ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 16 บทที่ 469 โทสะสูงเสียดฟ้า
“เช่นนั้นหรือ? แต่เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเจ้ามิใช่คนธรรมดากันเล่า?”
อยู่ๆ สายตาของคุณชายรองก็เจืออารมณ์นึกสนุก หลินเมิ้งหยารู้ได้ทันทีว่านางทำพลาดไปเรื่องหนึ่ง
ก้มหน้าต่ำราวกับต้องการแอบซ่อนรอยยิ้มขวยเขิน ไตร่ตรองในใจว่าควรแก้สถานการณ์ตรงหน้าเช่นไร
“คุณชายล้อเล่นแล้ว ข้าเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาๆ เท่านั้น หากคุณชายไม่นึกรังเกียจก็นับว่าเป็นโชคของข้าแล้ว”
หลินเมิ้งหยาตอบคำถามด้วยความระมัดระวัง นางไม่ควรมีท่าทีสงบนิ่งเช่นนี้ตั้งแต่แรก
ทุกคนล้วนรู้ดีว่าจั่วหยวนอีเป็นคนเช่นไร
ผู้หญิงของเขาล้วนเป็นสาวชาวบ้านหรือไม่ก็สาวงามมีเสน่ห์เย้ายวน
คงต้องตำหนินางแล้วที่ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
สตรีท่าทางสุขุม ไร้ซึ่งอากัปกิริยายั่วยวน หากไม่มีความลับที่มิอาจบอกผู้ใดได้ เช่นนั้นจะยอมลดตัวลงมาเป็นนางบำเรอของจั่วหยวนอีได้อย่างไร
หลินเมิ้งหยาเกรงว่าความผิดพลาดในคราวนี้จะก่อให้เกิดความสงสัยในใจของคุณชายรอง
“แต่ไหนแต่ไรมาสายตาของพี่ชายข้าไม่เคยแหลมคม แต่แม่นางเช่นเจ้ากลับพยายามอย่างยิ่งที่จะอยู่ข้างกายพี่ชายของข้า บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนส่งเจ้ามา? เจ้ามาอยู่ข้างกายคุณชาย ยด้วยเหตุใด!”
แสงแห่งความเย็นชาวาดลงบนดวงตาของบุรุษตรงหน้า หลินเมิ้งหยารู้สึกได้ว่าลำคอของนางเย็นเฉียบเพราะปลายมีดคมกริบวางลงบนบ่าของนาง
ลมหายใจเข้าออกถี่ขึ้นเล็กน้อย หากเอ่ยว่าไม่กลัวคงโกหก
เวลาหนึ่งถ้วยชายังไม่หมดลง ป๋ายซ่าวถูกสายตาของคุณชายรองจ้องเขม็ง
หากป๋ายซ่าวกล้าวิ่งหนีไป เช่นนั้นหลินเมิ้งหยาก็คงไม่มีทางรอด
คุณชายรองไม่เหมือนเจ้าคนไร้ประโยชน์นั่นเลยแม้แต่น้อย
สายตาไร้ซึ่งความลังเล
“คุณ…คุณชายรอง…ท่าน…ท่านคิดจะทำอะไร….”
หลินเมิ้งหยาจงใจแสดงท่าทีหวาดวิตกแต่พยายามทำตัวให้สุขุมมากที่สุด
สายตาไม่กล้าสบมองคุณชายรอง แต่กลับกลิ้งกลอกหลุกหลิก อีกทั้งยังมีน้ำตาเอ่อคลอ
“แน่นอนว่าข้าต้องการชีวิตของเจ้า หากใบหน้างดงามของเจ้าหลุดออกจากลำคอ เช่นนั้นคงเป็นเรื่องน่าเสียดาย ขอเพียงเจ้าตอบคำถามอย่างจริงใจว่าใครเป็นคนส่งเจ้ามา เช่นนั้นข้าจะไว้ชี วิตเจ้า”
คุณชายปรายสายตาเย็นเยียบมองนาง ทว่าปลายมีดกลับขยับเข้าใกล้ลำคอยาวระหงทีละน้อย
“คุณชาย…ท่านล้อข้าเล่นแล้ว ข้า…ข้าเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา ข้า…ข้าจะมีคนคอยบงการได้อย่างไร…”
แม้เสียงของหลินเมิ้งหยาจะสั่นเทิ้ม ทว่าคำพูดกลับเผยเบาะแสออกมาโดยมิได้ตั้งใจ
ผลปรากฏว่าสายตาของคุณชายรองพลันหรี่เล็กลง เขาจับผิดคำพูดของนางได้ ดังนั้นจึงออกแรงที่แขนมากขึ้นขณะส่งสายตาเค้นถามนาง หลินเมิ้งหยารู้สึกได้ถึงอาการเจ็บแสบที่ลำคอ
กลิ่นเลือดลอยคละคลุ้งเตะจมูกของนาง
แย่แล้ว ดูเหมือนคุณชายรองคนนี้จะเอาจริง
กัดริมฝีปาก ท่าทางของหลินเมิ้งหยาเสมือนคนตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว ดังนั้นจึงเลื่อนสายตาขึ้นสบมองคุณชายรองอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“ถูกต้อง ในเมื่อถูกคุณชายรองจับได้แล้ว ข้าเองก็ไม่คิดปิดบัง ข้าถูกส่งมาสร้างความสัมพันธ์กับคุณชายใหญ่ แต่ก่อนที่ข้าจะบอกว่าเขาเป็นใคร เช่นนั้นท่านต้องรับปากก่อนว่าจะ ะมิทำอันใดข้า!”
หลินเมิ้งหยาแสร้งทำท่าทีประหนึ่งถูกบีบบังคับ คุณชายรองเองก็คล้อยตาม
มุมปากหยักยิ้มเย็น ก่อนจะขยับดาบในมือออก
“พูดออกมา หากเจ้าพูดความจริงแล้วล่ะก็ เช่นนั้นข้าจะปล่อยเจ้าไป แต่หากเจ้าบังอาจหลอกข้า เจ้าจะไม่มีทางหนีรอดได้”
มั่นใจแล้วว่าคำพูดของตนเองดึงดูดความสนใจของเขาสำเร็จ แต่ถึงกระนั้นนางก็มิได้ชะล่าใจ
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง เมื่อครู่นางเพิ่งจะเค้นถามจั่วหยวนอี ตอนนี้กลายเป็นนางถูกเค้นถามเสียเอง
“สั่งให้สาวใช้ของเจ้าเข้ามา อย่าได้คิดเล่นตุกติกเป็นอันขาด”
ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางคนนี้จะต้องถูกเขาข่มขู่จนหวาดกลัวแทบสิ้นสติแล้วอย่างแน่นอน
คุณชายรองลดดาบลง ทว่าสายตายังคงเย็นชาจนคนมองอดที่จะรู้สึกหวาดหวั่นมิได้
หลินเมิ้งหยาเชื่อฟังแต่โดยดี ยังไม่ทันจะออกคำสั่ง ป๋ายซ่าวก็เข้ามายืนด้านหลังนายหญิงแล้ว
พวกนางล้วนคิดเห็นเช่นเดียวกันนั่นก็คือจะต้องถ่วงเวลาเอาไว้ให้ได้นานที่สุด จนกระทั่งหลงเทียนอวี้และจั่วชิวอวี้สังเกตเห็นความผิดปกติ พวกนางก็จะได้รับการช่วยเหลือ
หลินเมิ้งหยาแอบตบหลังมือป๋ายซ่ายเบาๆ เพื่อปลอบโยน นางจะเป็นผู้แก้ปัญหาทั้งหมดนี้เอง
“ไม่ทราบว่าคุณชายรองอยากรู้เรื่องใด?”
หลินเมิ้งหยายืนอยู่ด้านหน้าคุณชายรองด้วยท่าทีระแวดระวัง สายตาจับจ้องทุกการกระทำของเขา
“ข้าถามว่าใครเป็นผู้ส่งเจ้ามา?”
คุณชายรองวางดาบลงบนโต๊ะพลางเอ่ยถามแม่นางตรงหน้าอย่างมิตั้งใจ
“ฮ่องเต้เป็นผู้ส่งพวกเรามาเจ้าค่ะ”
นางมิได้โป้ปด หลินเมิ้งหยารู้ดีว่ามิอาจโกหกบุรุษผู้นี้ได้ ดังนั้นนางจึงพูดความจริงผสมคำลวงเพื่อมิให้เผยพิรุธใดๆ ออกมา
“ฮ่องเต้? ฮ่องเต้ส่งพวกเจ้ามา?”
แม้จะได้ยินคำว่าฮ่องเต้ แต่สีหน้าคุณชายรองก็มิได้รู้สึกกระวนกระวายแต่อย่างใด
ดูท่าว่าแม้แต่คนผ่านทางยังล่วงรู้ความคิดของอ๋องชิ่ง ดังนั้นคุณชายทั้งสองของจวนจึงไม่แม้แต่จะเห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตา
“ฮ่องเต้ส่งพวกเรามาแฝงตัวอยู่ที่นี่และรอคำสั่งต่อไปเจ้าค่ะ”
หลินเมิ้งหยาใช้ร่างของตนบังป๋ายซ่าวไว้
นางล้วนเป็นผู้ตอบคำถามทั้งหมด ดังนั้นคุณชายรองอาจสงสัยและถามหยั่งเชิงตนเองกับป๋ายซ่าว
ไม่รู้ว่าป๋ายซ่าวจะสามารถตอบคำถามได้ลื่นไหลดั่งเช่นนางหรือไม่
“พวกเจ้าทั้งคู่ล้วนเป็นสายลับของฮ่องเต้?”
คุณชายรองเห็นการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของทั้งสอง หลินเมิ้งหยารีบพยักหน้า ตอนนี้ทำได้เพียงฉุดป๋ายซ่าวลงน้ำด้วยกันจึงจะสามารถช่วยชีวิตนางเอาไว้ได้
“ฮึ ฮ่องเต้น้อยช่างน่าสนใจยิ่งนัก เขารู้ว่าพี่ชายของข้าเป็นคนเจ้าชู้ ดังนั้นจึงส่งหญิงงามเช่นพวกเจ้ามาล่อหลอกเขา แต่น่าเสียดาย พวกผู้หญิงโดยเฉพาะสาวงามล้วนไม่น่าเชื่อถือทั้ งสิ้น”
ความคิดกีดกันทางเพศเช่นนี้ทำให้หลินเมิ้งหยาเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของคุณชายรองได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ความคิดของผู้ชายในระบบศักดินาล้วนมองผู้หญิงเป็นเพียงสิ่งของหรือของเล่น
แต่สุดท้ายแล้วย่อมมีวันที่พวกเขาต้องถึงคราวพินาศเพราะสตรี
“คุณชายรอง ตอนนี้ข้าบอกสิ่งที่ท่านต้องการไปหมดแล้ว หวังว่าท่านจะทำตามสัญญาแล้วปล่อยพวกเราไป ข้ารับรองว่าข้าจะไม่มีวันปรากฏตัวให้ท่านเห็นอีก”
คุณชายรองมองพวกนางทั้งสอง แต่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร
หัวใจของหลินเมิ้งหยาเต้นตึกตักดั่งกลอง
หวังว่าพวกเขาจะสังเกตเห็นความผิดปกติแล้วรีบมาช่วยพวกนาง
“ปล่อยพวกเจ้าไป? ข้าบอกแล้วหรือว่าจะปล่อยพวกเจ้าไปทั้งคู่? ในเมื่อพวกเจ้ามาที่นี่แล้ว เช่นนั้นก็ทิ้งเอาไว้ที่นี่สักคนเถิด”
ป๋ายซ่าวรีบดันตัวหลินเมิ้งหยาออก ก่อนจะเอ่ยอย่างกล้าหาญ
“ข้า…ข้าจะอยู่ที่นี่เอง ท่านปล่อยนางไปเถิด ข้าจะทำทุกอย่างที่ท่านสั่ง”
หลินเมิ้งหยารู้อยู่แล้วว่าป๋ายซ่าวจะต้องยอมเสียสละตัวเองเพื่อนาง แต่นางรู้สึกได้ว่าชายตรงหน้ามิใช่คนดี
“พวกเจ้ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งยิ่งนัก ไม่ง่ายเลยที่จะพบพวกผู้หญิงที่ยอมสละชีวิตเพื่อช่วยมิตรสหาย ดี ข้าจะทำตามความต้องการของพวกเจ้า”
หัวใจของหลินเมิ้งหยาร้องตะโกนว่าแย่แล้ว แต่ป๋ายซ่าวกลับรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าทันทีที่มุมปากของป๋ายซ่าวกระตุกยิ้มขึ้น ปลายดาบสีเงินวาววับพลันแทงทะลุหน้าอกของนาง
โลหิตสีแดงฉานอาบชโลมปลายดาบที่โผล่พ้นร่าง สมองของหลินเมิ้งหยาขาวโพลนในทันใด
ดวงตาจับจ้องเพียงคมดาบที่หน้าอกของป๋ายซ่าว
“ฮึ น่าเสียดายดาบเล่มนี้ยิ่งนัก ข้าไม่สนใจหรอกว่าใครเป็นผู้ส่งพวกเจ้ามา จงกลับไปบอกเจ้านายของพวกเจ้าว่าหากคิดจะเข้ามายุ่งกับอ๋องชิ่งแล้วล่ะก็ จุดจบของเขาจะเป็นเหมือนก กันกับนาง”
ปล่อยมือออก สีหน้าเย็นชาของคุณชายรองจุดเพลิงพิโรธในใจหลินเมิ้งหยา
อาจเพราะยังมิได้ดึงดาบออก ดังนั้นแม้บาดแผลของป๋ายซ่าวจะลึก แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ตายในทันที ร่างกายซวนเซถอยหลังสองสามก้าว ก่อนจะทรุดนั่งลงบนเก้าอี้
ขณะเดียวกันหลินเมิ้งหยารีบเข้าไปรับตัวของป๋ายซ่าวเอาไว้
แต่เพราะนางขยับได้เพียงแขนซ้าย ดังนั้นจึงทำให้เลือดของป๋ายซ่าวไหลเร็วขึ้น
“นาย…นายหญิง…”
เสียงอ่อนแรงดังลอดมาจากกลีบปากสีเชอรี่ของนาง
หัวใจของหลินเมิ้งหยาราวกับถูกทำร้ายมหันต์
ความตาย…ความตายอยู่เบื้องหน้าของนางอีกครั้งแล้ว
แต่คราวนี้นางทำให้ป๋ายซ่าวต้องแบกรับความตายแทนนาง
ราวกับสมองแตกออกเป็นหลายส่วน หลินเมิ้งหยากอดร่างป๋ายซ่าวเอาไว้แน่น แต่กลับพูดไม่ออกแม้แต่ครึ่งคำ
“อย่า…อย่าเสียใจ รีบ…รีบหนีไป…”
ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่าง โลหิตสีชาดไหลพุ่งราวกับต้องการจะพรากลมหายใจของนางได้ทุกเวลา
นางเจ็บปวดเหลือเกิน ทั้งที่รู้ตัวอยู่แล้วว่าไม่มีทางรอด แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังเป็นห่วงเจ้านายของตนเอง
“ข้าช่วยเจ้าได้! ข้าจะช่วยเจ้า! ป๋ายซ่าว เจ้าอดทนเอาไว้ได้ยินหรือไม่! ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าตาย!”
พยายามบังคับตัวเองให้เข้มแข็ง นางจะต้องสงบนิ่ง
แต่กลิ่นคาวเลือดทำให้นางทำอะไรไม่ถูก
“นางใกล้จะตายเต็มทีแล้ว เจ้ายังไม่รีบหนีอีกหรือ?”
เสียงเยียบเย็นดังขึ้นกระทบหูของหลินเมิ้งหยา
ความปวดร้าวทรมานและโกรธเกรี้ยวทำให้หลินเมิ้งละทิ้งความหวาดกลัวของตนเอง
ตวัดสายตาจ้องฆาตกรตรงหน้าอย่างมิกลัวเกรง
“พวกเจ้าอยากจับข้ามิใช่หรือ? เข้ามาสิ ข้าอยู่ที่นี่แล้วอย่างไรเล่า! จวนอ๋องชิ่งกระนั้นหรือ? วันนี้เจ้าทำร้ายคนของข้า สักวันหนึ่งข้าจะกวาดล้างตระกูลของเจ้า!”
ใบหน้าของนางบิดเบี้ยว น้ำเสียงเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง
เสียงตะคอกของนางเสมือนดังขึ้นมาจากนรก แม้แต่คุณชายรองผู้มีความสุขุมอยู่เสมอยังอดที่จะหวั่นเกรงมิได้
ขณะเดียวกันเขาเข้าใจความหมายของนางในทันใด
เขาผงะ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นลิงโลด
หรือนางจะเป็นคนที่ท่านพ่อบอกว่าหากจับได้แล้วจะสามารถทำการใหญ่ได้สำเร็จคนนั้น?
ใช่แล้ว! แม้ใบหน้าของนางจะบิดเบี้ยวเพราะโทสะ แต่ถึงกระนั้นก็คล้ายกับใบหน้าในภาพวาดมาก
ก่อนหน้านี้เขาไม่ทันได้มองให้ดี ดังนั้นจึงจดจำนางไม่ได้