ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 17 บทที่ 504 วิธีถอนพิษ
เมื่อหลินเมิ้งหยารับปาก หลงเทียนอวี้จึงสงบลงเล็กน้อย
ยาพิษทำลายพละกำลังของเขาจนหมดสิ้น
เมื่อมาถึงสถานที่ปลอดภัยแล้ว ไม่นานหลงเทียนอวี้ก็หลับไป
“ข้าคิดว่าเราตามคนมาช่วยสักสองสามคนจะดีกว่า”
จั่วชิวอวี้คิดไม่ถึงเลยว่าหลงเทียนอวี้จะถูกทรมานอย่างแสนสาหัสเช่นนี้
ภายใต้แสงเทียน ร่องรอยบาดแผลของเขายิ่งปรากฏชัดเจนขึ้น
ดวงตาทั้งสองข้างกลายเป็นสีเข้มจนน่าตกใจ แม้จะกำลังหลับใหล แต่ดูเหมือนยังมีความกังวล ดังนั้นขนตาจึงกระตุกตลอดเวลา
หลายวันมานี้เขาแบกรับความทรมานมากขนาดไหนกัน?
“อืม แต่จะต้องให้คนที่ไว้ใจได้มาช่วยดูแลเท่านั้น ช่วงนี้ข้าจะดูแลเขาด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด เรื่องนี้ห้ามมิให้แพร่งพรายออกไปเป็นอันขาด”
หลินเมิ้งหยาหวังเหลือเกินว่านางจะสามารถใช้แขนทั้งสองข้างของตนเองดูแลหลงเทียนอวี้ได้
“จริงสิ เจ้าสามารถติดต่อผู้อาวุโสฉางให้ข้าได้เมื่อไหร่?”
ตอนนี้นางต้องรีบรักษาอาการบาดเจ็บที่ไหล่ขวาเพื่อที่จะสามารถดูแลหลงเทียนอวี้ได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น
“ข้าเล่าให้ผู้อาวุโสฉางฟังแล้ว เขาบอกว่าอาการของเจ้ามิได้ยากต่อการรักษา ยิ่งไปกว่านั้นยังมอบยาสองชนิดมาให้เจ้าแล้ว”
ขณะพูด เขาหยิบยาหีบเล็กจากโต๊ะของหลินเมิ้งหยา
เมื่อเปิดหีบออกขวดยาสีดำและสีแดงก็ปรากฏต่อสายตา
“ขวดสีดำคือยาหลิงจือที่มีสรรพคุณช่วยฟื้นบำรุงกระดูก ฤทธิ์ของยาค่อนข้างอ่อนและใช้เวลาในการรักษานานพอควร อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาราวครึ่งปีจึงจะดีขึ้น ส่วนสีแดงคือยาฮั่วห หลิงชิงอวี้ แม้จะช่วยฟื้นฟูร่างกายของเจ้าได้อย่างรวดเร็ว แต่หากคนธรรมดาใช้จะรู้สึกมิต่างอันใดจากการถูกไฟเผา นี่เป็นยาที่ผู้อาวุโสฉางปรุงออกมา เขาเอ่ยว่าหากเจ้ากล้าใช้ เช ช่นนั้นเขาก็ขอมอบให้แก่เจ้า”
จั่วชิวอวี้เอ่ยอย่างลังเล อันที่จริงเขาคิดอยากปฏิเสธแทนหลินเมิ้งหยา
แต่เพราะเกิดเรื่องขึ้นระหว่างงานเลี้ยง ดังนั้นจึงพลาดโอกาสนั้นไป
ทว่าดูจากสถานการณ์ตอนนี้ เป็นไปได้มากว่าหลินเมิ้งหยาจะเลือกรักษาด้วยยาตัวใหม่นี้
พูดตามความจริง เขาไม่อยากให้หลินเมิ้งหยาต้องรู้สึกเจ็บปวดทรมานเลยแม้แต่น้อย
“ไม่เป็นไร ใช้ยาขวดแดงนั่นก็แล้วกัน หากข้าต้องทนเห็นเขาเจ็บปวดทรมานทุกวัน เช่นนั้นข้ายินดีที่จะเจ็บปวดไปด้วยกันกับเขา”
หลินเมิ้งหยาใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดใบหน้าให้หลงเทียนอวี้
สมองคิดเพียงแต่เรื่องของเขาโดยมิสนใจตัวเองเลยแม้แต่น้อย
นับตั้งแต่อดีตจวบจนกระทั่งปัจจุบันมักพบเห็นการลอบวางยาพิษได้อยู่บ่อยครั้ง
แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นพิษชนิดนี้ แต่นางกลับไม่รู้สึกแปลกใจ
วัตถุดิบสำคัญของยาเซินเซียนซ่านคือสารสกัดจากต้นฝิ่นสด ต่อมาจึงนำยาพิษชนิดอื่นมาผสมรวมกัน ดังนั้นจึงมีฤทธิ์รุนแรงเช่นนี้
ท้ายที่สุดแล้วยาพิษชนิดนี้จะเข้าไปกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ก่อนจะทำลายจิตวิญญาณของผู้ถูกทรมาน
หลงเทียนอวี้ต้องถูกบังคับให้กินเข้าไปในปริมาณมากอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นด้วยนิสัยของเขาแล้ว ต่อให้เจ็บปวดเช่นไรเขาก็ไม่มีวันถูกพิษเหล่านั้นควบคุม
แม้ว่าระบบเซินหนงจะปรากฏวิธีถอนพิษอยู่หลายวิธี
แต่ในความเป็นจริงผลข้างเคียงของวิธีถอนพิษเหล่านั้นค่อนข้างมาก ด้วยสภาพร่างกายของหลงเทียนอวี้ในเวลานี้อาจรับไม่ไหว
“ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ช่วงนี้ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าที่จวนและช่วยรักษาอาการของหลงเทียนอวี้”
จั่วชิวอวี้อยากเอ่ยโน้มน้าวหลินเมิ้งหยา แต่เพียงอ้าปากเขาก็ต้องเปลี่ยนใจ
เหตุเพราะหลินเมิ้งหยาเลือกยาขวดสีแดงโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
เพียงได้เห็นความรู้สึกของนางที่มีต่อหลงเทียนอวี้ จั่วชิวอวี้เข้าใจได้ในทันทีว่าสิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้คือการเงียบแล้วช่วยเหลือนาง
“ขอบใจมาก”
จั่วชิวอวี้ส่ายหน้า ก่อนจะแอบเดินออกไป
หลิงเย่ยกมือขึ้นกุมหน้าอก ใบหน้าแดงก่ำ อารมณ์ที่เกิดพลุ่งพล่านขึ้นมากะทันหันทำให้อาการเจ็บปวดบนร่างกายหายไปชั่วคราว
สายตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง โดยเฉพาะตอนที่ได้เห็นสภาพราวกับคนพิการของหลงเทียนอวี้ โทสะพลันเอ่อท่วมหัวใจของเขา
หมุนตัวเดินออกไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
“เจ้าจะไปไหน? กลับมา คิดจะไปตายหรืออย่างไร?”
เสียงของหลินเมิ้งหยาพลันดังขึ้นจากด้านหลัง ฝีเท้าของเขาจึงหยุดชะงัก
แผ่นหลังแผ่ความรู้สึกโศกเศร้า เขายืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ ความรู้สึกผิดหวังถาโถมเหมือนเกลียวคลื่น
“พวกเขาทำลายท่านอ๋อง!”
น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้น
หลินเมิ้งหยาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร หลิงเย่เองก็โกรธแค้นพวกเขาไม่ต่างไปจากนาง
“ตอนนี้เจ้ากลายเป็นคนตายไปแล้ว เช่นนั้นเจ้าจะทำอย่างไรเล่า?”
“แต่ท่านอ๋อง…หรือจะปล่อยให้เรื่องจบแบบนี้พ่ะย่ะค่ะ?”
หลินเมิ้งหยาย่อมเข้าใจความรู้สึกของหลิงเย่ในเวลานี้ดี แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดหาใช่การแก้แค้นให้หลงเทียนอวี้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรักษาอาการบาดเจ็บของเขา
“แน่นอนว่าย่อมไม่จบแต่เพียงเท่านี้ พวกเราจะตามล่าทุกคนที่ทำร้ายเขา สุดท้ายก็ทำลายพวกเขาให้สิ้นซาก”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เหตุเพราะกลัวว่าจะทำให้หลงเทียนอวี้ตื่น แม้ว่าคำพูดจะเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง
“พระชายามีแผนการดีๆ แล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เมื่อถูกหลินเมิ้งหยาห้ามเอาไว้ สติสัมปชัญญะของหลิงเย่จึงกลับมา
แต่เขาเองก็เหมือนกับหลินเมิ้งหยาที่พยายามระงับโทสะของตนเอง
เมื่อไหร่ที่มีโอกาส โทสะที่ถูกซ่อนเอาไว้ในใจพร้อมที่จะปะทุออกมาเหมือนถ่านที่รอวันแผดเผาคนเหล่านั้นไม่ให้เหลือแม้แต่เถ้ากระดูก
“เมื่อเย็นพวกคนหามเกี้ยวล้วนกินยาตายหมดแล้ว แต่พวกเขาคิดหรือว่าข้าจะหาเบาะแสอะไรไม่เจอ? ในเมื่อหลงเทียนอวี้ถูกจับในบ้านสกุลจู เช่นนั้นก็เริ่มจากบ้านสกุลจูก็แล้วกัน”
แม้สีหน้าจะเรียบเฉย แต่แววตากลับเคียดแค้น
นี่เป็นใบหน้าที่แท้จริงหลังจากผ่านเพลิงโทสะ หากคนรู้จักมักคุ้นนางได้เห็นคงมิวายต้องรู้สึกหวาดผวา
“สิ่งใดที่พวกเราคิดได้ สิ่งนั้นผู้อื่นย่อมคิดได้เช่นเดียวกัน ตอนนี้เรื่องนี้ยังไม่ถูกแพร่งพรายออกไป เจ้าจงพาคนไปสอดแนมที่บ้านสกุลจู จำเอาไว้ว่าจงปกป้องเพียงจูฉีหยุนและหลานชา ายของเขา แต่จะเป็นการดีที่สุดหากทำให้พวกเขาเห็นว่าคนในครอบครัวถูกคนอื่นเข่นฆ่า เจ้าจงดูแลจูฉีหยุนให้ดี ข้าจะทำให้เขาเห็นทุกคนในตระกูลต้องตายตกกันไปต่อหน้าเขา!”
แววตาหลิงเย่สั่นไหว ก่อนจะกลับมาเย็นชาอีกครั้ง
รับคำสั่งจากหลินเมิ้งหยา ก่อนจะหายตัวไปท่ามกลางความมืดอย่างรวดเร็ว
วิธีการที่อีกฝ่ายใช้รุนแรงและโหดเหี้ยม โดยดูได้จากคนหามเกี้ยวที่เมื่อทำภารกิจล้มเหลวก็ต้องฆ่าตัวตายในทันที
สกุลจูคือเบาะแสสุดท้าย ในเมื่อนางรู้แล้วว่าควรเริ่มจับจุดจากสกุลจู เช่นนั้นอีกฝ่ายก็ย่อมอ่านความคิดของนางออกและทำลายหลักฐานชิ้นสุดท้ายทิ้ง
เหตุเพราะตอนนี้การแข่งขันทางการแพทย์ครั้งสำคัญเริ่มต้นขึ้นแล้ว อีกทั้งสกุลจูยังสร้างเรื่องน่าอับอายขายหน้า หากอีกฝ่ายลงมือ เป็นไปได้ว่าเขาจะใส่ร้ายว่านางเป็นผู้ก่อเหตุ
ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วนางก็ต้องตกเป็นข้อครหา เช่นนั้นลงมือเร็วขึ้นสักหน่อยจะเป็นไร!
ขณะที่คนทั้งบ้านกำลังหลับใหล พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าบนหลังคาจะมีร่างของชายชุดดำนับไม่ถ้วนกระโดดออกไป
อวี้อันคอยคุ้มกันอยู่บริเวณลาน เขาส่งคนไปรายงานเรื่องในวันนี้กับเจ้านายแล้ว
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ผู้เป็นนายพูดขึ้นมาได้ เขารู้ได้ทันทีว่าค่ำคืนนี้จะต้องผ่านไปอย่างไม่สงบสุข
“ฝากเจ้าขอบพระทัยเฉินเปี่ยวเกอแทนข้าด้วย หากไม่มีเขาแล้วล่ะก็ เรื่องนี้คงไม่สำเร็จ”
หลินเมิ้งหยาที่ดูแลหลงเทียนอวี้ตลอดทั้งคืนเดินออกมา
ดวงจันทราลอยขึ้นเหนือฟากฟ้า นางแหงนหน้ามองสีของดวงจันทร์ขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ฝ่าบาทรับสั่งแล้วว่าให้ปฏิบัติตามคำสั่งของจวิ้นจู่ แต่หนู่ฉายไม่เข้าใจเรื่องหนึ่ง ในเมื่อเรามีหลักฐานแน่นหนาแล้ว เหตุใดจวิ้นจู่จึงไม่ใช้มันเพื่อจับกุมสกุลจูเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”
เหตุเพราะถวายงานรับใช้ฮ่องเต้มานาน ดังนั้นอวี้อันจึงเห็นเหตุการณ์นองเลือดมานับไม่ถ้วนแล้ว
แต่เมื่อเทียบกับวิธีการอันชาญฉลาดและมีเมตตาของฝ่าบาทแล้ว วิธีการของจวิ้นจู่โหดเหี้ยมเยือกเย็นกว่ามาก
จะอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไรดีเล่า? หากฝ่าบาทเปรียบดั่งพยัคฆ์บนภูเขา เช่นนั้นจวิ้นจู่ก็เปรียบดั่งอสรพิษ
ภายใต้ใบหน้างดงามดั่งเทพธิดาเก็บซ่อนความน่าพรั่นพรึงเอาไว้
“เรื่องของสกุลจูอาจเกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจของต้าจิ้น ถ้าหากเรื่องนี้กระทบต่อราชสำนักแห่งเมืองหลินเทียนแล้วล่ะก็ ด้วยสถานการณ์ของเฉินเปี่ยวเกอในเวลานี้ เกรงว่าจะมีปัญหาม มากขึ้น เหตุที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพราะไม่อยากสร้างปัญหาให้แก่ทุกคน”
แม้จะจับคนของสกุลจูเอาไว้ไม่ได้ แต่หลินเมิ้งหยาพอจะเดาทางของผู้อยู่เบื้องหลังคนนั้นออกแล้ว
เดิมนางสงสัยว่านอกจากฮองเฮาและไท่จื่อแล้ว ต้าจิ้นอาจมีใครบางคนควบคุมราชสำนักเอาไว้
แต่ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าคนกลุ่มนั้นมีตัวตนอยู่จริง อีกทั้งฮองเฮาและไท่จื่อกำลังร่วมมือกับคนเหล่านั้นอยู่
ตอนนี้องค์ชายที่มีคุณสมบัติสั่นคลอนตำแหน่งองค์รัชทายาทได้เห็นจะเป็นหลงเทียนอวี้เพียงผู้เดียว
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่พวกเขาจับตัวหลงเทียนอวี้ได้แล้ว พวกเขาเลือกที่จะใช้ยาเซินเซียนซ่านเพื่อควบคุมเขา สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่อยากได้เพียงชีวิตของหลงเทียนอวี้เท่าน นั้น
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เพราะเหตุนี้ฝ่าบาทจึงรับสั่งว่าห้ามเอะอะไป แต่หนู่ฉายเองก็เคยได้ยินเรื่องยาเซินเซียนซ่านมาบ้าง ได้ยินมาว่าเมื่อพิษเข้าสู่ร่างจะมิอาจถอนออกได้อย่างง ง่ายดาย ภายภาคหน้าอาจทำลายผู้ที่ถูกวางยา”
เซินเซียนซ่าน หลินเมิ้งหยาเคยเห็นยานี้ในตำราชิงเจิงผู่
ผู้เขียนตำราชิงเจิงผู่เป็นคนแปลกยิ่งนัก ในตำราแพทย์ทั่วไปเขียนเกี่ยวกับยาเซินเซียนซ่านเพียงไม่กี่คำว่า ไม่มีทางรักษา
แต่ผู้เขียนตำราชิงเจิงผู่กลับให้คำจำกัดความที่ต่างออกไป เขาเขียนวิธีการรักษาและยาที่ใช้ในการถอนพิษอย่างละเอียด
ดังนั้นหากคิดจะรักษาหลงเทียนอวี้ก็มิใช่เรื่องยาก
มือซ้ายเอื้อมเข้ามาจับมือขวาของคตนที่ยังไร้ความรู้สึก
นี่คือเหตุผลที่นางเลือกใช้ยาขวดสีแดง
หวังว่ายาขวดนั้นจะสามารถทำให้แขนของนางกลับมาใช้งานได้ดังเดิม!