ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 17 บทที่ 503 หัวใจอำมหิตดุจยาพิษ
ทั้งที่เมื่อครู่ยังแสดงอาการร้อนรนกระวนกระวายเพราะลูกสะใภ้ใกล้คลอด แต่ตอนนี้กลับบอกว่าจะกลับไปแล้ว
หลินเมิ้งหยายิ่งมั่นใจว่าคนที่อยู่ในเกี้ยวหาใช่หญิงครรภ์แก่ใกล้คลอด!
“ช้าก่อน ท่านอา อีกเดี๋ยวประตูเมืองก็จะถูกเปิดแล้ว อีกอย่างลูกสะใภ้ของท่านก็ใกล้จะคลอดเต็มทีแล้วมิใช่หรือ? การคลอดลูกจะร่ำรี้ร่ำไรได้อย่างไรกัน?”
หลินเมิ้งหยารั้งชายคนนั้นไว้ สีหน้าเผยความใสซื่อไร้เดียงสาโดยไม่เผยพิรุธใดๆ ให้ชายคนนั้นได้เห็น
“คุณหนูพูดถูกแล้ว เพียงแต่….เพียงแต่หากลูกสะใภ้ของข้ายังเสียเวลาอีกต่อไป เกรงว่าจะอันตรายถึงชีวิตของพวกเขาสองคนแม่ลูก! พวกเจ้ารีบแบกนางกลับไป! รีบไปหาหมอตำแยเร็วเข้า!”
ชายคนนั้นแสดงท่าทางร้อนใจ เหงื่อผุดพรายบนหน้าผากหลายเม็ด โบกข้อมือเพื่อเร่งให้คนเหล่านั้นแบกเกี้ยวออกไป
“อย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นให้ข้าดูอาการสักหน่อยเถิด ข้าเองก็เป็นหมอ ข้าสามารถช่วยท่านดูอาการนางได้ ตอนนี้ท่านรีบไปตามหาหมอและหมอตำแยเถิด เรื่องนี้จะรอช้าไม่ได้!”
หลินเมิ้งหยาจะปล่อยไปได้อย่างไร นางรีบชิงเอ่ยขึ้น
ชายผู้นั้นรีบจับตัวนางเอาไว้แล้วผลักนางออก
“บังอาจนัก! เจ้าบังอาจลงมือกับนายหญิงของข้าอย่างนั้นหรือ! เข้ามา จับตัวเขาเอาไว้!”
อวี้อันคอยรับใช้อยู่ข้างกายไม่ห่าง เมื่อจวิ้นจู่ถูกผลัก เขาจึงรีบตะคอกเสียงดัง
ทหารคุ้มกันประตูเมืองรีบเข้ามาล้อมชายเหล่านั้นเอาไว้
สายตาของเหล่าชายฉกรรจ์ร่างกำยำพลันเปลี่ยนไป แต่ถึงกระนั้นกลับยังไม่กล้าทำอะไรทหารเหล่านี้
“คุณหนู ข้าน้อยไม่ทันระวังเอง! อีกอย่างลูกสะใภ้ของข้าใกล้จะคลอดเต็มทีแล้วจริงๆ ขอรับ”
ชายคนนั้นคิดไม่ถึงเลยว่าพวกทหารเฝ้าประตูเมืองจะเข้ามาล้อมพวกเขาไว้เช่นนี้
แต่ยิ่งคิดไม่ถึงว่าสตรีที่เคยเอ่ยปลอบประโลมด้วยความอ่อนโยนจะเดินนวยนาดเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มเย็นชา
“ลูกสะใภ้? หากคนบนเกี้ยวเป็นลูกสะใภ้ของเจ้าจริง เช่นนั้นเทพธิดาคนนี้จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของนางเอง!”
เสียงของหลินเมิ้งหยาเคร่งขรึมกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งไปกว่านั้นน้ำเสียงยังเจือไว้ซึ่งโทสะ
วาจาของนางทำให้ใบหน้าของเขาซีดเผือด
ดวงตากลมกลิ้งกลอกเพื่อหาข้ออ้าง
“เข้ามา จงจับพวกเขาเอาไว้แล้วส่งไปยังจวนไท่จื่อ!”
อวี้อันออกคำสั่ง ผู้เฝ้าประตูที่ออกไปรวบรวมกำลังพลรีบนำทหารเข้าไปช่วยเหลือ
ไม่ไกลจากที่นี่คือค่ายทหารคุ้มกันเมือง เหตุเพราะได้รับคำสั่งจากเซิ่นจวิ้นอ๋อง ดังนั้นแสงไฟจึงถูกจุดขึ้น
“อย่าขยับ จงไปกับพวกข้า”
ชายคนนั้นเห็นแล้วว่าตนเองไร้หนทางหนีรอด แต่เขาจะไม่มีวันยินยอมให้อีกฝ่ายเอาเกี้ยวไปได้ง่ายๆ
“แย่แล้ว! พวกเขาจะใช้พิษ!”
ข้อมูลยาพิษชนิดหนึ่งแล่นพล่านเข้ามาในสมองของหลินเมิ้งหยากะทันหัน
ช้าไปแล้ว พวกเขาเหล่านั้นใช้ยาพิษพร้อมกัน ขณะเดียวกันเลือดสีดำทมิฬพวยพุ่งออกจากร่างของพวกเขา
กว่านางจะไหวตัวทัน คนเหล่านั้นก็ตายไปแล้ว
“บัดซบ!”
คิดไม่ถึงเลยว่าเบาะแสที่ตนเองหามาได้จะหายวับไปกับตา
หลินเมิ้งหยามั่นใจว่าต่อให้ชันสูตรศพก็มิอาจหาเบาะแสอะไรได้แล้ว
หลังจากเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เช่นนี้อยู่สองสามหน หลินเมิ้งหยาเริ่มรับรู้ถึงความอำมหิตของอีกฝ่ายแล้ว
“จวิ้นจู่ พวกเขาล้วนตายหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ จะให้จัดการเช่นไร?”
ขณะเดียวกัน ผู้เฝ้าประตูไม่กล้าปกปิดสิ่งใดอีกต่อไป เหตุเพราะคนเหล่านี้ล้วนตายไปหมดแล้ว แม้แต่เขาเองก็เพิ่งไปตามทหารจากค่ายทหารคุ้มกันเมืองมาแล้ว
“เผาซะ อย่าให้เหลือร่องรอย”
หลินเมิ้งหยาไม่สนใจศพของคนเหล่านั้นอีกต่อไป นางรีบสาวเท้ายาวๆ ไปทางเกี้ยว
เอื้อมมือไปแหวกผ้าออก สิ่งที่ได้เห็นทำให้หลินเมิ้งหยาแสดงสีหน้าหวาดหวั่น
หันกลับไปมองซากศพเหล่านั้นด้วยสายตาโหดเหี้ยม
โชคดีที่พวกเขาตายไปแล้ว มิเช่นนั้นนางจะหักกระดูกของพวกเขาทีละท่อนและทำให้พวกเขาต้องตายอย่างอเนจอนาถ
“อวี้อัน จงนำเกี้ยวกลับไป ห้ามเคลื่อนไหวเร็วนักและห้ามให้กระเทือนเป็นอันขาด”
อวี้อันรีบร้องเรียกคนมาหามเกี้ยว หลินเมิ้งหยามองพวกเขาด้วยสายตากังวล ก่อนจะสั่งให้อวี้อันรีบขับรถม้าตาม
ระหว่างทางกลับจวนไท่จื่อ นางพยายามควบคุมอารมณ์ตนเอง
ทว่าโทสะกลับแผดเผาสติสัมปชัญญะของนางจนหมดสิ้น
“ปัง” หลินเมิ้งหยากระแทกมือกับผนังรถม้าแรงๆ
บัดซบ! เหตุใดคนพวกนั้นจึงทำกับหลงเทียนอวี้ถึงเพียงนี้!
นางไม่กล้าละสายตาออกจากเกี้ยว เหตุเพราะกลัวว่าคนในนั้นจะได้รับความเจ็บปวดทรมาน
กว่าเกี้ยวจะหยุดที่จวนไท่จื่อได้ไม่ง่ายเลย ขณะเดียวกันจั่วชิวอวี้ก็เดินทางมาถึงแล้วหลังทราบข่าว
“เปี่ยวเม่ย พวกเจ้า……”
ขณะที่ยื่นหน้าไปมอง จั่วชิวอวี้ได้เห็นสีหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของหลินเมิ้งหยา
คนแจ้งข่าวรายงานว่าหลินเมิ้งหยานำเกี้ยวหลังหนึ่งกลับมา หรือว่า…
“เข้าไปก่อนแล้วค่อยคุยกัน รบกวนพวกเจ้าหามเกี้ยวไปไว้ที่เรือนของข้า”
สีหน้าเคร่งขรึม สายตามองตามพวกคนที่กำลังแบกเกี้ยวเข้าไปในลานของนาง
“อวี้อัน จงสั่งให้ทุกคนออกไปให้หมด ห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามา”
หลินเมิ้งหยายืนอยู่หน้าเกี้ยว ทว่าสายตาเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวด ร่างกายสั่นเทิ้ม
“ท่านอ๋องอยู่ในนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
หลิงเย่ปรากฏตัวด้านหลังหลินเมิ้งหยา เขาส่งเสียงตื่นเต้น
ผงกศีรษะลง หลินเมิ้งหยาพยายามยับยั้งโทสะในใจของตนเอง
แหวกผ้าม่านออก ร่างที่ถูกมัดเอาไว้อยู่ภายในปรากฏต่อสายตาของทุกคน
ภายในเกี้ยวคือหลงเทียนอวี้ที่มีร่างกายบิดเบี้ยว
ใบหน้าขาวซีด ดวงตาสีดำคมกริบฉายแววคลุ้มคลั่ง ผ้าขาวที่อุดปากเอาไว้มีรอยเลือดสีแดงที่เกิดจากการถูกกัดแน่น
“หม่อมฉันเองเพคะ หลงเทียนอวี้ มองหม่อมฉัน!”
หลินเมิ้งหยาขยับเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
ราวกับคนที่อยู่ภายในเกี้ยวได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ดวงตาเลื่อนลอยของเขาพยายามเพ่งมองนาง
เอียงตัว ทว่าร่างของเขาพลันล้มเข้าหาอ้อมกอดของหลินเมิ้งหยา
ขณะเดียวกันหลินเมิ้งหยาจึงเพิ่งเห็นอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่เปรอะเปื้อนเสื้อผ้าของเขาทั้งตัวคือเลือด
“ท่านอ๋อง!”
“หลงเทียนอวี้!”
หลิงเย่และจั่วชิวอวี้ร้องออกมาพร้อมกัน
หลินเมิ้งหยากอดร่างหลงเทียนอวี้เอาไว้ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังไม่ดึงผ้าที่ปากของเขาออกหรือสั่งให้คนแก้มัดเขา
“พวกเจ้าช่วยข้าพยุงเขาไปที่เตียงเร็วเข้า ห้ามแกะเชือกของเขาออกเป็นอันขาด ห้ามมิให้ดึงผ้าที่ปากของเขาออก”
หลินเมิ้งหยารู้สึกราวกับหัวใจถูกมีดกรีด ก่อนหน้านี้หลงเทียนอวี้คือองค์ชายผู้แสนสง่างาม
แต่ตอนนี้เขาถูกทรมานจนเกือบสิ้นชีพ
จั่วชิวอวี้พร้อมทั้งหลิงเย่รีบเข้ามาพยุงร่างหลงเทียนอวี้ไปที่เตียง
ส่วนเขามีท่าทางมิต่างอันใดจากคนที่เพิ่งถูกช่วยขึ้นมาจากน้ำ หลงเทียนอวี้พยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แม้จะไร้เรี่ยวแรงก็ตาม
สายตาทอดยาว ไร้วี่แววของมนุษย์ที่ยังมีลมหายใจ
หลินเมิ้งหยาทรุดตัวลงข้างกายเขา ก่อนจะค่อยๆ หยิบผ้าออกจากปากของเขา
“ฆ่า…ฆ่าข้า…”
แม้จะเหลือเรี่ยวแรงเพียงเล็กน้อย แต่หลงเทียนอวี้ก็ยังคงความเด็ดเดี่ยว
ท่ามกลางแสงเทียน ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดจนไร้สีเลือด คราบเลือดแห้งกรังเกาะที่มุมปาก
“ไม่ เจ้าจะต้องหาย เจ้าจะต้องไม่เป็นไร”
แม้จะพยายามสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังเอ่อคลออยู่ดี
หลินเมิ้งหยาไม่สนใจกลิ่นเหม็นบนร่างของเขา นางกอดศีรษะเขาแน่นพร้อมทั้งร้องไห้สะอึกสะอื้น
หยดน้ำตาร้อนผ่าวรินไหลลงกระทบร่างของหลงเทียนอวี้
ราวกับดึงสติกลับมาได้เพียงเล็กน้อย สายตาตวัดมองทางคนที่กำลังกอดร่างของเขา
“เจ้า…ไสหัวไป! ออกไป! เจ้าเป็นเพียงภาพลวงตา! ข้าไม่มีวันพ่ายแพ้ให้กับภาพลวงตา!”
หลงเทียนอวี้ตะคอกเสียงแหบ กัดริมฝีปากแน่นเพราะต้องการให้ความเจ็บปวดเรียกสติของตนเองคืนมา
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดภาพลวงตานั้นจึงกดริมฝีปากของตนเองลงแนบริมฝีปากของเขา
กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยเตะจมูก
หลงเทียนอวี้ผงะอึ้งงัน เป็นไปได้อย่างไร….เป็นไปได้อย่างไร……
“หม่อมฉันมิใช่ภาพลวงตา นี่หม่อมฉันเองเพคะ หลงเทียนอวี้ พระองค์กลับมาแล้ว ในที่สุดหม่อมฉันก็พากระองค์กลับมาได้แล้ว”
ร่างของหลินเมิ้งหยาสั่นเทิ้ม นางใช้มือเล็กทั้งสองข้างประคองใบหน้าข้างแก้มซูบตอบของเขา
คนเหล่านั้นอำมหิตยิ่งนัก พวกเขาใช้ยาเซินเซียนซ่านกับหลงเทียนอวี้
ยาเซินเซียนซ่านเป็นยาพิษรุนแรง หากใช่เพียงครั้งเดียว คนก็จะพิการทันที
แต่ปริมาณที่คนเหล่านั้นใช้มากเพียงพอที่จะทำลายอวัยวะทุกส่วนของเขา
จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งนัก พวกเขามอบความทรมานที่เจ็บปวดเสียยิ่งกว่าความตายให้หลงเทียนอวี้
“เมิ้งหยา ฆ่าข้าเถิด ข้า…ข้ามิใช่คนอีกต่อไปแล้ว…….”
แววตาของหลงเทียนอวี้ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ
เหตุที่เมื่อครู่หลินเมิ้งหยามิให้ใครแก้มัดให้เขาก็เพราะพิษกำลังกระจายไปทั่วทั้งร่าง
แต่คราวหน้าเขาจะทำเช่นไร? หรือเขาจะต้องพึ่งยาของพวกคนเหล่านั้นไปชั่วชีวิต?
หากเป็นเช่นนั้นเขายอมตายเสียดีกว่า
“ไม่ อย่าได้เอ่ยวาจาโง่ๆ เช่นนี้อีก คนอื่นอาจไม่มีหนทางรักษา แต่มิได้หมายความว่าหม่อมฉันไม่มีวิธีรักษาพระองค์ พระองค์อย่าลืมว่าชายาของพระองค์เป็นแพทย์พิษอันดับหนึ่งในใต้หล ล้า หม่อมฉันต้องรักษาพระองค์ได้อย่างแน่นอน”
หลินเมิ้งหยาไม่รังเกียจร่างกายสกปรกเปรอะเปื้อนของหลงเทียนอวี้เลยแม้แต่น้อย
นางกอดแขนของเขาเอาไว้พร้อมทั้งเอ่ยปลอบโยน
“จริงหรือ? แต่…เซินเซียนซ่านหาใช่ยาพิษธรรมดา ข้า…”
แต่ไหนแต่ไรมาเขาพยายามแสดงท่าทีไม่ทุกข์ร้อนอยู่เสมอเพราะคิดว่าไม่มีสิ่งใดสามารถทำลายเขาได้
แต่วันนี้ยาเซินเซียนซานกลับทำลายความหยิ่งทะนงของเขาจนหมดสิ้น
หลินเมิ้งหยามองท่าทางเจ็บปวดทรมานของเขา หัวใจของนางรู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กัน
พยักหน้าลง หลินเมิ้งหยารับผ้าอุ่นจากจั่วชิวอวี้ จากนั้นจึงเช็ดคราบเลือดที่มุมปากให้แก่เขา
“แม้ยาเซินเซียนซ่านจะเป็นยา แต่ก็เป็นเพียงยาพิษเท่านั้น ขอเพียงสิ่งนั้นคือยาพิษ หม่อมฉันย่อมมีวิธีถอนพิษ!”