่วงเวลาคับขัน ชิวอวี้ใช้ร่างกายของตนเองปกป้องหลินเมิ้งหยา
“เหตุใดเจ้า…”
หลงเทียนอวี้สงสัยอย่างยิ่ง แม้ชิวอวี้จะเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของหลินเมิ้งหยา แต่เขาไม่รักชีวิตตัวเองเลยหรือ
“ไป! มุ่งหน้าขึ้นไปทางทิศเหนืออีกสามสิบลี้จะถึงตัวเมือง จงเอาตราหยกของข้าติดตัวไปกับเจ้า มันสามารถออกคำสั่งทหารหลวงแถบชายแดนได้!”
ชิวอวี้กัดฟันดึงตราหยกข้างเอวมายัดใส่มือหลงเทียนอวี้
จากนั้นเขาก็หมดสติลงไปกองกับพื้น