ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 17 บทที่ 482 รุก
สายตาของหลงเทียนอวี้เปี่ยมไปด้วยความเอ็นดู
แม้หลินเมิ้งหยาจะไม่พูด แต่นางเอาใจใส่เขาเสมอ ฉะนั้นไม่ว่าเขาจะต้องสูญเสียอะไร เขาจะรักษาอาการบาดเจ็บของนางให้ได้
“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว”
เอ่ยตอบเสียงแผ่ว มือหนาวางลงบนบ่าข้างขวาของนาง
จากนั้นจึงเริ่มนวดคลึงตั้งแต่บ่าไล่ลงมายังแขนตามที่จั่วชิวอวี้สอน
จั่วชิวอวี้เคยบอกว่าก่อนเริ่มการรักษาจำเป็นต้องนวดแขนขวาของนางอยู่เป็นประจำ มิเช่นนั้นต่อให้รักษาหายแล้วก็อาจมีผลข้างเคียงตามมาทีหลังได้
แม้แขนขวาจะไร้ความรู้สึก ทว่าหลังจากได้เห็นสีหน้าจริงจังตั้งอกตั้งใจของหลงเทียนอวี้ ใบหน้าของนางจึงแดงระเรื่อขึ้นมา
หันหน้าไปอีกทาง หลินเมิ้งหยาอดที่จะก่นด่าตัวเองที่กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไม่ได้
ก็แค่นวดแขนมิใช่หรือ? เหตุใดนางจึงไร้ประโยชน์เช่นนี้เล่า ซ้ำยังตื่นเต้นเขินอายอีกด้วย!
“คือว่า…..”
บรรยากาศระหว่างทั้งคู่เริ่มแปลกไป
หลังจากไม่ได้กล่าวคำใดอยู่นาน ขณะที่หลินเมิ้งหยากำลังจะอ้าปากเอ่ย นางรู้สึกว่าลำคอแห้งผาก
นางที่เคยเอื้อนเอ่ยด้วยวาจาเฉลียวฉลาดมาตลอดกลับพูดไม่ออก สมองสับสนวุ่นวาย
หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด นางที่เคยเป็นคนเสียงดังเอะอะโวยวายมิเคยอยู่อย่างสงบ แต่ยามนี้ได้อยู่ท่ามกลางความเงียบสงบแล้ว นางกลับ….นางกลับกลายเป็นคนพูดจาเงอะงะไปเสียได้
“เป็นอะไรไป?”
เขาเลิกคิ้วขึ้นสูง บัดนี้ใบหน้าขาวนวลดุจหิมะกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ หลินเมิ้งหยามิกล้าสบตาหลงเทียนอวี้
มองดูขนตางอนยาวของนางที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลง ท่าทางเหมือนไม่กล้ามองเขาอย่างไรอย่างนั้น
ไม่ง่ายเลยที่นางจะมีท่าทางเขินอายเช่นนี้ ทว่าหลงเทียนอวี้กลับเกิดความรู้สึกอยากแกล้งนาง
ขยับเข้าใกล้นางอีกนิด ระยะห่างระหว่างทั้งคู่กลายเป็นแนบชิดสนิทกัน
กลิ่นจากเครื่องหอมประจำตัวของนางผสมผสานกับกลิ่นยาสมุนไพรลอยขึ้นเตะจมูกของหลงเทียนอวี้
แปลกยิ่งนัก ทั้งที่นางมิได้ผัดแป้งหรือใช้เครื่องประทินผิว แต่ทุกครั้งที่เข้าใกล้นางและได้กลิ่นประจำตัวนางเช่นนี้ เขามักรู้สึกเหมือนกำลังเมามาย
หลินเมิ้งหยารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายขยับเข้าใกล้ตนเองมากขึ้น นางจึงพยายามรวมรวบเรี่ยวแรงเงยหน้าขึ้น
แต่นางไม่รู้เลยว่าคอยาวระหงดั่งหยกและใบหูของนางกำลังแดงเถือก
ทุกสิ่งตกอยู่ในสายตาของหลงเทียนอวี้ แววตาของเขาจึงลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม
“ไม่…ไม่เป็นไรเพคะ…พระองค์ระมัดระวังตัวให้ดีก็พอ”
ทั้งที่เป็นเพียงประโยคธรรมดา แต่หลินเมิ้งหยาเกือบจะกัดลิ้นที่กำลังพันกันของตนเองแล้ว
ดวงตาสั่นไหว หลินเมิ้งหยารู้ได้ว่านางกำลังแสดงท่าทางประหลาดออกมา
ตลอดหลายวันมานี้นางเคยชินเวลาที่เขาเข้ามาใกล้แล้ว แต่การที่เขาพยายามเข้าใกล้อย่างมีเลศนัยและเร่าร้อนเช่นนี้ทำให้นางรู้สึก….มีความหวังบางอย่างขึ้นมา
ขณะเดียวกันหลินเมิ้งหยาก็ถูกความคิดของตัวเองปล่อยหมัดฮุคเข้าอย่างจัง
สวรรค์โปรด นาง…นางปรารถนาจะชิดใกล้มากกว่านี้หรือ?
ดวงตาเบิกกว้าง แม้แต่หลินเมิ้งหยาเองยังอึ้งงันเพราะความคิดนี้
ทว่าหลินเมิ้งหยายังคงเป็นหลินเมิ้งหยา
ความคิดน่ารังเกียจของสาวน้อยเช่นนั้นมิใช่อุปนิสัยใจคอที่แท้จริงของนาง
ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด หลินเมิ้งหยาหันหน้าไปอีกทางกะทันหัน
ทั้งสองหันหน้าสบตากัน ทว่าระยะห่างระหว่างจมูกมีไม่ถึงครึ่งชุ่น [1]
สู้ตาย! อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็หลับตาลง นางยื่นหน้าเข้าไปโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
ตอนแรกคิดว่าจะเกิดฉากหวานซึ้งตรึงใจ แต่ใครจะรู้เล่าว่า….
“ไอหยา! เจ็บ!”
แม้จะตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวแล้ว แม้จะรวมรวมความกล้าทั้งหมดที่มีออกมาแล้ว ทว่าหลินเมิ้งหยากลับลืมคำนวณเรี่ยวแรงที่ใช้ไปเสียสนิท
เหตุเพราะจมูกของทั้งคู่ชนกันอย่างแรง ดังนั้นความเจ็บแสบจึงบังเกิดขึ้นตาม
หลินเมิ้งหยายกมือจับจมูกก่อนจะร้องเสียงดัง
รีบลืมตาขึ้น เหตุเพราะความเจ็บปวดที่จมูก ดังนั้นเบ้าตาของทั้งสองจึงมีน้ำตาคลอ
สวรรค์โปรด! นางเพียงอยากเป็นฝ่ายรุกก่อนเท่านั้น เหตุใดจึงเกิดเรื่องน่าอายเช่นนี้เล่า!
หลินเมิ้งหยาไม่สนใจบรรยากาศชวนอึดอัดในเวลานี้ เหตุเพราะนางอยากจะวิ่งออกไปหาถ้ำสักแห่งแล้วเข้าไปอยู่ในนั้นชั่วชีวิต!
“เจ้านี่หนา…”
หลงเทียนอวี้ยกมือขึ้นลูบจมูกของตนเองเช่นเดียวกัน เขามองนางด้วยความรู้สึกยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
ดวงตาฉายแววเอื้อเอ็นดูมากขึ้นกว่าก่อนอยู่หลายส่วน
ชายาของเขามิเคยแสดงออกเหมือนอย่างคนทั่วไป
เมื่อครู่ยังไม่ทันที่เขาจะไหวตัวทัน เขาก็เห็นศีรษะเล็กๆ ของนางพุ่งเข้ามาชนตนเองแล้ว
ซ้ำเขายังมิอาจหลบได้และทำได้เพียงปล่อยให้นางชนหน้าเขาเข้าอย่างจัง
คิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่ทันที่ฝ่ายถูกกระทำเช่นเขาจะส่งเสียงโอดครวญ ฝ่ายผู้กระทำก็ร้องออกมาเสียก่อนแล้ว
“ฮือ ฮือ ฮือ พระองค์รีบดูหน่อยเถิดว่าจมูกของหม่อมฉันหักแล้วหรือไม่? หากหักขึ้นมาคงไม่มีที่รักษา หม่อมฉันคงโชคร้ายไปชั่วชีวิตแน่”
ใครจะรู้เล่าว่าแค่จะจูบก็ต้องอาศัยทิศทางด้วย? แต่หลงเทียนอวี้กลับแสดงท่าทางประหนึ่งคนไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย ราวกับมีเพียงจมูกของนางเท่านั้นที่หัก
รีบวิ่งเข้าไปในห้องเพื่อส่องกระจก แม้หลินเมิ้งหยาจะรู้ว่าจมูกของตนไม่มีทางหักลงง่ายๆ แต่ถึงกระนั้นนางก็อยากทำให้มั่นใจอยู่ดี
ยกมือขึ้นลูบคลำจมูกของตนเอง แม้จะมั่นใจแล้วว่ายังคงดูดีเหมือนเดิม แต่ก็ยังมิวายหันซ้ายหันขวาเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจ
หลงเทียนอวี้เดินตามหลังนางเข้ามา เมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวตรงหน้า กลีบปากบางจึงหยักยกขึ้นอย่างอารมณ์ดี
แม้ริมฝีปากจะไม่ชนกัน แต่แค่ได้เห็นท่าทางเช่นนี้ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว
เมื่อความวุ่นวายเล็กๆ ผ่านไป นางก็อดที่จะระมัดระวังตัวมากขึ้นไม่ได้
หลังจากพักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง หลินเมิ้งหยาจึงเริ่มเปิดใช้งานระบบเซินหนงอีกครั้ง
เวลาเพียงค่ำคืนเดียวสถานการณ์ของตระกูลใหญ่ที่มาเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดก็อยู่ภายในสมองของหลินเมิ้งหยาแล้ว
ทั้งหมดไม่มีมิตรแท้ มีแค่ผลประโยชน์แต่เพียงเท่านั้น
การแข่งขันในคราวนี้อย่าว่าแต่พวกที่เป็นปรปักษ์ต่อฮ่องเต้เลย แม้แต่ผู้คนที่เคยสวามิภักดิ์เองก็มีใจเป็นอื่นบ้างแล้ว
แต่เพราะเวลาค่อนข้างกระชั้นชิด ดังนั้นจึงทำได้เพียงสั่งให้คนคอยจับตามองโดยมิคลาดสายตา
หากคิดจะสืบความลับของพวกเขาในเวลาอันสั้น เกรงว่าจะถูกสงสัยเอาได้
นางรู้ดีว่าเฉินเปี่ยวเกอจะต้องส่งคนเข้าไปจับตามองจำนวนไม่น้อย แต่คนเหล่านั้นล้วนเป็นหน่วยสอดแนมลับที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ยามจำเป็นเท่านั้น
ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาอันสมควร
ส่วนเรื่องที่นางสั่งให้ไปสืบ ยกตัวอย่างเช่นการไปสืบเจ้าตระกูลสกุลหลิน ซึ่งนั่นก็คือท่านพ่อและหลินหนานเซิง รวมถึงคนที่พวกเขาไว้เนื้อเชื่อใจหรือญาติพี่น้อง ทุกคนล้วนมีความซื่อ อสัตย์และจงรักภักดี
ส่วนทางฝั่งซ่างกวนชิง คนรอบตัวของนางล้วนเย่อหยิ่งและเห็นแก่ตัว
ดังนั้นนางจึงต้องการนำข้อมูลของเครือญาติมาเปรียบเทียบกันเพื่อหาข้อสรุป
เหตุเพราะอาจมีบางคนแสร้งทำท่าทีแตกต่างไปจากที่สืบมาก็เป็นได้ แต่เมื่อนางรู้ข้อมูลแล้ว พวกเขาก็จะไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไป
รวมไปถึงพวกบ่าวไพร่และทัศนคติต่างๆ ที่คนเหล่านั้นมี สิ่งเหล่านี้มิอาจหลุดรอดสายตาของนาง
หากข้อมูลทุกอย่างถูกจัดเก็บเอาไว้แล้ว แต่พวกเขายังไม่เผยจุดอ่อนออกมา นั่นแสดงว่าคนเหล่านี้จะต้องมีพรสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง คนประเภทนี้ย่อมเป็นคนที่ไม่ทำอะไรโง่ๆ ขณะเดียวกันยั งเป็นศัตรูที่ยากจะรับมือ
ดังนั้นหากนางป้องกันเอาไว้ ภารกิจของนางก็จะสำเร็จ
หลังจากนางจัดเก็บวิเคราะห์ข้อมูลเสร็จแล้วก็พบว่าหากจั่วชิวอวี้อยากได้รับชัยชนะ เช่นนั้นคนที่เขาต้องระวังย่อมมีไม่น้อย
ทว่าหลินเมิ้งหยามีแผนในใจแล้ว ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการกำจัดปัญหาใหญ่ตรงหน้า
“น้องสาว เจ้าช่วยข้าหาทางออกได้หรือไม่?”
ทั้งที่มีใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่น แต่กลับขมวดคิ้วมุ่นท่าทางอมทุกข์
ตอนนี้จั่วชิวอวี้มิได้มีท่าทางเหมือนพี่ชายผู้เข้มงวด เขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้พลางส่งเสียงเว้าวอนหลินเมิ้งหยา
“ข้าจะมีวิธีอะไรได้เล่า เจ้าลองตรองดูให้ดีเถิด”
ยังไม่ทันที่การแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น เจ้าคนไร้ประโยชน์นี่ก็คิดจะหนีเสียแล้ว
หลินเมิ้งหยาไม่ปกปิดสายตาดูแคลนของตนเอง ต่อให้ต้องจับเขามัด นางก็จะพาเขาไปเข้าร่วมการแข่งขันให้ได้
แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจับปลาตายใส่ข้อง
“แต่….เฮ้อ ข้ามีความรู้เพียงน้อยนิด เจ้าเองก็รู้นี่น่า หาก…หากข้าแพ้ ข้าจะมิทำให้ฮวงซงต้องเดือดร้อนหรือ!”
จั่วชิวอวี้ดึงทึ้งผมของตนเอง หัวใจของเขาสับสนกระวนกระวายยิ่งนัก
หากไม่ช่วยฮวงซง เขาคงรู้สึกผิดต่อเมืองหลินเทียนและฮวงซงเป็นอย่างยิ่ง แต่คนที่รู้สึกผิดด้วยมากที่สุดก็คือเสด็จพ่อและหมู่โฮ่วของพวกเขา
แต่หากช่วยฮวงซง หากมองจากความสามารถของเขา เพียงแค่การทดสอบแรกก็คงจบเห่แล้ว
ในสายตาของเขา หลินเมิ้งหยาคือคนที่เหมาะสมที่สุด แต่ฐานะของเมิ้งหยาไม่เอื้ออำนวย หากมองจากอุปนิสัยของฮวงซง พระองค์จะต้องส่งคนอื่นไปแน่
“เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องไปก็ได้ แต่เจ้าลองตรองดูให้ดี หากคนอื่นได้ตำแหน่งไป ภายในสามถึงห้าปีคงไม่มีปัญหา แต่หากมากถึงแปดหรือสิบปีเล่า? อำนาจสามารถเปลี่ยนจิตใจของคนเราได้อย่างง ง่ายดาย หากคนผู้นั้นได้รับความเคารพเลื่อมใสจากผู้อื่นแล้ว เช่นนั้นเขาจะยังยอมจำนนใต้ฝ่าเท้าใครอีกหรือ?”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยเสียงเรียบ แต่กลับมีอานุภาพรุนแรง
อันที่จริงจั่วชิวอวี้รู้ดี เพียงแค่เขากลัวที่จะต้องรับผิดชอบ ดังนั้นจึงอยากหนีไป
แม้หลินเมิ้งหยาจะไม่รู้ว่าแต่ก่อนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับจั่วชิวอวี้ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้ารับผิดชอบหน้าที่ของตนเอง แต่เขาเองก็เป็นเชื้อพระวงศ์แห่งเมืองหลินเทียนคนหนึ่ง แม้แต่ ท่านแม่ที่หนีออกมาได้ครึ่งทาง สุดท้ายแล้วก็มิอาจหนีความรับผิดชอบของตนเองพ้น เช่นนั้นจะนับประสาอะไรกับน้องชายที่คลานตามฮ่องเต้มาเช่นเขากันเล่า?
“แต่…แต่ข้า….”
จั่วชิวอวี้รู้สึกทุกข์ใจเกินพรรณนา ดวงตาทั้งสองข้างมีเส้นเลือดสีแดงแตกระแหง
ใช่ หลินเมิ้งหยาพูดถูก ยิ่งไปกว่านั้นฮวงซงยังเสียสละเพื่อเขาไปมากมายแล้ว
แม้แต่หน้าที่ของเขา ฮวงซงเองก็แบกรับมันไว้ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่เคยตำหนิ
บางทีคงถึงเวลาที่เขาต้องทำอะไรตอบแทนฮวงซงแล้ว
—————
หมายเหตุ
[1] ชุ่น หมายถึง ระยะห่างราว 3 เซนติเมตร