ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 16 บทที่ 451 คลั่งรัก
เงยหน้ามองใบหน้านวลยามมีโทสะของหลินเมิ้งหยา มิรู้ว่าเพราะเหตุใดหลงเทียนอวี้จึงรู้สึกแต่เพียงคำว่าน่ารักเท่านั้น
สายตามิอาจละจากใบหน้าท่าทางหยิ่งผยองของนางได้เลย
“เจ้า….”
ซู่เหมยโกรธจนตัวสั่น ขณะที่คิดจะตอบโต้ นางพลันนึกถึงสถานะของตนเองตอนนี้ขึ้นมาได้
น้ำตาเอ่อคลอเบ้า แสร้งแสดงท่าทางน่าสงสาร แต่น่าเสียดายที่นางเปลี่ยนท่าทีกะทันหัน ดังนั้นความน่าสงสารแม้สักนิดก็ไม่มี
หลินเมิ้งหยามองนางราวกับภูตผี อีกทั้งยังคร้านจะสนใจนางเสียด้วยซ้ำ
หยักยิ้มเยียบเย็นเสมือนผู้ได้รับชัยชนะ เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกลับไปยังห้องนอนของตนโดยมีหลงเทียนอวี้คอยโอบอุ้ม
เพียงผ่านเข้าประตูมา ท่าทีแข็งกร้าวที่นางบรรจงสร้างพลันอ่อนยวบลง
เมื่อก้มหน้า นางเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าท่าทางของทั้งคู่ค่อนข้าง…หมิ่นเหม่
ใบหน้าแดงก่ำจนไม่อาจแดงไปกว่านี้ได้อีกแล้ว นางสะบัดตัวออกจากวงแขนของหลงเทียนอวี้ ก่อนจะผลุบตัวเข้าไปฝังตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม
หันหน้าเข้าหากำแพง ไม่มีความกล้าแม้กระทั่งจะสบตาหลงเทียนอวี้
เฮ้อ นางมักเป็นเช่นนี้เสมอ ทุกครั้งที่อยู่ใกล้กับเขา สุดท้ายก็เป็นนางที่แพ้ภัยตัวเอง
สวรรค์โปรด เหตุใดนางจึงไม่ได้เรื่องเช่นนี้นะ!
หลงเทียนอวี้ยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะนั่งลงบนฟูกที่วางอยู่บนพื้น
ภาพใบหน้ายามมีโทสะของนางยังคงวนเวียนอยู่ในสมอง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีภาพที่พวกเขาทั้งสองจุมพิตกันถึงสองครั้ง
ท่าทางขวยเขินอย่างน่ารักของหลินเมิ้งหยาทำให้หัวใจของเขาอ่อนยวบจนแทบละลาย
อยากมองใบหน้านวลงามของนางเช่นนี้ไปตลอดชีวิตเหลือเกิน
ท่ามกลางหัวใจที่กำลังว้าวุ่น ทั้งสองผล็อยหลับไปในที่สุด
เจ็ดโมงเช้าวันถัดมา หลินเมิ้งหยาตื่นขึ้นจากความฝัน
โหมดช่วยเรื่องการนอนหลับของระบบเซินหนงใช้การได้เป็นอย่างดี
หลินเมิ้งหยายกมือขึ้นลูบดวงตา ความง่วงเริ่มจางหายไปช้าๆ พลิกตัวไปอีกทางด้วยความเคยชิน แต่คราวนี้นางกลับได้เห็นใบหน้ายามหลับสนิทของชายหนุ่มที่นอนอยู่บนพื้น
นัยน์เนตรเบิกกว้าง ภาพความทรงจำเมื่อคืนปรากฏขึ้น
โอ้ จริงสิ เมื่อคืนหลงเทียนอวี้อยู่ที่นี่เพราะนางต้องการยั่วอารมณ์ของซู่เหมยนี่นา
มือซ้ายยกขึ้นเคาะศีรษะของตนเอง ดูเหมือนสมองของนางจะช้าลงไปสักหน่อยแล้ว
ภายในจวน เสียงปัดกวาดเช็ดถูดังขึ้นอีกครั้ง
บางทีพวกป๋ายซ่าวอาจกำลังคิดว่าภายในคงมีภาพที่ไม่สมควรมองอยู่ ดังนั้นจนกระทั่งตอนนี้ประตูห้องจึงยังไม่ถูกเปิด
เมื่อไม่มีป๋ายซ่าวคอยช่วย นางจึงกลายเป็นง่อยไปในทันที แม้แต่เสื้อผ้าก็มิอาจสวมใส่ให้ดีได้ สุดท้ายหลินเมิ้งหยาแบกความสิ้นหวังก้มลงมองหลงเทียนอวี้ที่ยังคงนอนหลับอยู่บนพื้น
ผ้าห่มปิดคลุมแผงอกของเขาไว้อย่างพอดิบพอดี มือซ้ายวางอยู่ข้างกาย มือขวาวางอยู่บนแผงอก
ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ แม้เวลาจะผ่านมาหนึ่งคืนแล้ว ทว่าเส้นผมสีดำยาวของเขากลับมิยุ่งเหยิงเลยแม้แต่น้อย
ผิดกับตัวนาง ไม่ต้องมองกระจกหลินเมิ้งหยาก็รู้ได้ทันทีว่าเส้นผมของตนเองยุ่งเหยิงพันกันมากน้อยเพียงไหน
เจ้าหญิงนิทราในนิทานคงนอนหลับอย่างงดงามเช่นนี้กระมัง
หากเจ้าหญิงนิทรานอนกัดฟันหรือนอนกรน คาดว่าเจ้าชายคงไม่มีทางแตะปากจุมพิตนางเป็นแน่
ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นในสมองจนนางรู้สึกจั๊กจี้หัวใจ
นางลงจากเตียงด้วยฝีเท้าแผ่วเบา สมองครุ่นคิดหาวิธีแกล้งทำให้หลงเทียนอวี้อับอาย
ตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง หลินเมิ้งหยาเปิดประตูห้องนอนออกแล้ววิ่งไปที่โต๊ะด้านนอก
หยิบพู่กันเปื้อนน้ำหมึกขึ้นมา มุมปากกระตุกยิ้มชั่วร้าย
คิก คิก คิก แม้จะไม่ทำให้เสียโฉม แต่ถึงกระนั้นก็คงตลกไปได้ครึ่งค่อนเดือน
เดินกลับมาหยุดข้างกายเขาด้วยความระมัดระวัง
วาดรูปเสือหรือว่าเต่าดีนะ?
แต่ยังไม่ทันที่แผนการของนางจะสำเร็จ มือหนาพลันยื่นไปโอบเอวของนางเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างจับพู่กันในมือของนางโยนทิ้งลงบนพื้น
ออกแรงเพียงเล็กน้อย ร่างบางพลันตกเข้าสู่วงแขนแข็งแกร่งทว่าอบอุ่น
แย่แล้ว! ถูกจับได้แล้ว!
อันที่จริงหลงเทียนอวี้ตื่นนานแล้ว แต่เพราะมิอยากให้ช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกันกับนางภายในห้องเดียวกันจบลงเร็วนัก
ฉะนั้นเขาจึงเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ตอนที่นางลุกขึ้นจนกระทั่งหยิบพู่กันกลับมา
เขาเพียงแค่อยากรู้จุดประสงค์ของนางเท่านั้น
มองพู่กันที่ถูกเขาโยนทิ้งไปอีกทาง หลงเทียนอวี้หยักยิ้มน้อยๆ
อาการบาดเจ็บเพิ่งจะดีขึ้นได้ไม่นาน แต่นี่นางคิดจะหาเรื่องอีกแล้ว
โอบกอดร่างบางนุ่มนิ่มโดยระมัดระวังมิให้กระแทกโดนไหล่ขวาของนาง หลับตาลงเสพความสุขเล็กๆ ที่ยากจะมีโอกาสได้รับเช่นนี้
หลินเมิ้งหยาเป็นผู้นำมาส่งถึงหน้าประตู เช่นนั้นเขาจะพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไร
“พระองค์ตื่นนานแล้วใช่หรือไม่! คนหลอกลวง!”
หลินเมิ้งหยามีโทสะขึ้นมาแล้ว ทั้งที่เพิ่งจะตื่นนอนเหมือนกัน แต่หลงเทียนอวี้กลับเหมือนคนออกมาถ่ายแบบริมถนน ส่วนนางไปแอบถ่ายภาพเขาอีกทีอย่างไรอย่างนั้น
มือซ้ายยกขึ้นทุบแผงอกของเขา แต่อีกฝ่ายกลับรู้สึกแสบๆ คันๆ เท่านั้น ซ้ำยังแสร้งนอนหลับต่อ
“ชิ จิ้งจอกเจ้าเล่ห์”
แม้จะเอ่ยเช่นนี้ ทว่าแม้อากาศจะอบอุ่น แต่พื้นไม้กลับเย็นเฉียบ
หดตัวขยับเข้าหาอ้อมกอดอบอุ่นเสมือนเตาอั้งโล่ของหลงเทียนอวี้ ขาเล็กวางอยู่บนท่อนขาของเขาขณะมุดตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน อาการง่วงงุนที่เพิ่งจะหายไปกลับมาอีกหน
ฮึ นี่เป็นบทลงโทษเขาอย่างหนึ่ง!
หลินเมิ้งหยาที่มิอาจต่อกรกับเขาได้หยิบยกข้ออ้างเพื่อปลอบใจตัวเอง นางใช้แขนของเขาหนุนต่างหมอน ก่อนจะปิดเปลือกตาลงเบาๆ
หญิงสาวไม่รู้เลยว่าท่าทางว่าง่ายของนางทำให้เต้าอั้งโล่เคลื่อนที่ของนางมีรอยยิ้มกว้าง
คงมิอาจพูดได้ว่าใครกันแน่ที่กำลังถูกเอาเปรียบ
“ไอหยา! พวกเรามิได้ตั้งใจเจ้าค่ะจวิ้นจู่! ได้โปรดลงโทษพวกเราด้วย!”
ประตูถูกเปิดออก เสียงร้องด้วยความตื่นตระหนกพลันดังขึ้น
หลินเมิ้งหยาที่กำลังสะลึมสะลือถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง
สิ่งแรกที่นึกขึ้นได้คือตัวนางกับหลงเทียนอวี้กำลังนอนกอดกัน ดังนั้นนางจึงรู้สึกอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
ฮือ ฮือ ชื่อเสียงที่สั่งสมมาพังลงหมดแล้ว
“พวกเจ้าออกไปก่อนเถิด ข้าจะอยู่รับใช้ท่านอ๋องกับพระชายาเอง”
โชคดีที่ป๋ายซ่าวเข้ามาช่วยเอาไว้ได้ทัน นางสั่งให้พวกสาวใช้ในจวนเซิ่นจวิ้นอ๋องออกไปข้างนอก
ชำเลืองมองทางเจ้านาย ก่อนจะส่งเสียงกระแอมเบาๆ
“ท่านอ๋อง แขนของพระชายายังคงบาดเจ็บอยู่ ท่าน….ท่านอดทนสักหน่อยเถิดนะเจ้าคะ”
คำพูดของนางทำให้คนทั้งสองกระอักกระอ่วนขึ้นมา
หลินเมิ้งหยาเกือบปล่อยโฮออกมาแล้ว นางอยากหาหลักฐานมาแสดงให้ทุกคนได้ดูเหลือเกินว่าเมื่อคืนมิได้เกิดอะไรขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ทว่าป๋ายซ่าวเพียงแค่หวังดีเท่านั้น เหตุเพราะนายหญิงสั่งเอาไว้ว่าจะต้องโพนทะนาความรักระหว่างพวกเขาเพื่อให้ซู่เหมยอดรนทนไม่ไหว
แต่ใครจะคิดเล่าว่าสิ่งนี้จะย้อนกลับมาทำให้หลินเมิ้งหยากระอักกระอ่วนเสียเอง
กินโจ๊กรสชาติหวานหอม เพียงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยก็รีบก้มหน้าลงไปอีกหน
ทว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นคนของนาง เช่นนั้นคงไม่เป็นอะไรหรอกกระมัง
“ข้าว่า….น้องเขย ไหล่ขวาของเมิ้งหยายังไม่หายดี บางเรื่อง…เจ้าก็ระมัดระวังสักหน่อยเถิด มิเช่นนั้นเมิ้งหยาจะพิการเอาได้”
เจ้าของจวนเซิ่นจวิ้นอ๋องนั่งหลังเหยียดตรงขณะเอ่ยกำชับหลงเทียนอวี้
ทว่าหลงเทียนอวี้กลับมิส่งเสียงโต้แย้ง เขาผงกศีรษะลงเบาๆ อย่างเห็นด้วย
หลินเมิ้งหยาอดที่จะมีโทสะไม่ได้ เจ้าสองคนนี้เป็นศัตรูกันมิใช่หรือ? เช่นนั้นพวกเขาไปญาติดีกันตั้งแต่ตอนไหน?
“แต่ถึงกระนั้นเปี่ยวเกอก็อาบน้ำร้อนมาก่อน ฉะนั้นย่อมรู้ดีว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายนักสำหรับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน เอ้า นี่เป็นยาที่ข้าปรุงขึ้นเอง มันช่วยทำให้ร่างกายของเมิ้งหยาแข็งแรงขึ้น”
จั่วชิวอวี้ยื่นกล่องยาให้หลงเทียนอวี้ ซ้ำยังส่งสายตาราวกับกำลังสื่อความหมายว่า “เจ้ารู้ดี” ไปให้อีกฝ่าย
“ขอบใจ”
นี่เป็นครั้งแรกที่ใบหน้าของหลงเทียนอวี้ผ่อนคลายลงมาก เขารีบหยิบกล่องยาไปเก็บ
หลินเมิ้งหยามองท่าทางกวนโทสะของพวกเขาทั้งสอง แต่สุดท้ายแล้วนางก็กลายเป็นตัวตลกของพวกเขาอยู่ดี
ก่อนเวลากินอาหารเช้า ข่าวลือเรื่องความรักของอันเล่อจวิ้นจู่และท่านอ๋องแพร่กระจายไปทั่วทั้งจวนเซิ่นจวิ้นอ๋อง
ซ้ำข่าวลือยังผุดขึ้นราวหน่อไม้หลังฤดูวสันต์
หากมองจากสถานการณ์ของตนเองในเวลา เกรงว่าข่าวของนางคงร้อนแรงเป็นอันดับหนึ่งของเมืองหลินเทียนไปแล้ว
เฮ้อ เป็นคนดังนี่ลำบากยิ่งนัก!
ในเมื่อมิอาจโต้แย้งได้ เช่นนั้นหลินเมิ้งหยาจึงเลือกที่จะอดทน
โชคดีที่จั่วชิวอวี้ยังพอรู้กาลเทศะอยู่บ้าง ดังนั้นจึงมิได้พูดจาเกินควร
หลินเมิ้งหยาพยายามอดทนอดกลั้น ถึงอย่างไรเมื่อไปถึงหอป๋ายเฉาแล้ว นางก็มีวิธีเอาคืนอยู่ดี
ตอนนี้ปล่อยให้จั่วชิวอวี้ได้ใจไปก่อนก็แล้วกัน
จั่วชิวอวี้ที่กำลังกินขนมหวานเผลอสบตาหลินเมิ้งหยาอย่างมิได้ตั้งใจ
สวรรค์ นั่นมันสายตาแห่งการเคืองแค้นมิใช่หรือ!
กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ แต่วันนี้ขอดื่มสุราให้เมามายก่อนแล้วค่อยคำนึงถึงความทรมานในวันพรุ่งเถิด
หันหน้าไปส่งยิ้มให้หลงเทียนอวี้อีกหน ก่อนจะสนทนาหัวข้อสำคัญ
อย่างเช่น…วิธีการดูแลร่างกายของผู้ชาย
หลินเมิ้งหยาคร้านจะปรายตามองพวกเขาด้วยดวงตาเปี่ยมโทสะอีกต่อไป นางก้มหน้าลงทานอาหารของตัวเอง
ป๋ายซ่าวอารมณ์ดีดั่งดอกไม้ผลิบานก็มิปาน แต่เมื่อเห็นใบหน้าหมองมัวของนายหญิง นางจึงรีบเก็บสีหน้าทันใด
“เมื่อคืนมีการเคลื่อนไหวหรือไม่?”
แน่นอนว่าหลินเมิ้งหยาถามถึงซู่เหมย คาดว่าน้ำกะละมังนั้นจะต้องราดรดจนหัวใจของนางเย็นเฉียบไปแล้วอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะเมื่อถูกสาดยามค่ำคืนอันแสนหนาวเหน็บ แม้จะไม่อาจทำให้นางเป็นหวัด แต่คาดว่าคืนต่อไปนางคงไม่แม้แต่จะรู้สึกง่วงเหงาหาวนอน
แม้แต่เสียงกระแอมไอราวกับปอดกำลังจะหลุดออกจากคอก็คงไม่มี
ฮึ ฮึ บังอาจแกล้งป่วยต่อหน้านาง หากไม่กลัวตายจริงก็ดาหน้าเข้ามาเถิด
“ข้ากำชับพวกผอจื่อในจวนหมดแล้ว เมื่อคืนพวกนางนอนหลับเป็นตาย โดยไม่แม้แต่จะเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้ให้นางดื่ม เมื่อครู่ข้าส่งคนไปแอบดูมาแล้ว เห็นว่านางเพิ่งจะลุกจากที่นอนเจ้าค่ะ”