ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 15 บทที่ 447 บริภาษบุรุษมักมาก
“พี่สาวเก็บเอาไว้เถิด หากน้องสาวเข้าไปอยู่ในจวนแล้ว ไม่ว่าอยากกินหรืออยากใส่อะไรก็ล้วนมิใช่ปัญหา แต่เกรง ว่าพวกเราคงจะได้เจอกันยากกว่าเดิมแล้ว”
ซู่เหมยผลักเงินกลับไป ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความหวัง
หงอวี้มองน้องสาวที่มิต่างอันใดจากคนแปลกหน้า หัวใจรู้สึกด้านชาราวกับท่อนไม้
ดูเหมือนนางจะคิดมากไปเองทั้งหมด หยักยิ้มขมขื่น นางคิดว่าตัวเองมองคนออก แต่นางกลับมองจิตใจของน้องสาวที่ม มีสายเลือดเดียวกันไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าเก็บเอาไว้เถิด ต่อไปนี้จงดูแลตัวเองให้ดี”
สุดท้ายก็ยังมิอาจทำใจได้ หงอวี้มองน้องสาวของตน
ครั้นยังอยู่ในหอนางโลม นางต้องต้อนรับแขกทุกคืนวัน ความขมขื่นทำให้นางยอมตายดีกว่ามีชีวิตอยู่
สิ่งเดียวที่ทำให้นางยังคงหยัดยืนต่อไปนั่นก็คือภาพเลือนรางของคนในครอบครัว
ใครจะรู้เล่าว่าครอบครัวจะทำให้ชีวิตของนางต้องตกอยู่ในนรกแห่งความทุกข์ระทม แต่เพราะยังมีความหวัง ดังนั้นน นางจึงมิอาจยอมแพ้
บางทีนางควรขอบพระทัยพระชายา หากมิใช่เพราะนาง เช่นนั้นตนคงมองคนไม่ออกไปชั่วชีวิต
“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะพี่สาว จริงสิ หากท่านไม่ว่ากระไร เช่นนั้นทิ้งเครื่องประดับให้ข้าสักสองสามชิ้นดีหรือไม่ ถ ถึงอย่างไรข้าก็จะกลายเป็นฮูหยินแห่งจวนอ๋องแล้ว เช่นนั้นก็ควรมีความน่าเกรงขามสักหน่อยมิใช่หรือ แต่ข้าขอของที ท่านไม่เคยใส่ก็แล้วกัน หากต่อไปได้พบปะผู้คนแล้วเกิดมีคนจำได้ เช่นนั้นคงไม่ดีหรอกกระมัง…”
หัวใจแหลกสลายทีละน้อย หยดน้ำตารินไหลมิขาดสาย
น่าขำเหลือเกิน น้องสาวของนางเป็นคนเช่นนี้หรือ? บางทีโชคชะตาอาจจะกำลังเล่นตลกกับนางก็เป็นได้…
เมื่อเดินกลับมายังลานส่วนกลาง ป๋ายซ่าวอารมณ์ดียิ่งนัก
หลินเมิ้งหยาชำเลืองมองนาง ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
เด็กคนนี้ไม่รู้จักเก็บอาการเลยใช่หรือไม่ ยังมีหนทางที่ต้องเดินอีกยาวไกลแท้ๆ
“นายหญิงเฉลียวฉลาดยิ่งนัก ขอเพียงผู้หญิงคนนั้นกล้าเข้ามา พวกเราก็ไม่เกรงใจเลยที่จะเล่นสนุกกับนาง นายหญิง วางใจให้ข้าจัดการเรื่องนี้เถิด ข้ารับรองเลยว่านางจะต้องร้องไห้หาแม่และไม่กล้ามายุ่งกับท่านอีก”
เทียบกับป๋ายซ่าวที่กำลังกำไม้กำมือแล้ว หลินเมิ้งหยาใจเย็นกว่ามาก
เหตุผลที่นางไปในคราวนี้ก็เพราะอยากให้ทุกคนเห็นเรื่องตลก จากนั้นก็กระจายข่าวออกไป
หลงเทียนอวี้รู้ดีจึงตามนางไปด้วย ส่วนป๋ายซ่าว นางคงต้องเตือนสักสองสามคำ
“อืม อย่าทำเกินไปก็พอ ท่านอ๋องเองก็ส่งยิ้มให้นางบ้างนะเพคะ หากพระองค์ยังปั้นหน้านิ่งเช่นนี้ เห็นทีแผนการ รของพวกเราคงไม่สำเร็จ”
“แผน? แผนอะไรหรือเจ้าคะนายหญิง?”
ป๋ายซ่าวเบิกตากว้างมองหลินเมิ้งหยา เห็นได้ชัดว่านางคาดไม่ถึงว่านายหญิงจะมีแผนการซ่อนอยู่
“ข้าจะพยายามก็แล้วกัน”
เรื่องนี้ทำให้หลงเทียนอวี้ลำบากใจไม่น้อย เขาไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร
เขาสามารถส่งยิ้มให้หลินเมิ้งหยาได้อย่างจริงใจ แต่กับผู้หญิงคนนั้น เขายิ้มไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
แต่เพื่อให้ความร่วมมือกับหลินเมิ้งหยา เช่นนั้นเขาต้องพยายามทำอย่างสุดความสามารถ
“พระองค์คิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังซู่เหมยจะมอบไพ่ตายให้แก่นางหรือไม่เพคะ?”
หลินเมิ้งหยานั่งเอนหลังบนตั่งนุ่มนิ่ม ผ้าห่มจิ่นต่วนห่อหุ้มร่างกาย รับสัมผัสเบาสบายจากการนวดอย่างเอาอกเอาใ ใจของป๋ายซ่าว
“ไม่รู้”
หลงเทียนอวี้ตอบเพียงสั้นๆ แต่ได้ใจความ
หลินเมิ้งหยานิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง แต่ถึงกระนั้นก็ยังเดาไม่ออก
นางมักรู้สึกว่าเหตุที่ซู่เหมยยืนกรานที่จะอยู่ต่อและต้องการเป็นอนุภรรยาของหลงเทียนอวี้หาใช่เพราะนางต้องกา ารใช้ชีวิตหรูหราร่ำรวยเพียงอย่างเดียว
ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ดังนั้นนางจึงต้องตรวจสอบการปรากฏตัวของคนแปลกหน้าก่อนจึงจะสามารถตัดสินใจได้
หากซู่เหมยเป็นเพียงหญิงสาวที่ต้องการพึ่งบารมีของหลงเทียนอวี้ เช่นนั้นเรื่องนี้ก็มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
“จริงสิป๋ายซ่าว เจ้าไปเชิญอาซิ่วมาหาข้าที”
อาซิ่วออกไปเที่ยวเล่นนอกจวนตั้งแต่ฟ้าสาง คาดว่าตอนนี้นางน่าจะกลับมาแล้ว
ก่อนหน้านี้อาซิ่วถูกจับตัวไปกับซู่เหมย บางทีเด็กฉลาดเฉลียวคนนี้อาจได้ยินอะไรมาบ้าง
ป๋ายซ่าวรีบออกไปเชิญในทันที ชั่วเวลาจิบชาหนึ่งถ้วยเสียงเอะอะโวยวายพลันดังขึ้นภายในเรือน
“พี่สาวจวิ้นจู่! พี่สาวจวิ้นจู่! ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรือ? เหตุใดต้องรับซู่เหมยคนนั้นเอาไว้ด้วย!”
เสียงร้องตะโกนดังเข้ามา แต่เพียงได้เห็นสองสามีภรรยาที่กำลังนั่งจิบชา ปากของนางพลันหุบสนิท ก่อนจะทำเพียงส ส่งยิ้มน้อยๆ
“ไม่โวยวายแล้วหรือ? เหตุใดเมื่อก่อนข้าจึงไม่รู้สึกว่าเสียงของเจ้าดังยิ่งกว่าฆ้องกันเล่า? ช่างเถิด ต่อไปคงมิต ต้องใช้ฆ้องแล้ว ใช้เสียงตะโกนของเจ้าก็เพียงพอ”
หลินเมิ้งหยาเงยหน้าหยอกล้ออาซิ่ว
อาซิ่วรีบสงวนท่าทีประหนึ่งเด็กสาวว่านอนสอนง่าย นางเดินตรงเข้ามาหาหลินเมิ้งหยาพร้อมกับหยิบกำไลหยกงดงามวงหน นึ่งออกมา
“ข้ากำลังร่วมมือกับท่านอย่างไรเล่า ป๋ายซ่าวเล่าให้ข้าฟังหมดแล้วว่าท่านตั้งใจทำให้ผู้หญิงคนนั้นคิดว่าตัวเ เองกลายเป็นอนุภรรยาของท่านอ๋องอวี้ หากข้าไม่โวยวายสักหน่อย เกรงว่านางจะสงสัยเอาได้”
หลินเมิ้งหยาจับสังเกตได้ว่าเด็กฉลาดอย่างอาซิ่วจะต้องมีหลักฐานบางอย่างอย่างแน่นอน
มิเช่นนั้นนางคงไม่เย็นชาใส่ซู่เหมยถึงเพียงนี้ แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่ไล่พวกซู่เหมยไป
เมื่อเทียบความรู้สึกกันแล้ว อาซิ่วกับนางมชะตาต้องกัน หากอาซิ่วตั้งใจไล่พวกหงอวี้และซู่เหมยไป เช่นนั้นก็ ไม่มีใครคัดค้านนางได้ นั่นเท่ากับว่าเด็กคนนี้ตั้งใจปล่อยให้เป็นเช่นนี้
“คิก คิก ข้ารู้อยู่แล้วว่ามิอาจปิดบังพี่สาวจวิ้นจู่ได้”
อาซิ่วนำกำไลหยกมาผูกไว้กับเอวของหลินเมิ้งหยา
การกระทำเช่นนี้เป็นธรรมเนียมในการปัดเป่าความโชคร้ายตามความเชื่อของบ้านเมืองนาง
หวังว่าพี่สาวจวิ้นจู่จะหายเป็นปกติโดยเร็ว
หลังจากทำเสร็จแล้ว อาซิ่วจึงกระซิบเสียงเบา
“ข้าพบว่าพวกป๋ายหลงและเฮยฮู่เป็นแค่ทาสรับใช้ระดับล่างสุดแต่เพียงเท่านั้น เบื้องหลังของพวกเขามีคนเก่งกาจอ อย่างยิ่งคอยสนับสนุนอยู่ ตอนที่ถูกจับตัวไปพวกเขาให้ข้ากินยาสลบอยู่เสมอ ทว่าพวกเขาไม่รู้ว่าร่างกายของคนสกุล ลตงฟางสามารถต้านพิษได้ หากข้าได้กินยาสลบถึงสามครั้งแล้วยังไม่ตาย เช่นนั้นพิษเหล่านั้นจะอ่อนฤทธิ์ลง มีหนหน นึ่งข้าแกล้งหลับจึงได้ยินบทสนทนาระหว่างซู่เหมยและพวกเขาเข้า”
อาซิ่วเล่าอย่างละเอียด บางทีอาจเพราะเด็กคนนี้มีความกล้าหาญและมีความละเอียดรอบคอบ ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายยังมี ความพิเศษ ฉะนั้นนางจึงมีข่าวสำคัญมาบอกเล่า
ที่แท้การขายตัวซู่เหมย การที่ซู่เหมยได้พบกับหงอวี้ จวบจนกระทั่งถูกส่งไปที่ตำบลซื่อฟางล้วนเป็นการจัดฉากทั้ง งสิ้น
อาซิ่วเล่าว่าอันที่จริงซู่เหมยและพวกที่จับนางขัง รวมถึงเจ้าของหุยชุนฟางล้วนเป็นพวกเดียวกัน
หากหลินเมิ้งหยาไม่ได้อยู่ผิดที่ผิดเวลาจนไปเจอกับอาซิ่วเข้า พวกเขาคงแสดงละครต่อและวางแผนทำให้หลินเมิ้งหย ยาติดอยู่ในตำบลซื่อฟาง
ทว่าคนคำนวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาจะเป็นฝ่ายเดินหน้าเข้าไปหาพวกเขาถึงที่ ดังนั้นเรื่องราวที่ตามมาจึงง่ายราวก กับปอกกล้วยเข้าปาก
“หากอิงจากแผนเดิมของพวกเขา ท่านจะต้องถูกจับแล้วส่งไปที่ไหนสักแห่ง แต่พวกเขาคาดไม่ถึงว่าเจ้าของหุยชุนฟางจะ ะปล่อยตัวท่าน ก่อนวันที่พวกเราจะหนีออกมา ข้าแกล้งหลับและได้เห็นจูเหยียนเรียกซู่เหมยออกไปเพื่อกำชับนางสองสา ามคำ ยิ่งไปกว่านั้นยังมอบของบางอย่างให้นางด้วย แต่ข้าไม่เห็นว่ามันคือสิ่งใด ข้าเคยแอบหาตอนที่ซู่เหมยไม่อย ยู่ แต่ไม่ว่าจะพลิกแผ่นดินหาทั่วทั้งห้องข้าก็ไม่พบแม้แต่ร่องรอย”
ยิ่งได้ฟังคำบอกเล่าของอาซิ่ว หลินเมิ้งหยายิ่งไม่เข้าใจ
ตอนแรกคิดว่าตนเองเป็นผู้ถูกกระทำโดยสมบูรณ์แบบ แต่ใครจะรู้เล่าว่านางจะได้กำตัวแปรเอาไว้ในมือไม่น้อย
บางทีเมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ ตัวแปรเหล่านี้อาจกลายเป็นอาวุธในการพลิกเกมให้นางได้รับชัยชนะก็เป็นได้
ทว่าตอนนี้นางทำได้เพียงปล่อยเรือให้ไหลไปตามน้ำ
นางต้องทำให้คนเหล่านั้นเชื่อว่าซู่เหมยกลายเป็นของรักของหวงชิ้นใหม่ของหลงเทียนอวี้
“คิดอะไรอยู่หรือ?”
หลงเทียนอวี้เห็นหลินเมิ้งหยาเหม่อลอยจึงอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
รีบเบนสายตาไปหาหลงเทียนอวี้ หลินเมิ้งหยาส่ายหน้าเบาๆ
“หม่อมฉันกำลังคิดว่าเป้าหมายของพวกเขาคืออะไรกันแน่? หรือจะเป็นตำราชิงเจิงผู่ที่ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ เล่มนั้น?”
หลงเทียนอวี้เองก็สับสันเช่นเดียวกัน เสด็จพ่อเคยรับสั่งว่าคนที่รู้เรื่องตำราชิงเจิงผู่บนโลกใบนี้ นอกจากคน นที่หอป๋ายเฉาแล้ว เห็นจะมีไม่ถึงห้าคน
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีกลุ่มคนลึกลับรู้เรื่องนี้อีก ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังรู้ว่าตำราชิงเจิงผู่อยู่ในมือ ของหลินเมิ้งหยา
เรื่องนี้เขาต้องตามสืบอยู่นานกว่าจะมั่นใจ
ใครกันเล่าที่มีอำนาจมากมายถึงเพียงนี้ หรือว่าความลับของพวกเขาจะรั่วไหลออกไป?
“บางทีอาจเป็นเช่นนั้น เหตุเพราะตำราชิงเจิงผู่หาใช่เพียงตำราธรรมดา ดังนั้นคนที่อยากได้มาครอบครองจึงมีไม่น้อย ”
หลงเทียนอวี้เอ่ยไปตามน้ำ แต่หลินเมิ้งหยากลับยิ่งฉงนสงสัยมากกว่าเดิม
อาซิ่วเล่าว่าคนเหล่านั้นมอบของบางอย่างให้ซู่เหมย
ตกลงมันคืออะไรกัน? ของสิ่งนั้นสำคัญถึงขั้นทำให้ซู่เหมยกล้าเข้าไปหาหลงเทียนอวี้เพื่อมอบกายถวายตัวเชียวหรื อ?
หลินเมิ้งหยาเดาไม่ออก
ดูเหมือนคงต้องรอให้ซู่เหมยเปิดเผยออกมาเอง
เพียงช่วงเวลากินอาหารเย็นเสร็จ ข่าวลือเรื่องอันเล่อจวิ้นจู่รับอนุภรรยาแทนหลงเทียนอวี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้ง เมืองหลวงว่างเทียน
แต่ส่วนใหญ่ล้วนเสียดายอันเล่อจวิ้นจู่ เหตุเพราะตอนนี้นางเป็นคนโปรดของคนทั้งราชวงศ์ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังมีร รูปโฉมงดงามล่มเมือง ซ้ำยังมีวิชาการแพทย์ล้ำเลิศ
ทั้งที่มีภรรยาสูงศักดิ์ถึงเพียงนี้แต่กลับไม่รู้จักหวงแหน เห็นทีฝ่ายชายจะต้องเป็นพวกมักมากไม่รู้จักพออย่างแน่น นอน
หลินเมิ้งหยาแอบหัวเราะเพราะเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าหากหลงเทียนอวี้รู้เข้า เขาจะออกตามล่าคนปล่อยข่าวลือหรือไม่ ?
แต่เกรงว่าเขาจะไม่มีเวลานั้นแล้ว
เหตุเพราะ…..
“หลงเทียนอวี้! ไอ้คนมักมาก! เจ้าจงออกมาน้อมรับความตายเดี๋ยวนี้!”
ทันทีที่จั่วชิวอวี้ย่ำเท้าผ่านประตูเข้ามา เสียงตะคอกก่นด่าพลันดังลั่นไปทั่วทั้งจวน