ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 16 บทที่ 468 เยี่ยมเยียนกะทันหัน
หลินเมิ้งหยานั่งอยู่บนเก้าอี้พลางมองใบหน้าที่บิดเบี้ยวของจั่วหยวนอี
ไตร่ตรองดูเล็กน้อย อาจเพราะเขาต้องการแทะโลมพวกนางทั้งสอง ดังนั้นพวกนางจึงได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากจั่วหยวนอี
สมแล้วที่เป็นคนในตระกูลเดียวกัน แม้กระดูกข้อต่อแขนข้างขวาของจั่วหยวนอีจะถูกถอดออก ทว่าบาดแผลภายนอกแม้แต่เพียงน้อยก็ไม่ปรากฏให้เห็น ยกเว้นเรื่องที่เขาเกือบจะสิ้นสติหม มดลมหายใจ
“หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง…เอ๋? ทำไมถึงสามครั้งเล่า? พวกเรามิได้ตกลงกันไว้เช่นนี้นี่นา อ้อ ข้ารู้แล้ว นี่เจ้ากำลังด่าข้าหรือ?”
หลินเมิ้งหยานับเลขพลางทรมานจั่วหยวนอี
น้ำหูน้ำตาของอีกฝ่ายไหลพราก ขณะที่กำลังถอดกระดูกนิ้วอีกข้อ กลิ่นเหม็นคลุ้งพลันตลบอบอวลจากร่างของเขา
“น่ารังเกียจนัก ช่างเถิด ข้าจะปล่อยเจ้าไปสักครั้ง จำเอาไว้ ข้าถามสิ่งใดเจ้าก็ต้องตอบสิ่งนั้น มิเช่นนั้นเจ้าจงรับความทรมานอยู่ที่นี่ เข้าใจหรือไม่?”
จั่วหยวนอีรีบพยักหน้า ขอเพียงเขาหลุดออกจากความทรมานนี้ไปได้ ต่อให้ต้องขายบรรพบุรุษเขาก็ยอม
หลงเทียนอวี้แค่นหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะง้างปากจั่วหยวนอีแล้วหยิบอุ้งเท้าหมูออก
“จวิ้นจู่ไว้ชีวิตข้าด้วย! ไม่ว่าท่านจะถามอะไร ข้าก็จะตอบท่าน”
จั่วหยวนอีมิกล้าดึงดันอีกต่อไป การทรมานเมื่อครู่อาจทำลายความหยิ่งยโสของเขาไปแล้ว
จั่วชิวอวี้วางแขนข้างที่ถอดกระดูกของจั่วหยวนอีไว้ที่รอบคอของอีกฝ่าย
ขณะเดียวกัน หยาดเหงื่อของจั่วหยวนอีรินไหลดั่งสายฝน เขากลัวว่าแขนข้างนั้นจะหักคอของตนเอง
“เหตุใดบิดาของเจ้าจึงต้องทำป้ายเชิญด้วย? อย่าได้คิดบิดเบือนความจริงเป็นอันขาด เซิ่นจวิ้นอ๋องของพวกเรามิใช่คนใจดีนัก หากเขาจับได้ว่าเจ้าโกหกขึ้นมา ระวังคอเจ้าจะถูกหักตาย! !”
หลินเมิ้งหยาส่งเสียงข่มขู่จนหัวใจของจั่วหยวนอีสั่นระรัวเพราะความหวาดกลัว
ราวกับชีวิตถูกแขวนเอาไว้บนเส้นด้าย ขอเพียงทำให้คนเหล่านี้พึงพอใจ อย่าว่าแต่สารภาพเลย แม้แต่เด็ดหัวบิดามาทำเป็นลูกบอลให้หลินเมิ้งหยาเขาก็ยอม ดังนั้นเขาจึงไม่บ่นอะไรอี ก
“ข้าจะกล้าโกหกเจ้าได้อย่างไร ท่านพ่อของข้าเคยพูดเอาไว้ว่าทั้งหมดนี้ทำเพื่อยับยั้งเจ้ามิให้ไปยังหอป๋ายเฉา ขอเพียงพบเจอพวกเจ้า เช่นนั้นพวกข้าต้องหยุดพวกเจ้าให้ได้
หลินเมิ้งหยาเดาเรื่องนี้เอาไว้อยู่แล้ว
“เกรงว่าคงมิได้ทำขึ้นเพื่อหยุดยั้งข้าเพียงคนเดียวกระมัง พูดออกมา ยังมีใครที่พวกเจ้ารั้งเอาไว้อีก”
เหงื่อผุดเต็มหน้าผากจั่วหยวนอี สุดท้ายเขาก็ละล่ำละลักเล่าสิ่งที่ตนเองรู้ออกมาจนหมด
“ขอเพียงเป็นฝ่ายฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ทุกคนต้องถูกหยุดยั้งเอาไว้ บิดาของข้าจับกุมคนของฮ่องเต้ในจวนอวี้หลงไปหมดแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังมิได้สังหารพวกเขา ขอเพียงพวกเขาปร ริปากเรื่องหอป๋ายเฉา พวกเราจะรีบปล่อยพวกเขาไปในทันที”
แปลกเหลือเกิน คนฝ่ายฮ่องเต้ที่อยู่นอกจวนล้วนถูกยับยั้งมิให้เดินทาง ส่วนคนที่อยู่ภายในล้วนถูกคุมขัง
เรื่องนี้ถูกปกปิดเอาไว้อย่างมิดชิด ไม่ต้องถามก็รู้ว่านี่เป็นกลอุบายที่ใช้ในการต่อต้านเฉินเปี่ยวเกอ
ทว่าการคุมขังขุนนางในราชสำนักเอาไว้มิต่างอันใดจากการที่ฮ่องเต้กำลังถูกฉีกหน้า
หรืออ๋องชิ่งจะกุมสิ่งใดเอาไว้จึงมั่นใจว่าฮ่องเต้จะไม่มีทางคิดบัญชีย้อนหลังกับเขา?
หลินเมิ้งหยารู้สึกว่าเรื่องนี้จะต้องไม่ง่ายอย่างที่คิด
“บิดาของเจ้ามีกลอุบายอันใด? พูดออกมาว่าเขาต้องการอะไรกันแน่?”
คราวนี้หลินเมิ้งหยาเชิดหน้ามองจั่วหยวนอี แต่แม้เขาจะพยายามร้องขอชีวิตอยู่นาน ทว่าไม่มีคำให้การที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อย
แม้หลินเมิ้งหยาขู่ว่าจะถอดกระดูกแขนอีกข้างของเขา เขาก็ทำเพียงมองแต่มิเอ่ยอันใด
ดูเหมือนเขาจะไม่รู้จริงๆ
หลินเมิ้งหยาไตร่ตรองดูอีกครั้ง เขาคงเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ หากนางเป็นอ๋องชิ่ง เช่นนั้นคงไม่มีทางเผยความลับให้จั่วหยวนอีรับรู้
แต่ทุกการกระทำของอ๋องชิ่งล้วนมุ่งร้ายต่อเฉินเปี่ยวเกอ เช่นนั้นจะมิให้นางกังวลได้อย่างไร
ขณะที่นางกำลังไตร่ตรองอยู่นั้น ทางด้านนอกพลันเกิดเสียงการเคลื่อนไหวขึ้น
สัญชาตญาณของนางร้องเตือน จั่วชิวอวี้รีบลงมือทำให้จั่วหยวนอีสลบลงไป
“คุณชาย คุณชายรองเอ่ยว่ามีเรื่องด่วนจึงมาขอเข้าพบขอรับ ไม่รู้ว่าท่านสะดวกหรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาคาดไม่ถึงเลยว่าน้องชายของจั่วหยวนอีจะมาเยี่ยมเยียนกะทันหันเช่นนี้
ปรายตามองจั่วหยวนอีที่สลบไสลมิได้สติ หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ก่อนจะออกจากห้องโถง
“คุณชายกำลังยุ่งจึงไม่มีเวลาพบแขก บอกให้เขากลับไปก่อนเถิด หากคุณชายว่างจะไปหาเขาด้วยตนเอง”
หลินเมิ้งหยาแง้มประตูห้องโถงเพียงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าคนที่มาตอบคือหญิงงามที่คุณชายเพิ่งพาเข้ามา มุมปากของเขาจึงหยักยกอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะถอนตัวออกไป
ท่าทางจะรับมือยากเอาการ หลินเมิ้งหยาตรึกตรอง ก่อนจะหมุนตัวกลับไปปรึกษาหลงเทียนอวี้และจั่วชิวอวี้
“กลัวอะไรเล่า พวกเราแอบหนีออกไปก็พอแล้ว”
จั่วชิวอวี้ไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
หลงเทียนอวี้ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม
“ไม่ได้ หากพวกเราแอบหนีออกไปแล้วล่ะก็ เช่นนั้นยังไม่ทันจะออกจากประตูเมืองก็คงถูกพบตัวแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาจะสามารถจับพวกเราได้อย่างง่ายดาย”
หลงเทียนอวี้และหลินเมิ้งหยาคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน หากพวกเขาอ้อมไปอีกทาง เช่นนั้นคงไปไม่ทันการแข่งขัน
“พวกเจ้าคงมิได้กำลังคิดใช้ประโยชน์จากเจ้านี่ใช่หรือไม่? ตอนนี้มีคนมาแล้ว หากเขาโวยวายขึ้นมา เกรงว่าเรื่องจะยุ่งยากขึ้นกว่าเดิมแล้ว”
จั่วชิวอวี้กลับไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้
“อวี้เปี่ยวเกอ เจ้ารู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจั่วหยวนอีกับน้องชายของเขาหรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาคิดแผนการหนึ่งได้จึงเอ่ยถาม
“คือ…ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเขาพี่น้อง อ้อ จริงสิ ได้ยินมาว่าอ๋องชิ่งรับอุปการะคุณชายรองคนนี้ เขาเป็นคนมีความสามารถมาก ซ้ำยังมีพรสวรรค์โดดเด่น”
คำพูดของจั่วชิวอวี้ทำให้หลินเมิ้งหยาจับเรื่องราวสำคัญบางอย่างได้
เรื่องนี้ง่ายกว่าที่คิด คนหนึ่งเป็นคุณชายเจ้าสำราญมิเอาอ่าว ส่วนอีกคนฉลาดเฉลียวมีความสามารถ หากพวกเขามีความสัมพันธ์อันดีต่อกันคงเป็นเรื่องแปลก
“ข้าจะไปรับรองคุณชายรองผู้นั้นด้วยตัวเองสักหน่อย พวกเจ้าวางใจ ข้าจะพูดให้เขาเชื่อจนได้ ขอเพียงพวกเจ้าควบคุมจั่วหยวนอีได้ ข้าจะถอนตัวออกมาทันที”
หากพี่น้องสองคนนี้มีความขัดแย้งกันจริงแล้วล่ะก็ เช่นนั้นนางจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้
แม้จะไม่มีความขัดแย้งต่อกัน แต่ก็ใช่ว่านางจะทำให้พวกเขาขัดแย้งกันไม่ได้นี่
ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นคนของอ๋องชิ่ง งูกับหนูอยู่รูเดียวกัน เช่นนั้นจะเป็นคนดีได้อย่างไร?
หลงเทียนอวี้รู้สึกกังวลใจอยู่หลายส่วน แต่เพราะหลินเมิ้งหยายังคงยืนยันคำเดิม ซ้ำตอนนี้พวกเขายังไม่มีหนทางอื่น
ทำได้เพียงปล่อยหลินเมิ้งหยาให้ไปเผชิญหน้ากับอันตราย แต่ถึงกระนั้นก็ตกลงกันเอาไว้ว่าหากนางยังไม่กลับมาภายในระยะเวลาจิบชาถ้วยหนึ่ง เช่นนั้นหลงเทียนอวี้จะไปหานางทันที
กำชับอีกสองสามคำ หลินเมิ้งหยาจึงจัดเสื้อผ้าแล้วพาป๋ายซ่าวออกไป
เพียงเดินออกจากประตูห้องโถง พวกคนรับใช้พลันกรูเข้ามารับใช้
ทว่าเมื่อพวกเขาเห็นว่าคนที่เดินออกมามีเพียงหญิงสาวทั้งสอง แต่กลับไร้เงาของคุณชายใหญ่ ดังนั้นความสงสัยจึงเกิดขึ้น
“คุณชายกำลังยุ่ง พวกเจ้าอย่าเพิ่งไปรบกวนเขาเลย หากคุณชายอารมณ์ไม่ดี เช่นนั้นพวกเจ้าคงโดนโบยจนตาย”
หลินเมิ้งหยาแสดงสีหน้าเคร่งขรึม หัวคิ้วขมวดมุ่น พวกคนรับใช้จึงรู้สึกกริ่งเกรง
ผู้หญิงที่คุณชายพามาส่วนใหญ่ล้วนร้องห่มร้องไห้ประหนึ่งจะขาดใจ แต่สุดท้ายแล้วพวกนางก็ถูกคุณชายเก็บเอาไว้ใช้งาน
พวกผู้หญิงเหล่านั้นล้วนหวั่นไหวไปกับเงินทองของคุณชายทั้งสิ้น
ทว่าแม่นางตรงหน้ากลับกุมอำนาจของเจ้านายตนเองเอาไว้แล้ว ดังนั้นแม้พวกเขาจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ถึงกระนั้นก็มิกล้าเอ่ยสิ่งใด
นางเป็นคนโปรดของคุณชาย เช่นนั้นใครจะกล้าทำให้นางขุ่นข้องหมองใจกัน
“คุณชายรองเล่า? คุณชายใหญ่ยังไม่มีเวลาออกมาต้อนรับเขา ฉะนั้นข้าจึงจะเป็นผู้ไปรับแขกเอง นำทางไปเถิด อย่าให้คุณชายต้องรอนานเลย”
หลินเมิ้งหยาแสร้งทำท่าทีไม่มีความอดทน พวกคนรับใช้ไม่กล้าพิรี้พิไรแล้วรีบเดินนำทางทันที
แม้จะเอ่ยว่าเขาเป็นคุณชายรอง แต่เพียงหลินเมิ้งหยาได้เห็นห้องด้านข้างนางก็รู้ได้ทันทีว่าตนเองเดาถูกแล้ว
จั่วหยวนอีจะต้องไม่ยอมรับในตัวน้องชายผู้ถูกอุปการะมาผู้นี้อย่างแน่นอน ฉะนั้นจึงไม่มีแม้แต่คนยกน้ำชามาให้
ภายในห้องด้านข้าง คุณชายรองนั่งอยู่ที่นั่น ใบหน้าของเขาแตกต่างจากจั่วหยวนอีโดยสิ้นเชิง เขามีความสุขุมเคร่งขรึมกว่าจั่วหยวนอีมาก
แต่งกายเหมือนคุณชายธรรมดาทั่วไป ไม่มีเครื่องประดับมีค่าสวมใส่
“ท่านคือคุณชายรองใช่หรือไม่? ตอนนี้คุณชายใหญ่กำลังมีงานยุ่ง มิอาจออกมารับแขกได้ หากคุณชายรองมีสิ่งใดต้องการจะพูด เช่นนั้นได้โปรดบอกข้าเถิด”
หลินเมิ้งหยาพาป๋ายซ่าวเข้าไปหาคุณชายรองโดยเว้นระยะห่างเอาไว้พอสมควร
ครู่ต่อมาชายตรงหน้าจึงเบนสายตาขึ้นสบกับนาง
เพียงมองปราดเดียวหลินเมิ้งหยาก็รู้ได้ทันทีว่าเขามิใช่คนธรรมดา
ดวงตาคู่นั้นสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด ราวกับไร้เยื่อใยต่อทุกสรรพสิ่ง
สีหน้าบ่งบอกถึงความรังเกียจนางอยู่หลายส่วน ทว่าดวงตากลับมิเผยห้วงอารมณ์ใดๆ
ยอดฝีมือ เขาแตกต่างจากจั่วหยวนอีมาก
“งาน? พี่ชายที่มักจะเมาเหล้าเคล้านารีผู้นั้นมีงานทำกับเขาด้วยหรือ? เจ้าจงไปบอกเขาว่าอย่าได้ทำเรื่องที่ท่านพ่อกำชับไว้ผิดพลาดเป็นอันขาด”
น้ำเสียงเยียบเย็น แม้จะอยู่ต่อหน้านาง ทว่าเขากลับไม่ปกปิดความแค้นเคืองที่มีต่อพี่ชาย
“ข้าจะส่งข่าวต่อให้เจ้าค่ะ หากคุณชายรองไม่มีสิ่งใดจะเอ่ยแล้ว เช่นนั้นข้าต้องขอตัวแล้ว”
แม้จะได้เจอกันเพียงหนเดียว แต่นางก็ได้รับรู้เรื่องราวที่จำเป็นแล้ว
“ช้าก่อน”
คิดไม่ถึงเลยว่าคุณชายรองจะรั้งนางเอาไว้
สีหน้าของหลินเมิ้งหยายังคงเดิม สายตาเลื่อนขึ้นจ้องเขาอย่างมิหวั่นเกรง
“เหตุใดข้าจึงไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน เจ้าเป็นคนที่ไหน? ทำงานอะไร?”
คุณชายรองจ้องนางนิ่ง แววตาเสมือนกำลังถามหยั่งเชิง
หลินเมิ้งหยารู้ดีว่าตนเองเป็นคนแปลกหน้า ดังนั้นย่อมมีคนสงสัยเป็นธรรมดา
นางกระตุกยิ้ม ก่อนจะเอ่ยตอบ
“คุณชายใหญ่เพิ่งรับข้าเข้ามาอยู่ที่นี่ ดังนั้นคุณชายย่อมไม่เคยเห็นข้ามาก่อน”