ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 15 บทที่ 449 เป้าหมายที่แอบซ่อน
หากนางคิดจะถอนตัวตอนนี้ก็เกรงว่าจะสายเกินไปแล้ว
คาดว่านับตั้งแต่วันที่นางปรากฏตัวบนผืนแผ่นดินนี้ พวกคนที่จดจ้องตำราชิงเจิงผู่ล้วนรู้ตัวตนของนางหมดแล้ว
ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นจากการกระทำของนางเองทั้งสิ้น เริ่มจากการที่นางรวบรวมความกล้าออกเดินทางมายังเมืองหลินเท ทียนเพื่อหายา
ฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น นางจะต้องแบกรับทุกอย่างเอาไว้ด้วยตนเอง
จั่วชิวเฉินเข้าใจดีว่าตอนนี้หลินเมิ้งหยายังมิเข้าใจสถานการณ์ของหอป๋ายเฉาดีนัก
อันที่จริงยิ่งรู้จักกับหลินเมิ้งหยา เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าญาติผู้น้องคนนี้แตกต่างจากท่านป้ามาก ฉะนั้นเขาจึง งไม่รู้ว่าการดึงนางเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เป็นเรื่องดีหรือไม่
“การผลัดเปลี่ยนตำแหน่งผู้อาวุโสแห่งหอป๋ายเฉาหาใช่เพียงเพื่อหาคนเข้าไปดูแลหอป๋ายเฉาเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุ ดคือเนื้อหาในตำราชิงเจิงผู่และความลับยิ่งใหญ่ที่พวกเรายังไม่รู้ ฉะนั้นทุกคนจึงพยายามแย่งชิงตำแหน่งนี้”
ยังมีความลับยิ่งใหญ่อีกหรือ? หลินเมิ้งหยาอ้าปากค้าง แม้จะฉงนสงสัยแต่กลับมิเอ่ยถามออกมา
หากแม้แต่จั่วชิวเฉินยังไม่รู้หรือบางทีเขาอาจจะรู้แต่ไม่สามารถพูดออกมาได้ เช่นนั้นความลับเหล่านั้นคงมิได้เ เกี่ยวข้องกับหอป๋ายเฉาเพียงอย่างเดียว
ทว่านี่หาใช่เหตุผลในการถอนตัวของนาง
คนอื่นอาจไม่รู้ แต่คาดว่าพวกคนที่คิดจะชิงตำราชิงเจิงผู่จะต้องไม่ถูกนางหลอกง่ายๆ อย่างแน่นอน
โชคดีที่นางยังมิได้ตีความตัวอักษรราวเด็กขีดเขียนของตำราชิงเจิงผู่ คาดว่าตัวอักษรที่ทับซ้อนกันของตำราเล่ม นี้มีเพื่อป้องกันอันตรายจากศัตรูกระมัง
อดที่จะเลื่อมใสความฉลาดเฉลียวของบรรพบุรุษที่คิดวิธีนี้ขึ้นมาไม่ได้ บางทีแม้แต่เทคโนโลยีของโลกอนาคตเองก็อาจ จสู้ไม่ได้
ตอนนี้นางรู้สึกเสียดายขึ้นมาเสียอย่างนั้น
แม้ระบบเซินหนงจะสามารถถอดแบบภาพสามมิติออกมาได้ แต่หากมิอาจเผยแพร่เนื้อหาในตำราชิงเจิงผู่ได้ก็นับเป็นเรื่อง น่าเสียดายมิใช่หรือ
แน่นอนว่านางมิได้โง่ถึงขนาดเผยความลับของตำราชิงเจิงผู่ออกมา
เช่นนั้นควรปล่อยให้ตำราแพทย์ที่อาจส่งผลต่อแว่นแคว้นถูกทำลายไปจะดีกว่า
“แต่หม่อมฉันคิดว่าตำราปลอมอาจมิได้ส่งผลกระทบเท่าไรนัก บางทีพวกเขาอาจกำลังโยนหินถามทางอยู่ก็เป็นได้ เฉินเ เปี่ยวเกอ จริงๆ แล้วหม่อมฉันอยากรู้ว่าคนที่สามารถรับตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดได้คงมิใช่เพียงลูกศิษย์หรือผู้ครอ อบครองตำราชิงเจิงผู่ใช่หรือไม่เพคะ?”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยถามจั่วชิวเฉินอย่างไม่เกรงใจ
จั่วชิวเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง ความปลื้มปีติฉายชัดในแววตาของเขา
สมแล้วที่เป็นหลินเมิ้งหยา ฉลาดเฉลียวมีไหวพริบยิ่งนัก
หากมิใช่เพราะอายุของนางยังน้อยและมีประสบการณ์ยังไม่มาก เกรงว่าป่านนี้ทั้งเขาและจั่วชิวอวี้คงกลายเป็นลูกไก ก่ในกำมือของนางไปแล้ว
แต่ถึงกระนั้นการเติบโตแบบก้าวกระโดดของหลินเมิ้งหยาเริ่มเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของนางในใจเขา
เดิมทีเขามองนางเป็นเพียงน้องสาวผู้น่ารักน่าเอ็นดู ทว่าต่อจากนี้ไปนางจะกลายเป็นสหายที่สามารถพึ่งพาอาศัยได้
“อืม ใช่แล้ว ไม่ว่าลูกศิษย์หรือผู้ครอบครองตำราชิงเจิงผู่ล้วนเป็นวิธีหนึ่งในการรับช่วงต่อตำแหน่งผู้อาวุโสที่ เกิดขึ้นในวันที่ท่านผู้อาวุโสคนก่อนจากไปอย่างกะทันหัน แต่สถานการณ์ในปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว การได้รับการยอมรั บจากทุกคนย่อมเป็นสิ่งที่สามารถตัดสินผู้ขึ้นครองตำแหน่งนี้ได้ ดังนั้นจึงมีการจัดการแข่งขันแสดงทักษะทางการแพท ทย์ขึ้น สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก การแข่งขันครั้งล่าสุดจัดขึ้นเมื่อห้าสิบปีก่อน ได้ยินมาว่าหัวข้อใน การแข่งขันคราวนี้คือ…วิชาแพทย์พิษ!”
หลินเมิ้งหยาและหลงเทียนอวี้สบตากัน หากเป็นหัวข้ออื่นนางคงทำได้เพียงนั่งมอง
มุมปากหยักยกขึ้น ส่งยิ้มน้อยๆ ให้จั่วชิวเฉิน
“อาอวี้เล่าว่าเจ้าเก่งเรื่องวิชาแพทย์พิษที่สุด แต่น่าเสียดายที่เจ้ามิใช่คนของหอป๋ายเฉา ดังนั้นจึงมิอาจเข้าร่ วมการแข่งขันได้”
สิ่งนี้ทำให้จั่วชิวเฉินรู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ตอนแรกเขาต้องการตามหาตัวลูกสาวของท่านป้าเพราะต้องการให้มี คนของตนแฝงตัวอยู่ในหอป๋ายเฉา
น่าเสียดาย ฐานะของหลินเมิ้งหยาค่อนข้างพิเศษ ดังนั้นเส้นทางเดินจึงแตกต่างกัน
หอป๋ายเฉาขึ้นชื่อเรื่องความร่วมมือกันระหว่างแคว้นมากที่สุด หากสามารถควบคุมหอป๋ายเฉาได้ ไม่เพียงจะได้รับความ ไว้ใจจากราษฎร เขายังสามารถควบคุมอำนาจของพวกขุนนางในราชสำนักได้อีกด้วย
น่าเสียดาย น่าเสียดายเหลือเกิน
แม้จะได้ยินว่าไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ ทว่าหลินเมิ้งหยากลับไม่รู้สึกขุ่นข้องหมองใจ
นางมีอุปนิสัยพิเศษกว่าคนทั่วไป ต่อให้มีจั่วชิวเฉินและจั่วชิวอวี้คอยผลักดัน แต่หากข้อมูลของนางทั้งหมดถูกเ เปิดเผย เกรงว่าแม้จั่วชิวเฉินจะใช้อำนาจของเขาเข้าช่วย คาดว่าคนของหอป๋ายเฉาไม่มีทางเห็นด้วยอย่างแน่นอน
หากทำได้ไม่ดี ซ้ำยังสั่งให้ภิกษุเห็นพ้องต้องกันคงมิใช่เรื่องน่าสรรเสริญนัก
“หม่อมฉันมิได้อยากเข้าร่วมการแข่งขัน หอป๋ายเฉาจะต้องมีคนของท่านอย่างแน่นอน หม่อมฉันเพียงแค่คิดว่าหากหม่อมฉัน นสามารถช่วยคนผู้นั้นเอาชนะการแข่งขันได้ เช่นนั้นหนทางในการรักษาไหล่ขวาของหม่อมฉันจะมิสะดวกสบายขึ้นหรือเพคะ ?”
ดวงตาของจั่วชิวเฉินเปล่งประกาย ก่อนจะหม่นแสงลงอีกครั้ง
หัวข้อในการแข่งขันคือสิ่งที่ผู้อาวุโสสูงสุดทิ้งเอาไว้ให้
ไม่ว่าใครต่างก็รู้ดีว่างานอดิเรกของท่านผู้อาวุโสสูงสุดคือการศึกษาตำราชิงเจิงผู่
แต่ตอนนี้ตำราชิงเจิงผู่ถูกทำลายลงไปแล้ว เช่นนั้นยังจะมีความหวังหลงเหลืออยู่อีกหรือ แม้เขาจะไม่เข้าใจวิชาการแ แพทย์ แต่เขารู้ดีว่าวิชานี้ต้องมีประสบการณ์ค่อนข้างมาก
คนที่เขาส่งไปล้วนอายุเกินสามสิบแล้ว ดังนั้นเมื่อเทียบกับพวกหมอหลวงอายุห้าสิบหกสิบเหล่านั้นจึงเป็นเพียงผู้ น้อย
ต่อให้มีหลินเมิ้งหยาคอยช่วยเหลือ…
ทว่าหลินเมิ้งหยามิใช่คนยิงธนูโดยไร้เป้า หรือว่านางจะมีอาวุธลับกันเล่า?
แสงประกายวาดผ่านนัยน์ตาของจั่วชิวเฉินอีกครั้ง
บางที…อาจลองใช้วิธีนี้ได้
แม้จะมิใช่ครั้งแรกที่ถูกสงสัยในความสามารถ แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังไม่ชินอยู่ดี
หากเป็นเมื่อก่อนนางคงตำหนิไปหลายคำ แต่ตอนนี้นางกลับรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
“อาจารย์ของหม่อมฉันคือปรมาจารย์ด้านยาพิษป๋ายหลี่รุ่ย แม้หม่อมฉันจะเรียนรู้กับอาจารย์ได้ไม่นาน แต่หม่อมฉันรู้ ความลับทุกอย่างของท่านอาจารย์ ใต้หล้านี้เห็นจะมีเพียงไม่กี่คนที่มีความรู้เทียบเท่ากับท่านอาจารย์ แต่ก็ใช่ ว่าคนของหอป๋ายเฉาจะเก่งไปกว่าท่านอาจารย์”
เหล่าคนหนุ่มสาวสมัยนี้มิค่อยรู้จักชื่อปรมาจารย์ด้านยาพิษกันสักเท่าไร
ผิดกับจั่วชิวเฉิน เขาอึ้งงันอยู่กับที่
“จริงด้วย เหตุใดข้าจึงลืมเรื่องนี้ไปได้! เพราะเหตุนี้วิธีการถอนพิษของเจ้าจึงลึกล้ำยิ่งนัก”
จั่วชิวอวี้ยกมือตบหน้าผากตัวเอง อาการบาดเจ็บทำให้เขารู้สึกทรมานไม่น้อย ดังนั้นเขาจึงมีอาการสะลึมสะลืออยู่ตล ลอดเวลา ปฏิกิริยาและความคิดอ่านก็เชื่องช้าลง
เดิมทีเขาพุ่งความสนใจไปกับการยืนยันตัวตนของหลินเมิ้งหยา ตอนแรกเขาคิดเพียงว่าวิชาแพทย์พิษของนางถูกสืบทอด มาทางสายเลือด แต่พอตอนนี้ลองไตร่ตรองดูอีกหนหนึ่งแล้ว ท่านป้าด่วนจากไป หากไม่มีอาจารย์คอยสอนสั่ง เช่นนั้นนา างจะมีพรสวรรค์เช่นนี้ได้อย่างไร
หากเป็นปรมาจารย์ด้านยาพิษแล้วล่ะก็ เช่นนั้นพวกเขาก็มีความได้เปรียบ
“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าเข้าไปยุ่งเรื่องของพวกเขา”
หลงเทียนอวี้ที่นิ่งเงียบตลอดเวลาเอ่ยขัดขึ้น
จั่วชิวเฉินและจั่วชิวอวี้คิดไม่ถึงเลยว่าบุรุษผู้นี้จะเอ่ยปฏิเสธ
มองหลงเทียนอวี้ด้วยสายตาสับสน ทว่าจั่วชิวเฉินกลับมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งว่าความความรู้สึกระหว่างญาติผู้น้อง งและน้องเขยของเขาลึกซึ้งยิ่งนัก
หากหลงเทียนอวี้ยังคงดึงดันเช่นนี้ เกรงว่าหลินเมิ้งหยาคงมิอาจเข้าร่วมได้
“เพราะอะไร? ไหล่ของเมิ้งหยาได้รับบาดเจ็บ มีเพียงไปที่นั่นจึงจะมีความหวังในการรักษา หรือเจ้าอยากเห็นนางพิการไปช ชั่วชีวิต?”
จั่วชิวอวี้ไม่เข้าใจ เขาถามด้วยน้ำเสียงเปี่ยมโทสะ
ทว่าหลงเทียนอวี้กลับปรายสายตาเย็นชามองเขาหนหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ
“จั่วชิวเฉิน เจ้าเคยบอกว่าเรื่องที่มารดาของเมิ้งหยาเป็นลูกศิษย์ของท่านผู้อาวุโสเป็นความลับของคนในราชวงศ์ แ แต่พวกเรากลับถูกลอบทำร้ายทันทีที่เหยียบแผ่นดินเมืองหลินเทียน เห็นได้ชัดว่าตัวตนของเมิ้งหยาถูกเปิดเผยแล้ว แม ม้แต่จั่วชิวอวี้เองก็เพิ่งยืนยันตัวตนของนางได้ไม่นาน เช่นนั้นคนเหล่านั้นรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”
เขาเค้นถามบุรุษสกุลจั่วทั้งสองอย่างไม่ไว้หน้า
หลงเทียนอวี้ล่วงรู้ตัวตนของหลินเมิ้งหยาเพราะเขาเพียรพยายามสืบสาวราวเรื่องอย่างสุดความสามารถ แต่ตอนที่อยู่ใน ทิวป่าต้นซิ่ง เขาได้รับรายงานจากองครักษ์ลับว่าหลินเมิ้งหยาคือผู้สืบทอดตำราชิงเจิงผู่
แน่นอนว่าเขาเป็นผู้ส่งชายสวมหน้ากากไปเอง แต่เขาไม่รู้ว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารพวกเขาในวันนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นทันทีที่หลินเมิ้งหยามาถึงที่นี่ จั่วชิวเฉินไม่แม้แต่จะสงสัยในตัวนางและยอมรับนางในทันที
พอมาคิดดูแล้ว เรื่องนี้ไม่น่าสงสัยไปหน่อยหรือ?
แม้ตลอดหลายวันมานี้เขามิได้อยู่ดูแลหลินเมิ้งหยาตลอดเวลา แต่ไม่ว่าจั่วชิวเฉินหรือจั่วชิวอวี้ล้วนชักจูงหลิ นเมิ้งหยาให้เข้าร่วมกับหอป๋ายเฉา
ในที่สุดเขาก็ล่วงรู้เป้าหมายของจั่วชิวเฉินแล้ว
เขาเพียงแค่อยากใช้ประโยชน์จากหลินเมิ้งหยาในการเป็นตัวแทนเข้าไปควบคุมหอป๋ายเฉา
หากเรื่องราวเป็นไปตามที่จั่วชิวเฉินเล่าแล้วล่ะก็ เช่นนั้นพวกคนที่พ่ายแพ้ในการแข่งขันไม่มีทางปล่อยหลินเมิ้ง งหยาไปอย่างแน่นอน
แต่ไหนแต่ไรมาชีวิตของพวกเขาล้วนตกอยู่ในอันตราย หากตอนนี้ยังคิดจะเข้าไปแหย่รังแตนอีกล่ะก็ ต่อให้เขาดูแลความป ปลอดภัยของนางอยู่ทุกวันคืน แต่ถึงกระนั้นเขาคงมิอาจปล่อยนางคลาดสายตาไปได้แม้เพียงชั่วพริบตาเดียว
หากต้องผลักหลินเมิ้งหยาเข้ากองเพลิง เช่นนั้นสู้ปล่อยให้นางอยู่เคียงข้างเขาอย่างปลอดภัยจะดีกว่า
คำถามของหลงเทียนอวี้ทำให้จั่วชิวอวี้พูดไม่ออก
ถูกต้อง คนที่ยืนยันตัวตนของหลินเมิ้งหยาเป็นคนแรกก็คือเขา
แต่ตอนนั้นเขาส่งคนไปบอกฮวงซงเพียงคนเดียวเท่านั้น
หรือว่า…..
สายตาของจั่วชิวอวี้เบนไปยังพี่ชายร่วมสายเลือด
ดูเหมือนจะมีคนสอดแนมพวกเขาเสียแล้ว!