ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 6 บทที่ 153 ชายหญิงที่โดนซุบซิบนินทามากที่สุดในเมืองหลวง
- Home
- ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ
- เล่มที่ 6 บทที่ 153 ชายหญิงที่โดนซุบซิบนินทามากที่สุดในเมืองหลวง
พวกเขาไม่สนใจว่างานเลี้ยงดำเนินไปถึงไหน หลงเทียนอวี้อุ้มหลินเมิ้งหยาเดินออกไปทางประตูหลังจวน
ชายหนุ่มวางร่างของหลินเมิ้งหยาลงด้วยความระมัดระวัง มองดูใบหน้าด้านข้างอันแสนงดงาม หัวใจรู้สึกไม่อยากยินยอมที่จะต้องแยกห่าง
น่าเสียดาย ตอนนี้เขายังไม่อาจกลับไปได้
“ดูแลพระชายาให้ดี เดินช้าๆ หน่อย หลินขุ๋ย เจ้ากลับไปกับพวกเขาเถิด จงพาทุกคนตรงกลับจวนและระวังอย่าทำให้นางตกใจตื่น”
จัดแจงเสร็จเรียบร้อย หลงเทียนอวี้ยืนอยู่ที่เดิม มองดูเกี้ยวของหลินเมิ้งหยาหายลับตาไป
เมื่อเห็นว่านางกลับไปอย่างปลอดภัย หลงเทียนอวี้จึงเบาใจ
ร่างสูงใหญ่หมุนตัว กลับเข้าไปในจวนของไท่จื่อ
หลายวันมานี้ หากมิใช่เพราะต้องเข้ามาฟังราชการในวัง พระสนมเต๋อเฟยก็มักจะตามตัวเขาไปสนทนาพูดคุย
ทุกครั้งเขาทำได้เพียงแอบเข้าไปมองหน้าของหลินเมิ้งหยาตอนนอนกลางดึกเท่านั้น
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ชีวิตเขาเต็มไปด้วยเงาของหญิงสาวคนนี้
แม้ว่าในวังหลวงจะมีหญิงงามมากมาย ทว่า ไม่มีสตรีนางใดที่ทำให้เขาเหลียวแลได้เช่นนาง
ตกลงนี่มันเพราะอะไรกันนะ?
แม้ว่าทุกคนจะแสดงออกว่าเกรงกลัวไท่จื่อ
อีกทั้ง เหตุการณ์เมื่อครู่ยังเป็นเรื่องที่น่าถกเถียงกันอย่างยิ่ง แต่ถึงกระนั้นก็มิมีใครกล้าเอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา
แต่ถึงอย่างนั้น สายตาของพวกเขาก็ยังมิวายชำเลืองมองทางไท่จื่อด้วยแววตาขำขัน
การลอบมีความสัมพันธ์ระว่างเจ้านายและคนรับใช้ในเรือนมิใช่เรื่องแปลกใหม่
แทบจะทุกจวนล้วนมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
แต่มิมีใครเหมือนไท่จื่อ เหตุเพราะทุกคนล้วนเห็นว่าเขาถูกสวมเขากันหมด
ฉากนั้นสนุกสนานเสียยิ่งกว่าดูละครเสียอีก
“เจ้าบอกว่าจัดการเรียบร้อยหมดแล้วมิใช่หรือ? เหตุใดสถานการณ์จึงพลิกผันเช่นนี้ได้? ”
ไท่จื่อพยายามระงับความโกรธ แต่ถึงกระนั้น สายตาของเขายังคงอำมหิตประหนึ่งงูพิษ
ชายารองตู๋กูคิดไม่ถึงเลยว่าเหตุการณ์จะพลิกผันเช่นนี้
ใบหน้างดงามก้มลง หน้าผากสีขาวนวลเต็มไปด้วยเหงื่อ
“ไท่จื่อโปรดลงโทษหม่อมฉันด้วยเพคะ เฉินเซี่ยไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุการณ์จะพลิกผันเช่นนี้ เฉินเซี่ยสั่งให้คนนำตัวอ๋องอวี้ไปไว้ในห้องนั้นแล้ว อีกทั้งเฉินเซี่ยยังสั่งให้ลงกลอนห้องนั้นเอาไว้เพื่อมิให้เสียเรื่อง”
ชายารองตู๋กูสบถพึมพำในใจ
มีเพียงขนมยู่ลู่เกิงของหลงเทียนอวี้เท่านั้นที่ถูกใส่ยาสลบเอาไว้
แม้จะมีคนช่วยเขาออกไปได้ แต่ฤทธิ์ของยาก็ใช่จะหายไปได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้
เหตุใดฮูหยินอันจึงปรากฏตัวที่นั่น? ตกลงเกิดข้อผิดพลาดตั้งแต่ตรงไหน?
ดวงตางดงามกวาดสายตาไปทั่วทั้งห้องโถงงานเลี้ยง
สายตาหยุดลงบริเวณตำแหน่งที่ว่างเพียงหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะมองอย่างไร ชายาอวี้ก็น่าสงสัยที่สุด
“เอาล่ะ ข้าไม่ต้องการคำอธิบายจากเจ้า เรื่องนี้พอแค่นี้ก่อน ข้าอยากให้เจ้าไปตรวจสอบดูว่ามีใครในจวนได้ติดต่อกับคนน่าสงสัยภายนอกบ้าง”
เขาพยักหน้าลง ชายารองตู๋กูก็ปิดปากสนิท
แม้ชายาอวี้จะเป็นผู้แก้ไขสถานการณ์จริง แต่เชื่อว่าจวนแห่งนี้จะต้องมีหนอนบ่อนไส้อยู่อย่างแน่นอน
หากนางไม่อยากสูญเสียความรักและเอ็นดูของไท่จื่อ นางจะต้องลากคอคนผู้นั้นออกมาให้จงได้
หลงเทียนอวี้กลับไปนั่งที่ตำแหน่งของตนเอง เพิกเฉยต่อสายตาทิ่มแทงที่มองมาของไท่จื่อ
หากวันนี้เขากลายเป็นผู้แพ้และคนที่นอนอยู่บนเตียงคือตนเองขึ้นมา เรื่องการถูกบีบให้แต่งงานกับหมิงเยว่นับว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาจะต้องมีรอยด่างพร้อยไปตลอดชีวิต
คิดจะใช้วิธีนี้จัดการเขา ไท่จื่อใจร้อนเกินไป
“น้องสาม เจ้าหายจากอาการเมาแล้วใช่หรือไม่? ”
ไท่จื่อแสร้งเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ทั้งที่ในใจอยากจะกำจัดเขาคนนี้แทบตาย
“ทูลไท่จื่อ ไม่มีปัญหาอะไรแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หากหลงเทียนอวี้ยังไม่รู้ว่ายาสลบถูกใส่ไว้ในยู่ลู่เกิง นั่นแสดงว่าเขาโง่เกินเยียวยา
“เช่นนั้นก็ดี ต่อจากนี้ไปอย่าได้ทำอะไรเกินกำลัง”
ดวงหน้าหล่อเหลากัดฟัน เอ่ยประโยคนี้ออกมา
ไท่จื่อชำเลืองสายตาเย็นชาไปทางหลงเทียนอวี้ ก่อนจะหันหน้ากลับไม่พูดสิ่งใดอีก
“พ่ะย่ะค่ะ เฉินตี้น้อมรับคำชี้แนะจากไท่จื่อ”
ถูกต้อง ต่อจากนี้ไปเขาจะเลิกใจกว้างและติดกับของไท่จื่ออีกต่อไปแล้ว
บรรยากาศในงานเลี้ยงเป็นไปอย่างน่าอึดอัด ไม่นาน ไท่จื่อก็อ้างว่าเหนื่อย ก่อนจะกลับไป
ชายารองตู๋กูอยู่รับแขกเพียงผู้เดียว ใบหน้ายิ้มแย้ม ไร้ซึ่งพิษสงใดๆ
ยากกว่างานเลี้ยงจะจบลงอย่างสมบูรณ์ ยังไม่ทันที่ชายารองตู๋กูจะส่งแขกจนหมด นางก็รีบกลับไปยังด้านหลังจวนทันที
ทว่า ระหว่างทางที่หลงเทียนอวี้กลับจวน เขาได้ยินแขกที่เพิ่งตื่นจากอาการเมาและออกมาพร้อมกับคนรับใช้ที่ห้องพักหลังจวนเล่าว่า พวกเขาได้เห็นองค์หญิงหมิงเยว่ที่เพิ่งฟื้นจากอาการเมาเหล้า เดินออกมาจากห้องของไท่จื่อ
แววตาชื่นชมปรากฏขึ้นในดวงตาของหลงเทียนอวี้
ดูซิ พระชายาของเขายอดเยี่ยมมากขนาดไหน แม้แต่การเอาคืน ก็ทำให้เขาแล้ว
หมิงเยว่ ไท่จื่อ ไม่ว่าจะมีเสียงเล่าลือมากมายขนาดไหน แต่ดูเหมือนทุกเรื่องเล่าก็ยังไม่ชัดเจน
ผู้ร่วมงานเลี้ยงของไท่จื่อในจวนอวี้มีเพียงสามคน แต่ทว่าคนที่กลับมามีเพียงสองคนเท่านั้น
เวลายามค่ำคืนอันแสนยาวนานผ่านพ้นไป รุ่งสางของวันถัดมา ข่าวซุบซิบนินทาเรื่องในจวนของไท่จื่อกระฉ่อนไปทั่วทั้งเมือง
หลินเมิ้งหยาที่นอนหลับสนิทตลอดคืนรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเป็นอย่างมาก นางลุกขึ้นมานั่งกินอาหารเช้าที่โต๊ะอาหาร
“ดูจากรอยยิ้มของท่าน หรือว่าท่านเก็บทองได้? ”
หลินเมิ้งหยากัดเสี่ยวหลงเปา หยักยิ้มซุกซนขณะมองหน้าเปื้อนยิ้มของป๋ายจื่อ
“ข้ามิได้เก็บทองได้หรอก แต่ข้าได้ยินมาว่าเมื่อคืนองค์หญิงหมิงเยว่ผู้จิตใจงดงามมิได้กลับจวนทั้งคืน”
ป๋ายจื่อมิรู้เรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เรื่องซุบซิบนินทาในจวน มิเคยเล็ดลอดจากหูของนางไปได้
สบตากับป๋ายจื่อ หลินเมิ้งหยาหัวเราะ
นางสั่งให้เอาตัวองค์หญิงหมิงเยว่ไปไว้ในห้องของไท่จื่อ อีกทั้งยังจัดแจงเรื่องผู้เห็นเหตุการณ์เองกับมือด้วย
ชิงหูมีความสามารถโดดเด่น ดังนั้นเขาจึงวางกับดักเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คนอื่นได้เห็นว่าองค์หญิงหมิงเยว่ออกจากห้องของไท่จื่อทั้งที่เสื้อผ้ายังใส่ไม่เรียบร้อย
ทั้งที่เพิ่งจะถูกนางสนมสวมเขา แต่ไท่จื่อกลับมาเสพสังวาสกับองค์หญิงหมิงเยว่
คราวนี้ ไท่จื่อจะได้กลายเป็นคนดังแห่งต้าจิ้นของจริง!
“จริงสิ ทางฝั่งพระสนมเต๋อเฟยรู้เรื่องนี้หรือยัง? ”
หลินเมิ้งหยาหันไปทางป๋ายจี หลังจากกลับจวนมา น้าจิ่นเยว่มักนำข่าวภายในมาบอกผ่านทางป๋ายจีเสมอ จากนั้นป๋ายจีจะส่งข่าวให้นางฟังอีกที
ป๋ายจีรีบพยักหน้าลง หยักยิ้มก่อนจะเอ่ย
“แน่นอนเจ้าค่ะ พระสนมเต๋อเฟยที่ตื่นแต่เช้าตรู่ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาของพวกสาวใช้โดยบังเอิญ”
น้าจิ่นเยว่เป็นคนระมัดระวัง นางรู้ว่าเรื่องไหนควรพูดเรื่องไหนมิควรพูด
ดังนั้น พระสนมเต๋อเฟยจึง “บังเอิญ” ได้ยินเรื่องนี้เข้า
พระสนมเต๋อเฟยเป็นคนรักษากฎระเบียบและธรรมเนียมประเพณีอย่างเคร่งครัด หญิงสาวยังมิออกเรือนแต่ไม่กลับบ้านทั้งคืน อีกทั้งยังเดินดุ่มๆ ออกจากห้องนอนของชายที่ไม่รู้จัก
เกรงว่า เรื่องที่อยากให้องค์หญิงหมิงเยว่เข้ามาเป็นชายารองของหลงเทียนอวี้คงถูกหยุดไว้แต่เพียงเท่านี้แล้ว
“ดี ข้าไม่ได้เข้าไปถวายคำนับหมู่เฟยนานแล้ว ไปกันเถิด พวกเราไปที่ตำหนักหยาเสวียนกัน”
พาสาวใช้ทั้งสี่ออกเดิน นานแล้วที่หลินเมิ้งหยามิได้หยักยิ้มมีชัยเช่นนี้
นางเก็บซ่อนความเสียใจเอาไว้ภายใน ความแค้นของพี่เยว่ถิงจะต้องถูกชำระ
ทาสในจวนล้วนมองทางพระชายาด้วยแววตาสงสัย
มิใช่ว่าพระชายาเสียใจจนหมดอาลัยตายอยากกระนั้นหรือ แต่เห็ตุใดจึงออกจากตำหนักหลิวซิน?
ทว่า นอกจากรูปร่างที่ผอมลง ร่างกายของพระชายาน่าจะหายดีเป็นปกติแล้ว
ตำหนักหยาเสวียนถูกเก็บกวาดสะอาดสะอ้าน ทันทีที่หลินเมิ้งหยาเดินผ่านประตูเข้าไป น้าจิ่นเยว่ก็รีบเข้ามาต้อนรับ
“หนู่ปี้ถวายคำนับพระชายา”
แม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะมิเหมือนเจ้านายและสาวใช้ธรรมดา
แต่ถึงกระนั้นจิ่นเยว่ยังคงเจียมตัวอยู่เสมอ
“น้าจิ่นเยว่รีบลุกขึ้นเถิด ก่อนหน้านี้ร่างกายของข้าไม่แข็งแรง ดังนั้นจึงมิได้มาถวายคำนับหมู่เฟย เกรงว่าหมู่เฟยคงจะกริ้วข้าแล้ว”
หลินเมิ้งหยาแสดงเพียงความสนิทสนมเล็กน้อยกับจิ่นเยว่
ทั้งสองมิได้แสดงออกมากมายนัก อีกทั้งบทสนทนายังปกติธรรมดา
จิ่นเยว่รีบส่ายหน้า ส่งเสียงเบา
“เหนียงเหนียงไม่โกรธหรอกเพคะ เพียงแค่มีอาการไอเท่านั้นในตอนเช้า”
กว่าพระสนมเต๋อเฟยจะหาชายารองที่เหมาะสมมาได้มิใช่เรื่องง่ายเลย ทว่าจู่ ๆ ก็เกิดเรื่องไม่น่ายินดีเช่นนี้เข้า
เกรงว่า พระสนมเต๋อเฟยจะต้องโกรธแทบตายอย่างแน่นอน
“เมื่อหลายวันก่อนป๋ายจีทำยาแก้ไอด้วยตนเอง ยาตัวนี้แก้อาการไอได้ชะงัดนัก ป๋ายจี รีบกลับไปนำยานี้มาถวายเถิด”
“เจ้าค่ะ”
หลินเมิ้งหยากับจิ่นเยว่สบตากัน ทั้งคู่เข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ
นี่เป็นโอกาสอันดีในการกำจัดองค์หญิงหมิงเยว่
คิดจะเข้ามาแทนที่นาง เช่นนั้นนางจะตัดหนทางเดินของหมิงเยว่เอง
กระถางกำยานทองสัมฤทธิ์ทรงกลมมีควันลอยออกมาเล็กน้อย
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ฟุ้งกระจาย เหมาะกับบรรยากาศเงียบสงบในตำหนักยิ่งนัก
ด้านหลังผ้าม่านรอบเตียง พระสนมเต๋อเฟยบรรทมอยู่บนเตียง
ใบหน้างดงามบิดเบี้ยวเล็กน้อยเพราะอาการปวดศีรษะ
นางกำนัลที่อยู่ข้างกายนวดท่อนขาเรียวสวยของนาง แต่ถึงกระนั้นนางกลับมิรู้สึกผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย
กลิ่นหอมของไม้จันทน์ค่อย ๆ หายไป แต่กลับมีกลิ่นหอมเย็นสบายเข้ามาแทนที่
ตอนแรกที่ได้กลิ่นแทบจะไม่รู้สึกอันใด แต่เมื่อยิ่งสูดดม สติสัมปชัญญะกลับยิ่งชัดเจนมากขึ้น
“ออกไปเถิด ข้าจะดูแลเหนียงเหนียงเอง”
เสียงอ่อนโยนอันแสนคุ้นเคยดังขึ้น พระสนมเต๋อเฟยตั้งใจปิดตาสนิท
ฝ่ามือนุ่มนิ่มส่งความรู้สึกอบอุ่นออกมา นวดคลึงบริเวณหน้าผากและท้ายทอย
นวดคลึงแก้อาการบริเวณที่เจ็บปวด ไม่นานความเจ็บปวดก็จางหายไป
กอปรกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่นานพระสนมเต๋อเฟยก็หลับสนิท
กว่าจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลากลางวัน
ลืมตามองไปรอบห้อง นอกจากจิ่นเยว่และพวกนางกำนัลแล้ว นางไม่เห็นร่างของหลินเมิ้งหยา
“เหนียงเหนียง ตื่นแล้วหรือเพคะ พวกเจ้ารีบเข้ามา พยุงเหนียงเหนียงลุกขึ้น”
จิ่นเยว่รีบออกคำสั่ง พระสนมเต๋อเฟยมิได้หลับสนิทเช่นนี้นานมากแล้ว ดังนั้นอารมณ์ของนางจึงดีขึ้นมาก
“หย๋าเอ๋อร์เล่า? ”
แม้หมิงเยว่จะดีขนาดไหน แต่นางก็มิมีความเอาใจใส่ดั่งเช่นหย๋าเอ๋อร์
ทุกครั้งที่เจ็บป่วย หย๋าเอ๋อร์สามารถแก้อาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ของนางได้เสมอ