ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 15 บทที่ 438 ทำงานไม่ราบรื่น
วางตะเกียบและชามข้าวลงพร้อมกัน หลงเทียนอวี้และจั่วชิวเฉินเผชิญหน้าสบตาอีกฝ่าย
กุ้ยซีถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พวกเขาไม่เหมือนคนกำลังกินข้าว แต่เหมือนคนที่กำลังต่อสู้กันมากกว่า
เขายังหวั่นใจอยู่เลยว่าทั้งคู่จะตีกันเพื่อแย่งห่านชิ้นเดียว แต่ราวกับว่าพวกเขาปรึกษากันมาก่อนล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นจึงไม่เกิดการคีบอาหารพร้อมกันขึ้น
ไม่มีใครล่วงรู้ว่าพวกเขากำลังหยั่งเชิงกันและกัน เพียงการกินอาหารร่วมกันมื้อเดียวก็ทำให้เกิดสัญญาสุภาพชนขึ้นมาได้
“ขอบพระทัยที่ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าหลงเทียนอวี้ผ่อนคลายลงกว่าเดิม ไม่ว่าจั่วชิวเฉินจะมีเป้าหมายอะไร แต่ตอนนี้เขายังไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังประสงค์ร้าย
ยิ่งไปกว่านั้นจั่วชิวเฉินยั่งทุ่มเทแรงกายแรงใจในการช่วยเหลือหลินเมิ้งหยา ดังนั้นเขาจึงลดระดับความระแวดระวังลงชั่วคราว
“ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว จริงสิ ตกลงพวกเจ้าเดินทางมายังเมืองหลินเทียนด้วยเหตุอันใด สามารถบอกข้าได้หรือไม่?”
จั่วชิวเฉินเป็นถึงประมุขของแคว้น ไม่ว่าเขาต้อนรับขับสู้หลงเทียนอวี้ด้วยความจริงใจหรือมีเป้าหมายอื่น แต่นี่นับเป็นเรื่องที่หาได้ยาก
ตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายหลงเทียนอวี้เลือกที่จะเล่าความจริง
“ที่แท้ก็เพื่อหญ้าหลงสิง หากเสด็จพ่อยังอยู่คงมิใช่เรื่องยาก แต่ตอนนี้…”
หัวคิ้วจั่วชิวเฉินขมวดเข้าหากันน้อยๆ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งแรกที่ญาติผู้น้องต้องการจะทำหลังกลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนคือการมาขอหญ้าหลงสิงซึ่งเปรียบเสมือนสมบัติของเมืองหลินเทียน
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความสงบสุขของต้าจิ้น หากฝ่าบาทพระราชทานยาให้ เช่นนั้นกระหม่อมจะรู้สึกซาบซึ้งในน้ำพระทัยเป็นอย่างยิ่ง”
ผู้คนในใต้หล้ารู้ดีว่าหญ้าหลงสิงเปรียบเสมือนสมบัติของเมืองหลินเทียน ฉะนั้นหลงเทียนอวี้ทำได้เพียงขอร้องอีกฝ่ายด้วยความจริงใจ
“ใช่ว่าข้าไม่ยินยอมที่จะให้ แต่….ช่างเถิด ในเมื่อพวกเจ้าต้องการ เช่นนั้นข้าจะสั่งคนรีบไปหามาให้ ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็มิใช่คนอื่นคนไกล แต่เพื่อความปลอดภัย ข้าจะสั่งให้คนนำไปส่งให้ที่ต้าจิ้น เจ้ากับเมิ้งหยาพักอยู่ที่นี่ก่อนเถิด เกิดเรื่องราวใหญ่โตถึงเพียงนี้ คาดว่าคนพวกนั้นจะต้องจ้องเล่นงานพวกเจ้าอยู่อย่างแน่นอน”
หลงเทียนอวี้คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะราบรื่นถึงเพียงนี้
ตอนแรกคิดว่าจั่วชิวเฉินจะยื่นข้อเสนอบางอย่าง แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะตอบรับอย่างง่ายดายเช่นนี้
ความคิดที่มีต่อจั่วชิวเฉินจึงเปลี่ยนไปทีละน้อย
ไม่ว่าจั่วชิวเฉินต้องการซื้อใจเขาหรือต้องการเชื่อมสัมพันธไมตรีกับต้าจิ้น แต่ไมตรีจิตที่เขามอบให้ทำให้ไม่มีใครรังเกียจเขา
มองตามจั่วชิวเฉินที่รีบเดินทางออกจากจวนจวิ้นอ๋อง หลงเทียนอวี้อดที่จะรู้สึกเลื่อมใสเขาไม่ได้
คนเช่นนี้ไม่ว่าทำอะไรก็ล้วนราบรื่น เพราะเหตุนี้เขาจึงสามารถกุมหัวใจของคนในแว่นแคว้นได้
วิธีคิดของเขาไม่ธรรมดา!
บัดนี้ท้องฟ้ามืดสนิท ดวงไฟถูกจุดทั่วทั้งจวนเซิ่นจวิ้นอ๋อง
ยาสมุนไพรและยาบำรุงกำลังล้วนถูกส่งเข้ามายังจวนเซิ่นจวิ้นอ๋องมิขาดสาย
ทว่ายาที่ถูกส่งเข้าไปในห้องของเซิ่นจวิ้นอ๋องเป็นเพียงส่วนน้อย ยาส่วนใหญ่ล้วนถูกส่งมายังห้องของอันเล่อจวิ้นจู่
พระราชโองการของฮ่องเต้ถือเป็นคำสั่งสูงสุด ทุกสองชั่วโมงจะต้องมีคนเข้ามาตรวจสอบอาการ น้ำตาเทียนจากโคมไฟที่ใช้ส่องทางระหว่างพระราชวังจนถึงจวนเซิ่นจวิ้นอ๋องพอกพูนเป็นกองหนา
ดังนั้นแม้จะเป็นเวลาดึกสงัด แต่คนทั้งเมืองหลวงว่างเทียนล้วนรับรู้ถึงตัวตนของอันเล่อจวิ้นจู่ผู้ที่ได้รับการใส่พระทัยจากฮ่องเต้มากเป็นพิเศษ
ขณะเดียวกันเวลาเพียงข้ามคืนอันเล่อจวิ้นจู่กลายเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุดในเมืองหลินเทียน
แน่นอนว่าหลงเทียนอวี้ผู้ซึ่งอยู่ในจวนเซิ่นจวิ้นอ๋องไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยแม้แต่น้อย
จับจ้องมองหลินเมิ้งหยามิวางตา เมื่อมั่นใจแล้วว่าอาการของนางยังคงทรงตัว หลงเทียนอวี้จึงเดินทอดน่องอยู่ภายในจวนเซิ่นจวิ้นอ๋องเพียงลำพัง
สาวใช้และเสี่ยวซีที่เดินผ่านไปมาล้วนรู้ดีว่าชายผู้นี้มีฐานันดรมิธรรมดา ทว่าเขาไม่ชอบเอ่ยปากพูดคุยกับผู้อื่น
หลังจากถวายคำนับแล้ว พวกเขาก็ออกไปทำงานของตนเอง
จวนเซิ่นจวิ้นอ๋องไม่ใหญ่ แต่แม้ทุกคนจะมารวมกันอยู่ที่นี่ ทว่าลานด้านหลังกลับเงียบสงบ
หลงเทียนอวี้เดินออกมาไกลมากขึ้นเรื่อยๆ ตามองหกถนนหูฟังแปดด้าน จนกระทั่งเดินมาถึงสวนเล็กแห่งหนึ่ง เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครอื่นอีก เขาจึงหยุดฝีเท้า
“ข้าน้อยบกพร่องในหน้าที่ ท่านอ๋องได้โปรดลงโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์ลับหลิงเย่ที่มิได้พบหน้ามานานปรากฏตัวด้านหลังหลงเทียนอวี้ เขาก้มหน้าลงเอ่ยเสียงแหบแห้ง
สิ่งที่ต้อนรับการมาของเขาคือขาข้างหนึ่งที่ฟาดหวดเข้ามา ร่างของหลิงเย่ลอยกระทบกำแพงดังพลั่ก
แม้แรงเตะจะหนักหน่วง แต่หลิงเย่กลับไม่ส่งเสียงร้อง แม้ว่ามุมปากจะมีโลหิตสีแดงสดไหลซึมออกมาก็ตาม
แค่หลงเทียนอวี้ไม่ฆ่าเขาก็ถือว่ามีน้ำใจมากแล้ว
“ตกลงนี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น? เจ้าเป็นคนส่งคนเหล่านั้นมามิใช่หรือ? เหตุใดจึงเกิดการทรยศหักหลังขึ้นมาได้!”
ใบหน้าเจือความอำมหิตอยู่หลายส่วน ดวงตาสีดำคมกริบระเบิดโทสะ
หากมิใช่เพราะองครักษ์ลับตรงหน้าเติบโตมาด้วยกันกับเขาแล้วล่ะก็ ป่านนี้เขาคงกลายเป็นศพนอนกองบนพื้นไปแล้ว
“ข้าน้อยบกพร่องต่อหน้าที่จนทำให้พระชายาได้รับบาดเจ็บ ขอท่านอ๋องได้โปรดลงโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
หลงเทียนอวี้เป็นผู้ส่งกลุ่มคนสวมหน้ากาก รวมถึงห่าธนูเหล่านั้นเองเพื่อให้หลินเมิ้งหยายอมจำนนมอบตำราชิงเจิงผู่ออกมา
มิเช่นนั้นพวกคนสวมหน้ากากคงไม่เชื่อฟังและยอมรับเงื่อนไขของหลินเมิ้งหยาอย่างง่ายดายเพียงนั้น
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
พวกคนชุดดำที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมาไม่เพียงทำลายแผนการของเขา แต่กลับทำให้หลินเมิ้งหยาได้รับบาดเจ็บเจียนตาย
“เจ้าสมควรตาย แต่ตอนนี้ข้าต้องการคำตอบว่าใครเป็นคนบงการเรื่องนี้ หากรู้เบาะแสแล้วจงสังหารให้สิ้น”
“พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง”
หลิงเย่ตะเกียกตะกายลุกขึ้น ใบหน้าขาวซีดไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
เขามีชีวิตอยู่เพื่อทำตามคำสั่งของท่านอ๋องเท่านั้น
“เจ้าจงกลับไปบอกเขาว่าข้าทำในสิ่งที่เขาบอกแล้ว แต่ต่อจากนี้ไปห้ามมิให้เขาทำอะไรหลินเมิ้งหยาอีก มิเช่นนั้นต่อให้เป็นเขา ข้าก็จะไม่ละเว้น!”
หลงเทียนอวี้ตวาดเสียงดังลั่น หลิงเย่หมุนตัวแล้วหายไปในความมืด
นานกว่าหลงเทียนอวี้จะถอนหายใจออกมา
เขาสามารถหลอกลวงคนทั้งใต้หล้า ยกเว้นหลินเมิ้งหยาเพียงผู้เดียว แต่เรื่องในคราวนี้เขาจำเป็นต้องทำ
จากนี้ไปเขาจะชดใช้ให้นางไปชั่วชีวิต
นับเป็นครั้งแรกที่เขาเกลียดตัวเองที่เกิดมามีสายเลือดของฮ่องเต้ แต่หากเขาไม่ใช่หลงเทียนอวี้แล้วล่ะก็ เช่นนั้นเขาคงมิอาจมีนางอยู่ข้างกาย
เขาทำได้เพียงแบกรับความเศร้าโศกนี้เอาไว้เพียงลำพัง
เขาเชื่อว่าจั่วชิวเฉินไม่มีทางหลอกลวงเขาเรื่องหญ้าหลงสิง แต่เขามั่นใจว่าจั่วชิวเฉินเองก็มีเหตุผลให้ทำเช่นนี้
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็สามารถช่วยชีวิตหลินเมิ้งหยาเอาไว้ได้แล้ว
แม้จะต้องรอหลินเมิ้งหยาอีกนานเพียงใด เขาก็จะไม่ออกห่างจากนางแม้เพียงครึ่งก้าว
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ร่างกายของจั่วชิวอวี้ฟื้นฟูขึ้นมากแล้ว ยาครอบจักรวาลราคาแพงล้วนถูกนำไปบำรุงร่างกายของเขาจนสามารถลุกออกจากเตียงได้ในที่สุด
เขาโชคดีกว่าหลินเมิ้งหยามาก
การรอคอยคือความทรมานอย่างหนึ่ง หลังจากจั่วชิวเฉินออกว่าราชการในราชสำนักเสร็จแล้ว เขามักจะมุ่งหน้ามายังที่นี่เสมอ
แต่โชคดีที่จั่วชิวอวี้แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นญาติผู้พี่ของหลินเมิ้งหยา ดังนั้นความเป็นห่วงเป็นใยที่มีต่อน้องสาวจึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผล
นอกจากพวกองค์ชายและพระญาติที่ถูกจั่วชิวเฉินห้ามเอาไว้ทางด้านนอกแล้ว เขาเป็นผู้ปกป้องหลินเมิ้งหยาเพียงคนเดียวในอาณาจักรหลินเทียนแห่งนี้ ทว่าอาการของหลินเมิ้งหยายังคงไม่มีทิศทางที่ดีขึ้น เขาที่เป็นหมอจึงรู้สึกร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว
“เสี่ยวเปี่ยวเม่ย [1] เอ๋ย เจ้านอนหลับนานเกินไปแล้ว ตื่นขึ้นมามองโลกภายนอกดีหรือไม่? เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเราสกุลจั่วไร้มีญาติผู้หญิง พวกเรารอเจ้ามาเนิ่นนานแล้ว ในเมื่อเจ้าอุตส่าห์มาถึงที่นี่ เหตุใดจึงไม่ลืมตาขึ้นมาดูพวกพี่บ้างเล่า?”
ไม่รู้ว่าชิวอวี้พึมพำเช่นนี้เป็นหนที่เท่าไรแล้ว
ทั้งที่เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ทว่าหลงเทียนอวี้กลับผอมลงมาก หนวดเคราเริ่มขึ้นครึ้มใต้คาง ท่าทางห่อเหี่ยวไร้ชีวิตจิตใจ
นอกจากกินและนอนแล้ว เขามักจะเข้ามาเฝ้าอยู่ข้างกายหลินเมิ้งหยาและดูแลนางทุกเรื่อง หากไม่มีสิ่งใดให้ต้องทำ เขามักจะนั่งกุมมือนางอยู่ข้างเตียง
“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว อย่ารบกวนการพักผ่อนของเปี่ยวเม่ย เจิ้นอยากจะริบตำแหน่งจวิ้นอ๋องของเจ้าเหลือเกิน ก่อนเจ้าจากไปเจ้ารับปากอันใดไว้กับเจิ้นจำได้หรือไม่? ตอนนี้เมิ้งหยากลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว เหตุใดเจ้ายังมีชีวิตอยู่กันเล่า?”
จั่วชิวเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ คำพูดที่มักเอื้อนเอ่ยกับน้องชายร่วมอุทรคมกริบราวหอกดาบ
ทว่าจั่วชิวอวี้กลับไม่ขุ่นเคืองเลยแม้แต่น้อย แต่หากเมื่อใดมีโทสะ เขาก็ทำเพียงตอบโต้คำหนึ่ง จากนั้นก็กลับมานั่งบ่นพึมพำข้างเตียงหลินเมิ้งหยาต่อ
หลงเทียนอวี้เมินเฉยสองพี่น้องคู่นี้ เขาทำเพียงมองใบหน้าของหลินเมิ้งหยา
อยู่ๆ หางตาพลันเหลือบไปเห็นนิ้วมือข้างซ้ายของนางขยับเล็กน้อย
ลูบดวงตาหนหนึ่งเพราะคิดว่าตัวเองตาฝาด
แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามือซ้ายที่เขากำลังกุมอยู่จะขยับจริงๆ
“เลิกทะเลาะกันได้แล้ว! นางขยับแล้ว!”
ตะคอกเพียงหนเดียวแต่กลับทำให้เสียงในห้องเงียบกริบ สายตาทุกคู่จับจ้องมองทางหญิงสาวบนเตียง
“เมิ้งหยา เมิ้งหยา เจ้าฟื้นแล้วใช่หรือไม่?”
หลงเทียนอวี้ร้องเรียกเบาๆ น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นระคนคาดหวัง
มือซ้ายกระตุกอีกหน คราวนี้ทุกคนเห็นได้อย่างชัดเจน
หลงเทียนอวี้รู้สึกราวกับว่ามือเล็กๆ ของนางกำลังถือดวงใจของเขาอยู่ ทุกครั้งที่นางขยับ หัวใจของเขาพลันกระเด้งกระดอนตามไปด้วย
———————
หมายเหตุ
เปี่ยวเม่ย [1] หมายถึงญาติผู้น้อง (หญิง)