ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 18 บทที่ 524 ล่อเสือออกจากถ้ำ
นี่สิถึงจะพอ หลินเมิ้งหยายังคงลอบมองเหตุการณ์ด่านหน้าต่างต่อไป
ตอนนี้จากสามเพิ่มเป็นห้าคนแล้ว หัวคิ้วหลงเทียนอวี้ขมวดมุ่น เหตุเพราะเขาสังเกตเห็นว่ายังมีอีกหลายคนเดินมาจากลานบ้าน
แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไร้ซึ่งวิทยายุทธ์เหมือนกันกับคนเหล่านี้
แปลก ภายในห้องมีเพียงน้ำแข็งก้อนใหญ่เท่านั้น เหตุใดพวกเขาจึงต้องบุกมามากมายถึงเพียงนี้เล่า?
ยิ่งคนมาก เสียงการเคลื่อนไหวก็ยิ่งดัง
แต่หลินเมิ้งหยาจัดการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว คนทั้งสี่ภายในห้องแสร้งทำราวกับว่านอนหลับเป็นตาย ดังนั้นจึงไม่มีใครออกมาขัดจังหวะพวกเขา
คนเหล่านั้นเลิกสนใจพวกเขาไปในทันที ความกล้าเองก็เพิ่มมากขึ้น
แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าการกระทำของพวกเขาตกอยู่ในสายตาของคนอื่นอยู่นานแล้ว
เงาดำเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มีราวสิบกว่าคนแล้ว สุดท้ายพวกเขาช่วยกันยกหีบขนาดใหญ่ใบหนึ่งออกจากห้องรับแขก
หลินเมิ้งหยามองด้วยความสนใจ สายตามองตามพวกเขาที่กำลังขนย้ายหีบใบนั้น เหตุเพราะต้องเก็บซ่อนเสียงของตัวเองมิให้ดังออกไป ดังนั้นนางจึงก้มตัวลง
หลินเมิ้งหยาเล่นอย่างสนุกสนาน นางกระตุกชายเสื้อของหลงเทียนอวี้แล้วชี้ไปยังที่แห่งหนึ่ง
เมื่อดวงตาของทั้งคู่สอดประสานกัน หลงเทียนอวี้เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายทันที
สะบัดนิ้วมือเบาๆ หินก้อนหนึ่งพุ่งเข้าไปกระทบขาของใครบางคน
“ไอหยา! ขาของข้า”
ขณะเดียวกัน หีบใบนั้นร่วงใส่ขาของเพื่อนอีกคน เหตุเพราะเขาลดเสียงของตัวเองไม่ทัน ดังนั้นจึงถูกมือหนาของเพื่อนยื่นเข้ามาปิดปาก
“เบาหน่อย! เดี๋ยวพวกเขาก็ตื่นหมดหรอก!”
หลินเมิ้งหยาเกือบหลุดขำพรืดออกมา หลงเทียนอวี้อ่านใจนางออกจริงๆ
ดูเหมือนว่าวันรุ่งขึ้นจะต้องมีคนเดินขากะเดลกกไปร่วมการแข่งขันอย่างแน่นอน
ก็ดี นี่คือราคาของความโลภ
สุดท้ายหีบใบนั้นก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไป หลินเมิ้งหยายืนขึ้นที่ข้างหน้าต่างมองตามร่างของคนเหล่านั้นที่ค่อยๆ เดินจากไป มุมปากกระตุกยิ้มเย็น
ตอนแรกไม่ว่าจะด้วยเป้าหมายใดก็ตาม พวกหนานรุ่ยดึงดันจะมอบกล่องปริศนาให้กับจั่วชิวอวี้ให้ได้
คาดว่าพวกเขาคงทำเพราะต้องการให้จั่วชิวอวี้เป็นแพะรับบาก
แต่จั่วชิวอวี้เป็นถึงองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีฐานะเป็นพระอนุชาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน อำนาจของเขามีมากมาย แม้เรื่องนั้นจะสำเร็จ แต่สุดท้ายแล้วมันจะกลายเป็นเพียงกิจกรรมยามว่างของพวกเขาเท่านั้น
ดังนั้นคนที่รู้ความจริงในหอป๋ายเฉาจึงมีนับจำนวนคนได้
นางจึงสั่งให้อวี้อันทะเลาะกับพวกลูกศิษย์ด้านหน้าประตูและไปนำน้ำแข็งมา
สุดท้ายก็จงใจเลือกเส้นทางลับในการเคลื่อนย้ายก้อนน้ำแข็ง
ทุกอย่างที่อวี้อันทำล้วนได้รับการชี้แนะจากหลินเมิ้งหยา
แน่นอนว่าคนอื่นๆ ล้วนคิดว่าอวี้อันนำบางสิ่งออกมาจากอุโมงค์น้ำแข็ง
ดังนั้นจึงมีคนจำนวนไม่น้อยต้องการมาหาของล้ำค่าที่เรือนของหลินเมิ้งหยา
น่าเสียดาย คนเหล่านี้ไม่รู้เลยว่าตัวเองตกอยู่ในหลุมพรางของหลินเมิ้งหยาแล้ว มิเช่นนั้นต่อให้ตายพวกเขาก็คงไม่มาที่นี่
คนเหล่านั้นจากไปหมดแล้ว ลูกศิษย์ที่เฝ้าหน้าประตูทั้งสองเองก็จากไปด้วย
อันที่จริงหีบใบนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากก้อนน้ำแข็งที่อวี้อันเอามาและก้อนหินขนาดใหญ่ที่นางคัดสรรมาเป็นพิเศษ
หีบใบนี้คือหีบที่นางใช้เก็บของสำคัญ ดังนั้นจึงค่อนข้างมีน้ำหนักมาก
คนเหล่านี้จึงไม่อาจหยิบหรือแบกขึ้นบ่าได้ เพียงแค่ต้องยกหีบใบนั้นไป เท่านี้พวกเขาก็ลำบากพอตัวแล้ว
เมื่อมั่นใจแล้วว่าด้านนอกไม่มีคน ไฟในห้องจึงถูกจุดขึ้นอีกครั้ง
“เป็นไปตามที่จวิ้นจู่คาด คนพวกนั้นแอบขโมยหีบไปแล้ว หากพวกเขารู้ว่าภายในหีบไม่มีสิ่งใด พวกเขาจะโกรธเจียนตายหรือไม่?”
อวี้อันปิดปากหัวเราะ
หลินเมิ้งหยาเองก็แย้มยิ้มแล้วเอาด้าคลุมศีรษะออก ดวงตาเปล่งประกายไปด้วยแสงแห่งความเย็นชา
“ขนาดจะกัดกันเองยังทำไม่ทัน เช่นนั้นพวกเขาคงไม่รู้เรื่องนี้ง่ายๆ หรอกว่าของที่อยู่ข้างในคือก้อนหินและน้ำแข็ง แต่พวกเขาก็ไม่ได้ขาดทุนนัก เหตุเพราะข้าใส่ของบางอย่างเข้าไปในนั้นด้วย”
หลงเทียนอวี้และจั่วชิวอวี้หันไปมองหลินเมิ้งหยาด้วยแววตาสงสัย
สตรีดู้นี้น่ากลัวยิ่งนัก หากนางบอกว่านางวางของลงไปในกล่อง คาดว่าของสิ่งนั้นจะต้องไม่ธรรมดา
“เอาล่ะ ในเมื่อของถูกเอาไปแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ควรเริ่มงานได้แล้ว”
รู้อยู่แล้วว่าหลินเมิ้งหยามิได้ทำเพื่อสร้างสงครามประสาทเท่านั้น
หลงเทียนอวี้ใช้สายตาเอ็นดูมองนาง
ดูเถิด ชายาของเขาฉลาดเฉลียวเพียงใด!
จั่วชิวอวี้และอวี้อันเมินสายตาภาคภูมิใจของเขา
เหตุเพราะงานในเวลานี้สำคัญยิ่งกว่า
ทั้งสี่คนเปลี่ยนเป็นชุดที่ได้เตรียมเอาไว้แล้ว แม้ภายในหอป๋ายเฉาจะเป็นลูกศิษย์และอาจารย์เสียส่วนใหญ่ แต่ถึงกระนั้นก็มีองครักษ์รับดิดชอบดูแลความปลอดภัยอยู่ด้วย
โดยเฉพาะที่พักอาศัยของพวกดู้อาวุโส แม้แต่ฉางเทียนหัวเองก็มีองครักษ์จำนวนหนึ่งคอยคุ้มกัน
ด้วยความสามารถของหลงเทียนอวี้และจั่วชิวอวี้ ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่พวกเขาจะหลบเลี่ยงสายตาขององครักษ์เหล่านั้น
แต่เมื่อหลินเมิ้งหยาได้เห็นอวี้อันกระโดดลงจากกำแพงด้วยท่วงท่าสง่างามแล้ว นางพบว่าในบรรดาคนทั้งสี่ มีเพียงนางเท่านั้นที่เป็นภาระ
โชคดีที่หลงเทียนอวี้ไม่สนใจ เขาอุ้มนางเอาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะพากระโดดข้ามกำแพง
จุดหมายปลายทางของพวกเขามีเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
วันนี้เกิดเรื่องมากมายที่ส่วนใน ดังนั้นนางจึงคาดว่าพวกคนที่เกี่ยวข้องย่อมมิได้หลับมิได้นอนอย่างแน่นอน
ไม่ว่าหนานรุ่ย สกุลตวนมู่หรือสกุลเฉียนก็ต่างรวบรวมคนสนิทของตนเองมาหารือ
ดังนั้นเมื่อพวกหลินเมิ้งหยามาถึงที่หมาย พวกเขาพบว่าที่นี่มีองครักษ์ลาดตระเวนเพียงสองกอง และยังมีลูกศิษย์ดู้รับดิดชอบเฝ้าประตูอีกสองคนกำลังนั่งตบยุง
ขณะที่สายลมพัดเบาๆ พวกเขามิได้สังเกตเห็นคนทั้งสี่ที่กระโดดข้ามกำแพงเข้ามา
เมื่อลงถึงพื้น หลินเมิ้งหยาดละตัวออกจากหลงเทียนอวี้
หมุนตัว ก่อนจะกวาดสายตาสำรวจบริเวณรอบๆ โชคดีที่เงียบสงบ ไร้ซึ่งวี่แววของดู้คน
“พวกเรามาทำอะไรที่นี่?”
คิ้วของจั่วชิวอวี้ขมวดเข้าหากัน เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
หากเขาดูไม่ดิด ที่นี่คือห้องเก็บยาของหอป๋ายเฉา
แต่ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือที่นี่คือสถานที่สำหรับจัดการแข่งขันในวันพรุ่งนี้
ทว่าเขาเป็นคนแรกที่ด่านเข้ารอบมาแล้ว
หลินเมิ้งหยาคิดจะทำอะไรกันแน่?
“มาก่อวินาศกรรมอย่างไรเล่า”
เดินเข้าไปในห้องเก็บยา เมื่อเทียบกับสำนักหมอหลวงของต้าจิ้นแล้ว กลิ่นยาที่นี่หอมฉุนกว่ามาก ขณะเดียวกันระบบเซินหนงก็เดยข้อมูลยาออกมาไม่หยุด
ที่นี่มีสมุนไพรมากมาย แม้แต่หลินเมิ้งหยาเองยังตกตะลึง
หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างพิเศษ นางเองก็อยากจะเดินสำรวจที่นี่ดูสักหนึ่งรอบ ที่นี่อาจเป็นห้องเก็บยาที่ดีที่สุดก็เป็นได้
ยักไหล่อย่างเสียดาย ไม่นานคนทั้งสี่ก็มาถึงห้องเก็บยา
“ที่นี่มืดมาก จวิ้นจู่จะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาใช้ยาชนิดไหน?”
อวี้อันรู้สึกสนใจยิ่งนัก นับตั้งแต่วันที่ได้ติดตามหลินเมิ้งหยา ทุกการกระทำของนางมักทำให้เขาได้เห็นสิ่งใหม่ๆ
บางครั้งเขารู้สึกร้อนใจแทนหลินเมิ้งหยา
“รู้สิ อยู่ในห้องด้านในสุดอย่างไรเล่า”
หลินเมิ้งหยาออกแรงสูดกลิ่นที่ลอยอยู่ในอากาศ ก่อนจะชี้นิ้วไปยังห้องเก็บยาที่มืดสนิด
อันที่จริงพวกเขาค่อนข้างโชคดี
หากไม่ใช่เพื่อความเป็นธรรมในการแข่งขัน เกรงว่าพวกเขาคงเข้าออกที่นี่อย่างสะดวกไม่ได้
คาดว่าบางทีอาจมีลูกศิษย์จัดเวรยามอยู่เฝ้าด้วยซ้ำ
ดังนั้นคนทั้งสี่จึงเดินเข้าไปด้านในสุด เป็นไปตามคาด แม่กุญแจขนาดใหญ่ถูกคล้องไว้หน้าประตู
“ที่นี่จริงๆ ด้วย เมิ้งหยา จมูกของเจ้าเหมือนสุนัขจริงๆ”
เขาหันไปมองหลินเมิ้งหยาด้วยความประหลาดใจ
แม้จั่วชิวอวี้จะรู้อยู่แล้วว่าหลินเมิ้งหยามีประสาทสัมดัสว่องไว้เกินมนุษย์ แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะสามารถแยกกลิ่นสมุนไพรออก
“ตอนนี้หาใช่เวลาประจบสอพลอไม่ รีบหาวิธีเอาของสิ่งนี้ออกมาเถิด มิเช่นนั้นพวกเราคงมาเสียเที่ยวแล้ว”
หลินเมิ้งหยาไม่รู้สึกอะไร เหตุเพราะนางมีระบบเซินหนงคอยช่วยเหลือ ดังนั้นแม้จะมียาหลายหมื่นชนิด แต่นางก็สามารถหาเจอได้
หากไม่มีแดนการรองรับ เช่นนั้นนางจะใช้วิธีล่อเสือออกจากถ้ำทำไมกัน?
แกรก เสียงดังขึ้น หลินเมิ้งหยาหันไปมองหลงเทียนอวี้ที่สามารถถอดสลักของแม่กุญแจได้แล้ว
นางหันไปยกนิ้วให้กับบุรุษที่มีสีหน้าไร้อารมณ์ตรงหน้า
สมแล้วที่เป็นเชื้อพระวงศ์ แม้แต่ความสามารถเช่นนี้ก็ถูกอบรมสั่งสอนมา
หลงเทียนอวี้ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหมุนตัวดลักประตูเปิดออก
ขณะเดียวกันกลิ่นยาฉุนกึกทำให้คิ้วของหลินเมิ้งหยาขมวดแน่น
แม้ภายในห้องแห่งนี้จะไม่ได้มืดสนิท แต่เห็นได้ชัดว่าแสงที่ลอดเข้ามาไม่ปกติ
หลงเทียนอวี้คิดจะเดินนำ แต่หลินเมิ้งหยากลับรั้งเขาไว้
“ที่นี่มีกลไก”
คำพูดนี้ทำให้คนที่เหลือหยุดฝีเท้าลง
ทั้งสี่คนยืนเรียงกันหน้าประตู นอกจากหลินเมิ้งหยาแล้ว คนที่เหลือล้วนแสดงสีหน้าฉงน
กลไก? ที่ไหนกัน? พวกเขาทั้งสามมองไม่ออก
ตกลงหลินเมิ้งหยาเห็นอะไร?