ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 18 บทที่ 511 ล้วนมีความลับทั้งสิ้น
“เรื่องของสกุลจูจบเพียงเท่านี้หรือ?”
เวลากินข้าวย่อมไม่เหมาะต่อการคุยธุระ หลังจากกินข้าวเสร็จ จั่วชิวอวี้จึงเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา
“อืม หยุดเพียงเท่านี้ไปก่อน ตอนนี้สกุลจูไม่เหลืออะไรอีกต่อไปแล้ว แม้แต่ศพก็ถูกเผาจนหมดสิ้น ดูเหมือนจะทำได้เพียงเท่านี้”
นางไม่อาจยับยั้งข่าวลือที่ตนถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรได้
ยิ่งไปกว่านั้นแม้ท่านเจ้าเมืองจะมายังจวนไท่จื่อ แต่เขาก็ไร้หลักฐาน
อีกทั้งหลินเมิ้งหยายังส่งคนไปปล่อยข่าวที่แตกต่างออกไปอีกด้วย
หากเทียบความสามารถในการใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นแล้ว คิดหรือว่าพวกเจ้าเมืองจะเป็นคู่ปรับของหลินเมิ้งหยาและจั่วชิวอวี้?
“จริงสิ พรุ่งนี้เจ้าจะต้องไปรายงานตัวที่หอป๋ายเฉามิใช่หรือ? เจ้าต้องไปอยู่ที่นั่นกี่วัน? ข้ากับหลงเทียนอวี้ตามไปด้วยได้หรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาหันไปถามจั่วชิวอวี้
อีกฝ่ายกลับแสดงสีหน้าขมขื่น ราวกับคนกำลังทุกข์ใจอย่างไรอย่างนั้น
“คาดว่าต้องอยู่ที่นั่นราวครึ่งเดือน แต่เรื่องนี้น่าแปลกยิ่งนัก เมื่อก่อนพวกเขาไม่ยินยอมให้คนนอกเข้าไปที่นั่นก่อนการแข่งขัน แต่คราวนี้กลับเชิญเจ้ากับหลงเทียนอวี้เข้าไปเป็นก กรณีพิเศษ นี่อย่างไรเล่า บัตรเชิญของพวกเจ้า”
จั่วชิวอวี้หยิบบัตรเชิญสองใบออกมาวางตรงหน้าหลินเมิ้งหยาและหลงเทียนอวี้
บัตรเชิญสองใบนี้แตกต่างจากบัตรเชิญอื่น เหตุเพราะมีสีเขียวเหมือนใบหญ้า
แม้จะวางอยู่บนโต๊ะ แต่ถึงกระนั้นก็ส่งกลิ่นยาสมุนไพรอ่อนๆ ออกมา
พลิกเปิดอ่าน ภายในคือตัวอักษรลวดลายงดงาม คำพูดเชื้อเชิญสละสลวยรื่นหู
“น่าสนใจ เชิญข้ากับอ๋องอวี้ไปเป็นแขกพิเศษ ดูเหมือนตำแหน่งชายาอวี้จะสำคัญยิ่งกว่าตำแหน่งอันเล่อจวิ้นจู่เสียอีก”
ยื่นบัตรเชิญให้หลงเทียนอวี้ ทั้งสองสบตากันคราหนึ่ง เหตุเพราะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
“เรื่องของเขาเถิด แต่หากพวกเราไปอยู่ที่นั่น เช่นนั้นคงได้กินแต่ผัก เฮ้อ เนื้อของข้าเอ๋ย”
หลินเมิ้งหยาขี้เกียจสนใจชายคนนี้ เหตุเพราะปกติแล้วเขากินอาการรักสุขภาพมากกว่าคนอื่นเสียอีก
เหตุที่เขาแสดงอาการเช่นนี้คงพราะไม่อยากไปอยู่ที่หอป๋ายเฉา
“ร่างกายของพระองค์จะรับไหวหรือไม่?”
ตอนนี้คนที่หลินเมิ้งหยาเป็นห่วงที่สุดคงหนีไม่พ้นหลงเทียนอวี้
เอ่ยถามเสียงอ่อนโยน มือเล็กยื่นเข้าไปจับมือเขาไว้ หางตาเหลือบเห็นรอยแดงที่ข้อมือ
“นี่มัน….อวี้อัน นำยามาเร็วเข้า!”
มองท่าทางร้อนใจของหลินเมิ้งหยา หลงเทียนอวี้ทำเพียงหยักยิ้ม
มือหนาพลิกกลับขึ้นมากุมหลังมือของนางไว้ สีหน้ากล้ำกลืน
“ข้าไม่เป็นไร เจ้าอย่ากังวลไปเลย นี่เป็นเพียงบาดแผลภายนอกเท่านั้น หากเจ้าไม่ป้องกันไว้แต่แรก เกรงว่าข้อมือของข้าคงขาดไปนานแล้ว”
เอ่ยปลอบประโลม แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังดึงดันที่จะทายาให้เขา
แตะรอยแผลอย่างระมัดระวัง หยดน้ำตารินไหลลงกระทบข้อมือของเขา
“เด็กโง่ ร้องไห้ทำไมกัน?”
แขนขวาเอื้อมไปรั้งร่างบางเข้ามาในวงแขน
จั่วชิวอวี้และอวี้อันรู้หน้าที่ของตนเองดี ดังนั้นจึงแอบออกไปเงียบๆ
พระจันทร์ลอยเด่นเหนือฟากฟ้า ภายในห้องโถงกว้างขวาง หลินเมิ้งหยาร้องไห้พลางทายาให้หลงเทียนอวี้
“พระองค์ไม่ควรได้รับความทรมานเช่นนี้ หากพระองค์กลับไปที่ต้าจิ้น พระองค์คงไม่ได้รับบาดเจ็บ”
หลินเมิ้งหยากล่าวโทษตนเอง แต่นางไม่รู้เลยว่าหลงเทียนอวี้ที่ได้ยินดังนั้นรู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างยิ่ง
บางคำเขาก็ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได้
ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียง….
ก้มหน้าจุมพิตลงบนกลีบปากบาง เขาอยากใช้สัมผัสของร่างกายถ่ายทอดความรู้สึกในหัวใจ
หลินเมิ้งหยามิได้ดิ้นหนี เวลานี้นางไม่ต่างไปจากเด็กน้อยที่รู้ตัวว่าตนเองทำผิด ดังนั้นจึงปล่อยให้หลงเทียนอวี้ลิ้มรสหวานละมุนจากตนอย่างอิสระ
“ทั้งหมดนี้ข้าเป็นคนเลือกเอง อันที่จริงข้ามิได้เห็นแก่ตัวเหมือนอย่างที่เจ้าคิด หยาเอ๋อร์ การที่ข้าได้แต่งงานกับเจ้าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดในชีวิตของข้าแล้ว”
สบตานางด้วยสายตาจริงจัง นัยน์ตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน
บางถ้อยคำพวกเขาก็มิได้เอื้อนเอ่ยออกมาอย่างชัดเจน แต่หลงเทียนอวี้รู้ว่าเขาและนางล้วนรู้สึกเหมือนกัน
“พระองค์เพิ่งรู้หรือเพคะ ไม่รู้ว่าตอนแรกใครกันที่ไม่ยอมแต่งงานกับหม่อมฉัน!”
ประโยคแรกทำให้หลินเมิ้งหยารู้สึกขบขัน ส่วนอีกประโยคต่อมาทำให้หลงเทียนอวี้ทำอะไรไม่ถูก
เอ่อ….ตอนแรกนางเกือบถูกวางยาตาย ดูเหมือนเขาจะมีเหตุผลของตัวเองอยู่
ครู่ต่อมาสายตาของเขาเจือไว้ซึ่งความรู้สึกผิด
“คือว่า…หยาเอ๋อร์ อันที่จริง…อันที่จริงข้ารู้เรื่องที่เจ้าถูกวางยาทั้งหมด”
ตายเป็นตาย หลงเทียนอวี้จ้องหลินเมิ้งหยานิ่ง เหตุเพราะกลัวว่านางจะโกรธ
มือหนากำเข้าหากันแน่นโดยไม่รู้ตัว เขากลัวว่าจะถูกนางเกลียดเหลือเกิน
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับเบิกตากว้างสบตาเขา นานกว่านางจะส่งเสียงกระซิบ
“อันที่จริงหม่อมฉันมิสมควรเป็นคนให้อภัยพระองค์หรอกเพคะ แต่ตอนนี้หม่อมฉันเข้าใจความลำบากใจของพระองค์ดี แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เห็นด้วยกับวิธีการของพวกพระองค์”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้หลงเทียนอวี้รู้สึกงุนงงเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นเขาก็มิได้ยินเสียงผิดหวังจากนาง ดังนั้นเขาจึงโล่งใจไปหนึ่งเปราะ
ขอเพียงนางไม่โกรธ ไม่ว่าจะให้ทำอะไรเขาก็ยอม
ทว่าหัวใจกลับบีบเข้าหากันแน่นเมื่อนึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาก็ต้องปิดเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ
“หม่อมฉันทายาให้พระองค์ก่อนดีกว่า พระองค์รีบพักผ่อนเถิดเพคะ”
หลินเมิ้งหยาเองก็มีความลับในใจเช่นเดียวกัน ดังนั้นนางจึงอาศัยจังหวะนี้หลบสายตาหลงเทียนอวี้
เพ่งสมาธิไปกับการทายาของเขา ทว่าหัวใจกู่ร้องขอโทษต่ออีกฝ่าย
อันที่จริงตอนนี้ความทรงจำของนางและหลินเมิ้งหยารวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว
นางรู้ดีว่าตอนนี้นางกลายเป็นหลินเมิ้งหยาเพียงหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้ แต่ถึงกระนั้นนางก็อดที่จะรู้สึกหึงหวงหลงเทียนอวี้ไม่ได้
แม้จะเป็นเด็กสาวอีกคนที่เหลือเพียงความทรงจำในเวลานี้ นางก็ไม่คิดแบ่งปันเขาให้กับนาง
บางทีอาจเพราะนางไม่เคยมีความรักมาก่อนกระมัง
หากมองภายนอก นางสามารถเพิกเฉยต่อทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ แต่มีเพียงความรักที่แม้แต่นางในอดีตก็ไม่อาจปล่อยวางได้
หลินเมิ้งหยาไม่รู้ตัวเลยว่าอันที่จริงแล้วความรู้สึกที่นางมีให้หลงเทียนอวี้ลึกซึ้งกว่าที่ตนคาดคิดมากนัก
“แม้ยาชนิดนี้จะทำให้พระองค์เจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง แต่หากพวกเราเข้าไปในหอป๋ายเฉาแล้ว ผู้อาวุโสฉางจะทำการรักษาพระองค์ด้วยตนเอง เพียงแต่อุปนิสัยของเขาอาจจะแปลกไปสักหน่อย คาดว่า วิธีการรักษาเองก็คงหนักหนาเอาการ”
ภายในห้องอ่านหนังสือ หลินเมิ้งหยาอาศัยจังหวะที่หลงเทียนอวี้หลับเล่าสิ่งเหล่านี้ออกมา
บุรุษผู้นี้ควบคุมร่างกายตนเองได้ดีจนน่าเหลือเชื่อ เวลาเพียงไม่กี่วันเขาก็สามารถทำให้ยาพิษในร่างกายอ่อนกำลังลง
ตอนนี้เวลาที่อาการกำเริบ เขาไม่จำเป็นต้องใช้เชือกมัดอีกต่อไป
แม้เนื้อตัวจะเต็มไปด้วยเหงื่อไคล แต่ถึงกระนั้นก็นับว่าควบคุมตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม
ดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงแอบรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองได้อย่างยากลำบาก
โชคดีที่หลงเทียนอวี้นอนหลับไม่สนิท ดังนั้นทุกคืนหลินเมิ้งหยาจึงให้เขากินยานอนหลับ จากนั้นนางจึงมีโอกาส
“เจ้าอย่าลืมว่าอาจารย์ของข้าเป็นใคร เจ้าคิดหรือว่าข้าเรียนกับเขาอย่างสบายกายสบายใจในตอนแรก?”
ใบหน้าหลินเมิ้งหยาขาวซีด นางถลึงตาใส่จั่วชิวอวี้ หลังจากจัดแต่งเสื้อผ้าของตนเองเสร็จแล้ว นางจึงนอนลงบนตั่งเพื่อฟื้นฟูเรี่ยวแรง
ครั้นตอนที่นางได้เรียนวิชาควบคุมเข็มของป๋ายหลี่รุ่ย นางมิได้ฝึกฝนอย่างราบรื่น
โดยเฉพาะอุปนิสัยของป๋ายหลี่รุ่ย คาดว่าคงแปลกกว่าฉางเทียนหัวหลายเท่าตัว
คนเก่งส่วนใหญ่มักจะมีนิสัยแปลกประหลาดทั้งสิ้น
แต่ตอนนี้หลินเมิ้งหยาเป็นห่วงหลงเทียนอวี้ที่สุด
หอป๋ายเฉามีหมอไม่น้อย เกรงว่าอาการป่วยของเขาจะปิดบังได้กับคนไม่กี่คน
หากคิดจะปกปิดต่อไปอาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของหลินเมิ้งหยา
“เช่นนั้นให้เขาอยู่แต่เพียงในห้อง มิให้เขาออกไปพบใครดีหรือไม่?”
จั่วชิวอวี้คิดไปคิดมา แต่สุดท้ายแล้วนี่มิใช่วิธีการที่ดีเลยแม้แต่น้อย
ไม้ใหญ่โดนลมโค่น [1] ทุกถ้อยคำและการกระทำของพวกเขาล้วนดึงดูดความสนใจของคนอื่นไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นภายในหอป๋ายเฉาอาจมีผู้ใช้งานยาเซินเซียนซ่าน
หากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป เช่นนั้นชื่อเสียงของหลงเทียนอวี้คงถูกทำลาย
“ไม่ได้ จะไม่ให้เขาไม่พบปะใครเลยไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเห็นหลงเทียนอวี้เป็นแขกบ้านแขกเมือง หากหลบหน้าพวกเขา เกรงว่าจะเกิดข้อครหาเอาได้ ข้าจะต้องคิดหาวิธีเพื่อเก็บเรื่อ องนี้เป็นความลับต่อไป”
พักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง หลินเมิ้งหยาเดินออกจากห้องอ่านหนังสือแล้วกลับไปยังห้องนอนของตน
บนเตียง หลงเทียนอวี้กำลังหลับสนิท หลินเมิ้งหยาลดเสียงฝีเท้าค่อยๆ เดินเข้าไปนอนด้านในเพราะกลัวเขาจะตื่น
ภายในห้วงฝัน ใบหน้าหล่อเหลาของเขาผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง
แม้ใบหน้าจะซูบตอบ แต่ถึงกระนั้นก็เห็นสัดส่วนบนใบหน้าอย่างชัดเจน
ราวกับรับรู้สิ่งที่นางกำลังฝัน หลงเทียนอวี้ที่กำลังหลับสนิทพลิกตัวโอบร่างบางเอาไว้
ขดตัวในอ้อมกอดของเขา ความเหนื่อยล้าทำให้นางหลับไปในที่สุด
วันนี้ไม่เหมือนเมื่อหลายวันก่อน เหตุเพราะผู้ที่เดินทางเข้าไปในหอป๋ายเฉาล้วนเป็นผู้ถูกเลือกจากตระกูลสูงศักดิ์
ยิ่งไปกว่านั้นการแข่งขันทางการแพทย์ครั้งสำคัญยังถูกจัดขึ้นในอีกครึ่งเดือนข้างหน้า
แม้กลุ่มของหลินเมิ้งหยาจะถูกจับตามอง แต่ถึงกระนั้นก็มิได้เป็นจุดสนใจ
ประตูหอป๋ายเฉาถูกเปิดออกตั้งแต่รุ่งสาง ทุกแห่งหนล้วนสะอาดสะอ้าน
เหล่าลูกศิษย์ล้วนยืนรอต้อนรับแขกอยู่หน้าประตู
แม้พวกเขาจะอยู่กันคนละฝ่าย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนมีอำนาจเหล่านี้ พวกเขาไม่ต่างอันใดจากต้นหญ้า
ให้การต้อนรับอย่างเคารพนอบน้อม ไม่ว่าใครต่างก็ไม่อยากทำให้ผู้อื่นขุ่นเคือง ทว่าดวงตาของพวกเขากลับไม่อาจปกปิดเพลงร้อนในนัยน์ตาได้
ขอเพียงได้เข้าไปในหอป๋ายเฉาและกลายเป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสสูงสุดได้ นั่นหมายความว่าอำนาจก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว
แต่ก็ยากเหลือเกินที่พวกเขาจะโดดเด่นท่ามกลางคนเหล่านี้ได้
พรสวรรค์ก็เป็นปัจจัยหนึ่ง แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือฐานะทางครอบครัวและอำนาจในมือ
——————
หมายเหตุ
[1] ไม้ใหญ่โดนลมโค่น หมายถึง คนที่มีชื่อเสียงเงินทองล้วนดึงดูดความสนใจจากผู้อื่นจนเกิดปัญหาตามมา