ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 18 บทที่ 519 แผนซ้อนแผน
ฮึ มาเร็วยิ่งนัก!
คำพูดเมื่อครู่นางต้องการเอ่ยให้พวกเขาฟัง
เมื่อมีคนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก นางไม่กลัวว่าเฉียนอวี้หมิงจะเล่นตุกติก
ดวงตาของเฉียนอวี้หมิงฉายแววเสียใจ
ทว่าสายตาร้ายกาจกลับจ้องหลินเมิ้งหยานิ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาเคียดแค้นนางขึ้นกว่าเดิมมาก
ช่วยไม่ได้ หลินเมิ้งหยารู้ดีที่สุดว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะต้องถูกนางกำจัดจนหมดสิ้น ตอนนี้เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น
สีหน้าสงบนิ่ง ไร้แววกระวนกระวาย ผิดกับเฉียนอวี้หมิงที่หัวใจเต้นระรัวดั่งกลอง
“เกิดอะไรขึ้น?”
หนานรุ่ยเอ่ยถามพวกลูกศิษย์แถวนั้น
เฉียนอวี้หมิงรีบเข้าไปใส่ไฟเรื่องการตายของตู้จ่งว่าเป็นฝีมือของพวกหลินเมิ้งหยา แม้คำพูดจะไม่ระรื่นหู แต่ก็สมจริงสมจังยิ่งนัก
หากไม่รู้เรื่องก่อนหน้า เกรงว่านางคงคิดว่าเฉียนอวี้หมิงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยสายตาของตนเองแล้ว
สีหน้าหนานรุ่ยและผู้อาวุโสสกุลตวนอีกสองคนเคร่งขรึม ทว่าไม่พูดอะไร หลังจากมองหน้าสบตากันเองแล้ว พวกเขาเลือกที่จะมาเจรจากับพวกหลินเมิ้งหยาอย่างมีมารยาท
“จวิ้นจู่ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตคน ด้วยฐานะของจวิ้นจู่แล้ว ข้าคิดว่าพระองค์ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างไรชีวิตของตู้จ่งก็มอดม้วยไปแล้ว ไม่รู้ว่าจวิ นจู่จะให้ความร่วมมือกับข้าสืบหาความจริงเรื่องนี้ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
แม้คำพูดจะแสดงความเกรงใจ แต่หลินเมิ้งหยามองออกว่าเขาไม่ประสงค์ดี
แต่ถ้านางปฏิเสธ เช่นนั้นนางคงถูกนำไปเล่าลือว่าเป็นพวกชอบกลั่นแกล้งรังแกผู้น้อย
ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง หลินเมิ้งหยาจึงเอ่ยตอบ
“ผู้อาวุโสหนานกล่าวเกินไปแล้ว เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของคน มิสู้พวกเราคุยกันอย่างเปิดเผยที่นี่ ทุกคนจะได้รับรู้อย่างพร้อมเพรียงกัน ภายภาคหน้าจะได้ไม่มีปัญหาอีกดีหรือไม่? ?”
เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ พวกเขาจึงไม่อาจเอ่ยขัดได้อีก
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ร่างของตู้จ่งถูกยกออกมาแล้ว
จั่วชิวอวี้และหลงเทียนอวี้จับตามองพวกเขาเขม็ง ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเล่นตุกติก
ดังนั้นสีหน้าของเฉียนอวี้หมิงจึงยิ่งไม่น่ามอง
ภายในอุโมงค์น้ำแข็งมีแสงรำไร ดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงเห็นได้ไม่ชัด แต่เมื่อศพถูกยกออกมาวางท่ามกลางแสงแดดแล้ว ทุกคนจึงเห็นเข็มจำนวนไม่น้อยบนใบหน้าของตู้จ่งได้อย่างชัดเจน
ทว่าเข็มเหล่านี้มีขนาดเท่าขนวัน ดังนั้นจึงเกิดเป็นจุดแดงๆ ทั่วใบหน้า
ดวงตาเบิกโพลง ใบหน้ากระตุกยิ้มน้อยๆ อย่างน่าประหลาด แต่สภาพของเขาช่างน่าเวทนายิ่งนัก
ทว่าคนในหอป๋ายเฉาเคยเห็นอาการเจ็บป่วยมานับไม่ถ้วน ดังนั้นพวกเขาจึงมิได้สนใจเท่าไรนัก
หลินเมิ้งหยาตั้งใจเดินเข้าไปยังข้างศพของตู้จ่ง ก่อนจะชี้ไปที่แขนขวาของเขา
“มือขวาของเขาถือกุญแจของกล่องใบนี้เอาไว้ แต่ข้าอยากถามผู้อาวุโสเหลือเกิน กล่องใบนี้เป็นของที่ใช้ในการแข่งขันของเซิ่นจวิ้นอ๋อง เช่นนั้นเหตุใดตู้จ่งจึงมีกุญแจไขได้เล่า? หร รือมีใครตั้งใจคิดใช้ความตายของตู้ต่งมาป้ายความผิดให้เซิ่นจวิ้นอ๋องกัน?”
หลินเมิ้งหยาเป็นฝ่ายสร้างความลำบากให้แก่พวกเขาก่อน ดังนั้นพวกหนานรุ่ยจึงรับมือไม่ทัน
แต่ถึงกระนั้นขิงแก่ก็ย่อมเผ็ดร้อน ดวงตาฉายแววกระวนกระวายเพียงชั่วครู่ ก่อนสีหน้าจะสงบนิ่งลง เขาหันไปมองตู้ต่งอย่างไม่เป็นมิตร
“สมควรตายแล้ว! ยังอาจทำเรื่องน่าขายหน้าเช่นนี้ เจ้าสมควรตาย!”
หลังจากได้ยินคำพูดของหนานรุ่ย เฉียนอวี้หมิงจึงไม่พอใจขึ้นมา
“ผู้อาวุโสหนาน บางทีเรื่องนี้อาจมีคนวางแผนเอาไว้ก็ได้! ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่คืออุโมงค์น้ำแข็ง เหตุใดเซิ่นจวิ้นอ๋องจึงไม่คิดหาวิธีเปิดกล่องปริศนา ณ ที่พัก เหตุใดจึงต้องนำมาเปิด ที่นี่ด้วย! อีกอย่างตู้จ่งเป็นคนที่ข้าส่งไปต้อนรับพวกเขาด้วยความหวังดี ทว่าวันนี้เขากลับต้องตายไปอย่างไม่เป็นธรรม จวิ้นจู่ต้องมีคำอธิบายให้กับข้า!”
นี่เขากำลังสาดน้ำโคลนใส่นางอย่างนั้นหรือ?
หลินเมิ้งหยาเหยียดยิ้มเย็น จ้องหน้าเฉียนอวี้หมิงนิ่ง
“เหตุเพราะนี่เป็นกล่องปริศนา หากไม่เปิดที่นี่ เช่นนั้นบางทีคนที่ตายอาจเป็นเซิ่นจวิ้นอ๋องก็ได้”
เอ่ยวาจาไม่ช้าไม่เร็ว แต่กลับทำให้สีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสเปลี่ยนไป
หลินเมิ้งหยารู้ดีว่าคนพวกนี้ย่อมต้องรู้ว่าภายในกล่องปริศนามีอะไร
หากคิดจะเปิดกล่องปริศนาใบนี้ เช่นนั้นจำเป็นต้องเสียสละชีวิตใครบางคน หากสามารถอาศัยโอกาสนี้กำจัดจั่วชิวอวี้ไปได้ เช่นนั้นปัญหาพวกเขาคงน้อยลง
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะต้องมีการสมคบคิดกันอย่างแน่นอน
แต่ไหนแต่ไรมาหลินเมิ้งหยาไม่เคยออกไพ่ตามกฎ บางทีนางอาจเผยไพ่ในวันพรุ่งนี้หรือวันข้างหน้า
ทว่าดูเหมือนตอนนี้พวกเขาจะโยนหินใส่เท้าตัวเองเสียแล้ว!
“ที่แท้ก็เป็นกล่องปริศนา! ผู้อาวุโสหนาน การที่เซิ่นจวิ้นอ๋องได้รับกล่องปริศนาใบนี้เท่ากับว่าเป็นบัญชาจากสวรรค์”
ทันทีที่หลินเมิ้งหยาเอ่ยคำว่ากล่องปริศนา ผู้อาวุโสฉางมิได้มีท่าทีตกตะลึง
สีหน้าของหนานรุ่ยเคร่งขรึมลง ที่นี่มีลูกศิษย์อยู่มากมาย
ดังนั้นเขาคงต้องแบกรับความโชคร้ายนี้เอาไว้แล้ว
“นี่…จะต้องมีสิ่งผิดพลาด! กล่องปริศนาเก็บซ่อนของล้ำค่าเอาไว้ เช่นนั้นมันจะกลายเป็นของที่ใช้ในการแข่งขันได้อย่างไร? จะต้องเป็นข้อผิดพลาดของผู้อาวุโสที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องนี้ อย่างแน่นอน ในเมื่อหลงไปอยู่ในมือของเซิ่นจวิ้นอ๋อง เช่นนั้นจวิ้นจู่ได้โปรดคืนมันมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ตวนมู่หยางที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดรีบเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับพ่นลมหายใจเย็นเฉียบออกมา ดวงตาคมกริบดั่งหงส์จ้องไปที่ตวนมู่หยางเขม็งจนเขาต้องหดคอกลับไป
“ตอนที่เซิ่นจวิ้นอ๋องนำกลับมา เหตุใดพวกเจ้าจึงจำกล่องใบนี้ไม่ได้เล่า? ครั้นตอนนี้กล่องถูกเปิดออกแล้ว พวกเจ้าคิดจะมาแย่งไปหรือ! ข้าจะบอกความจริงกับพวกเจ้าให้ก็ได้ ข้าได้รับ บพระบัญชาจากฝ่าบาทให้มาจับตาดูการแข่งขันในคราวนี้!”
หลินเมิ้งหยาหยิบตรามังกรทมิฬในวงแขนออกมา
สายตาของพวกหนานรุ่ยเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว พวกเขาไม่อาจมีอำนาจเหนือตรามังกรทมิฬ
หลินเมิ้งหยากวาดตามองเล็กน้อย นางมั่นใจว่าคนพวกนี้เกรงกลัวตรามังกรทมิฬจนไม่กล้าเอ่ยอันใดอีก
แต่คาดว่าลับหลังพวกเขาคงต้องแอบวางกลอุบายอีกมากมายเป็นแน่
“นี่เป็นตรามังกรทมิฬ พวกเราย่อมเคารพในคำพูดของจวิ้นจู่ เพียงแต่กล่องปริศนามีความสำคัญใหญ่หลวง ข้าน้อยหวังว่าจวิ้นจู่จะฝากมันไว้ที่ผู้อาวุโสชั่วคราว”
สุดท้ายแล้วหนานรุ่ยก็ยังไม่ตัดใจ
ทว่ากล่องปริศนามีความสำคัญจริงๆ ไม่เพียงแต่เหล่าผู้อาวุโสเท่านั้น แม้แต่พวกลูกศิษย์เองก็มองมันอย่างมีความหวัง
หลินเมิ้งหยาไม่อาจปฏิเสธพวกเขาได้
หันหน้ากลับไปมองจั่วชิวอวี้ อีกฝ่ายกลับส่ายหน้า กุญแจโบราณดอกนั้นกำลังสะท้อนแสงอาทิตย์
หัวใจสั่นระรัว แผนการบางอย่างผุดขึ้นในใจ
“พวกเจ้าสามารถเก็บรักษามันเอาไว้ได้ชั่วคราว แต่ในเมื่อเซิ่นจวิ้นอ๋องหยิบของชิ้นนี้มาได้ เช่นนั้นเขาย่อมต้องได้ครอบครองของทั้งหมด หากพวกเจ้าคัดค้าน เช่นนั้นข้าจะทำลายกุญแจ ดอกนั้นเดี๋ยวนี้”
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลินเมิ้งหยาจะตอบตกลง
ทว่าเงื่อนไขของนางทำให้พวกหนานรุ่ยลำบากใจเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าเห็นด้วย กล่องปริศนามีสวรรค์เป็นผู้กำหนด ในเมื่อเซิ่นจวิ้นอ๋องได้รับมันไป เช่นนั้นตามกฎแล้วย่อมต้องตกเป็นของเซิ่นจวิ้นอ๋อง”
ฉางเทียนหัวเอื้อนเอ่ยไม่ช้าหรือเร็วจนเกินไป
ผู้อาวุโสคนอื่นก่นด่าเขาในใจ ทุกคนในหอป๋ายเฉาล้วนรู้ดีว่าตาเฒ่าฆ่าไม่ตายผู้นี้กลายเป็นพรรคพวกของอันเล่อจวิ้นจู่ไปแล้ว
วันนี้เขาถึงขั้นหันหน้ามาต่อต้านพวกตน!
หลินเมิ้งหยาและฉางเทียนหัวส่งสัญญาณผ่านทางสายตา ก่อนจะเงียบลง
แม้ยาของฉางเทียนหัวจะสร้างความทรมานให้หลินเมิ้งหยาเป็นอย่างยิ่ง แต่ชายชราคนนี้นับว่าเป็นคนจงรักภักดียิ่งนัก!
“คือ…คือ….”
หนานรุ่ยไม่เอ่ยอันใด เฉียนอวี้หมิงใกล้จะเสียสติเต็มทีแล้ว ตวนมู่หยางเองก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หลังจากลังเลอยู่นาน สุดท้ายหนานรุ่ยจึงพยักหน้าลงตวนมู่หยางจึงเอ่ย
“ก็ได้ กล่องปริศนาย่อมเป็นของผู้ที่มีโชคชะตา ตอนนี้พวกเราขอนำมันมาเก็บไว้ชั่วคราว หลังจากการแข่งขันจบลง พวกเราจะคืนให้กับเซิ่นจวิ้นอ๋องทันที”
หลินเมิ้งหยากระตุกยิ้มเย็น อย่าคิดว่านางรู้ไม่ทันความคิดของตวนมู่หยาง
กล่องปริศนาเป็นของผู้มีโชคชะตา แต่มันมิได้ระบุว่าผู้มีโชคชะตาคนนั้นคือใคร
ทว่าดูเหมือนพวกเขาจะไม่รู้ว่ากล่องปริศนายังมีความพิเศษอีกอย่าง
กระซิบข้างหูจั่วชิวอวี้ ทั้งสองเข้าไปในอุโมงค์น้ำแข็ง ไม่นานก็หยิบกล่องเปล่าออกมา
ท่ามกลางสายตาทุกคู่ จั่วชิวอวี้วางกุญแจกลับลงไปในกล่อง
“แกรก” กล่องปริศนาถูกปิดลงท่ามกลางสายตาของทุกคน รอยแยกประกบกันสนิทจนเหมือนไม่เคยเปิดออกมาก่อน
“ยังไม่รีบไปเอามาอีก! หากคราวหน้าเผลอนำไปปะปนกับของอย่างอื่นอีก ข้าไม่เอาเจ้าไว้แน่”
ตวนมู่หยางรีบสั่งผู้ดูแล เขารีบเข้าไปรับกล่องจากมือจั่วชิวอวี้ด้วยความระมัดระวัง
มองดูสายตาที่ไม่อาจปกปิดความดีใจของพวกเขาได้ หลินเมิ้งหยารู้สึกขยะแขยงพวกเขายิ่งนัก
พวกเขาไม่ใช่คนดีเลยแม้แต่น้อย เพื่ออำนาจ ยอมสละได้กระทั่งชีวิตคน
พวกเขาควรได้รับโทษ!
“ผู้อาวุโสทุกท่าน แม้กล่องปริศนาจะฝากเอาไว้ที่พวกท่านเพียงชั่วคราว แต่เปี่ยวเกอของข้าควรได้รับชัยชนะในรอบนี้ไปก่อนใช่หรือไม่? เหตุเพราะกล่องปริศนาเก็บซ่อนกุญแจแห่งความลั บของผู้อาวุโสสูงสุดเอาไว้ ตามกฎแล้ว ผู้ที่มีโชคชะตาได้รับกล่องปริศนามาย่อมมีคุณสมบัติโดดเด่นเพียงพอที่จะได้เป็นผู้ถูกเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดใช่หรือไม่?”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกไป แม้แต่จั่วชิวอวี้เองก็เงยหน้าขึ้นกะทันหัน ดวงตาเบิกกว้างจ้องหน้าญาติผู้น้องอย่างตกตะลึง
ขณะเดียวกันสีหน้าของพวกเฉียนอวี้หมิงยิ่งไม่น่ามอง
เหตุเพราะกฎที่นางเพิ่งกล่าวมาเป็นความลับอย่างหนึ่งแห่งหอป๋ายเฉา
นอกจากตำราโบราณบางเล่มที่มีการบันทึกเรื่องนี้เอาไว้ เห็นจะมีแต่เพียงผู้อาวุโสสูงสุดเท่านั้นที่จะรู้เรื่องนี้
แต่ถึงกระนั้นหอป๋ายเฉาก็มีผู้อาวุโสบางคนที่รู้เรื่องกฎเหล่านี้อยู่
ทว่าเรื่องบางอย่างพวกเขาก็ร่วมกันปกปิดเอาไว้แล้ว แต่เหตุใด…..
“นี่หรือว่าพวกท่านไม่รู้? ไม่เป็นไร ในเมื่อข้ามีตรามังกรทมิฬอยู่ เช่นนั้นกฎบางอย่างก็ควรประกาศให้ทุกคนได้รับทราบโดยทั่วกัน”