ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 16 บทที่ 462 วาจาที่น่าตกใจ
สายตามองดูภาพความสงบสุขในเมืองหลินเทียน แม้ว่าภายในจะมีการแก่งแย่งชิงดีมากมายขนาดไหนก็ตาม
“พวกเขาไม่กล้าลงมืออย่างโจ่งแจ้ง แต่หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าข้ามิใช่อันเล่อจวิ้นจู่ เกรงว่าคนที่จะพลอยซวยไปด้วยคงเป็นจั่วชิวเฉินและจั่วชิวอวี้”
เมื่อมีหลงเทียนอวี้อยู่ด้วย แม้พวกเขาจะเกลียดนางสักเพียงไหน แต่ก็คงมิกล้าลงมือทำอะไร
ยิ่งไปกว่านั้นชื่อเสียงการปกป้องเขตชายแดงของสกุลหลินยังเลื่องลือไปทั่วทุกสารทิศ
ได้ยินมาว่าบรรพบุรุษของนางเคยเข้าไปล้มเกี้ยวของท่านอ๋องคนหนึ่งเพียงเพราะเขาสั่งโบยทหารของตนเองอย่างไม่เป็นธรรม
ท่านอ๋องคนนั้นหวาดกลัวจนอุจจาระปัสสาวะราด ซ้ำยังบอกว่าจะไปรายงานฮ่องเต้
แต่หลังจากบรรพบุรุษกลับไปถึงค่ายทหาร เขารีบสั่งให้คนโบยตัวเองก่อนถึงห้าสิบไม้
ตอนนั้นผิวหนังฉีกขาดและเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
ฮ่องเต้ในเวลานั้นไม่แม้แต่จะลงโทษเขา ซ้ำยังเอ่ยชมเชยอีกด้วย
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาคงไม่ต้องพูดว่าทหารสกุลหลินสมัครสมานสามัคคีกันขนาดไหน ยิ่งไปกว่านั้นชื่อเสียงการปกป้องคุ้มครองแผ่นดินยังเลื่องลือโด่งดังไปไกลทั้งใต้หล้า
แม้จะมีคนใส่ร้ายว่าสกุลหลินดูหมิ่นพระเดชานุภาพของฮ่องเต้ แต่หลินเมิ้งหยากลับไม่รู้สึกว่าบรรพบุรุษของนางทำสิ่งที่ผิด
ในสนามรบ เหล่าทหารยอมมอบชีวิตให้กับแม่ทัพ ดังนั้นแม่ทัพย่อมต้องดูแลพวกเขาเสมือนเป็นครอบครัวของตนเอง
ดังนั้นด้วยอุปนิสัยของคนสกุลหลิน หากคนของเมืองหลินเทียนบังอาจทำร้ายหลินเมิ้งหยาแล้วล่ะก็ เช่นนั้นท่านพ่อและท่านพี่คงไม่ยอมอยู่เฉยและต้องบุกมาสั่งสอนพวกเขาอย่างแน น่นอน
แม้พวกเขาจะเก่งกาจในการลอบทำร้าย แต่หากต้องรบกันจริงๆ แล้วล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาคงออกวิ่งเร็วกว่าทุกคน
แต่คนเหล่านี้อาจใส่ร้ายเปี่ยวเกอทั้งสองว่าพวกเขาเป็นกบฏของแคว้น เกรงว่าหากเป็นเช่นนั้นจริง พวกเปี่ยวเกอคงมิอาจมีชีวิตสงบสุข
“เช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ ขอเพียงนายหญิงปลอดภัย ข้าก็วางใจ จริงสิเจ้าคะนายหญิง หลายวันมานี้ข้าออกไปเดินชมเมืองหลินเทียนมา มีบางเรื่องที่ข้าอยากจะปรึกษาท่าน”
สำหรับป๋ายซ่าว คำพูดของหลินเมิ้งหยาเปรียบเสมือนคำประกาศิต
ฉะนั้นเมื่อหลินเมิ้งหยาบอกว่าไม่เป็นอะไร เช่นนั้นนางก็วางใจ
“โอ้? เรื่องอะไร?”
หลินเมิ้งหยารู้มาว่าช่วงนี้ป๋ายซ่าวออกไปเดินเล่นในเมืองหลวงว่างเทียน ตอนแรกคิดว่านางอยากออกไปเปิดหูเปิดตา แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะมีความคิดที่ลึกซึ้งกว่านั้น
“ข้าเห็นว่าในเมืองหลวงว่างเทียนมีของหลายอย่างที่ต้าจิ้นของเรายังไม่มีหรือไม่ราคาก็แพงเกินไป แต่ที่นี่กลับเป็นของใช้ทั่วไป ซ้ำราคายังถูก อย่างเช่นยาสมุนไพร อาหารและผลไ ไม้เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าจึงคิดว่าพวกเรารับของจากเมืองหลินเทียนส่งไปขายที่ต้าจิ้นดีหรือไม่?”
ความคิดของป๋ายซ่าวใสซื่อจนเกินไป หากสิ่งของสามารถส่งไปขายได้ง่ายๆ เช่นนั้นป่านนี้พ่อค้าของทั้งสองแคว้นคงร่ำรวยไปแล้ว
ทว่าหลินเมิ้งหยามิได้เอ่ยขัดนาง แต่กลับส่งสายตาให้นางพูดต่อ
ป๋ายซ่าวจึงเริ่มเล่าด้วยท่าทางขวยเขินเล็กน้อย เมื่อเห็นสายตาสนใจของนายหญิง นางรู้สึกราวกับถูกตบรางวัลอย่างไรอย่างนั้น ดังนั้นจึงอธิบายต่อ
“ข้าลองถามพวกพ่อค้าจากขบวนพ่อค้าแล้ว อันที่จริงพวกเขาเองก็อยากขนสินค้าเหล่านี้กลับไป แต่เพราะติดเรื่องกำแพงภาษีระหว่างแคว้น โดยเฉพาะเมื่อจ่ายค่าภาษีระหว่างแดนแล้ว กำไร รที่เหลืออยู่ก็มีไม่มาก ยกตัวอย่างเช่นข้าวหอมมะลิของเมืองหลินเทียน หากรับซื้อข้าวในเมืองหลินเทียน เช่นนั้นต้องจ่ายค่าภาษีท้องถิ่น แต่มิต้องเสียภาษีซื้อขาย ดังนั้นกำไรจึง งมากกว่าหนึ่งเท่า แต่ถ้าหากส่งออกไปขายต่างเมือง เช่นนั้นจะต้องเสียภาษีของทั้งสองเมือง จากนั้นเมื่อเข้าต้าจิ้นไปแล้วยังต้องจ่ายภาษีอีกสามประเภท เมื่อลองคำนวณต้นทุนดูแล้ว หลังจากจ่ายภาษีเสร็จก็จะเหลือกำไรอยู่หกสิบส่วน พอหักลบกับค่าแรงอีกสิบส่วน เกรงว่าจะมีเหลือเพียงเงินทุนเท่านั้นแล้ว”
คำบอกเล่าของป๋ายซ่าวทำให้หลินเมิ้งหยาเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดสินค้าที่นี่จึงมิอาจถูกส่งออกไปขายได้อย่างอิสระ
บางทีอาจเพราะการห้ามทำการค้าสินค้าทางการเกษตรกระมัง ดังนั้นภาษีของแต่ละเมืองจึงไม่ชัดเจน
อีกทั้งภาษีบางประเภทยังถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเอารัดเอาเปรียบพวกพ่อค้า ดังนั้นราคาจึงเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
แต่เรื่องนี้คงมิอาจแก้ไขได้ง่ายๆ หากเป็นคนอื่นอาจแก้ไขเรื่องนี้ไม่ได้ แต่เมื่ออยู่ในกำมือของนาง บางทีนางอาจจะพอมีวิธี
“ภาษีเกี่ยวข้องกับรากฐานของทั้งสองแคว้น คาดว่าคงมิอาจแก้ไขได้ในเวลาเพียงสั้นๆ”
หลินเมิ้งหยาพูดเสียงเบา ป๋ายซ่าวเองก็พยักหน้าเห็นด้วย นางรู้ดีว่าตนเองกำลังฝันเฟื่อง
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าประโยคถัดไปของนายหญิงจะทำให้นางมีความหวังขึ้นอีกครั้ง
“แต่ถ้าหากทั้งสองแคว้นสามารถควบคุมภาษีได้แล้วล่ะก็ สิ่งที่เจ้าพูดมาทั้งหมดล้วนมีความเป็นไปได้”
ป๋ายซ่าวมองหลินเมิ้งหยา นางไม่เข้าใจความหมายทั้งหมด
“เฉินเปี่ยวเกอรับปากกับข้าว่าหากข้าช่วยเขาสำเร็จ เช่นนั้นเขาจะมอบอำนาจทางการค้าแห่งเมืองหลินเทียนให้กับข้า ข้าคิดว่าเขาคงอยากให้ข้าไปช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองหลิ นเทียนกระมัง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะขอเฉินเปี่ยวเกอเปลี่ยนแปลงเรื่องภาษี จากนั้นพวกเราก็จะทำการค้าราบรื่นยิ่งขึ้น”
หลินเมิ้งหยาเข้าใจความหมายของเฉินเปี่ยวเกอในที่สุด
สารภาพตามความจริง เหตุที่บ้านเมืองยังคงยืนหยัดอยู่ได้ก็เพราะการคลังของแคว้น
แม้แต่ขุดดินยังต้องใช้เงิน เช่นนั้นบริหารดูแลบ้านเมืองจะไม่ใช้เงินได้อย่างไร
หากมองจากไหวพริบของเฉินเปี่ยวเกอ ถ้าเขามอบอำนาจทางการค้าให้แก่ลูกน้อง เกรงว่าจะกลายเป็นการเลี้ยงเสือไว้ใกล้ตัวเสียมากกว่า
แต่ถ้าหากเป็นนาง เขาอาจรู้สึกปลอดภัยยิ่งขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังเชื่อว่ากว่าการค้าจะถูกพัฒนา คนรุ่นนี้คงแก่ชรากันหมดแล้ว
หากอำนาจในการควบคุมของนางลดน้อยลง เกรงว่าคนที่จะชุบมือเปิบไปคงเป็นลูกหลานของเฉินเปี่ยวเกอ
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดของนางเท่านั้น เฉินเปี่ยวเกออาจมิได้คิดร้ายถึงเพียงนี้
แต่ถึงอย่างไรคนที่จะได้รับประโยชน์ก็คือราษฎร
“เช่นนั้น…ต้าจิ้นล่ะเจ้าคะ?”
ป๋ายซ่าวเบิกตากว้าง นางมองเจ้านายของตนเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ คงมิพูดไม่ได้ว่าความคิดนี้ค่อนข้างเพ้อฝัน
“ต้าจิ้นไม่มีอะไรยากหรอก พวกเรามีท่านอ๋องมิใช่หรือ?”
หลินเมิ้งหยาลองจินตนาการภาพเอาไว้ แต่เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นจึงต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจค่อนข้างมากจึงจะประสบความสำเร็จ
ยิ่งไปกว่านั้นคนฉลาดมิได้มีนางเพียงคนเดียว
นางยอมรับว่าตนเองมีความฉลาดเฉลียวอยู่บ้าง แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างแคว้น ดังนั้นความสามารถของนางย่อมมีขีดจำกัด
“แต่นี่เป็นเรื่องที่ฮ่องเต้เท่านั้นจะตัดสินใจได้ ต่อให้ท่านอ๋องยิ่งใหญ่ แต่ก็คงมิอาจเทียบเคียงฮ่องเต้ได้นะเจ้าคะ”
ป๋ายซ่าวพูดไปตามเนื้อผ้า แต่ประโยคนี้กลับกระแทกใจหลินเมิ้งหยา
ฮ่องเต้? ฮ่องเต้แห่งต้าจิ้น?
หากไท่จื่อได้ขึ้นครองบัลลังก์จริง เกรงว่าคนแรกที่เขาจะกำจัดคงเป็นหลงเทียนอวี้และสกุลหลิน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้….
“ในเมื่อฮ่องเต้เท่านั้นที่สามารถตัดสินใจได้ เช่นนั้นพวกเรามาแต่งตั้งฮ่องเต้ของพวกเรากันดีกว่า”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาสร้างความตกตะลึงให้กับป๋ายซ่าวถึงขีดสุด
นางมิได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่?
แต่งตั้งฮ่องเต้? สวรรค์โปรด เรื่องนี้ยิ่งใหญ่กว่าผืนฟ้าเสียอีก
ดวงตาเบิกกว้าง นางอ้าปากค้างจ้องเจ้านายของตนเองนิ่ง
“ข้าแค่ล้อเล่น ดูเจ้าเถิด คิดจริงจังไปเสียได้”
นางหัวเราะขบขันกลบเกลื่อน
ทว่าหลินเมิ้งหยารู้ แม้นางจะไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวกับศึกชิงราชบัลลังก์ แต่เพราะแผนการในวันข้างหน้า นางจึงมิอาจหลีกเลี่ยงได้
หากหลงเทียนอวี้ขึ้นเป็นฮ่องเต้แล้วล่ะก็…….
ในใจชะงักงัน นับตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าฮ่องเต้จะถูกแต่งตั้งขึ้นมาอย่างชอบธรรมหรือไม่ชอบธรรม แต่สิ่งที่หลีกหนีไม่พ้นคือเรื่องสามพระตำหนักหกหมู่เรือน
หากหลงเทียนอวี้ได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้จริง เช่นนั้นนางจะรับได้หรือไม่?
สั่นศีรษะ หลินเมิ้งหยารู้สึกว่าตนเองคิดไกลเกินไป
ปล่อยเรื่องในอนาคตให้ตนเองในโลกอนาคตเป็นผู้ปวดหัวเถิด
รถม้าแล่นออกจากเมืองหลวงว่างเทียน ไม่นานก็หลุดออกจากการคุ้มครองของจั่วชิวเฉินแล้ว
กว่าจะเดินทางถึงเมืองหลวงเก่าคงต้องใช้เวลาร่วมเดือน
นี่จึงเป็นเหตุผลที่เหล่าขุนนางเก่าคัดค้านในการย้ายเมืองหลวง
ใครอยากจะสร้างเมืองหลวงใกล้กับชายแดนของบ้านเมืองอื่นกันเล่า?
นั่งรถม้ามาทั้งวันแล้ว ในที่สุดก็มาถึงอีกเมืองหนึ่งตอนพลบค่ำ
นั่งมองวิวทิวทัศน์จากภายในรถม้าอย่างตื่นตาตื่นใจ ที่นี่แตกต่างจากต้าจิ้นมาก
“นายหญิง ตอนแรกข้าคิดว่าสตรีในเมืองหลวงล้วนงดงามเพริศพริ้ง แต่ไฉนเลยสตรีแห่งเมืองหลินเทียนจึงงดงามมีชีวิตชีวาเช่นนี้เล่า”
เติบโตมาด้วยสภาพแวดล้อมเช่นไร นิสัยคนย่อมเป็นเช่นนั้นตาม เมืองหลินเทียนอยู่ติดแม่น้ำทั้งสามด้าน ดังนั้นย่อมชุ่มชื้นกว่าต้าจิ้นมาก
หญิงสาวและเด็กๆ ที่นี่ล้วนมีผิวพรรณขาวนวลเนียน
เมื่อเทียบกับหญิงสาวในต้าจิ้นแล้วจึงโดดเด่นกว่ามาก
หลินเมิ้งหยารู้สึกราวกับว่าดวงตาของตนเองมีไม่เพียงพอ สิ่งของที่ไม่เคยเห็นมาก่อนดึงดูดสายตาของนางได้ไม่น้อย
“อืม หากคราวหน้ามีเวลาพวกเราจะต้องมากินมาเที่ยวที่นี่อีกสักหน”
หลินเมิ้งหยากล่าวอย่างเสียดาย ชาติก่อนนางชอบหมกตัวอยู่แต่ในห้องเสมอ
นอกจากไปเรียนและทำงานแล้ว ส่วนใหญ่นางใช้เวลาอยู่แต่ในบ้าน
ทว่าแม้ตอนนี้นางจะกลายเป็นคุณหนูสูงศักดิ์แล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยุ่งจนไม่มีเวลาว่าง
หญิงสาวล้วนชอบเดินเที่ยวเล่นซื้อของทั้งสิ้น
เฮ้อ ชีวิตที่มีเงินแต่มิอาจนำไปจับจ่ายใช้สอยได้ช่างน่าหดหู่ยิ่งนัก
“เจ้าค่ะ รอบาดแผลของท่านหายดีเมื่อไหร่ พวกเราไปซื้อของขวัญกลับไปฝากคนที่บ้านกันดีกว่า ข้าโชคดียิ่งนักที่ได้ติดตามนายหญิงมา คาดว่าหากกลับไปคราวนี้พวกนางจะต้องอิจฉาข ข้าอย่างแน่นอน”
เมื่อออกจากเมืองหลวงว่างเทียนมาแล้ว พวกนางทั้งสองหัวเราะพูดคุยกันตลอดทาง ป๋ายซ่าวเองก็ร่าเริงขึ้นมาก
ชี้มือชี้ไม้ราวกับกำลังวางแผนซื้อของฝากให้กับคนที่จวน
หลินเมิ้งหยาปล่อยให้นางคิดคำนวณอย่างอิสระ นางลอบมองพวกพ่อค้าแม่ขายริมทาง
ท่านแม่จะเคยเห็นสิ่งเหล่านี้หรือไม่?
หากลบตัวตนของนางในชาติก่อนทิ้งไป นางรู้สึกพึงพอใจกับชีวิตในฐานะหญิงสาวแปลกประหลาดที่สุดแห่งต้าจิ้นและหลินเทียนเช่นนี้มาก
ท่านพ่อเคยเล่าว่าพวกเขารู้จักกันท่ามกลางความวุ่นวายของการสู้รบ
ไม่รู้ว่าองค์หญิงผู้ได้รับความรักที่สุดในเมืองหลินเทียนมีความกล้ามากมายขนาดไหนจึงบุกเข้าไปในกองทัพที่มีทหารนับพัน