ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 16 บทที่ 474 หนีไกลสุดหล้า
จากตำบลอวี้ถึงจวนชิ่งต้องใช้เวลาเดินทางราวสามวัน
จั่วหยวนอีช่วยสร้างความล่าช้าให้พวกอ๋องชิ่ง อีกทั้งพวกเขายังเสียเวลาเดินทางไปอีกสามวัน
ดังนั้นกว่าอ๋องชิ่งจะรู้เรื่องข่าวการเดินทางของพวกหลินเมิ้งหยา นางก็ออกจากแผ่นดินที่อยู่ในการปกครองของเขาแล้ว
เดินทางอย่างต่อเนื่องติดต่อกันหกวัน อย่าว่าแต่นั่งรถม้าเลย แม้แต่หลงเทียนอวี้และจั่วชิวอวี้เองต่างก็รู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง
โชคดีที่ตำบลหยวนซึ่งเป็นตำบลสุดท้ายของเมืองอวี้หลงมิถูกครอบงำและถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
หลินเมิ้งหยาแหวกผ้าม่านออก นางที่ไม่ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ตลอดหกวันมีรอยคล้ำใต้ดวงตาอย่างเห็นได้ชัด
แต่อย่างน้อยนางก็อยู่บนรถม้า ดังนั้นจึงมีที่ให้นอนพักไม่เหมือนกับพวกหลงเทียนอวี้ ใบหน้าเขามีหนวดเคราเขียวครึ้มขึ้นประปราย หน้าตาท่าทางเหมือนร่างที่ถูกขุดขึ้นมาจากดิน
“ยังอีกไกลหรือไม่กว่าจะถึงที่ปลอดภัย?”
ยื่นหน้าออกมา หลินเมิ้งหยาเอ่ยถามเสียงเบา
“เดินทางอีกราวครึ่งวันก็จะถึงเมืองชิงหยวนแล้ว ผู้ว่าการที่นั่นเป็นสหายสนิทของฮวงซงและเป็นคนที่อ๋องชิ่งมิกล้ายุ่งวุ่นวายด้วย เมื่อถึงที่นั่นพวกเราจะปลอดภัย”
จั่วชิวอวี้ที่นั่งอยู่บนม้าด้านข้างลดเสียงต่ำตอบกลับ
การเร่งเดินทางเป็นเพียงเรื่องเล็ก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาจะต้องมีสมาธิตลอดเวลาเพื่อป้องกันมิให้ถูกคนของอ๋องชิ่งซุ่มโจมตี
เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้จั่วหยวนอี หากมิใช่เพราะเขาช่วยสร้างความล่าช้าเอาไว้แล้วล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาคงมิอาจเดินทางได้อย่างราบรื่นเช่นนี้
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง เมื่อออกจากเมืองอวี้หลงมาได้ เช่นนั้นเมืองหลวงเก่าก็อยู่อีกไม่ไกลแล้ว
ดูเหมือนการคัดเลือกผู้อาวุโสแห่งหอป๋ายเฉาจะเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ
แม้อ๋องชิ่งจะกันคนเอาไว้มาก แต่ระหว่างทางที่ผ่านมาพวกเขาได้พบกับคนผ่านทางจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
จั่วชิวอวี้เล่าว่าตระกูลที่มีอิทธิพลในเมืองหลินเทียนล้วนส่งตัวแทนไปร่วมแข่งขันด้วย
อีกทั้งหมอที่มีชื่อเสียงและลูกศิษย์จำนวนมากก็เข้าร่วมการแข่งขันในคราวนี้เช่นเดียวกัน
คนที่มาเยี่ยมชมเองก็มีค่อนข้างมาก ซ้ำยังมีนักพนันที่รอเสี่ยงทายผลแพ้ชนะ
หลินเมิ้งหยาอดที่จะกระตุกยิ้มไม่ได้ ในสายตาของคนเหล่านี้ หอป๋ายเฉามิได้เกี่ยวข้องเพียงอนาคตของแต่ละตระกูล แต่ยังเกี่ยวข้องถึงอำนาจในบ้านเมืองด้วย
ทว่าในสายตาของสามัญชนดูเหมือนเป็นการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่
ม้าที่ใช้เป็นพาหนะตลอดหกวันเริ่มหมดเรี่ยวแรง ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเมืองชิงหยวนตอนโพล้เพล้
ภายนอกเมือง ผู้ว่าการเมืองชิงหยวนในชุดทางการนำขบวนทหารม้าออกมารอต้อนรับเซิ่นจวิ้นอ๋องและอันเล่อจวิ้นจู่
ในที่สุดช่วงเวลาโคลงเคลงของหลินเมิ้งหยาก็หยุดลงเมื่อมาถึงหน้าประตูเมืองชิงหยวน
อันที่จริงต่อให้ใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติของโลกอนาคต แต่นางก็ยังรู้สึกว่าการนั่งอยู่บนรถที่โคลงเคลงตลอดเวลาติดต่อกันหลายวันเกือบทำให้อวัยวะภายในของนางเคลื่อนตำแหน่งแล้ว
“ข้าน้อยคือผู้ว่าการเมืองชิงหยวนนามว่าหลิวซวน น้อมคารวะเซิ่นจวิ้นอ๋องและอันเล่อจวิ้นจู่”
ภายนอกรถม้า เสียงทุ้มต่ำหนักแน่นของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นกระแทกหูของหลินเมิ้งหยาเสมือนถูกลูกธนูยิงใส่ก็มิปาน
“ฮ่า ฮ่า หลิวซวน ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องออกมารับข้าด้วยตัวเองทันทีที่รู้ข่าว เป็นเช่นไรบ้าง? หลายปีไม่ได้พบหน้า ข้าคิดถึงสหายเก่าเช่นพวกเจ้ายิ่งนัก!”
เมื่อจั่วชิวอวี้ได้เห็นหน้าสหาย ความอ่อนล้าตลอดหลายวันที่ผ่านมากลายเป็นความปีติยินดีที่ได้เจอสหายเก่า
หลงเทียนอวี้ประคองหลินเมิ้งหยาลงจากรถม้า สายตาเหลือบเห็นชายหนุ่มใบหน้าขาวนวลไร้อารมณ์กำลังขมวดคิ้วแน่นขณะเอี้ยวตัวหลบอ้อมกอดของจั่วชิวอวี้
“จวิ้นอ๋องโปรดสำรวมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
หลบหลีกด้วยท่าทางสุขุมเคร่งขรึม สายตาของหลิวซวนผู้นั้นมิปกปิดความรังเกียจเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังมิได้แสดงท่าทางเคารพยำเกรงเหมือนที่ปากพูด
“ดูเจ้าเถิด ยังมีนิสัยน่าเกลียดไม่เปลี่ยนแปลง! ทั้งที่มิใช่ผู้หญิง กอดนิดกอดหน่อยจะเป็นไร”
จั่วชิวอวี้กลับไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ ทั้งที่อุตส่าห์ได้เจอสหายเก่าแล้วแท้ๆ แต่หมอนี่ยังคงเป็นคนรักความสะอาดไม่เปลี่ยน
อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่ฮวงซงที่เนื้อตัวมอมแมมก็คงมิอาจได้แตะต้องตัวเขาง่ายๆ
ในเมื่อเขามีโอกาสกลั่นแกล้งเจ้าเด็กนี่ เช่นนั้นเขาจะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยได้อย่างไร?
“เซิ่นจวิ้นอ๋องโปรดสำรวมด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
แสดงท่าทีเคร่งขรึมมากกว่าเดิม หลิวซวนจ้องจั่วชิวอวี้ด้วยสายตารังเกียจขณะเอี้ยวตัวหลบอย่างพลิ้วไหว
“ไอหยา เจ้าเป็นชายมิใช่หรือ”
“ไสหัวไป!”
หลินเมิ้งหยามองบุรุษทั้งสองที่กำลังก่อสงครามวิ่งไล่จับกันด้วยความสนใจ
คนหนึ่งไร้ยางอาย อีกคนรักความสะอาดเป็นชีวิตจิตใจ
ไม่รู้ว่าคนทั้งคู่กำลังคิดอะไร แต่เมื่อการวิ่งไล่จับกันจบลง จั่วชิวอวี้ที่แทบจะหมดเรี่ยวแรงเต็มทีก็ถูกหลิวซวนเตะจนกระเด็น
แน่นอนว่าหลิวซวนไม่ลืมที่จะเช็ดรองเท้าของตนเอง
เขาสัมผัสได้ถึงสายตาสนอกสนใจเป็นพิเศษของหลินเมิ้งหยา ดังนั้นจึงเดินเข้ามาเอ่ยทักทายเล็กน้อย
“เชิญจวิ้นจู่ เชิญอ๋องอวี้”
แย้มยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะโค้งตัวถวายคำนับอย่างมีมารยาทแตกต่างจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง
หลินเมิ้งหยาผงกศีรษะลง ก่อนจะเดินตามหลิวซวนเข้าไปในเมือง
จั่วชิวอวี้ที่เตรียมจะลุกขึ้นถูกหลิวซวนกระทืบซ้ำอีกหน
โอ้ ฝีเท้าหนักยิ่งนัก แม้แต่หลินเมิ้งหยายังอดที่จะแอบสะใจไม่ได้
นี่มันความแค้นฝังลึกมากเพียงไหน ไม่สิ พวกเขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมากขนาดไหนจึงมอบของขวัญอันเร่าร้อนให้กันเช่นนี้!
เมืองหลินเทียนมีเขตการปกครองหลายจังหวัด ภายในจังหวัดเหล่านั้นยังมีอีกราวเจ็ดถึงแปดอำเภอ
แม้พื้นที่อำเภอจะมีมาก แต่ถึงกระนั้นก็ยังเล็กกว่าจังหวัดอยู่ดี
อำเภอชิงหยวนเป็นหนึ่งในอำเภอที่ดีที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นยังอยู่กึ่งกลางระหว่างเมืองอวี้หลงและเมืองหลวงเก่า หรืออาจเรียกได้ว่าที่นี่เปรียบเสมือนหอกค้ำคอทั้งสองเมือง
ด้วยเหตุนี้อำนาจของเมืองหลวงและอ๋องชิ่งจึงมิอาจรวมเป็นหนึ่งกันได้
มิเช่นนั้นอาจเกิดเหตุการณ์หนึ่งแคว้นสองประมุขขึ้นมาก็เป็นได้
เมื่อมองจากความสัมพันธ์ระหว่างหลิวซวนและจั่วชิวอวี้แล้ว ดูท่าความสัมพันธ์ของเขาและเฉินเปี่ยวเกอจะไม่ธรรมดาเลย
การออกแบบเมืองของหลิวซวนดีกว่าเมืองอวี้หลงของอ๋องชิ่งมาก
เรื่องอื่นยังไม่ต้องพูดถึง เพียงมองถนนหนทางก็รับรู้ได้ถึงความแตกต่าง
แม้เมืองนี้จะมีพื้นที่มาก แต่ถึงกระนั้นหลิวซวนก็จัดการดูแลอย่างเป็นระบบระเบียบและเข้มงวด
เมื่อราษฎรบนท้องถนนเห็นเขา ทุกคนต่างโค้งคำนับด้วยความเลื่อมใส จากนั้นจึงหันกลับไปทำงานของตนเองหลังจากพวกเขาเดินผ่านไปแล้ว
ไม่มีเสียงฆ้องขอทาง หรือแม้แต่คนป่าวประกาศ
หลินเมิ้งหยาเดินตามหลังหลิวซวน สายตาจับจ้องยังแผ่นหลังของเขา
คนผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย
“ทุกท่านเดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย เช่นนั้นเชิญพักผ่อนที่โรงเตี๊ยมก่อนเถิด อีกเดี๋ยวข้าน้อยจะมารับพวกท่านทั้งสองอีกครั้ง”
หลิวซวนโค้งตัวลง เขาปฏิบัติต่อหลินเมิ้งหยาและหลงเทียนอวี้อย่างมีมารยาท
หลังจากทั้งสองพยักหน้าแล้ว หลิวซวนจึงหมุนตัวแล้วลากคอเสื้อของชิวอวี้ออกไป
ขณะที่ชิวอวี้กำลังส่งเสียงร้องโหยหวนขอความเมตตา หลินเมิ้งหยาแสยะยิ้มพร้อมทั้งโบกมือให้เขา
เฮ้อ หวังว่าพรุ่งนี้อวี้เปี่ยวเกอจะยังมีชีวิตอยู่
“จวิ้นจู่ ห้องตระเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วเพคะ เชิญเสด็จตามหนู่ปี้เถิด”
ภายในโรงเตี๊ยมมีสาวใช้ใบหน้างดงามออกมาต้อนรับ
นางเดินตามสาวใช้ขึ้นไปบนชั้นสอง ปลดเปลื้องเสื้อผ้าสกปรกของตนเอง หลินเมิ้งหยาปล่อยร่างกายจมลงในอ่างน้ำร้อน
“เฮ้อ…”
เสียงถอนหายใจเพราะความสบายดังแผ่วเบา น้ำอุ่นช่วยคลายความเหนื่อยล้าที่ประสบพบเจอมาตลอดหลายวัน
สาวใช้ทั้งสองปรนนิบัติหลินเมิ้งหยาอย่างพิถีพิถัน แม้นางจะอยากปฏิเสธ แต่ความปวดเมื่อยทำให้นางแอบรู้สึกขี้เกียจ
อาบน้ำเปลี่ยนชุด หลินเมิ้งหยาเข้าไปในห้องที่หลิวซวนเตรียมเอาไว้ให้
ห้องกว้างขวางประดับตกแต่งอย่างหรูหรางดงาม แม้จะไม่มีเครื่องเรือนที่สร้างจากทอง แต่ดอกไม้สดล้วนถูกจัดวางทั่วทุกมุม
หลินเมิ้งหยากวาดสายตามองรอบห้อง นางรู้สึกพึงพอใจยิ่งนัก
“คิดไม่ถึงเลยว่าใต้เท้าหลิวของพวกเจ้าจะเอาใจใส่ถึงเพียงนี้ ฝากขอบคุณแทนข้าด้วย”
มือยื่นไปแตะดอกอวี้หลานสีขาว กลิ่นหอมสดชื่นคลายความอ่อนล้าให้หลินเมิ้งหยาไม่น้อย
“เพคะ จวิ้นจู่โปรดรีบพักผ่อน หนู่ปี้ทูลลา”
ห้องหับหรูหรางดงาม แม้แต่สาวใช้ยังฉลาดเฉลียว
หลินเมิ้งหยารู้สึกชื่นชมหลิวซวนยิ่งนัก นางก้าวไปยืนข้างหน้าต่างเพื่อทอดมองท้องฟ้ายามค่ำคืน
บนถนนยังมีคนเดินขวักไขว่ อีกทั้งยังมีพวกคุณหนูทั้งหลายที่มีท่าทางราวกับเพิ่งได้ออกมาเที่ยวเล่นสาวเท้ายาวๆ ไปรวมตัวกันยังทิศทางหนึ่ง
ไตร่ตรองดูเล็กน้อย บางทีพวกนางอาจเดินเล่นเพลินจนลืมเวลากระมัง?
ก็จริง บ้านเมืองภายใต้การดูแลของหลิวซวนปลอดภัยยิ่งนัก มิเช่นนั้นพวกหญิงสาวเหล่านั้นจะออกมาเดินเล่นยามค่ำมืดดึกดื่นเช่นนี้ได้อย่างไร?
อยู่ๆ ผ้าสะอาดผืนหนึ่งพลันร่วงลงมาคลุมศีรษะของหลินเมิ้งหยา
นางหันกายไปมองก็เห็นเป็นหลงเทียนอวี้ที่อาบน้ำผลัดผ้าจนสะอาดสะอ้านแล้วยืนอยู่ด้านหลังของนาง
แม้จะมีขอบตาดำคล้ำและหนวดสีเทาใต้คางเหมือนกับจั่วชิวอวี้ ทว่าเขากลับดูกระปรี้กระเปร่ากว่ามาก
“มีมีดสั้นหรือไม่?”
หลินเมิ้งหยายื่นมือสีขาวนวลดั่งหิมะไปหาเขา
อีกฝ่ายหยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งขึ้นมาวางบนฝ่ามือของนาง
ฝักหนังสีน้ำตาลเผยกลิ่นไอของความโบราณ หลินเมิ้งหยากำด้ามมีดก่อนจะดึงออกจากฝัก ใบมีดสีเงินคมกริบเผยต่อหน้านาง
“เหตุใดพระองค์จึงใช้มีดเล่มเล็กเพียงเท่านี้เล่าเพคะ? ขนาดของมันไม่ต่างจากของเด็กเล่น”
หลินเมิ้งหยาพึมพำถามขณะสำรวจมีดเล่มนั้น
“ข้าใช้มันฆ่าเสือดาวตอนอายุสิบขวบ”
หลงเทียนอวี้ตอบเสียงเรียบเรียบ ราวกับนี่เป็นเพียงเรื่องธรรมดา
อายุสิบขวบก็ใช้มีดสั้นฆ่าเสือดาวแล้ว?
หลินเมิ้งหยามองมีดในมือด้วยสีหน้าประหลาดใจ ที่แท้หลงเทียนอวี้ก็มีความแข็งแกร่งตั้งแต่ยังเยาว์
“ต่อจากนี้ไปหม่อมฉันก็จะใช้มันฆ่าเสือดาวเช่นเดียวกัน เงยหน้าขึ้นเถิดเพคะ หม่อมฉันจะโกนหนวดให้”
ยกมีดขึ้นโกนหนวดใต้คางบางๆ เพราะกลัวเขาจะเจ็บ ไม่นานเส้นหนวดสีดำก็เกาะบนปลายมีด
“เสร็จแล้ว หม่อมฉันโกนหนวดครั้งแรกได้ไม่เลวเลยใช่หรือไม่?”