ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 15 บทที่ 434 แม่ทัพช่วยชีวิต
ตราหยกลายมังกร?
หัวใจหลงเทียนอวี้สั่นไหว เขารีบยัดมันใส่วงแขนโดยไม่ทันได้ดูให้ดี
ไม่ว่าจะพูดอย่างไรชิวอวี้ก็ปกป้องหลินเมิ้งหยาจนได้รับบาดเจ็บ ฉะนั้นจะทิ้งเขาไว้ที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด
สายตาเยียบเย็นกวาดมองคนชุดดำเหล่านั้น เพื่อปกป้องหลินเมิ้งหยาแล้ว เขาไม่เสียดายเลยที่จะยอมสละชีวิต!
ปกป้องร่างของคนบาดเจ็บทั้งสองเอาไว้ทางด้านหลัง แม้จะเป็นเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้าย แต่ดวงตาคมกริบเย็นชาคู่นั้นกลับแน่วแน่ไม่หวั่นไหว
พวกคนชุดดำห้อมล้อมพวกเขาเอาไว้ตรงกลางพลางขยับเท้าเข้าหาทีละน้อย ดั่งถูกฝูงหมาป่ารุมล้อม หากพลาดเพียงก้าวเดียวจะต้องถูกพวกมันฉีกเนื้อเถือหนังอย่างแน่นอน
“บุก!”
เพียงออกคำสั่งให้บุกทะลวง ดาบคมกริบในมือของพวกมันก็พุ่งตรงไปยังหลงเทียนอวี้ทันที
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย เสียงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานพลันดังขึ้น
ขณะเดียวกันเหล่าคนชุดดำที่อยู่ในวงล้อมใกล้หลงเทียนอวี้ที่สุดต่างถูกลูกธนูไม่ทราบที่มาพุ่งกระหน่ำใส่ร่างกาย
“ใคร! ใครบังอาจเป็นปฏิปักษ์กับพวกเรา!”
หนึ่งในคนชุดดำตวาดออกมาอย่างมีโทสะ แต่ยังไม่ทันจะได้ตะเบ็งเสียงออกมาเป็นหนที่สอง ลูกธนูพลันพุ่งทะลุคอของเขา
ชายชุดดำปิดบังใบหน้าคนนั้นล้มลงไปกองกับพื้น ดวงตาเบิกโพลง คาดว่าเขาคงคิดไม่ถึงว่าคนทั้งสามที่กำลังจนมุมจะมีคนเข้ามาช่วยเหลือ
“จงถอนตัวออกไปซะ! ทิ้งผู้บริสุทธิ์เอาไว้!”
เสียงตะคอกเปี่ยมโทสะพลันดังขึ้น หลงเทียนอวี้ไม่ได้หันหลังกลับไปมอง แต่หูได้ยินเสียงกีบเท้าของม้าจำนวนมากที่กำลังเหยียบย่ำพื้นดินมาทางนี้
แม้เขาจะไม่รู้ว่าผู้มาใหม่เป็นใคร แต่เพียงได้เห็นสีหน้าท่าทางครั่นคร้ามของคนชุดดำ เขามองออกว่าคนเหล่านี้กำลังหวาดกลัว
ในที่สุดความหนักอึ้งในหัวใจก็หายไป
โชคดีเหลือเกิน วันนี้หลินเมิ้งหยาและชิวอวี้มีคนมาช่วยแล้ว
ท่ามกลางสถานการณ์ที่พลิกผัน ดาบของหลงเทียนอวี้ตวัดปลิดชีวิตคนชุดดำเหล่านั้น
คนเหล่านี้ไร้ซึ่งผู้นำแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกกองกำลังไล่ต้อน ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสอันดีในการหนีของพวกเขา
อาศัยจังหวะที่พวกมันยังตั้งสติไม่ทันสังหารไปอีกหลายชีวิต
“ถอนตัว!”
คนชุดดำมิได้โง่เขลา เมื่อครู่พวกเขาตกตะลึงไปชั่วขณะเท่านั้น
ตอนนี้สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยอีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่เสียเวลาต่อสู้อยู่ที่นี่
คนชุดดำเหล่านั้นแยกย้ายกันหนี แต่ถึงกระนั้นหลงเทียนอวี้ก็ยังมิอาจทิ้งชิวอวี้และหลินเมิ้งหยาไปได้ไกลนัก
หลงเทียนอวี้เก็บดาบก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาคนทั้งสอง
หลินเมิ้งหยาที่ถูกลอบทำร้ายยังคงสลบไม่ฟื้น
หัวคิ้วขมวดมุ่น ลองยกนิ้วตรวจลมหายใจของทั้งคู่ โชคดีที่แม้จะแผ่วเบาแต่ก็ยังหายใจอยู่
“บังอาจถามท่าน ท่านคืออ๋องอวี้ องค์ชายสามแห่งต้าจิ้นใช่หรือไม่?”
หลงเทียนอวี้เงยหน้า ใบหน้าหยาบกร้านหนวดเครารุงรังปรากฏต่อสายตาของเขา
ดวงตากลมโต แม้จะฉายแววกระวนกระวาย แต่ถึงกระนั้นก็มีความยินดีอยู่หลายส่วน
เขาสวมใส่ชุดเกราะสีกากี แผ่นหลังสะพายคันศรธนูอันใหญ่ เพียงมองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นแม่ทัพซื่อสัตย์คนหนึ่ง
ผงกศีรษะลง เหตุเพราะอีกฝ่ายเป็นถึงแม่ทัพแห่งเมืองหลินเทียน ส่วนเขาที่เป็นองค์ชายผลีผลามข้ามแดนมาโดยมิได้แจ้งล่วงหน้า ตามหลักแล้วเป็นเขาต่างหากที่ทำเรื่องมิสมควร
“เป็นท่านจริงหรือ? ข้าเคยได้ยินมาว่าท่านเป็นทหารเอกแห่งต้าจิ้น แต่ก่อนเสียดายยิ่งนักที่ไม่มีโอกาสได้สนทนากับท่าน โชคดีจริงๆ ที่ข้าหลู่ตี๋ได้มาเป็นแม่ทัพอยู่แถบชายแดน ท่านอ๋องได้โปรดชี้แนะด้วย”
หลู่ตี๋ดีใจเหลือประมาณ ทว่าหลงเทียนอวี้กลับยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
แม้จะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดแม่ทัพแถบชายแดนผู้นี้เข้ามาช่วยเหลือเขา แต่ตอนนี้หาใช่เวลาเหมาะสมในการชี้แนะกันไม่
“แม่ทัพหลู่ ข้าสกุลหลงย่อมสามารถชี้แนะท่านได้ แต่ตอนนี้ชายาและสหายของข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าหวังเหลือเกินว่าท่านจะช่วยเหลือพวกเขา
เห็นได้ชัดว่าหลู่ตี๋เป็นพวกหลงใหลในวรยุทธ์จนมิทันสังเกตเห็นสิ่งรอบข้าง ดังนั้นเมื่อหันหน้าไปอีกทางจึงได้เห็นคนทั้งสองที่กำลังสลบไสลมิรู้ว่าเป็นหรือตาย
เขารีบหันหน้ากลับไปร้องเรียกคนเพื่อหาม้ามาส่งพวกหลินเมิ้งหยาไปรักษาอาการบาดเจ็บ
“มุ่งหน้าไปอีกไม่ไกลจะถึงค่ายทหารของพวกเรา ที่นั่นมีหมอประจำกองทัพอยู่ เมื่อถึงที่นั่นจะสามารถช่วยชีวิตพวกเขาได้”
หลู่ตี๋นำทางอยู่ข้างหน้า หลงเทียนอวี้อุ้มหลินเมิ้งหยาด้วยตนเอง เพียงได้เห็นใบหน้าขาวซีดของนาง หัวใจของเขาเย็นวาบประหนึ่งถูกน้ำแข็งราดรดทีละน้อย
ตายไม่ได้! หลินเมิ้งหยาจะตายไม่ได้!
หลงเทียนอวี้อยากแบกรับความเจ็บปวดของนางเอาไว้เอง เขาไม่อยากให้นางรู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่ปลายเล็บ
หากต้องการไปถึงค่ายทหารให้เร็วที่สุด เช่นนั้นจำต้องขี่ม้าไป แต่เส้นทางที่ทรหดกลับทำให้หลินเมิ้งหยาต้องทรมานมากอีกครั้ง
นางที่หมดสติไปเพราะความเจ็บปวดฟื้นขึ้นอีกครั้ง
แต่เพราะเสียเลือดไปค่อนข้างมาก ดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงตกอยู่ในอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น สมองทำงานได้ไม่เต็มที่
ทรมานเหลือเกิน! หัวคิ้วขมวดมุ่น อุณหภูมิร่างกายเย็นลงช้าๆ
นางกำลังจะตายแล้วหรือ? หลินเมิ้งหยาขดกายพลางกวาดสายตามองรอบด้าน
“หลง…หลงเทียนอวี้…ข้าไม่อยากตาย…”
พยายามส่งเสียงให้เป็นคำ ดวงตาที่เคยเปล่งประกายมุ่งมั่นบัดนี้หม่นหมองอ่อนแอมิเหมือนก่อน
“อย่าพูดไร้สาระ ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าตาย”
ท่าทางอ่อนแอของนางฝังลึกลงไปในหัวใจของหลงเทียนอวี้
นางทุ่มแรงทั้งหมดจับเสื้อของเขาเอาไว้แน่น มิรู้ว่าเพราะเหตุใด หลินเมิ้งหยาอยากพูดคุยกับหลงเทียนอวี้ให้มาก นางอยากบอกเล่าความรู้สึกที่เก็บซ่อนเอาไว้ในใจของตัวเองออกมา
“หากข้าตาย…เจ้าจะเสียใจหรือไม่? แต่อย่างไร…แต่อย่างไรพวกสาวใช้ของข้าคง…คงร้องไห้เจียนตายอย่างแน่นอน.…”
ฟังเสียงแหบแห้งแผ่วเบาของนาง หลงเทียนอวี้อยากจะบินพานางไปให้ถึงค่ายทหารเสียเดี๋ยวนี้
“เจ้าใจร้ายเกินไป…เจ้าชอบรังแกข้า…อึก...”
มือเล็กกำหมัดแน่นแล้ววางลงบนแผงอกของเขา
ราวกับหัวใจของหลงเทียนอวี้ผูกติดมากับกำมือของนาง เขาอยากให้นางทุบตีเขาเหลือเกิน เขาไม่อยากเห็นนางอ่อนแอเช่นนี้
“ข้าจะไม่รังแกเจ้าอีกแล้ว ข้าจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ต่อไปนี้เจ้าจะเป็นพี่ใหญ่ของจวน ข้าจะเชื่อฟังเจ้าทุกอย่างดีหรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาหัวเราะเบาๆ ทว่าลมหายใจของนางกลับแผ่วเบากว่าเดิมมาก
“หลงเทียนอวี้…อันที่จริงข้า…”
เสียงสุดท้ายไม่ดังไปกว่าเสียงกีบเท้าของม้า
ราวกับหัวใจของหลงเทียนอวี้ถูกกรีด ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่าง
“พูดกับข้า เมิ้งหยา ข้าขอร้อง พูดกับข้าก่อน ข้าขอสั่งเจ้าให้พูดกับข้า!”
เสียงแหบพร่าถูกส่งออกมา แต่กลับไร้คนตอบกลับ
มุมปากของหญิงสาวในอ้อมกอดยังคงหยักยกขึ้น ทว่าดวงตาของนางกลับปิดสนิทแล้ว
ราวกับการรับรู้สูญสิ้นแล้ว หลงเทียนอวี้รีบควบม้าไปยังค่ายทหารแซงหน้าหลู่ตี๋ ในที่สุดเขาก็อุ้มนางเข้าไปในค่ายทหารได้สำเร็จ
“หมอ! หมอ! ออกมาเดี๋ยวนี้”
เขาโอบอุ้มหลินเมิ้งหยาพลางร้องตะโกนเสียงดัง
คนในค่ายทหารรีบวิ่งออกมา แม้จะไม่รู้จักชายตรงหน้า แต่ม้าที่เขาขี่เป็นม้าหลวง
แต่เพราะร่างกายของเขาท่วมไปด้วยเลือด ซ้ำยังตะโกนกึ่งตะคอก ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าค่ายทหารของตนเองกำลังถูกบุกโจมตี
ครู่ต่อมา ทหารในค่ายเข้ามาล้อมตัวหลงเทียนอวี้เอาไว้ สีหน้าขึงขัง
“หมอเล่า? หมออยู่ที่ใด?”
หัวใจของเขาร้อนรนดั่งถูกไฟแผดเผา ทว่าคนเหล่านั้นกลับไม่ตามหมอออกมา ยิ่งไปกว่านั้นยังชี้ดาบหันหน้าเข้าหาเขาอีกด้วย
“ข้าจะพูดอีกครั้ง จงตามหมอออกมาเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
ลมหายใจของหลินเมิ้งหยารวยรินเต็มที หากยังชักช้าเช่นนี้ เกรงว่านางจะต้องตายอย่างแน่นอน
“เจ้าเป็นใคร? เหตุใดจึงขี่ม้าของทหารหลวงได้! หรือเจ้าโจมตีทหารของพวกเรา! เข้ามา เอาตัวเขาไป”
ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าบุรุษตรงหน้าน่าสงสัย ทว่าหลงเทียนอวี้ไม่มีกระจิตกระใจจะอธิบายอีกต่อไป
กวาดสายตามองพวกเขาด้วยดวงตาเปี่ยมโทสะ หลงเทียนอวี้อยากฆ่าพวกเขาให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ ทว่าหญิงสาวในอ้อมกอดต้องได้รับการรักษาให้เร็วที่สุด
“ตามหมอออกมา มิเช่นนั้นข้าจะฝังพวกเจ้าข้างหลุมของนาง”
สติสัมปชัญญะทั้งหมดมลายหายไปแล้ว สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือเพลิงโทสะ
“เขาจะต้องฆ่าสหายของพวกเราอย่างแน่นอน พี่น้องทั้งหลายร่วมกันแก้แค้นแทนพวกพ้องของเราเถิด”
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกนออกมา ขณะเดียวกันทหารเหล่านั้นรีบพุ่งตัวออกมาเพื่อหมายเอาชีวิตหลงเทียนอวี้
“ช้าก่อน! รีบตามหมอทหารมา”
เสียงตะคอกดังขึ้นข้างหลัง ใบหน้าหลู่ตี๋ถมึงทึงเปี่ยมโทสะ
ทหารทุกคนล้วนหันไปมองผู้บัญชาการของตนเอง แม้จะยังคงสงสัยแต่พวกเขาก็รีบกระจายตัวออกไปในทันที
“ท่านแม่ทัพ เขาฆ่าสหายของพวกเรา พวกเราจะปล่อยเขาเข้าไปในค่ายไม่ได้นะขอรับ”
หัวคิ้วของลูกน้องหลู่ตี๋ขมวดมุ่น
“เจ้าไปฟังความจากที่ใดมา! เขาเป็นแขกคนสำคัญ! จงรีบไปแจ้งข่าวแก่ตาเฒ่าเฉา หากรักษาแม่นางคนนั้นไม่ดี เช่นนั้นเขาจะถูกส่งตัวกลับบ้านอย่างแน่นอน”
หลู่ตี๋ส่งเสียงข่มทหารชั้นผู้น้อย เพียงประโยคเดียวทำให้คนทั้งหมดเลิกซักไซ้ในทันที
พวกทหารรีบแหวกทางออก หลงเทียนอวี้อุ้มหลินเมิ้งหยาเข้าไป พวกทหารเองก็วิ่งตามเขาเช่นเดียวกัน
เหล่าพลทหารต่างได้เห็นแล้วว่าสหายของตนเองนั่งรวมกันอยู่บนม้าตัวหนึ่ง ดังนั้นข่าวลือที่ว่าชายคนนี้เป็นคนสังหารพวกพ้องของตนเองจึงหมดไป
ภายในกระโจม หลงเทียนอวี้ยืนนิ่ง ดวงตาแดงก่ำจับจ้องมองทางหญิงสาวบนเตียงเขม็ง
เลือดสีแดงสดกลายเป็นสีแดงเข้มแล้ว ทว่ากลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งบนร่างของเขาทำให้หมอเฉาขมวดคิ้วแน่น
หาใช่เพราะอาการบาดเจ็บสาหัส แต่เพราะคนทั้งคู่เสียเลือดมากจนเกินไป เกรงว่าอาจอันตรายถึงชีวิต
ยิ่งไปกว่านั้นฐานะของคนเหล่านี้ยังไม่ธรรมดา