ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 17 บทที่ 508 ตรามังกรทมิฬ
ท่านเจ้าเมืองคนนี้เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน
เขารู้ดีว่าการมาของตนเองในคราวนี้เป็นเรื่องมิบังควร ดังนั้นเขาจึงแสดงท่าทางเคารพนบนอบเพื่อมิให้ใครหาข้อบกพร่องของเขาได้
แม้หลินเมิ้งหยาจะปฏิเสธเขา แต่เขากลับไม่โมโห
ยิ้มเกรงใจ ก่อนจะกลับไปยังที่นั่งของตนเอง
การที่สามารถครอบครองตำแหน่งท่ามกลางฝ่ายของคนรุ่นใหม่และคนหัวโบราณได้นับว่ายอดเยี่ยมยิ่งนัก
“พระชายารับสั่งถูกต้องแล้ว แต่แม้พระองค์จะมิใช่จวิ้นจู่ ทว่าพระองค์ยังเป็นแขกบ้านแขกเมือง ข้าน้อยหวังว่าพระชายาจะให้ความร่วมมือกับข้าน้อยในการตรวจสอบเรื่องบางอย่างพ่ะย่ะค่ะ”
ในที่สุดก็เข้าเรื่องสำคัญเสียที เหตุเพราะท่านเจ้าเมืองยอมถอยให้ครึ่งหนึ่งแล้ว หลินเมิ้งหยาจึงไม่คิดสร้างความลำบากใจให้เขาอีก
“เชิญใต้เท้าบอกมาเถิด”
หลินเมิ้งหยานั่งลงข้างกายจั่วชิวอวี้ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
“ไม่ทราบว่าพระชายายังจำใต้เท้าจู…จูฉีหยุนได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ผงกศีรษะลง หลินเมิ้งหยาย่อมจำได้ ยิ่งไปกว่านั้นจูฉีหยุนยังถูกขังอยู่ในโรงเก็บฟืนด้านหลังจวนแห่งนี้
“เรื่องเป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ วันนี้ช่วงเช้ามีคนเข้ามารายงานว่าพบศพหลังจวนสกุลจู ข้าน้อยจึงรีบพาคนไปดู ไม่รู้ว่าคนสกุลจูไปทำผิดต่อใครเข้า เวลาเพียงคืนเดียวพวกเขาจึงถูกฆ่า ายกครัวไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หลินเมิ้งหยาและจั่วชิวอวี้แสร้งแสดงท่าทีตกใจ
การแสดงของทั้งคู่สมควรได้รับตุ๊กตาทอง ดังนั้นท่านเจ้าเมืองเกือบจะหลงเชื่อพวกเขาไปแล้ว
“ที่แท้ก็เป็นเรื่องจริง ตอนบ่ายคนทั้งเมืองหลวงลือกันว่าคนสกุลจูถูกพวกผีร้ายมาเอาชีวิตทั้งตระกูล ตอนแรกข้าคิดว่าเป็นข่าวโคมลอย ใครจะรู้เล่าว่าจะเป็นเรื่องจริง”
จั่วชิวอวี้เอ่ยอย่างเสียดาย ทว่าสายตากลับแอบชำเลืองมองหลินเมิ้งหยา
“เฮ้อ ไม่รู้ว่าใครโหดเหี้ยมอำมหิตถึงเพียงนี้ ท่านเจ้าเมืองจะต้องตรวจสอบให้ดี มิเช่นนั้นพวกเราเองก็อาจตกอยู่ในอันตรายเช่นเดียวกัน”
ท่านเจ้าเมืองรีบพยักหน้ารับคำก่อนจะอาศัยคำพูดของหลินเมิ้งหยาเพื่อเข้าสู่ประเด็นหลัก
“พระชายารับสั่งถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น พวกเราก็ยิ่งต้องตรวจตรากันอย่างเข้มงวด ฉะนั้นข้าน้อยจึงเดินทางมายังจวนแห่งนี้เพื่อเชิญพระชายาไปยังที่ว่าการสักหน่อย ยพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก หากวันนี้นางออกจากจวนไท่จื่อแม้เพียงก้าวเดียว เกรงว่านางคงหนีมิพ้นคำครหาว่าเป็นฆาตกร
สายตาเย็นเยียบ มือเรียวยาวดั่งหยกตบลงบนโต๊ะ
“เมืองหลินเทียนตัวดี เจ้าเมืองตัวดี! เจ้าหาตัวฆาตกรไม่เจอก็เลยคิดจะโยนความผิดนั้นให้ข้าอย่างนั้นหรือ? ดี วันนี้ข้าจะไปกับเจ้า แต่หากวันนี้เจ้าหาหลักฐานออกมาไม่ได้ว่าข้าฆ่ าพวกเขาเช่นไร เช่นนั้นข้าจะรีบเขียนจดหมายไปถึงท่านพ่อ!”
หยาดเหงื่อรินไหลลงคางของท่านเจ้าเมือง
เขามิใช่คนเสนอความคิดเรื่องมาเชิญเสด็จพระชายา ดูท่าแล้วชายาอวี้ผู้นี้จะมิใช่คนที่สามารถรับมือด้วยได้ง่ายๆ
ใครจะมองออกเล่าว่าพระชายาที่มีรูปร่างบอบบางอ่อนแอจะมีวาจาคมกริบจนเขาที่มักจะค้อมตัวผงกหัวให้ผู้อื่นถึงกับทำอะไรไม่ถูก
“คือ….พระชายารับสั่งเกินไปแล้ว ข้าน้อยเพียงทำตามระเบียบเท่านั้น ข้าน้อยต้องการเชิญพระชายาไปประทับที่นั่นราวสองสามวัน หากเซิ่นจวิ้นอ๋องยังอยู่ ไม่มีใครกล้าล่วงเกินพระองค์อย่าง งแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
แม้ท่านเจ้าเมืองจะทำตามหน้าที่ แต่ถึงกระนั้นเซิ่นจวิ้นอ๋องก็ยังจ้องมองเขาตาไม่กระพริบ
คาดว่าหากเขากล้าสั่งลูกน้องให้จับตัวสตรีตรงหน้า ชั่ววินาทีต่อมาเซิ่นจวิ้นอ๋องจะต้องบันดาลโทสะอย่างแน่นอน
ในเมื่อไม่ว่าทางใดก็ต้องพบกับความลำบากใจ เช่นนั้นเขาคงต้องชั่งน้ำหนักระหว่างทางเลือกทั้งสองแล้ว
“เข้ามา เชิญชายาอวี้ไปที่ว่าการ”
จั่วชิวอวี้ถลึงตา เขาดันตัวหลินเมิ้งหยาไปทางด้านหลัง
เจ้าเมืองตัวดี! หลินเมิ้งหยาเข้าใจแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หากไร้คนคอยถือหางอยู่ เช่นนั้นเขาจะมีความกล้าเช่นนี้หรือ
“ดูเหมือนไม่ว่าอย่างไรวันนี้ใต้เท้าก็จะเอาตัวข้าไปให้ได้ใช่หรือไม่?”
ยืนอยู่ด้านหลังจั่วชิวอวี้ สีหน้าของหลินเมิ้งหยาไร้ซึ่งความหวาดกลัว
สายตาเย็นชาจับจ้องเจ้าเมืองตรงหน้า
“ข้าน้อยทำตามหน้าที่ พระชายาได้โปรดเข้าพระทัยด้วย”
หลังจากทำใจอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าเมืองจึงไม่มีทีท่าสงบเสงี่ยมอีกต่อไป
อีกฝ่ายแสดงเจตจำนงแล้วว่าต้องพาตัวหลินเมิ้งหยาไปให้ได้ หากเขาไม่ทำตามคำสั่ง เกรงว่าจะพบกับจุดจบที่ไม่ดีนัก
แม้เซิ่นจวิ้นอ๋องจะมีตำแหน่งสูงศักดิ์ แต่คนที่คอยหนุนหลังเขาอยู่ที่เมืองหลวงว่างเทียน
เจ้าเมืองเป็นคนฉลาด ดังนั้นเขาย่อมรู้ว่าควรทำเช่นไรจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด
“การจะเอาตัวข้าไปมิใช่เรื่องยาก”
ขณะที่ทั้งสองฝ่ายยังคงยืนกรานในความคิดของตนเอง อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็เอ่ยแทรก
สายตาของจั่วชิวอวี้และท่านเจ้าเมืองหันไปมองนาง
“ไม่ทราบว่าพระชายามีสิ่งใดให้ต้องกังวลหรือ?”
หลินเมิ้งหยาหัวเราะ ก่อนจะหยิบตราอันหนึ่งออกจากวงแขน
ตราสีดำทำจากทอง บนตราอันนั้นสลักไว้เพียงพยางค์เดียว เฉิน
บนคำว่าเฉินคือลวดลายมังกรเหินห้ากรงเล็บ
ทันทีที่ท่านเจ้าเมืองเห็นตราอันนั้น ทุกคนรีบคุกเข่าลงกับพื้น สีหน้าแสดงความหวาดหวั่น
“นี่….ตรามังกรทมิฬ! ฮวงซง…ฮวงซงมอบมันให้เจ้าแล้วหรือ!”
แม้แต่จั่วชิวอวี้เองก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ตรามังกรทมิฬเปรียบดั่งอำนาจสูงสุดแห่งเมืองหลินเทียน
มันมีอำนาจแตกต่างจากดาบอาญาสิทธิ์หรือชุดเหลือง
หากท่านเจ้าเมืองมิได้เป็นกบฏ เช่นนั้นตรามังกรทมิฬก็สามารถปลดอำนาจของเขาได้อย่างง่ายดาย
แม้คนแห่งหอป๋ายเฉาจะมีตำแหน่งสูงศักดิ์ แต่ในแผ่นดินเมืองหลินเทียนแห่งนี้ไม่มีผู้ใดกล้าเป็นปฏิปักษ์ต่อเจ้าของตรามังกรทมิฬอันนี้
“ฮ่องเต้ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปี”
ท่านเจ้าเมืองรู้สึกราวกับหัวใจถูกคลื่นโหมกระหน่ำ
เหตุที่เขาสามารถดำรงตำแหน่งอยู่ที่นี่ได้นั่นก็เพราะไม่ว่าฮ่องเต้พระองค์ใหม่หรือคนของทางฝั่งเมืองหลวงเก่าก็ล้วนมีความสัมพันธ์อันดีกับเขาทั้งสิ้น
หากคราวนี้เขาสูญเสียการสนับสนุนจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปแล้วล่ะก็ เช่นนั้นเขาก็จะกลายเป็นหมากที่ถูกทิ้ง
อย่าว่าแต่ตำแหน่งเจ้าเมืองในเมืองหลวงเก่าแห่งนี้เลย แม้แต่การถูกลดขั้นเป็นสามัญชนก็ใช่ว่าจะเป็นจุดจบที่ดี
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าฮ่องเต้จะมอบตรามังกรทมิฬที่มีเพียงชิ้นเดียวให้แก่อันเล่อจวิ้นจู่ตรงหน้า
ตอนนี้เขาเข้าใจในทันทีว่านางคืออันเล่อจวิ้นจู่จริงๆ
“ใต้เท้า ข้าหาได้คิดต่อต้านท่านไม่ แต่เหตุการณ์ในคราวนี้รุนแรงจนไม่อาจละเลยได้ ข้าคิดว่าท่านควรตรวจสอบอย่างละเอียด หากมีใครใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์ เช่นนั้นจะทำอย่างไรเล่า?”
เฉินเปี่ยวเกอมอบของชิ้นนี้ให้แก่นางก่อนที่จะเดินทางมายังที่นี่
ตอนที่อวี้อันได้เห็น เขาถึงกับร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ ก่อนจะอธิบายถึงความสำคัญของตรานี้
แม้เมืองหลวงเก่าจะหยั่งรากลึกในแคว้น แต่ถึงอย่างไรเฉินเปี่ยวเกอก็ยังเป็นฮ่องเต้เพียงพระองค์เดียวของดินแดนนี้
ดังนั้นพวกคนเหล่านั้นจึงไม่กล้าทำอะไร
“พ่ะย่ะค่ะ พระชายารับสั่งถูกต้องแล้ว ข้าน้อยจะรีบไปทำตามคำสั่งเดี๋ยวนี้”
ท่านเจ้าเมืองยกมือปาดเหงื่อ
เหตุใดเขาต้องมาทำเรื่องคอขาดบาดตายเช่นนี้ด้วยเล่า?
“ช้าก่อน ข้ามีคำพูดต้องการฝากท่านไป”
หลินเมิ้งหยารู้ดีว่าเจ้าเมืองผู้นี้เป็นเพียงแพะเท่านั้น คนที่สนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลังต่างหากที่เป็นศัตรูตัวจริง
“เชิญพระชายารับสั่งเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“รบกวนใต้เท้านำคำพูดของข้าไปบอกคนที่ลอบยิงธนูทำร้ายคนเหล่านั้นด้วยว่า แม้ข้าหลินเมิ้งหยาจะเป็นเพียงสตรี แต่ข้าก็เป็นคนตรงไปตรงมา หาได้เกรงกลัวคำติฉินนินทาไม่”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยเสียงเบา ท่านเจ้าเมืองพยักหน้ารับคำ ก่อนจะโค้งตัวคำนับ
“ข้าน้อยจะนำถ้อยคำของพระองค์ไปส่งให้ถึงอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ พระชายา จวิ้นอ๋อง ข้าน้อยขอตัวลา”
ท่านเจ้าเมืองพาคนของตัวเองจากไป
หลินเมิ้งหยาโยนตรามังกรทมิฬในมือของตนเองไปมาเบาๆ ดวงตาฉายแววดูถูก
ดูเหมือนการตายของสกุลจูจะทำให้คนเหล่านี้เดือดเนื้อร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง
“เหตุใดเจ้าต้องนำออกมาด้วยเล่า? ถึงอย่างไรข้าก็อยู่ที่นี่ เขาไม่มีวันเอาตัวเจ้าไปได้อยู่แล้ว ของสิ่งนี้ควรนำมาใช้ในเวลาสำคัญ”
จั่วชิวอวี้ส่งสายตาอิจฉาไปทางตรามังกรทมิฬในมือหลินเมิ้งหยา
แต่ไหนแต่ไรมา ฮ่องเต้จะมอบของสิ่งนี้ให้แก่ขุนนางชั้นสูงหรือญาติที่พระองค์ไว้วางพระทัยเท่านั้น
คิดไม่ถึงเลยว่าตราของฮวงซงจะตกอยู่ในมืองหลินเมิ้งหยา
ไม่ยุติธรรม! พอมีญาติผู้น้องก็ลืมน้องชายของตัวเอง ฮึ!
“ข้านำของสิ่งนี้ออกมาก็เพื่อตีหนูให้ตื่น แต่น้ำหนักช่างพอดีมือจริงๆ”
หลินเมิ้งหยายิ้มขบขันขณะเอ่ยแก้ตัว ทว่าจั่วชิวอวี้กลับนิ่งอึ้ง
นำตรามังกรทมิฬออกมาตีหนู นี่จะไม่เป็นการนำมาใช้ผิดวิธีหรอกหรือ?
“เปี่ยวเม่ย เจ้าหมายความว่าอย่างไร! นี่! เหตุใดเจ้าจึงเดินเร็วนัก!”
เดินตามร่างบางของหลินเมิ้งหยาด้วยความประหลาดใจ
ตกลงเปี่ยวเม่ยกำลังตีหนูอะไรกันแน่?
เพียงพริบตาเดียวเวลาก็ล่วงเลยไปแล้วถึงสองวัน แม้หลงเทียนอวี้จะรู้สึกอ่อนล้าเต็มที แต่เมื่ออาการกำเริบ เขาก็มิได้คลุ้มคลั่งเหมือนก่อนแล้ว
ทว่าทุกครั้งที่เขาอาการกำเริบ หลินเมิ้งหยามักหลบออกมาด้านนอกเพื่อให้จั่วชิวอวี้ทายาฮั่วหลิงชิงอวี้ให้
ความเจ็บปวดทรมานราวกับถูกไฟเผาเริ่มทุเลาลงแล้ว
แม้หลังจากใช้ยาชนิดนี้แล้วหลินเมิ้งหยาจะสลบไปนานราวครึ่งวัน แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่รู้สึกทรมานเหมือนก่อน
ดูเหมือนทุกอย่างกำลังเป็นไปในทิศทางที่ดี
“โอ้ คุณชายสกุลหลงเดินได้แล้วหรือ ชิ ชิ สมแล้วที่น้องสาวของข้าดูแลอยู่ข้างกายมิห่างหาย”
แสงแดดกระทบใบหน้า หลินเมิ้งหยากำลังประคองร่างหลงเทียนอวี้ออกมายืดเส้นยืดสาย
จั่วชิวอวี้ที่หายไปตั้งแต่รุ่งสางรีบกลับมาที่จวน แต่เมื่อเห็นหลินเมิ้งหยาเอาใจใส่หลงเทียนอวี้ถึงเพียงนี้ เขาอดที่จะเอ่ยค่อนแคะไม่ได้
หลงเทียนอวี้เลิกคิ้วขึ้นสูง แม้ใบหน้าจะยังขาวซีด แต่ก็ไม่โทรมเหมือนก่อนแล้ว
บาดแผลบนร่างกายเริ่มกลายเป็นเพียงรอยแดงจางๆ
หลังจากได้ยินเสียงของจั่วชิวอวี้ เขาไม่เอ่ยตอบโต้ แต่กลับกระชับมือหนาโอบเอวหลินเมิ้งหยาแน่น
ผลปรากฏว่าเขาเลือกที่จะไม่ตอบโต้แต่กลับแสดงความรักให้ดูแทน!
“เจ้า…เจ้า…ไร้ยางอายนัก!”
จั่วชิวอวี้ละล่ำละลักพูดไม่ออก สุดท้ายจึงใช้เพียงคำว่าไร้ยางอาย มาต่อว่าหลงเทียนอวี้