ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 16 บทที่ 471 ประโยชน์ร่วมกัน
“เจ้ากล่าว…ได้ไม่เลว แต่ดูเหมือนคุณชายชิ่งจะไม่มีใจจงรักภักดีต่อฮ่องเต้ ข้าเป็นญาติผู้น้องของฮ่องเต้ เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะหักหลังพระองค์เพื่อมาช่วยเจ้าใช่หรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาหลอกล่อความสนใจของเขาทีละน้อย อันที่จริงแม้แต่นางก็คาดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะมาถึงขั้นนี้
นางยิ่งไม่รู้เลยว่าเมื่อก่อนอ๋องชิ่งเคยพูดเรื่องนี้กับบุตรชายทั้งสอง
คราวนี้หากหนึ่งในพวกเขาสามารถจับตัวอันเล่อจวิ้นจู่ได้ ตำแหน่งอ๋องชิ่งก็จะถูกส่งมอบให้บุตรคนนั้น
การต่อสู้กันในคราวนี้สร้างความร้าวฉานระหว่างสองพี่น้องจนตั้งตนเป็นศัตรูกัน ดังนั้นทันทีที่หลินเมิ้งหยาเอ่ยว่าคุณชายรองหนีไปได้ จั่วหยวนอีจึงอึ้งงันอยู่กับที่
เขาคิดว่าตนเองถูกแย่งชิงอำนาจและตำแหน่งอ๋องชิ่งไปแล้ว
ดังนั้นเขาจึงคิดร่วมมือกับหลินเมิ้งหยาเพื่อรักษาตำแหน่งผู้สืบทอดของอ๋องชิ่งเอาไว้
บางทีนี่อาจเป็นการช่วยเหลือจากสวรรค์
“นั่นเป็นความคิดที่ผิดพลาดของท่านพ่อ อันที่จริงการที่ท่านพ่อแย่งชิงตำแหน่งกับฮ่องเต้เป็นเพราะถูกพวกสารเลวยั่วยุต่างหาก หากข้าได้ตำแหน่งนี้มาครอง ข้าจะเป็นพันธมิตรกับ บฮ่องเต้ หากจวิ้นจู่สามารถช่วยเหลือข้าชิงตำแหน่งกลับคืนมาได้ เช่นนั้นอย่าว่าแต่ความแค้นของพวกเราได้รับการสะสางเลย ข้าจะช่วยท่านทำให้ฮ่องเต้ได้มีตำแหน่งที่มั่นคงในราชอาณาจ จักรแห่งนี้”
จั่วหยวนอีคิดอยากร่วมมือกับหลินเมิ้งหยา โดยที่เขาลืมไปแล้วว่าต่อให้เขาได้ตำแหน่งอ๋องชิ่งมา จั่วชิวเฉินก็ไม่มีวันละเว้นเขา
ทว่าตอนนี้สมองของเขาไม่มีทางคำนึงถึงเรื่องนี้
เวลาล่วงเลยนาทีแล้วนาทีเล่า หลินเมิ้งหยาเริ่มร้อนใจ แม้สีหน้าจะยังคงสงบนิ่งก็ตาม
เมื่อเห็นว่าจั่วหยวนอีเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอออกมาก่อน นางรู้ได้ในทันทีว่าเรื่องนี้ประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
“หากคิดจะให้ข้าช่วยเจ้านั้นไม่ยาก แต่ข้าต้องดูความจริงใจของเจ้าก่อน พวกเราเองก็มีเรื่องบาดหมางกันอยู่ หากข้าปล่อยเจ้าเสียตอนนี้ เช่นนั้นเจ้าจะไม่รีบหันหน้ามาแว้งกัดข้า หรอกหรือ?”
หลินเมิ้งหยาจงใจแสดงท่าทีลำบากใจ ผิดกับจั่วหยวนอีที่ร่างกายสั่นเทาเพราะกลัวว่าแม่นางตรงหน้าจะลงมือฆ่าตนเอง
“ข้าจริงใจต่อท่านอย่างแน่นอน อีกอย่างพวกเราเพียงแค่เข้าใจผิดกันเท่านั้นมิใช่หรือ? มิเช่นนั้นข้าจะตั้งตนเป็นศัตรูกับจวิ้นจู่เพราะเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นได้อย่างไร?”
จั่วหยวนอีเร่งแสดงความจริงใจ หลินเมิ้งหยามองเขาด้วยสายตาลังเล แต่หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้ว หลินเมิ้งหยาเชื่อเขาอยู่หลายส่วน
“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน เจ้าเขียนคำสัญญาเพื่อเป็นหลักฐานแสดงความจริงใจว่าพวกเราร่วมมือกันมาหนึ่งฉบับเถิด ข้าจะช่วยเจ้าต่อกระดูกให้เอง รับรองว่าเจ้าไม่มีทางพิการอย่างแน่นอน ส ส่วนเรื่องช่วยเจ้าชิงตำแหน่งอ๋องชิ่งให้ถือว่าเป็นค่าชดเชยที่ข้ามอบให้แก่เจ้า เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”
จั่วหยวนอีคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องดีๆ เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับตนเอง
เขารีบแสดงความจริงใจโดยแทบจะควักหัวใจออกมาวางต่อหน้านาง
“ไม่มีปัญหา! ขอเพียงเป็นคำสั่งของจวิ้นจู่ ไม่ว่าสิ่งใดข้าก็พร้อมจะทำ”
ตอนแรกจั่วหยวนอีคิดว่าวันนี้จะต้องตายคามือหลินเมิ้งหยาเสียแล้ว
แต่ใครจะรู้เล่าว่าเขาจะได้รับการช่วยเหลือเช่นนี้ เช่นนั้นจะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไร
แม้แขนขวาจะได้รับบาดเจ็บ แต่ตำแหน่งอ๋องชิ่งกลับดึงดูดเขาได้มากกว่า
“ดี ในเมื่อคุณชายเห็นด้วย เช่นนั้นข้าก็เชื่อเจ้าไปแล้วสามส่วน”
ขณะเดียวกันหลงเทียนอวี้ที่จัดการคุณชายรองเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้ามาภายในห้องโถง
เมื่อหลินเมิ้งหยาเห็นว่าทุกคนมาพร้อมหน้าแล้ว นางจึงไม่คิดรั้งจั่วหยวนอีเอาไว้อีกต่อไป
“หากปล่อยเอาไว้นานแขนของเจ้าก็อาจจะพิการได้ เอาแบบนี้แล้วกัน เจ้ากับอ๋องอวี้ช่วยกันออกไปซื้อยามารักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าก่อนเถิด”
แม้หลงเทียนอวี้จะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นใบหน้าดีอกดีใจราวกับเก็บทองได้ของจั่วหยวนอี เขาก็รู้ได้ทันทีว่าหลินเมิ้งหยาทำให้จั่วหยวนอีตกหลุมพรางสำเร็จ จแล้ว
เหตุที่ส่งเขาไปกับจั่วหยวนอี นั่นคงเพราะต้องการให้เขาจับตามองชายคนนี้เอาไว้อย่างแน่นอน
ปรายตามองเจ้าคนไร้ประโยชน์ด้วยสายตาเย็นชาเพื่อเป็นการเตือน
แน่นอนว่าจั่วหยวนอีย่อมให้ความสำคัญกับแขนขวาของตนเอง แม้จะยังคงหวาดกลัวอยู่มาก แต่ถึงกระนั้นก็ยังส่งสายตาวิงวอนขอให้หลินเมิ้งหยารักษาอาการของตนเองโดยเร็ว
หลินเมิ้งหยามิใช่คนโง่ นางหาพู่กันและกระดาษมาขีดเขียนรายชื่อตัวยาทั้งหมด
ส่วนใหญ่ล้วนเป็นยาที่จำเป็นในการรักษาอาการบาดเจ็บของป๋ายซ่าว แต่แน่นอนว่าสามารถใช้รักษาอาการบาดเจ็บของจั่วหยวนอีได้เช่นเดียวกัน
อันที่จริงแขนของเขาเพียงถูกดึงให้กระดูกเคลื่อนออกจากกันเท่านั้น มิได้บาดเจ็บร้ายแรงแต่อย่างใด
ขอเพียงมีหลงเทียนอวี้คอยจับตามอง หลินเมิ้งหยาเชื่อว่าเขาไม่มีทางเล่นตุกติกได้
เวลายังไม่ทันครบชั่วโมง ยาทั้งหมดล้วนถูกนำมาวางตรงหน้าหลินเมิ้งหยา
จั่วชิวอวี้ประเมินอาการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าใบหน้าป๋ายซ่าวจะขาวซีด แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีโอกาสรอด
ขอบคุณฟ้าดิน อย่างน้อยคมดาบของคุณชายรองก็เสียบไม่โดนหัวใจของนาง
ดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงยังมีโอกาสรักษาป๋ายซ่าว
“ยามาแล้ว แต่จะจัดการยาเหล่านี้เช่นไร?”
ยาทั้งหมดมีราวร้อยห่อ จั่วชิวอวี้จึงรู้สึกท้อใจขึ้นมา
ยิ่งไปกว่านั้นหลินเมิ้งหยายังผสมสูตรยาสามสูตรเข้าด้วยกัน แม้แต่เขาเองยังอดที่จะรู้สึกขนลุกชันมิได้
“ข้าทำเอง พวกเจ้าออกไปเตรียมหม้อใบใหญ่มา”
คำขอร้องของหลินเมิ้งหยาทำให้หลงเทียนอวี้และจั่วชิวอวี้มองตาค้าง
ที่นี่หาใช่จวนของพวกเขา เช่นนั้นพวกเขาจะไปหาหม้อจากที่ใด?
เมื่อจั่วหยวนอีเห็นว่าถึงคราวที่ตนเองจะได้หน้า เขาจึงรีบลุกขึ้นแล้วเอ่ย
“โรงครัวมีอยู่พ่ะย่ะค่ะ เชิญจวิ้นจู่เสด็จตามข้ามาเถิด”
เหลือบมองเจ้าของเสียงประจบประแจง หลงเทียนอวี้และจั่วชิวอวี้ต่างถลึงตาจ้องเขาเขม็ง
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับมิสนใจสิ่งใด นางหอบห่อยาทั้งหมดเดินตามจั่วหยวนอีไปที่โรงครัว
หลงเทียนอวี้อยู่เฝ้าป๋ายซ่าว จั่วหยวนอีเดินนำหน้า ส่วนหลินเมิ้งหยาและจั่วชิวอวี้เดินตามหลัง
ไม่นานทั้งสามก็มาถึงโรงครัว พวกแม่ครัวและเสี่ยวซีปรี่เข้ามาคารวะ
“ออกไป ออกไป ห้ามเข้ามาที่นี่”
แม้จั่วหยวนอีจะมิกล้าเบ่งอำนาจกับหลินเมิ้งหยา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังสามารถทำให้พวกคนรับใช้หวั่นเกรงได้
ไม่นานโรงครัวก็เหลือเพียงพวกเขาทั้งสาม
หลินเมิ้งหยากวาดสายตามองทั่วทุกทิศ ก่อนจะเลือกหม้อที่ใหญ่ที่สุดในโรงครัว
เตาฟืนยังคงมีไฟอยู่ หลินเมิ้งหยาแกะห่อยาออกเพื่อตรวจสอบ
“พวกเจ้าช่วยข้าจุดไฟ จำเอาไว้ว่าห้ามมิให้ไฟมอด แต่ก็ห้ามลุกโชนจนเกินไป เข้าใจหรือไม่?”
จั่วหยวนอีและจั่วชิวอวี้รีบพยักหน้า ทั้งสองที่เป็นคุณชายสูงศักดิ์มิเคยย่างกรายเข้ามาในโรงครัวมาก่อนผันตัวเป็นปรมาจารย์ควบคุมเปลวไฟในทันที
น้ำถูกเทเข้าไปราวครึ่งหม้อ ไม่นานควันก็ลอยขึ้นจากผิวน้ำ สุดท้ายจึงเดือดปุดๆ
หลินเมิ้งหยาเห็นว่าได้ที่แล้ว นางจึงเทยาทั้งหมดลงไปทีละห่อ
ขณะเดียวกัน กลิ่นยาที่ผสมเข้ากับน้ำเดือดลอยตลบอบอวลไปทั่วทั้งโรงครัว
ไม่เพียงจั่วชิวอวี้เท่านั้น แม้แต่จั่วหยวนอีเองก็มิเคยเห็นวิธีการปรุงยาเช่นหลินเมิ้งหยามาก่อน
จั่วหยวนอีหันไปเห็นแม่นางคนงามที่มีดาบแทงอกอยู่ด้านหลังห้องโถงจึงรู้ได้ทันทีว่าเขามิได้จ่ายเงินซื้อยาเพื่อรักษาตนเองแล้ว
ชิงเจิงผู่ช่างเป็นตำราที่แปลกประหลาดยิ่งนัก เมื่อยาธรรมดาสามัญถูกต้มโดยผ่านวิธีการที่ถูกต้องแม่นยำจึงจะสามารถดึงฤทธิ์ในการรักษาออกมาได้
สูตรยามิได้เขียนเอาไว้ว่าต้องใช้หม้อใบใหญ่ แต่ถึงกระนั้นก็ต้องจุดไฟต้มน้ำให้เดือด จากนั้นจึงใส่ยาตามลำดับ
ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องควบคุมไฟให้ดี จากนั้นจึงใส่ตัวยาสุดท้าย หลังจากต้มจนได้ที่จึงจะเสร็จ
แน่นอนว่าวิธีการรวดเร็วเช่นนี้ทำให้ฤทธิ์ของยาถูกดึงออกมาเพียงสามส่วนเท่านั้น แต่เพราะผสมยาจำนวนมากเข้าด้วยกัน ดังนั้นยาแต่ละชนิดจึงช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน
หากมิทำเช่นนี้ ยาหม้อนี้คงกลายเป็นเพียงน้ำแกง
จั่วชิวอวี้เพิ่งเคยเห็นวิธีการต้มยาเช่นนี้เป็นครั้งแรก เขาทั้งประหลาดใจและกังวล
ยาหม้อนี้จะได้ผลอย่างที่หลินเมิ้งหยาพูดหรือ?
เมื่อน้ำที่ถูกกลั่นออกมาจากตัวยาถูกความร้อนจากไฟ น้ำยาจึงข้นยิ่งขึ้น
หลินเมิ้งหยารีบใช้ช้อนคน ก่อนจะตักยาใส่ถ้วยสีขาว
อันที่จริงต้องต้มอีกสักพักจึงจะได้ผลดียิ่งขึ้น
แต่ตอนนี้นางต้องทำงานแข่งกับเวลา
หลินเมิ้งหยาถือถ้วยยากลับไปยังห้องโถง
นางสั่งให้หลงเทียนอวี้ไปอยู่ด้านหน้าห้องโถง จากนั้นจึงค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของป๋ายซ่าวออกแล้วใช้ยาอุณหภูมิอุ่นๆ เช็ดลงบนบริเวณบาดแผลของนาง
แม้ตำราชิงเจิงผู่จะบันทึกเอาไว้ว่ายาชนิดนี้มีฤทธิ์ช่วยลดความเร็วในการไหลเวียนโลหิต แต่เพราะบาดแผลที่หน้าอกของป๋ายซ่าวค่อนข้างสาหัส ดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงโปะยาลงไปหนา ๆ โดยไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร
ไม่รู้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น เพียงป้ายยาลงไปที่บาดแผลของป๋ายซ่าว บาดแผลของนางก็ซึมซับยาน้ำเหล่านั้นทันที
หลินเมิ้งหยามองด้วยความตื่นเต้น ครู่ต่อมานางจึงจับชีพจรที่ข้อมือของป๋ายซ่าว
หัวใจเต้นช้าลงแล้ว!
หัวใจคืออวัยวะในการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย เมื่อหัวใจเต้นอ่อนลง นั่นเท่ากับว่าเลือดในร่างกายก็ไหลเวียนช้าลงด้วย
ในที่สุดหลินเมิ้งหยาก็สบายใจขึ้น ขั้นแรกสำเร็จแล้ว เช่นนั้นขั้นต่อไปก็ไม่น่ากังวล
หลังจากจับตามองราวครึ่งชั่วโมง เมื่อมั่นใจแล้วว่าอาการของป๋ายซ่าวคงที่ หลินเมิ้งหยาจึงใส่เสื้อผ้าให้นางดั่งเดิม
ลำดับต่อไปคือขั้นตอนสำคัญแล้ว
นางต้องดึงดาบที่อกของป๋ายซ่าวออกมา แต่นางไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ ดังนั้นนางต้องขอความช่วยเหลือจากหลงเทียนอวี้และจั่วชิวอวี้แล้ว