ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 18 บทที่ 523 การตอบแทน
อันที่จริงหลินเมิ้งหยายังไม่เคยเล่าให้พวกจั่วชิวอวี้ฟังอย่างจริงจัง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มิสู้นางเล่าออกมาตอนนี้เลยดีกว่า
ก้มหน้าลง หลินเมิ้งหยาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเียงหนัก
“มิอาจปิดบังผู้อาวุโสฉางได้ อันที่จริงท่านแม่ของข้าทำลายตำราเล่มนั้นทิ้งโดยไม่ตั้งใจไปแล้ว”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยออกมาด้วยความลำบากใจ ไม่ว่าฉางเทียนหัวหรือจั่วชิวอวี้ก็ล้วนแสดงสีหน้าผิดหวัง
นางครุ่นคิด คาดว่าทั้งหอป๋ายเฉาคงมีเพียงพวกเขาสองคนที่มีความตั้งใจจริงที่จะศึกษาตำราชิงเจิงผู่
“เรื่องราวในครั้งนั้นข้าพอจะได้ยินมาบ้าง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เคยเห็นกับตาของตัวเอง คาดว่าท่านแม่เองก็คงทำอะไรไม่ถูก แต่ถึงแม้ตำราชิงเจิงผู่จะถูกทำลายไปแล้ว ทว่าท่านแม่ก็ได ด้เรียบเรียงเนื้อหาในตำราขึ้นมาใหม่อีกครั้งจนกลายเป็นตำราเล่มใหม่ หากท่านผู้อาวุโสฉางมิรังเกียจ เช่นนั้นท่านสามารถร่วมมือกับข้านำสิ่งที่อยู่ในตำราทั้งหมดมาเปิดเผยต่อคนทั้งห หมดได้หรือไม่?”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้หัวใจของฉางเทียนหัวและจั่วชิวอวี้เต้นระทึกดั่งกลอง
ในสายตาของพวกเขา ตำราชิงเจิงผู่ที่สามารถช่วยชีวิตคนได้มากมายต่างหากคือตำราที่ทรงคุณค่าที่แท้จริง
ดังนั้นหลังจากได้ยินคำพูดของหลินเมิ้งหยาแล้ว พวกเขาจึงมีท่าทางดีอกดีใจเหมือนเด็ก
“ได้ ได้ ได้ ขอบพระทัยจวิ้นจู่ที่ไม่รังเกียจให้ข้าได้เห็นตำราชิงเจิงผู่ฉบับใหม่นั้นดูสักครั้ง ข้าขอบพระทัยท่านมาก ไม่ว่าจวิ้นจู่ต้องการสิ่งใดข้าก็พร้อมจะทำตาม”
หยาดน้ำตารินไหลเปรอะเปื้อนใบหน้า ฉางเทียนหัวคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีโอกาสได้เห็นเนื้อหาในตำราชิงเจิงผู่ทั้งหมด
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความจริงใจที่หลินเมิ้งหยามอบให้แก่เขา หากมิใช่นาง เขาคงทำได้เพียงถวิลหาตำราเล่มนั้นไปชั่วชีวิต
มองดูหยดน้ำตาของผู้อาวุโสที่มีอายุมากกว่าบิดาของตนเอง หลินเมิ้งหยารู้ได้ทันทีว่าตนเองมาหาถูกคนแล้ว
“ผู้อาวุโสฉางอย่าเอ่ยเช่นนี้เลย ท่านเป็นผู้อาวุโสที่มีคุณธรรม เหตุที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพราะต้องการให้ราษฎรพบพานแต่ความสุข”
หลินเมิ้งหยารีบแสดงความถ่อมตัว คราวนี้นางดึงฉางเทียนหัวเข้ามาเป็นพวกได้สำเร็จแล้ว
ฉางเทียนหัวตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก หลังจากได้รับคำสัญญาจากหลินเมิ้งหยาแล้ว เขาจึงรีบกลับไปในทันที
บรรยากาศในห้องเริ่มกดดันอีกครั้ง ไม่รู้ว่าหลงเทียนอวี้และจั่วชิวอวี้กำลังคิดอะไร
หลินเมิ้งหยารู้สึกแปลกเล็กน้อย
“พวกเจ้าเป็นอะไรไป? ทำไมไม่พูดเล่า?”
หลินเมิ้งหยารู้สึกผิดอยู่หลายส่วน นางมิควรปิดบังเรื่องนี้กับพวกเขาทั้งสอง
แต่เพราะตำราชิงเจิงผู่มีความสำคัญค่อนข้างมาก ดังนั้นนางจึงคิดว่าแทนที่จะปล่อยให้ทุกคนห่ำหั่นแย่งชิงกันเพราะมัน มิสู้นางส่งมอบให้ราษฎรทุกคนได้เห็นไม่ดีกว่าหรือ?
ทว่าสีหน้ามิอาจคาดเดาของพวกเขาทั้งสองทำให้นางทำอะไรไม่ถูก
“ข้าไม่เป็นไร แต่เจ้าไม่ควรปิดบังเรื่องนี้กับข้า”
มุมปากหยักยิ้มขมขื่น จั่วชิวอวี้อดที่จะรู้สึกปวดใจไม่ได้
ตำราชิงเจิงผู้ค่อนข้างซับซ้อน แม้จ่างกงจู่และเปี่ยวเม่ยจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่ก็ยากที่จะฟื้นฟูกลับมาได้
ถ้าหากเขารู้ว่าหลินเมิ้งหยาแสกนสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ในระบบเซินหนงแล้วและสามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างละเอียด เขาคงอารมณ์ดีกว่านี้
“ข้าไม่คิดปิดบังพวกเจ้า แต่เมื่อก่อนข้าไม่รู้ถึงความสำคัญของมัน แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้สึกว่ามันมักนำความยุ่งยากมาให้พวกเราเสมอ อย่างไรก็ตามข้าเองก็ทำไม่ ถูก”
จั่วชิวอวี้เป็นคนใจกว้าง ดังนั้นหลังจากหงุดหงิดอยู่ราวสองนาที เขาก็คิดได้
ใบหน้าฉายแววโล่งใจ สุดท้ายเขาก็มิได้ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวัง
“เจ้าพูดถูก ตำราแพทย์ย่อมเป็นตำราแพทย์ ไม่ควรมีอำนาจใดเข้ามาเกี่ยวข้อง หลงเทียนอวี้ เจ้าคิดเช่นนั้นหรือไม่?”
จั่วชิวอวี้แสดงสีหน้ามีเลศนัย
แต่ถึงกระนั้นเขาก็เผยแววตานั้นเพียงครู่เดียวเท่านั้น หลินเมิ้งหยาจึงไม่ทันสังเกตเห็น
สายตาของหลงเทียนอวี้เหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหายไป
“เจ้าพูดถูก ตำราชิงเจิงผู่มีความสำคัญต่อใต้หล้า นี่คือความสำเร็จอย่างหนึ่ง”
หลงเทียนอวี้หันไปมองหลินเมิ้งหยาด้วยสายตาชื่นชม
หลินเมิ้งหยาที่ได้รับคำชมรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ดูเหมือนนางจะทำถูกแล้ว
“จวิ้นจู่ หนู่ฉายหาสิ่งที่พระองค์ต้องการมาได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงของอวี้อันพลันดังขึ้น พวกเขาหันไปมองอวี้อันที่กำลังถือน้ำแข็งก้อนใหญ่เอาไว้
แม้จะห่อเอาไว้ด้วยผ้าหนาแล้ว แต่มือของอวี้อันกลับยังบวมแดงเพราะความเย็น
“รีบวางลงเร็วเข้า อย่าทำให้มือแข็ง”
คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นคนยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้
น้ำแข็งก้อนใหญ่ขนาดนี้ คาดว่าเขาต้องเสียแรงไปมาก
“ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ หนู่ฉายทำตามคำสั่งของพระองค์จึงพยายามทำให้คนพวกนั้นเห็นว่าหนู่ฉายกำลังทำสิ่งใด คาดว่าฟ้ายังไม่ทันจะมืด อุโมงค์น้ำแข็งก็คงถูกพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินแล้ว”
อวี้อันหยักยิ้ม ก่อนจะกระซิบเสียงเบา
จวิ้นจู่ของพวกเขามีความสามารถในการแกล้งคนเป็นอย่างมาก คาดว่าคนพวกนั้นจะต้องยุ่งวุ่นวายอย่างยิ่งเป็นแน่
หลงเทียนอวี้หันไปมองก้อนน้ำแข็งด้วยสายตาสงสัย
นี่นางคิดจะทำอะไรกันแน่?
“เมิ้งหยา นี่เจ้า…”
หลินเมิ้งหยายกนิ้วชี้ขึ้นแนบริมฝีปาก
พวกเขาถูกคนอื่นวางกับดักใส่ เช่นนั้นนางก็ควรจะเอาคืนสักหน่อยมิใช่หรือ?
แม้ก้อนน้ำแข็งจะเย็น แต่หัวใจของมนุษย์นั้นเย็นยะเยือกกว่ามาก
ฟ้ายังไม่ทันจะมืด คนที่ได้รับหัวข้อการแข่งขันแรกเข้ามารวมตัวกันที่ลานในหอป๋ายเฉา
เนื่องจากจั่วชิวอวี้เปิดกล่องปริศนาได้ เขาจึงกลายเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันรอบสุดท้าย
เหตุเพราะมีการตายของตู้จ่งเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นพวกเขาจึงถูกขังไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ถูกจับตามอง ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้ว พวกเขาจึงมีเวลาค่อนข้างมาก
ขณะนี้หลินเมิ้งหยากำลังนั่งบนตั่งหน้าเตียง สายตาทอดมองทิวทัศน์ในลาน ขณะเดียวกันก็พูดคุยกับหลงเทียนอวี้ไปด้วย
“หม่อมฉันเห็นพระองค์กินอาหารเย็นไปเพียงนิดเดียว ร่างกายมีตรงไหนไม่สบายหรือไม่?”
หลินเมิ้งหยามองเขาด้วยสายตาเป็นห่วง
ตอนบ่ายอาการของเขากำเริบอีกครั้ง แม้เขาจะสามารถอดทนได้ แต่ถึงกระนั้นใบหน้าก็ขาวซีดกว่าเดิมมาก
ทว่านางรู้ดีว่าขณะที่นางตั้งใจเดินออกจากห้อง หลงเทียนอวี้มักจะอาเจียนออกมา
แม้จิตใจจะแจ่มใส แต่ร่างกายกลับโทรมกว่าเดิมไม่น้อย
“ไม่มีอะไร ข้าเพียงเหนื่อยเท่านั้น”
แต่ไหนแต่ไรมาหลงเทียนอวี้ไม่เคยพูดคำว่าเหนื่อย
หลินเมิ้งหยาพิงร่างเข้าหาอ้อมกอดของหลงเทียนอวี้ ใบหน้ายิ้มอ่อนโยน
“อีกไม่นานพวกเราก็จะได้กลับบ้านแล้ว พระองค์คิดว่าเสี่ยวป๋ายกับเสือน้อยจะลืมพวกเราหรือยัง? หม่อมฉันคิดว่าท่านพี่จะต้องร้อนใจจนแทบคลั่งแล้ว หลายวันมานี้หม่อมฉันมิได้ส่งข่า าวให้ท่านพ่อและท่านพี่เลย”
เสียงนุ่มนวลของหลินเมิ้งหยาทำให้หลงเทียนอวี้รู้สึกผ่อนคลาย
แม้นางจะเป็นคนฉลาดและร้ายกาจในคราวเดียวกัน แต่ไม่ว่านางจะเป็นเช่นไร เขาก็หลงใหลในตัวนางเสมอ
ไม่รู้ว่าชาติก่อนเขาติดหนี้นางเอาไว้หรือไม่
“ไม่หรอก เสี่ยวป๋ายและเสือน้อยมีสัญชาตญาณสัตว์ป่า ข้าได้ยินคนส่งจดหมายเล่าว่าพวกมันปกป้องตำหนักของเจ้าอย่างดีจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้”
น้อยครั้งนักที่พวกเขาจะได้คุยเรื่องสัพเพเหระเช่นนี้
หลินเมิ้งหยาหรี่ตาลงเหมือนแมวที่กำลังสบาย มิง่ายเลยที่พวกเขาจะมีเวลาแห่งความอบอุ่นเช่นนี้
โสตประสาทของหลงเทียนอวี้พลันได้ยินอะไรบางอย่าง ในลานแห่งนั้นมีเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งที่มิใช่คนของพวกเขา
ไม่…ไม่ใช่เพียงแค่คนเดียว
“มีคนมา…เจ้าหลอกล่อพวกเขามาอย่างนั้นหรือ?”
ตอนแรกหลงเทียนอวี้คิดจะออกไปดู แต่หลินเมิ้งหยากลับรั้งเขาเอาไว้พร้อมทั้งกระตุกยิ้มมีเลศนัย
หลงเทียนอวี้เข้าใจในทันที เพราะเหตุนี้เมื่อคืนจนกระทั่งตอนนี้นางจึงมักแสดงท่าทางมีความสุข ที่แท้ละคนฉากสนุกก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
“แน่นอนเพคะ มิเช่นนั้นคงเสียดายแย่ อวี้อันอุตส่าห์แบกน้ำแข็งก้อนใหญ่ขนาดนั้นเข้ามา”
มุมปากแย้มยิ้มกว้างจนคนมองรู้สึกหวั่นไหว
เมื่อครู่นางมีท่าทางมิต่างอันใดจากตุ๊กตา แต่ตอนนี้กลับเหมือนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เสียมากกว่า
หลงเทียนอวี้อดก้มหน้าลงจุมพิตนางเบาๆ มิได้
“พระองค์…ช่างเถิด พระองค์ช่วยหม่อมฉันดูหน่อยว่าข้างนอกมีกี่คน?”
แม้จะบังคับตัวเองให้สงบนิ่ง แต่หลินเมิ้งหยากลับเลื่อนสายตาหนีเพื่อปกปิดความเขินอาย
ช่วยไม่ได้ ตอนนี้เรื่องตรงหน้าสำคัญที่สุด นางคงต้องทำใจให้กว้าง
“หน้าประตูห้าคน ในลานสามคน พวกเขามุ่งไปทางห้องรับแขกแล้ว”
หลงเทียนอวี้ตั้งใจฟังเพียงครู่เดียวก็ล่วงรู้เหตุการณ์ภายนอกได้ในทันที
แม้คนเหล่านี้จะมีความรู้ทางการแพทย์ แต่น่าเสียดายที่โง่เขลาเกินไป
พวกเขาคิดหรือว่าการแอบเข้ามาเช่นนี้จะหลบสายตาของหลงเทียนอวี้ได้
“น้อยกว่าที่คาด ช่างเถิด อีกเดี๋ยวก็จะมีอะไรสนุกๆ ให้ดูแล้ว”
หลินเมิ้งหยาหยักยิ้มเอ่ยออกมาอย่างไม่พึงพอใจเท่าไรนัก
จากนั้นนางจึงเข้าไปคุกเข่าด้านล่างหน้าต่าง นางตั้งใจจะไม่จุดไฟ แต่อาศัยแสงจันทร์ในการมองแทนเพื่อทำให้พวกเขาคิดว่าพวกนางนอนหลับพักผ่อนแล้ว
นำผ้าสีดำที่ตัดช่องโหว่บริเวณดวงตาเอาไว้ขึ้นคลุมศีรษะ
หลินเมิ้งหยาตั้งใจโผล่ศีรษะออกไปเพียงครึ่งเดียว เพื่อมองดูการเคลื่อนไหวของพวกเขา
ท่ามกลางแสงจันทร์ คนเหล่านั้นแอบเข้ามาในห้องรับแขก
ไม่นานภายในก็เกิดเสียงคนลอบหายใจเบาๆ
หลงเทียนอวี้ซ่อนตัวอยู่หลังหน้าต่าง ไม่ต้องมองก็รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขารู้สึกว่าน่าขำยิ่งนัก โดนเฉพาะหลินเมิ้งหยาที่สวมใส่ผ้าคลุมศีรษะเช่นนี้
เสียงลมหายใจถูกกดให้เบาลง ครู่ต่อมาคนก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น