ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 18 บทที่ 516 ในที่สุดก็สังเกตเห็น
“เข้า…เข้าใจแล้วเพคะ”
พูดจบ หลินเมิ้งหยาก็ตัดสินใจกลืนเรื่องนี้ลงท้อง
มองสายตาห่วงใยของหลงเทียนอวี้ บางคำพูดนางก็ไม่อาจเอ่ยออกมาได้
“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะไปหาเย่ จั่วชิวอวี้ ยานี้มีข้อห้ามอันใดหรือไม่?”
หลงเทียนอวี้กลัวว่าหลินเมิ้งหยาจะไม่ชอบรสขมของยา หลังจากเอ่ยถามอย่างชัดเจนแล้ว หลงเทียนอวี้จึงออกไปหาเย่เพื่อเตรียมน้ำหวานมาให้นาง
“คิดไม่ถึงเลยว่าอ๋องอวี้จะเอาใจใส่ถึงเพียงนี้”
มองตามหลังหลงเทียนอวี้ จั่วชิวอวี้เอ่ยกลั้วหัวเราะ
หากว่ากันตามทฤษฎีแล้ว หลงเทียนอวี้ไม่ใช่สามีที่เหล่าสตรีจะเลือก
แต่สำหรับหลินเมิ้งหยา สิ่งที่เขาทำบางทีก็ทำให้นางรู้สึกยิ้มหรือร้องไห้ไม่ออก
ไม่ว่าใครต่างก็คงนึกภาพอ๋องอวี้ผู้เย็นชาเปลี่ยนเป็นสามีผู้อบอุ่นอ่อนโยนไม่ออก
ดูเหมือนญาติผู้น้องของเขาจะเป็นคนพิเศษยิ่งนัก
“เจ้าหาข้ออ้างหลอกเขาเถิด ข้ากลัวว่าหากข้าไม่อาจทนรับความทรมานของยานี้ได้ขึ้นมา เขาจะมองเห็นความผิดปกติ”
หลินเมิ้งหยามองตามหลังหลงเทียนอวี้ หลังจากลังเลชั่วครู่จึงเอ่ยเสียงเบา
“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว แต่ข้าสังเกตเห็นว่าอาการของหลงเทียนอวี้ในเวลานี้ดีกว่าที่พวกเราคาดการณ์เอาไว้มาก บางทีฤทธิ์ของยาเซินเซียนซ่านอาจมิได้รุนแรงเท่าไร”
ทว่าสีหน้าของหลินเมิ้งหยากลับเคร่งขรึม ส่ายหน้าเบาๆ สายตายังคงมองตามหลังหลงเทียนอวี้
อันที่จริงเหตุที่หลงเทียนอวี้สามารถยืนหยัดเช่นนี้ได้ ส่วนใหญ่คงเพราะกำลังใจของเขา
บุรุษผู้นี้เข้มแข็งแตกต่างจากผู้อื่น คนที่ใช้ยาเสพติดส่วนใหญ่ล้วนต้องพ่ายแพ้ให้กับจิตใจของตนเอง
แต่ถึงกระนั้นหลงเทียนอวี้ก็หาใช่เทพเซียน
เป็นไปได้ว่าร่างกายของเขาเรียกร้องหายาเซินเซียนซ่าน แต่เขาพยายามควบคุมมันเอาไว้เท่านั้น
ยาชนิดนี้ไม่อาจขจัดออกไปได้อย่างง่ายดาย บางทีอาจเพราะยาที่เป็นส่วนผสมอีกหลายชนิดมีฤทธิ์กระตุ้นทำให้ยาเซินเซียนซ่านมีฤทธิ์รุนแรงมากขึ้น
แม้ร่างกายของนางจะมีระบบคอยช่วยเหลือ ทว่ายาพิษยังคงแพร่กระจายอยู่ในร่างกายของหลงเทียนอวี้ ต่อให้ใช้ยาถอนพิษก็อาจชะล้างออกไปไม่หมด
นี่คือส่วนที่เป็นปัญหา
“ใกล้ถึงเวลากินยาแล้ว เจ้าหาอะไรกินรองท้องก่อนเถิด เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะหากลอุบายพาหลงเทียนอวี้ออกไปเอง”
เมื่อจั่วชิวอวี้อยู่ด้วย ปัญหาของหลินเมิ้งหยาจึงคลี่คลายลง
แม้หลงเทียนอวี้จะรู้อยู่แล้วว่าวิชาการแพทย์ของหลินเมิ้งหยาอยู่ในระดับสูง แต่ทุกครั้งที่นางทำการรักษา เขาอดไม่ได้ที่จะยืนยันความปลอดภัยจากจั่วชิวอวี้อีกรอบ
หลิงเย่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ขนมหวานจากน้ำหวานของผลไม้ป่าที่หลงเทียนอวี้สั่งก็ถูกนำมาวางตรงหน้าหลินเมิ้งหยา
สายตาจับจ้องขนมหวานกลิ่นหอมละมุนตรงหน้า
หลินเมิ้งหยาหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วใส่เข้าปาก รสชาติหวานอมเปรี้ยวกระจายในกระพุ้งแก้ม
ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ไม่อาจต้านทานต่อของหวานได้
“ผู้อาวุโสฉางบอกว่ายานี้ต้องกินควบคู่กับการใช้ยาชิงอวี้จึงจะสามารถดึงประสิทธิภาพสูงสุดของยาออกมาได้ ฉะนั้นเจ้าต้องอดทน”
แม้หลินเมิ้งหยาจะมีความอดทนมากกว่าคนปกติ ทว่าจั่วชิวอวี้ก็ยังมิวางใจ
หยิบยาเม็ดสีดำออกมาใส่ลงในน้ำร้อน ก่อนจะยื่นให้หลินเมิ้งหยาดื่ม
ขณะเดียวกัน จั่วชิวอวี้เทยาฮั่วหลิงชิงอวี้ออกมาแล้วทาลงบนไหล่ขวาที่ขาวราวหิมะของหลินเมิ้งหยา
“อุบ...”
เมื่อยาเริ่มออกฤทธิ์ อาการแสบร้อนที่ไหล่ขวากลับมาเยือนอีกครั้ง
หัวคิ้วขมวดมุ่น ความร้อนดั่งไฟเผาทำให้นางแทบจะทนไม่ไหว
ไม่นานเหงื่อก็ผุดขึ้นบนหน้าผาก ความเจ็บปวดกัดกินเรี่ยวแรงของนางจนหมดสิ้น
ตอนนี้หลินเมิ้งหยารู้สึกราวกับว่าไหล่ขวาของตนถูกโยนลงในน้ำร้อน
“โอ๊ย…”
ไม่อาจทนไหวอีกต่อไป จั่วชิวอวี้ที่ได้ยินเสียงแผดร้องเพราะความเจ็บปวดเริ่มกระสับกระส่าย
“เมิ้งหยา เมิ้งหยา หากเจ้าทนไม่ไหว พวกเราหยุดก่อนเถิด อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ต้องทรมานเช่นนี้”
จั่วชิวอวี้มองหลินเมิ้งหยาที่ล้มลงไปดิ้นทุรนทุรายบนพื้นเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับ หน้าผากของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับกัดฟันแน่น ตอนนี้นางไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงร้องออกมา
“เมิ้งหยา! นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
น้ำเสียงตื่นตระหนกระคนโกรธเกรี้ยวพลันดังขึ้นหน้าประตู
จั่วชิวอวี้กู่ร้องในใจ เขารีบหมุนตัวกลับไปมองหลงเทียนอวี้ สีหน้าของอีกฝ่ายแลดูเจ็บปวดและโมโหในคราวเดียวกัน
“เจ้ากลับมาได้อย่างไร? ไม่ใช่……”
จั่วชิวอวี้คิดจะเข้าไปขวางหลงเทียนอวี้ ทว่าเขากลับชะงักงันอยู่กับที่ทันทีที่ถูกสายตาเย็นชาคู่นั้นจ้องมอง
“ไม่…ไม่ใช่ความผิดของเขา…”
พุ่งตัวเข้าไป หลงเทียนอวี้กอดร่างของหลินเมิ้งหยาเอาไว้แน่น
มองใบหน้าขาวซีดของนาง หลงเทียนอวี้ผงกศีรษะลง แม้ว่าหัวใจจะรู้สึกเจ็บปวดมากก็ตาม
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? เหตุใดเจ้าจึงเป็นเช่นนี้?”
ตอนเดินเข้ามา หลงเทียนอวี้เห็นหลินเมิ้งหยาในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย
แต่เมื่อกอดร่างของนางเขาจึงรับรู้ถึงความร้อนที่ไหล่ขวาของอีกฝ่าย
เขารีบเปิดแขนเสื้อของนางออก ก่อนจะพบว่าไหล่ขวาที่ขาวราวหิมะบัดนี้มีรอยแดงดั่งไส้เดือนดินที่กำลังขยับเขยื้อนตัว
หลงเทียนอวี้คิดว่าหลินเมิ้งหยาโดนวางยา แต่เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นขวดยาทั้งสองที่นางเคยใช้อยู่เป็นประจำจึงเข้าใจได้ในทันที
“เจ้า….”
มองหลินเมิ้งหยาที่พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดในอ้อมกอด
คำพูดมากมายของหลงเทียนอวี้ติดอยู่ในลำคอ
นางโง่เหลือเกิน! ทั้งที่นางต้องเจ็บปวดเจียนตายขนาดนี้ แต่นางกลับปกปิดเอาไว้มิให้เขารู้
หวนนึกถึงวันที่นางหลั่งน้ำตาเมื่อเห็นว่าแขนขวาของตัวเองขยับได้ ตอนนี้เขารู้แล้วว่านางต้องแลกมากับความเจ็บปวดมากเพียงไหน
“อุบ...ฮู่ หลงเทียนอวี้…หม่อมฉันยินยอมทำสิ่งเหล่านี้เอง…อย่า…อย่ากล่าวโทษใครเลย…”
แม้จะเจ็บปวดจนแทบสิ้นสติ แต่หลินเมิ้งหยาก็พยายามเอ่ยโน้มน้าวหลงเทียนอวี้เพื่อมิให้บันดาลโทสะกับผู้อื่น
มองใบหน้าเรียวเล็กที่บัดนี้ขาวซีดจนไร้สีเลือด หลงเทียนอวี้จำใจพยักหน้าลง
ทว่าแขนทั้งสองข้างที่กำลังโอบกอดนางกลับกระชับแน่นขึ้น
“อืม…”
ในที่สุดหลินเมิ้งหยาที่ไม่อาจทนต่อความเจ็บปวดได้ก็สลบไป
ระบบเซินหนงเปิดการทำงานโหมดการปกป้องสมองของผู้ใช้งานอัตโนมัติ ก่อนที่สติของนางจะดับวูบลง
แม้ความเจ็บปวดจะเป็นเพียงความรู้สึก แต่กลับสร้างความเสียหายให้นางอย่างใหญ่หลวง
มองหลินเมิ้งหยาที่หยุดดิ้นพล่านแล้ว ความกระวนกระวายไม่รู้ที่มาเกาะกินหัวใจของหลงเทียนอวี้ เขามองจั่วชิวอวี้ด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ
“นาง…นางเป็นอะไร? จั่วชิวอวี้ เมิ้งหยาเป็นอะไร?”
รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ จั่วชิวอวี้ถอนหายใจ
หลังจากจับชีพจรให้หลินเมิ้งหยาแล้ว เขาจึงบอกกับหลงเทียนอวี้ที่กำลังร้อนใจ
“ไม่เป็นอะไร นางเพียงแค่สลบไปเท่านั้น ในเมื่อเจ้าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว ข้าเองก็ไม่คิดปิดบัง แม้ยานี้จะมีฤทธิ์ยอดเยี่ยมน่าพิศวง แต่มันจะสร้างความเจ็บปวดมหาศาลให้นาง ในเมื่ อเจ้ารู้เรื่องนี้แล้วก็ดีเหมือนกัน พวกข้าจะได้ไม่ต้องแอบทำอะไรลับหลังเจ้าอีก ยิ่งไปกว่านั้นข้าอยากจะเตือนเจ้าเอาไว้ก่อน ทั้งหมดที่เปี่ยวเม่ยทำก็เพื่อเจ้า หากภายภาคหน้าเจ้าบ บังอาจทำผิดต่อนาง เช่นนั้นข้าและฮวงซงจะไม่มีวันปล่อยเจ้าเอาไว้แน่”
นี่หาใช่คำขู่ จั่วชิวอวี้และหลงเทียนอวี้ต่างรู้ดีว่ามันเป็นเพียงการอธิบายข้อเท็จจริง
หลังจากรับรู้ว่าหลินเมิ้งหยามิได้ตกอยู่ในอันตราย หลงเทียนอวี้จึงกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง
จั่วชิวเฉินเองก็เคยเอ่ยเช่นนี้ ทว่าตอนนี้กลับออกมาจากปากจั่วชิวอวี้อีกครั้งหนึ่งแล้ว
“เจ้าอยากพูดอะไร?”
วางหลินเมิ้งหยาลงบนตั่งอย่างระมัดระวัง หลงเทียนอวี้จึงหันหน้าไปมองจั่วชิวอวี้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ข้าหมายความว่าอะไรเจ้าย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ แม้นางจะฉลาด แต่นางยังรู้จักเหล่าเชื้อพระวงศ์ไม่ดีพอ หลงเทียนอวี้ ที่นี่คือเมืองหลินเทียน หาใช่ต้าจิ้น!”
ตะคอกเสียงหนัก บรรยากาศระหว่างทั้งคู่เริ่มเคร่งเครียด
เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเมิ้งหยา จั่วชิวอวี้เป็นเพียงคนไม่ได้เรื่องน่ารังเกียจ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลงเทียนอวี้ เขากลับเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
เหตุที่เขาทำทั้งหมดนั้นล้วนเพื่อทำให้หลินเมิ้งหยารู้สึกผ่อนคลายสบายใจ
“ไม่ว่าเจ้าจะรู้อะไรมา เจ้าห้ามบอกเมิ้งหยาแม้เพียงครึ่งคำ!”
หลงเทียนอวี้เองก็จ้องจั่วชิวอวี้ด้วยสายตาอำมหิต ในเมื่อต่างรู้เขารู้เราแล้ว เช่นนั้นมิสู้เปิดอกคุยกันจะดีกว่าหรือ
“ฮึ! ข้าไม่มีวันแพร่งพรายอย่างแน่นอน แต่หลงเทียนอวี้ เจ้าคิดหรือว่าเหตุที่ข้ายอมแฝงตัวอยู่ในราชวงศ์แห่งต้าจิ้นในฐานะหมอหลวงนั้นเพียงเพราะต้องการรักษาอาการของเสด็จพ่อเจ้ า? หากเจ้าคิดว่าพวกข้าทำทุกสิ่งทุกอย่างเพียงเพราะต้องการตำราชิงเจิงผู่ในมือเมิ้งหยาแล้วล่ะก็ เช่นนั้นเจ้าก็คิดผิดมหันต์แล้ว คนในราชวงศ์ต้าจิ้นของพวกเจ้าไม่มีคำว่าบิดาแล ละบุตร ไม่มีคำว่าสามีภรรยา จะมีก็แต่เพียงอำนาจเท่านั้น อย่างน้อยในหัวใจของข้าและฮวงซง นางคือน้องสาวที่มีสายเลือดเดียวกัน ฉะนั้นเจ้าจะต้องดูแลนางให้ดี มิเช่นนั้นคนที่จะไม่ม มีวันปล่อยเจ้าไปจะไม่ใช่เพียงข้าคนเดียว”
หากอยู่ต่อหน้าหลินเมิ้งหยา จั่วชิวอวี้ไม่มีทางพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาแม้เพียงครึ่งคำ
ตอนแรกเขาหลงคิดว่านางและหลงเทียนอวี้อยู่ด้วยกันเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น
แต่หลังจากที่ได้อยู่ด้วยกันในต้าจิ้นและเมืองหลินเทียน จั่วชิวอวี้มองออกว่าหลงเทียนอวี้จริงใจต่อหลินเมิ้งหยาโดยแท้จริง
แต่มีหนึ่งสิ่งที่เขากังวลก็คือความจริงใจไม่อาจเทียบได้กับคำว่าอำนาจล้นฟ้า!
สีหน้าหลงเทียนอวี้แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา แม้จั่วชิวอวี้จะจากไปแล้ว ทว่าหลงเทียนอวี้ยังคงนั่งนิ่งอยู่ข้างเตียงของหลินเมิ้งหยา
เรื่องพวกนั้น…ไม่ จะต้องฝังมันเอาไว้!
มิเช่นนั้น….
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าการสูญเสียหลินเมิ้งหยาเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจทนได้
มองหลินเมิ้งหยาด้วยแววตาหนักอึ้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องรับแขกไปเงียบๆ
“เย่”