ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 17 บทที่ 501 เดาทางโจร
“ไปกันเถิด ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าดูแล้ว”
จั่วชิวอวี้หยัดกายขึ้น เขารู้สึกเสียดายเล็กน้อยขณะเอ่ยกับหลินเมิ้งหยา
ผู้ผ่านการคัดเลือกถูกกำหนดเอาไว้แล้ว การแข่งขันรอบคัดเลือกคงจบลงเพียงเท่านี้
จากผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดสามสิบกว่าคน มีผู้ผ่านการคัดเลือกเพียงห้าคนเท่านั้น
จำนวนคนผ่านการคัดเลือกอยู่เหนือความคาดหมายของหลินเมิ้งหยา
ได้ยินมาว่าผู้เข้าแข่งขันรอบคัดเลือกสามสิบคนนี้ล้วนฝ่าด่านการคัดเลือกจากผู้ลงสมัครหลายพันคน
แต่ละคนล้วนมีความหยิ่งทะนงในตัวเอง แต่เหนือฟ้าย่อมมีฟ้า การที่โหวหลิงอวี้และคนที่เหลือสามารถผ่านการแข่งขันรอบคัดเลือกเข้ามาได้นับว่าเป็นเรื่องที่น่าปีติยินดียิ่ง
“อืม แต่เรื่องนี้คงยังไม่จบ เปี่ยวเกอ เจ้าส่งคนไปแอบอารักขาพวกเขาทั้งห้าเถิด ข้าคิดว่าผู้อาวุโสทั้งสี่คงมิใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน [1]”
การแข่งขันวิชาการแพทย์รอบคัดเลือกเพื่อหาผู้เข้าร่วมชิงตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดแห่งหอป๋ายเฉาย่อมมิใช่ความเห็นชอบของพวกผู้อาวุโส
แต่เหตุที่ต้องจัดการแข่งขันขึ้นก็เพราะกฎถูกกำหนดเอาไว้แต่แรกแล้ว
ผู้ที่มีสิทธิ์ชิงตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดแห่งหอป๋ายเฉามิได้มีเพียงผู้อาวุโสแห่งหอป๋ายเฉาเท่านั้น แต่ยังหมายถึงหมอมากความสามารถทุกคน
ยิ่งไปกว่านั้นโหวหลิงอวี้ยังมีความแค้นส่วนตัวกับพวกเขา
แม้ภายนอกเฉียนอวี้หมิงจะแสดงท่าทางจำยอมรับผลการตัดสิน แต่ลึกๆ แล้วในใจเขาอาจมีแผนร้ายซ่อนอยู่ก็เป็นได้
ผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งห้าล้วนเป็นหมากชั้นดีในการสร้างความวุ่นวายให้หอป๋ายเฉา
ดังนั้นนางควรจะแอบปกป้องพวกเขาสักหน่อย
“หลิวซวนส่งคนไปแล้ว เรื่องนี้ยกให้เป็นหน้าที่ของเขาเถิด”
คำพูดของจั่วชิวอวี้สร้างความฉงนให้หลินเมิ้งหยา
ตั้งแต่หลิวซวนมาถึงเมืองหลวงเก่า เขามักหายหน้าหายตาไปเสมอ แต่ทุกครั้งเขามักจัดแจงงานทุกอย่างได้อย่างทันท่วงที
เกรงว่าเขาคงไม่ใช่เพียงผู้ว่าการธรรมดาเสียแล้ว
“เช่นนั้นก็ดี จริงสิ นกพิราบสื่อสารของพวกเราถูกปล่อยไปแล้วหรือไม่?”
ด้านนอก หนานรุ่ยกำลังเอ่ยปิดพิธี หลังจากนั้นคงเป็นการทักทายเหล่าขุนนาง
แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่มา คาดว่านางคงกลายเป็นที่รู้จักของทุกคนไปแล้ว
ฉะนั้นนางอย่าเพิ่งไปพบพวกเขาตอนนี้จะดีกว่า
“ปล่อยไปเมื่อคืนแล้ว คนที่คอยจับตามองนางเกือบจะถูกทำร้ายอีกด้วย แต่เจ้าวางใจได้ นางยังไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่ซ่อนตัวอยู่เท่านั้น”
คนที่พวกเขากำลังพูดถึงคือซู่เหมยที่หลินเมิ้งหยาไม่ได้สนใจมาตลอดทาง
ระหว่างการเดินทาง แม้หลินเมิ้งหยาจะจงใจปล่อยให้นางและคนนอกติดต่อกัน แต่ทุกอย่างล้วนอยู่ในการควบคุมของหลินเมิ้งหยาทั้งสิ้น
ตอนนี้มาถึงเมืองหลวงเก่าแล้ว นกพิราบสื่อสารที่นางอุตส่าห์เลี้ยงดูมาตั้งนานก็ควรจะโบยบินได้แล้ว
“จับตาดูนางเอาไว้ คาดว่าอีกไม่กี่วันหงอวี้ก็คงเดินทางมาถึงเมืองหลวงเก่าแล้ว จงสั่งให้พวกเขาระมัดระวังให้ดี อย่าได้ทำให้ข่าวของหงอวี้รั่วไหลออกไปได้”
นางหยัดกายลุกขึ้น อวี้อันพร้อมทั้งหลินเมิ้งหยาลงจากเวทีรับชม
จั่วชิวอวี้มิอาจกลับไปก่อนได้ เหตุเพราะคนที่มาร่วมงานล้วนเป็นพวกขุนนางหัวโบราณ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีพวกขุนนางที่ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นครองบัลลังก์ของฮวงซงอีกด้วย
ดังนั้นนี่จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ควรเข้าหาพวกเขา
แต่ถ้าหลินเมิ้งหยายังอยู่ คงต้องเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นอย่างแน่นอน
หลินเมิ้งหยาก้าวเท้าขึ้นเกี้ยว ขณะที่อวี้อันกำลังสั่งเดินเกี้ยว ร่างของใครบางคนพลันเข้ามาขวางทางเอาไว้
“ข้าน้อยโหวหลิงอวี้ขอบพระทัยในพระมหากรุณาของจวิ้นจู่”
หลินเมิ้งหยาที่นั่งอยู่ในเกี้ยวรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก
“คุณชายโหวสามารถเอาชนะมาได้ด้วยทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม เช่นนั้นเรื่องนี้เกี่ยวข้องอันใดกับข้าเล่า?”
ห่างกันเพียงผ้าม่านกั้น แม้เสียงของหลินเมิ้งหยาจะไม่ดัง แต่ถึงกระนั้นโหวหลิงอวี้ก็ได้ยินอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ขณะนี้ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับการสร้างความสัมพันธ์ ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นพวกเขา
โหวหลิงอวี้จึงเบาใจ จากนั้นจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
“จวิ้นจู่รู้แจ้งอยู่แก่ใจว่าข้าน้อยได้ยินบทสนาระหว่างพระองค์และจูเจียจิง ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้อีกว่าข้าน้อยรู้สึกลำบากใจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงส่งคนมาปลอบโยนข้าน้อย ข้าน้อยจึ งมีสมาธิทำการแข่งขันต่อไป ซ้ำจวิ้นจู่ยังไม่คิดตำหนิข้าน้อย เช่นนั้นนี่มิใช่บุญคุณที่ยิ่งใหญ่หรอกหรือ?”
ผ้าม่านถูกแหวกออก ใบหน้าเปื้อนยิ้มพลันชะโงกออกมา
เมื่อครู่โหวหลิงอวี้ได้เห็นความงามของจวิ้นจู่เพียงไกลๆ เท่านั้น
คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อได้เห็นในระยะใกล้จะต้องตกตะลึงกับความงดงามมีเสน่ห์ของนาง
เขาเป็นเพียงชายหยาบกร้านที่รู้จักเพียงยาสมุนไพรเท่านั้น ไฉนเลยจะเคยพบเจอหญิงสาวหน้าตางดงามราวเทพธิดาเช่นนี้ ดังนั้นใบหน้าที่เคยขาวผ่องจึงแดงระเรื่อขึ้นมา
“ปัญหาของข้าหาใช่เรื่องเร่งร้อนแต่อย่างใด คนมือสะอาดย่อมมิต้องล้างมือ แต่คุณชายโหวต่างหากที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมและรู้สึกโศกเศร้ายิ่งกว่าข้า หากคุณชายมีแก่ใจจะลบล้างมลทินให ห้ข้าจริง เช่นนั้นเจ้าจงใช้แรงทั้งหมดที่มีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้แก่สกุลโหวเถิด เมื่อถึงเวลานั้นมลทินของข้าก็จะหายไป หากคุณชายเข้าใจความหมายแล้ว เช่นนั้นข้าก็มิมีสิ่งใดต้อง งพูดอีก”
จั่วชิวเฉินเป็นผู้ส่งเด็กหญิงคนนั้นไปเข้าร่วมการแข่งขัน เมื่อหลินเมิ้งหยากลับมายังเวทีที่รับชม นางจึงสั่งคนไปกำชับเด็กหญิงคนดังกล่าว
หากเขาถอดใจกับการแข่งขัน เช่นนั้นนางสั่งให้เด็กหญิงพูดกับโหวหลิงอวี้ว่านางรู้อยู่แล้วว่าโหวหลิงอวี้รู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ถ้าหากเขาคิดอยากเป็นพยานให้นาง เช่นนั้นเข ขาต้องมีสมาธิอยู่กับการแข่งขัน
ด้วยเหตุนี้โหวหลิงอวี้จึงหันกลับมาเพ่งสมาธิกับการแข่งขันดังเดิม
“ขอรับ ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
เมื่อเห็นโหวหลิงอวี้เข้าใจความคิดของตนเองแล้ว หลินเมิ้งหยาจึงพยักหน้าลง
เกี้ยวถูกยกขึ้น ก่อนจะลับหายไปจากสายตาของโหวหลิงอวี้
ทว่าสายตากลับเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
กลับมายังจวนไท่จื่อ ทันทีที่หลินเมิ้งหยาเดินผ่านสวนเข้าไปก็ได้เห็นหลิงเย่ที่มีใบหน้าซีดเผือดยืนตัวตรงอยู่หน้าประตูห้อง
“อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่ดีขึ้น เหตุใดจึงไม่นอนพักที่เตียงเล่า?”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยถาม ขณะเดียวกันอวี้อันก็เดินเข้าไปประคองหลิงเย่กลับเข้าไปภายใน
บางทีอาจเพราะซ่อนตัวอยู่หลังเงามืดมานาน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าควรจะสนทนาตอบโต้ผู้อื่นเช่นไร
ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาไม่ต้องปิดบังตัวตน ด้วยเหตุนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเมิ้งหยา เขาจึงทำเพียงก้มหน้าลง เม้มปากแน่นโดยไม่ส่งเสียงอะไร
“ไม่ต้องกังวลไป เฉินเปี่ยวเกอเสด็จมาแล้วเขาจะช่วยพวกเราสืบเรื่องหลงเทียนอวี้อย่างลับๆ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเดาว่าหลงเทียนอวี้มิได้อยู่ในจวนจู”
ณ ที่แห่งนี้ หลิงเย่คือคนที่มาจากต้าจิ้นเหมือนกันกับนาง
เมื่อหลงเทียนอวี้ไม่อยู่ หลินเมิ้งหยาจึงรู้สึกกังวลไม่น้อยไม่กว่าหลิงเย่เลย
แต่หลิงเย่ไม่เหมือนหลินเมิ้งหยา เมื่อไม่ได้รับคำสั่งจากท่านอ๋อง เขาไม่เพียงไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ แต่เขาทำตัวเหมือนเต่าที่ซ่อนหัวอยู่ในกระดอง ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้น นออกค้นหาจากแห่งหนใด
“มิได้อยู่ในจวนจู? เช่นนั้นท่านอ๋องจะตกอยู่ในอันตรายหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
หลิงเย่รีบเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ หลินเมิ้งหยาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาว
“ตอนนี้คงไม่ แต่ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ยังคิดไม่ตก ตอนแรกข้าคิดว่าพวกเขาจับหลงเทียนอวี้ไปเพราะต้องการโจมตีตัวตนของข้า แต่จากนิสัยใจคอของหลงเทียนอวี้ ต่อให้ต้องตาย เขาก็ไม่มีวันทำตามสิ่งที่ศัตรูต้องการ พวกเขาล้วนเป็นคนเมืองหลินเทียน แล้วเหตุใดจึงต้องลงทุนลงแรงจับตัวองค์ชายแห่งต้าจิ้นไปด้วยเล่า?”
หลิงเย่ส่ายหน้า ในสายตาของเขามีเพียงท่านอ๋องและพระชายาเท่านั้นที่ฉลาดที่สุด
หากพระชายารับสั่งว่าไม่รู้ เช่นนั้นเขาจะรู้ได้อย่างไร
ทว่าหลังจากที่หลินเมิ้งหยาพูดจบ นางพลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
จริงสิ เหตุใดนางจึงคิดไม่ถึง!
แม้พวกเขาจะไม่ได้อะไรจากการจับตัวหลงเทียนอวี้ไป แต่ถ้าหากพวกเขาร่วมมือกับคนของต้าจิ้นเล่า?
ทุกคนย่อมต้องรู้ว่าไท่จื่อและฮองเฮาต้องการที่จะกำจัดหลงเทียนอวี้อยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้พระอาการของฮ่องเต้แห่งต้าจิ้นก็เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น คิดหรือว่าพระองค์จะตรวจสอบเรื่องที่ฮองเฮาและไท่จื่อทำไม่พบ
เช่นนั้น…….
“อวี้อัน เจ้าจงรีบส่งคนไปแจ้งข่าวว่าให้ตรวจสอบขบวนการค้าที่เดินทางเข้าออกเมืองหลวงเก่าให้ละเอียด ไม่ได้ ข้าไปเองจะดีกว่า จริงสิ เจ้าช่วยติดต่ออาซิ่วและท่านกัวให้ข้าที จงบ บอกว่าข้ามีเรื่องสำคัญต้องการให้พวกเขาช่วย”
หลิงเย่ยืนยันเสียงแข็งว่าต้องการติดตามไปด้วย หากมิใช่เพราะหลินเมิ้งหยาเอ่ยเสียงเข้มว่าเขาจะตายระหว่างทางและทำให้นางต้องยุ่งยากมากขึ้นแล้วล่ะก็ ป่านนี้เขาคงออกจากจวนไท่ จื่อไปแล้ว
หลินเมิ้งหยารีบเปลี่ยนชุด โดยสวมเพียงชุดกระโปรงสีฟ้าเท่านั้น
จากนั้นจึงเดินทางมาถึงประตูเมืองโดยมีอวี้อันเป็นผู้นำทาง
เหตุเพราะคนเดินทางเข้าเมืองหลวงเก่ากันหมดแล้ว ดังนั้นประตูเมืองจึงเปิดเพียงสองแห่ง หลินเมิ้งหยาสั่งให้อวี้อันนำจดหมายเชิญของจั่วชิวอวี้ไปเยี่ยมเยียนเจ้าหน้าที่เฝ้าประตูเมือง ง
ประตูหนึ่งมีไว้สำหรับเข้า ส่วนอีกบานมีไว้สำหรับออก
อันที่จริงการตรวจสอบไม่กระทบต่อผู้เดินทางเข้าออกประตูเมือง เหตุเพราะทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ดังนั้นทุกคนจึงได้รับความสะดวกสบาย
หลินเมิ้งหยาซ่อนตัวอยู่ในรถม้า สายตาสอดส่องมองทางประตูเมืองและขบวนพ่อค้า
“จวิ้นจู่ ท่านกำลังสงสัยว่าพวกเขาจะส่งท่านอ๋องอวี้ออกนอกประตูเมืองหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
อวี้อันกระซิบถาม คนมีไหวพริบเช่นเขาอ่านความคิดของหลินเมิ้งหยาออก
หลินเมิ้งหยาผงกศีรษะลง นางจับจ้องรถม้าที่กำลังเดินทางออกนอกเมืองเขม็ง
หากเป็นไปตามที่นางคาดการณ์เอาไว้ สกุลจูร่วมมือกับฮองเฮาและไท่จื่อเพื่อจับกุมตัวหลงเทียนอวี้
ดังนั้นขณะที่ทุกคนกำลังเพ่งความสนใจไปที่การแข่งขันทางการแพทย์จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะลอบเอาตัวหลงเทียนอวี้ไป
หลงเทียนอวี้เป็นใคร? แม้จะถูกจับแต่ถึงกระนั้นเขาก็เป็นคนที่รับมือได้ยาก
หากเป็นนาง นางจะอาศัยจังหวะนี้ส่งตัวเขาออกไป
เหตุเพราะสีของท้องฟ้าเริ่มจางลงแล้ว ดังนั้นจึงมีคนเดินทางออกจากเมืองมากขึ้น
ราวกับเจ้าหน้าที่เฝ้าประตูเมืองรู้ว่าหลินเมิ้งหยากำลังหาสิ่งใด พวกเขาจึงทำงานกันอย่างขะมักเขม้น
ดังนั้นคนธรรมดาจึงสามารถออกจากเมืองได้โดยไม่ต้องตรวจสอบ
ส่วนพวกขบวนการค้าที่ขนของขนาดใหญ่จำต้องขยับไปอีกทางเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด
เหตุเพราะการตรวจตราเป็นไปอย่างเข้มงวดเหมือนปกติ ดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงรู้ดีว่าการตรวจค้นเช่นนี้มิทำให้อีกฝ่ายสงสัย
สายตาจับจ้องมองรถม้านานราวหนึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่ได้รับข่าวอันใด
ผิดกับอวี้อันที่จ้องมองจวิ้นจู่บนรถม้าด้วยสายตาเป็นกังวล
เดินไปยังโรงเตี๊ยมไม่ใกล้ไม่ไกลเพื่อซื้อขนมน่ารับประทานกลับมา ก่อนจะยื่นให้หลินเมิ้งหยาด้วยมือทั้งสองข้าง
—————–
หมายเหตุ
[1] ตะเกียงประหยัดน้ำมัน หมายถึง ผู้ที่ชอบสร้างปัญหาให้แก่ผู้อื่น