ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 6 บทที่ 152 หนอนบ่อนไส้ในจวนไท่จื่อ
ไท่จื่อชำเลืองสายตาเย็นชาไปทางศพทั้งสองร่าง เขาไม่สนใจความเป็นความตายของพวกผู้หญิง
ทว่า เขาไม่อาจกักเก็บสีหน้าของตนเองในเวลานี้ได้
“ท่านอ๋อง ร่างกายหม่อมฉันยังไม่แข็งแรงดี ช่วยพยุงหม่อมฉันไปพักที่ห้องข้าง ๆ ได้หรือไม่เพคะ”
หลินเมิ้งหยายกมือปิดปาก ราวกับว่ามิอาจทนเห็นศพทั้งสองได้
หลงเทียนอวี้รีบเข้าไปพยุงร่างหลินเมิ้งหยา ท่ามกลางสายตาเย็นชาของไท่จื่อ เขาพานางไปยังห้องเล็กด้านข้าง
“ชิชิ ไท่จื่อแสดงออกได้อย่างน่าชื่นชมจริงเชียว เจ้าเด็กน้อย เหตุใดเจ้าจึงนึกแผนร้ายกาจเช่นนี้ขึ้นมาได้? ”
ทันทีที่เข้ามาภายใน ชิงหูที่ไม่รู้ว่าโผล่มาตั้งแต่ตอนไหน รีบเข้ามาชิงร่างหลินเมิ้งหยาออกจากหลงเทียนอวี้ ก่อนจะเข้าไปประคองร่างนาง
สีหน้าของคนถูกผลักอย่างหลงเทียนอวี้เคร่งขรึมไปในทันที แต่เมื่อเห็นสีหน้าสุขุมลุ่มลึกของหลินเมิ้งหยา สีหน้าของเขาจึงกลับมาเป็นปกติดังเดิม
“เจ้าลองเดา”
หลังจากทิ้งคำตอบที่ทำให้ชิงหูแทบกระอักเป็นเลือดแล้ว หลินเมิ้งหยายกผ้าคลุมสีดำขึ้นห่มร่าง
ทุกคนตามไท่จื่อกลับไปยังงานเลี้ยงเรียบร้อยแล้ว
คาดว่าจะต้องถูกไท่จื่อขู่เข็ญอย่างแน่นอน
“เจ้าจะไปไหน? ”
หลงเทียนอวี้เอ่ยถาม ทว่าหลินเมิ้งหยากลับหยักยิ้มเล็กน้อย ริมฝีปากสีแดงดั่งลูกเชอรี่เอ่ยออกมาเพียงสองพยางค์
“ความลับ”
ยืมแสงจากพระจันทร์พาชิงหูและป๋ายซูเดินไปด้านหลังสวน
เมื่อเดินพ้นโค้ง นางได้เห็นเงาหนึ่งแอบอยู่ด้านหลังภูเขาปลอมกลางสวน
“ออกมาเถิด เสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าต้องขอบใจเจ้ามาก”
แสงจันทร์สาดส่อง ร่างบางเดินออกมาจากหลังภูเขาปลอม ใบหน้างดงามเรียวเล็กรูปไข่ขาวซีด
“สองคนนั้นตายอย่างไร? ”
เสียงของหญิงสาวอ่อนโยนเป็นอย่างมาก ทว่ากลับทำให้ขนแขนลุกชัน
“ถูกไท่จื่อฆ่าตายเองกับมือ เขาใช้ดาบฟันตายในฉับเดียว”
หลินเมิ้งหยาลอบสำรวจใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า ความสงสัยเกิดขึ้นในใจ
ภายในห้องที่ถูกขัง นางพบว่าชายคนนั้นคือหลงเทียนอวี้
หลังจากตรวจสอบดูแล้วจึงพบว่าเขาถูกหมี่กุ่ยเซียงทำให้สลบไป
ยาพิษชนิดนี้ไร้สีไร้กลิ่น แม้แต่เข็มเงินก็ไม่อาจนำมาทดสอบได้ ยิ่งไปกว่านั้น หากคนธรรมดาถูกวางยาเข้า คงจะสลบไปนานหลายวัน
แต่ถ้าหากคนที่มีกำลังภายในเผลอกินเข้า พวกเขาจะไม่อาจใช้กำลังภายในได้ไปสักระยะ
สิ่งที่ทำให้หลินเมิ้งหยายิ่งสงสัยไปกว่านั้นคือภายในห้องนั้นมีกลิ่นยาปลุกกำหนัดอ่อน ๆ
หากสูดดมเข้า เช่นนั้นจะเกิดภาพหลอน
โชคดีที่นางพกยาแก้พิษติดตัวเอาไว้เสมอ ดังนั้นจึงสั่งให้ป๋ายซูนำตัวหลงเทียนอวี้ออกมา
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว เท่านี้ก็ถือว่าข้าแก้แค้นให้ลูกของข้าได้สำเร็จ ขอบคุณท่านมาก ชายาอวี้”
หญิงคนนั้นเอ่ยออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง แต่มิได้เอยอันใด
หลังจากที่นางพาตัวหลงเทียนอวี้ออกมาแล้ว ผู้หญิงคนนี้จึงปรากฏตัวออกมา
บางทีอาจเพราะนางกำลังซ่อนตัว ดังนั้นจึงได้เห็นหลินเมิ้งหยาพาตัวหลงเทียนอวี้ออกมา
ทว่า ผู้หญิงคนนี้แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ราวกับว่านางรู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง
ไม่เพียงนำยาถอนพิษมา แต่ยังช่วยหลินเมิ้งหยาแสดงละครอีกด้วย
ชิงหูชำนาญในการเลียนเสียงผู้อื่น ดังนั้น หลินเมิ้งหยาจึงสั่งให้เขาแสดงเป็นขันทีของไท่จื่อเพื่อไปแจ้งข่าวให้กับฮูหยินอัน
จากนั้น เขาตีฮูหยินอันจนสลบ ก่อนนะกรอกยาชนิดเดียวกันเข้าไป
สุดท้าย เขาจึงโยนยามเฝ้าประตูที่ถูกกรอกยาแล้วเข้าไปในนั้น
ผู้หญิงคนนี้บอกกับหลินเมิ้งหยาว่าอันที่จริงแล้วเรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแผนการที่ไท่จื่อวางเอาไว้ เพื่อบีบให้หลงเทียนอวี้แต่งงานกับองค์หญิงหมิงเยว่
แต่ไม่มีใครรู้ว่านางจะแอบหักหลังทุกคน
“ไม่จำเป็น ข้าเพียงแต่ร่วมมือกับท่านเท่านั้น เหตุเพราะเจ้าบอกว่าเจ้าอยากเป็นหนอนบ่อนไส้ในจวนไท่จื่อให้กับข้า เช่นนั้นข้าขอถามเจ้าหน่อยว่า ตกลงแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่? อีกอย่าง เหตุใดจึงอยากแก้แค้นฮูหยินอัน? ”
ภายใต้แสงจันทร์ ผู้หญิงคนนั้นหยักยิ้มขมขื่น
ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความทุกข์ระทม แต่ถึงกระนั้นก็ยังส่งเสียงเล่า
“ข้าเป็นหนึ่งในชายารองของไท่จื่อ อีกทั้งยังเป็นลูกสาวคนหนึ่งของใต้เท้าจาง เจ้าคงจะเคยได้ยินชื่อของข้าใช่หรือไม่? ”
ใต้เท้าจาง? สมองของหลินเมิ้งหยารีบประมวลผล ก่อนจะนึกถึงหญิงสาวที่มีใบหน้าเงียบขรึมและไม่พูดอะไร แต่มักจะยืนอยู่ด้านหลังไท่จื่อทุกครั้งออก
มองผู้หญิงตรงหน้า นางคือลูกสาวแท้ ๆ ของใต้เท้าจางอย่างนั้นหรือ?
แต่เคยได้ยินว่าชายารองจางได้รับความรักและความเอ็นดูเป็นอย่างมาก เหตุใดจึง…
“เมื่อห้าปีก่อน ข้าอภิเษกกับไท่จื่อและกลายมาเป็นชายารองของเขา ตอนแรกไท่จื่อรักและเอ็นดูข้ามาก แต่เมื่อผู้หญิงคนนั้นเข้ามา ทุกสิ่งทุกอย่างพลันเปลี่ยนไป”
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง ดูเหมือนจะหมายถึงชายารองตู๋กู
ก็จริง ตอนนี้ไม่ว่าไท่จื่อเสด็จที่ใด นางก็มักจะตามเสด็จไปด้วย
เพราะแบบนี้ชายารองคนอื่น ๆ จึงรู้สึกเดียวดายอย่างนั้นสินะ
เกรงว่าผู้หญิงตรงหน้านางเองก็เป็นเช่นนั้น
“ข้าทำใจไว้อยู่แล้วเมื่อรู้ว่าต้องอภิเษกสมรสกับไท่จื่อ ข้าอยู่อย่างสงบนิ่งมาโดยตลอด คิดมาเสมอว่าต้องปกป้องดูแลคนในตระกูลและตำแหน่งของข้าเอาไว้ให้ได้ เมื่อครึ่งปีก่อนข้าตั้งครรภ์ ไท่จื่อดีใจเป็นอย่างมาก แต่ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าลูกที่น่าสงสารของข้าจะนำมาซึ่งความเกลียดชังของผู้หญิงคนนั้น”
เมื่อพูดถึงลูกตัวเอง สีหน้าของชายารองจางเผยให้เห็นถึงความเสียใจ
แม้หลินเมิ้งหยาจะไม่เคยเป็นแม่คน แต่นางพอจะเข้าใจความรู้สึกนั้น
ดังนั้น นางจึงเดาบทสรุปได้แล้ว
ชายารองตู๋กูกับฮูหยินอันจะต้องร่วมมือกันทำร้ายลูกในท้องของชายารองจางอย่างแน่นอน
ฉะนั้น นางจึงผูกใจเจ็บเช่นนี้
ที่ใดมีมนุษย์ ที่นั่นย่อมมีสงคราม โดยเฉพาะในจวนที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้
“วันนี้ข้าทำเพื่อแก้แค้นให้กับลูกของข้า ไท่จื่อถูกพวกนางปิดหูปิดตา ข้ารู้ว่าเจ้าเองก็เหมือนกันกับข้า พวกเราล้วนตกอยู่ในแผนร้ายของนางทั้งสิ้น ฉะนั้น ข้าจึงอยากร่วมมือกับเจ้าเพื่อกำจัดผู้หญิงชาติชั่วคนนั้นเสีย! ”
ไร้เดียงสา! เมื่อได้เห็นความลุ่มหลงในดวงตาของนางเวลาพูดถึงไท่จื่อ
หลินเมิ้งหยารู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้กำลังถูกความรักครอบงำ
ดวงตาเผยให้เห็นร่องรอยของความเสียดาย แต่ชายารองจางเป็นคนเลือกหนทางเส้นนี้เอง
ตัวนางเป็นเพียงน้ำที่จะพาเรือแล่นไปเท่านั้น
“ได้ ข้าจะร่วมมือกับเจ้า แต่ไท่จื่อจะต้องสงสัยสนมในจวนอย่างแน่นอน หลังจากที่เจ้ากลับไปแล้ว อย่าลืมแอบเอารองเท้า ชุดกระโปรงออกไปซักให้สะอาด ระวังอย่าให้หลงเหลือร่องรอยใดๆ เท่านี้เจ้าจะมีโอกาสทำให้ไท่จื่อได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยออกมาด้วยความปรารถนาดี เพื่อทำให้ชายารองจางคิดว่านางเป็นคนดี
ชายารองจางขอบคุณหลินเมิ้งหยาด้วยความซาบซึ้งใจ ก่อนจะหายไปในความมืดอีกครั้ง
“เจ้าเด็กน้อย เจ้าเชื่อนางอย่างนั้นหรือ? ”
ชิงหูที่ยืนเงียบตลอดเวลาเอ่ยถาม
“เชื่อ เหตุใดจึงไม่เชื่อเล่า? ข้ายังเชื่ออีกด้วยว่านางต้องการชิงความรักจากไท่จื่อคืนมา”
หลินเมิ้งหยาจัดผ้าคลุมของตนเองอีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับ
ทว่า นางมิได้กลับไปยังห้องเดิมที่จากมา แต่กลับเดินลัดเลาะเส้นทางเล็ก ๆ จนกระทั่งมาถึงเรือนไม้หลังเล็กที่ไม่โดดเด่นหลังหนึ่ง
ป๋ายซูยกโคมไฟสูงขึ้น ภายในคือคนที่ควรจะเป็นหญิงสาวร่วมสวาทในห้องนั้น
องค์หญิงหมิงเยว่กำลังนอนหลับสนิท
“หลับสบายเสียจริง เจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ตอนนี้ถึงตาเจ้าแล้ว”
ชิงหูหัวเราะคิกคัก ดวงตาที่กำลังมองหลินเมิ้งหยาหรี่เล็กลง
“เจ้านี่หนา ช่างเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจยิ่งนัก”
ประโยคตำหนิติเตียนนี้เปรียบเสมือนคำชม
ไม่พูดพร่ำทำเพลง ชิงหูอุ้มหมิงเยว่แล้วกระโดดหายไป
หลินเมิ้งหยาเชื่อใจในการทำงานของชิงหูที่สุด
เดินกลับไปยังห้องพักผ่อนเล็ก ๆ กับป๋ายซู
ทันทีที่ก้าวเข้าไป แขนกำยำสองข้างวาดขึ้นมารั้งตัวนางเข้าหาอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น
“หนาวหรือไม่ ดูสิ มือของเจ้าเย็นหมดแล้ว”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นที่ด้านบนศีรษะ ร่างกายของหลินเมิ้งหยาแข็งทื่อ
ตอนที่กลับมาได้สัมผัสกับความเย็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาสังเกตเห็นด้วยอย่างนั้นหรือ
“เสื้อขนสัตว์ที่สั่งทำเอาไว้ให้เจ้าถูกส่งมาใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้ว หากอากาศเย็น ก็จงนำมันมาใส่เถิด”
หัวใจเต้นระรัว ลูกตาสีดำเปล่งประกายราวไข่มุกสั่นไหว
ทว่า ขนตางอนยาวกลับปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงของนางเอาไว้
“หม่อมฉันไม่หนาวตายง่ายๆ หรอกเพคะ หากใส่เสื้อขนสัตว์ตั้งแต่ตอนนี้ เช่นนั้นฤดูหนาวหม่อมฉันคงต้องขลุกตัวอยู่ใต้ผ้านวมทั้งวัน”
มิรู้ว่าเพราะร่างกายของตนเอง หรือยาพิษที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างกาย
ทั้งที่เพิ่งจะถึงปลายฤดูหนาว แต่ร่างกายของนางกลับสั่นสะท้านเพราะความหนาวเย็น
แม้จะมีเสื้อผ้ากั้นกายเนื้อของทั้งคู่ ทว่าหลินเมิ้งหยากลับรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิอุ่น ๆ จากร่างกายของหลงเทียนอวี้ได้
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ส่งออกมาจากร่างกายของเขาทำให้หลินเมิ้งหยารู้สึกสงสัย
“ท่านอ๋องใช้เครื่องหอมชนิดใดหรือเพคะ กลิ่นหอมเหลือเกิน”
ดื่มด่ำกับความอบอุ่นที่เขาส่งมอบให้ ก่อนจะทำจมูกฟุดฟิดเพื่อสูดดมกลิ่นกายของเขาเหมือนลูกสุนัขตัวน้อย
หลงเทียนอวี้หยักยิ้มเล็กน้อย โอบกอดหญิงสาวร่างบางตรงหน้าเอาไว้จนมิด
ราวกับต้องการจะฝังร่างกายของนางอยู่ภายในอ้อมกอดของตนเอง
“ตอนเด็กข้ามักจะฝันร้าย หมู่เฟยจึงสั่งให้คนนำกลิ่นหอมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมาให้ข้า หากเจ้าชอบ ข้าจะมอบให้เจ้าดีหรือไม่? ”
“ดีเพคะ”
อ้าปากหาวเล็กน้อย หลินเมิ้งหยาหลับไปในอ้อมกอดของหลงเทียนอวี้
ฟังเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอกันของนาง ใบหน้าหยักยิ้มของหลงเทียนอวี้เผยให้เห็นถึงความกังวล
“พระชายาหลับลึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ”
ป๋ายจื่อที่อยู่ข้าง ๆ ถูกท่านอ๋องถามกระทันหัน นางจึงสะดุ้ง
นางนับนิ้ว ก่อนจะเอ่ยตอบ
“ดูเหมือน…นับตั้งแต่ตอนที่มีอาการป่วยเจ้าค่ะ หนู่ปี้เคยถามหมอหลวงแล้ว หมอหลวงบอกว่าหัวใจของนายหญิงได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถทำงานหนักได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องนอนพักสักเล็กน้อยทุกวัน”
คำพูดของป๋ายจื่อยังมิอาจทำให้หลงเทียนอวี้คลายความกังวล
เมื่อก่อน หลินเมิ้งหยาเป็นคนระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก
หลายวันที่ผ่านมา เมื่อถึงเวลานอน เขามักจะลอบเข้าไปอยู่ข้างเตียงของนาง
ทุกครั้งที่ได้เห็นใบหน้าไร้พิษสงยามหลับของนาง หลงเทียนอวี้มักรู้สึกสบายใจ
แต่มีครั้งหนึ่งที่เขาชนกับเชิงเทียนเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ทว่านางกลับไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย
หวังว่า เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะร่างกายของนางต้องการพักผ่อน
ภายในห้องพักผ่อนเล็ก หลงเทียนอวี้กอดนางเสมือนกอดอัญมณีมีค่า เขาไม่แม้แต่จะเปลี่ยนท่าทาง
หลินเมิ้งหยายังคงหลับสนิท อีกทั้งยังกอดแขนของเขาเอาไว้