ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 6 บทที่ 161 ผีในงานเลี้ยง?
เมื่อเทียบกับชุดธรรมดาที่ผู้อื่นสวมใส่แล้ว ชุดสีแดงปักลายมังกรและหงส์ดูหรูหรากว่ามาก
หลินเมิ้งหยาและพระสนมเต๋อเฟยโค้งคำนับ
มองดูชายกระโปรงสีแดงซึ่งผู้สวมไม่ลังเลเลยที่จะเดินขึ้นไปข้างหน้า หัวใจของหลินเมิ้งหยาเกิดความสงสัย
เหตุใดไม่ว่าฮองเฮาจะปรากฏตัวที่ไหน นางจึงมักจะใส่ชุดชาววังแบบเต็มยศกันนะ?
“อืม ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถิด”
ฮองเฮาเดินไปนั่งยังตำแหน่งประธาน แล้วจึงเอ่ยเสียงเรียบ
คนที่คุกเข่าอยู่ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงแสดงความไม่พึงพอใจเลยแม้แต่น้อย
หลินเมิ้งหยาเข้าใจดี นี่เป็นวิธีช่วงชิงตำแหน่งจากพระสนมเต๋อเฟย
ไม่ว่าใครจะเป็นผู้จัดงานเลี้ยง ไม่ว่าพระสนมเต๋อเฟยจะเฉิดฉายมากขนาดไหน แต่คนที่จะนั่งอยู่บนตำแหน่งฮองเฮาได้ มีเพียงนางคนเดียวเท่านั้น
“ขอบพระทัยฮองเฮา”
ความครึกครื้นในตำหนักหลิวซินหายไป หัวใจของทุกคนหยุดนิ่ง
ฮองเฮามิได้มาร่วมงานตั้งแต่แรก แต่กลับมากลางคัน เรื่องนี้จะต้องมีตื้นลึกหนาบางอย่างแน่นอน
“เปิ่นกงได้ยินมาว่าชายาอวี้เป็นผู้จัดงานเลี้ยงในคราวนี้ขึ้น?”
ฮองเฮากวาดสายตามองดูท่าทางพึงพอใจของผู้มาร่วมงาน นางมิได้ชักสีหน้า แต่กลับส่งยิ้ม
“ทูลเหนียงเหนียง เฉินเซี่ยเป็นผู้จัดเองเพคะ หากมีสิ่งไหนไม่เหมาะสม เหนียงเหนียงได้โปรดลงโทษด้วย”
มิได้ถูกเชิญแต่กลับมาด้วยตนเอง หัวใจของหลินเมิ้งหยาพลันร้องเตือน
“ไม่เหมาะ? เปิ่นกงคิดว่าเหมาะสมยิ่งนัก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีเพียงครั้งนี้ที่เปิ่นกงรู้สึกว่าน่าสนใจ”
ฮองเฮาส่งเสียงชมเชย
ทว่าหลินเมิ้งหยารู้สึกว่ามันมิใช่เรื่องธรรมดา นางคงมิได้มาด้วยตัวเองเพียงเพื่อเอ่ยปากชมประโยคเดียว
“ขอบพระทัยเหนียงเหนียง เฉินเซี่ยซาบซึ้งใจมากเพคะ”
สีหน้าของฮองเฮายังคงเหมือนเดิม
บางทีอาจเพราะฮองเฮาอยู่ที่นี่ ดังนั้น พวกฮูหยินและคุณหนูจึงถอดหน้ากากออก
งานเลี้ยงสวมหน้ากากที่เคยครึกครื้นจึงเงียบลง
ใบหน้าของไท่จื่อประดับไว้ซึ่งรอยยิ้ม
“หมู่โฮ้ว เอ๋อร์เฉินรู้สึกว่าตนเองมิควรอยู่ในที่นั่งฝ่ายหญิง ท่านคิดว่าข้าไปที่ตำหนักของน้องสามดีกว่าหรือไม่?”
หลินเมิ้งหยารังเกียจสองแม่ลูกคู่นี้มากจนเกินจะพรรณนา
ทุกคนกำลังร่วมงานฉลองด้วยกันอย่างสนุกสนานครึกครื้น แต่อยู่ ๆ สองแม่ลูกคู่นี้ก็โผล่มาทำลายบรรยากาศ
ตอนนี้งานเลี้ยงจึงไม่สนุกเหมือนเมื่อครู่ที่ผ่านมา
“อืม ไปเถอะ”
สีหน้าของฮองเฮามิได้แสดงออกถึงความอารมณ์ดีหรือพึงพอใจ
ราวกับว่านางมิได้ใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ป๋ายจียกน้ำชามาให้ ฮองเฮาชำเลืองมองนางเล็กน้อย ก่อนจะจิบชาด้วยท่วงท่าสง่างาม
ทุกคนแทบยืนไม่อยู่ แม้แต่จะนั่งก็ไม่กล้า
ได้แต่ชะงักอยู่กับที่ หัวใจเต้นกระตุก
หากฮองเฮาจำพวกนางขึ้นมาได้ เกรงว่าจะต้องแย่แน่นอน
“ทำไมยืนอยู่เช่นนี้เล่า เปิ่นกงเห็นพวกเจ้าเล่นทายปริศนากันอย่างสนุกสนาน พวกเจ้าทายกันต่อไปเถิด เปิ่นกงเองก็มาเพื่อร่วมสนุกกับพวกเจ้าด้วย”
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ฮองเฮาจึงเอ่ย
ทว่าแขกฝ่ายหญิงเหล่านั้นยังคงหยุดยืนอยู่กับที่ ไม่มีใครกล้าส่งเสียง
“โหยว?? โอ้ หรือเปิ่นกงทำให้พวกเจ้าตกใจ ช่วยไม่ได้ เปิ่นกงเพียงแค่ต้องการร่วมสนุกเท่านั้น หากทำให้พวกเจ้าอารมณ์ไม่ดีก็ต้องขอโทษด้วย”
“ฮองเฮาตรัสเกินไปแล้วเพคะ”
พระสนมเต๋อเฟยรีบแก้ไขสถานการณ์ นางกับฮองเฮาเปิดศึกกันมานาน ดังนั้นจึงรู้จักฮองเฮาดีที่สุด
หากไม่ทำตามสิ่งที่ฮองเฮาต้องการ เกรงว่าอาจจะเกิดหายนะเอาได้
“หยาเอ๋อร์ เจ้าออกไปก่อน ที่นี่มีข้าเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้ว”
พระสนมเต๋อเฟยเบนตัวหลินเมิ้งหยาออก พร้อมส่งสายตามุ่งมั่น
นางเป็นศัตรูกับฮองเฮามานาน หากยังปล่อยให้หลินเมิ้งหยาอยู่ที่นี่ เกรงว่าจะมิใช่เรื่องดี
แต่ในเมื่อที่นี่มีนางอยู่ ด้วยสถานะของนาง ฮองเฮาต้องไม่กล้าทำอะไรอย่างแน่นอน
“เพคะ หมู่เฟยระวังตัวด้วยนะเพคะ”
หลินเมิ้งหยารู้สึกเป็นกังวล
ตอนแรกมีคนแพ้ยา ตอนนี้ฮองเฮากับไท่จื่อยังปรากฏตัวที่นี่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางรู้สึกได้ถึงกลิ่นของความผิดปกติ
พระสนมเต๋เฟยพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปพูดคุยกับฮองเฮา
หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจไปดูสถานการณ์ที่ตำหนักฉินหวู่
นางหลบอยู่ที่มุมหนึ่ง หลินเมิ้งหยาจึงได้เห็นบรรยากาศในตำหนักฉินหวู่ที่ไม่ต่างอะไรจากตำหนักหลิวซิน
แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือมิรู้ว่าไท่จื่อเป็นอะไร เขาจึงแสดงท่าทีเย็นชาและไม่พูดกับหลงเทียนอวี้เลยแม้แต่น้อย
อีกทั้งยังตำหนิคนที่มาร่วมงานอย่างเปิดเผย
นี่คือความแตกต่างระหว่างไท่จื่อและฮองเฮา คนหนึ่งโอ้อวดอำนาจของตนเองอย่างชัดเจน ส่วนอีกคนฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น
สิ่งเดียวที่ทั้งคู่มีเหมือนกันก็คือมิมีใครรู้สึกชื่นชอบพวกเขา
“เจ้าเด็กน้อย ข้ามาแล้ว”
ขณะที่หลินเมิ้งหยาพยายามคิดหาวิธีทำลายบรรยากาศขมุกขมัว อยู่ๆ ชิงหูก็เข้ามาคว้าแขนนาง
ในจังหวะที่ไม่มีใครมองเห็น หลินเมิ้งหยาถูกชิงหูพาไปยังห้องเล็กด้านหลังสวน
“เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำไม?”
หลินเมิ้งหยากระซิบถามเสียงเบา หลินเมิ้งหยาเอ่ยถาม
ชิงหูกลับส่งสัญญาณมือให้หลินเมิ้งหยาเงียบลง ก่อนที่ทั้งคู่จะแฝงกายในความมืด
ลืมตาโต มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าทั้งหมด
เพียงไม่นานนางก็ได้เห็นผู้หญิงสวมใส่เสื้อคลุมสีดำแอบเดินเข้าไปในห้องตรงหน้า
หลินเมิ้งหยาหรี่ตาลง แม้จะมีความมืดบดบังแต่นางยังคงจดจำลักษณะของหญิงสาวคนนั้นได้อย่างชัดเจน
เจียงหรูฉิน!
“ออกมาเถิด ข้ามาแล้ว เจ้าจะแอบอยู่ที่นั่นทำไมกัน?”
หัวใจของหลินเมิ้งหยากระตุกระรัว คิดว่าตนเองกับชิงหูถูกจับได้แล้ว
แต่ยังไม่ทันที่นางจะเคลื่อนไหว นางกลับได้เห็นเงาสูงโปร่งปรากฏขึ้นภายใน
“คุณหนูเจียงมีไหวพริบยิ่งนัก เช่นนั้นข้าจะไม่พูดจาอ้อมค้อม เรื่องที่เจ้าบอกให้ข้าทำ ข้าทำเรียบร้อยแล้ว ไม่ทราบว่าคุณหนูเจียงยังมีอะไรต้องการให้ทำอีกหรือไม่?”
หัวใจของหลินเมิ้งหยาเต้นเร็วขึ้นกว่าเดิม ทั้งลักษณะการพูด น้ำเสียง เห็นได้ชัดว่าเป็นของหญิงสาวที่เพิ่งจะมีข่าวดังไปทั่วทั้งเมือง
องค์หญิงหมิงเยว่?
เหตุเพราะเรื่องฉาวโฉ่ของนาง ดังนั้นฮ่องเต้หมิงจึงมิได้ส่งใครมาร่วมงานเลี้ยงในวันนี้
เหตุใดนางจึงปรากฏตัวที่นี่? อีกทั้งยังติดต่อกับเจียงหรูฉิน?
“ตอนแรกข้าคิดว่าฮองเฮากับไท่จื่อจะไม่มา วางใจเถิด ข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว คราวนี้นังแพศยาคนนั้นจะไม่มีทางหนีรอดได้อีก”
คำพูดของเจียงหรูฉินแฝงไว้ซึ่งความเกลียดชัง
หลินเมิ้งหยาเข้าใจในทันที เพราะเหตุนี้ช่วงที่ผ่านมาเจียงหรูฉินจึงแสดงท่าทางอ่อนแอต่อหน้านาง ที่แท้นางก็ต้องการทำร้ายตนเอง!
“เช่นนั้นก็ดี หลินเมิ้งหยาสมควรตาย นางทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของข้า นางทำให้ข้ากลายเป็นตัวตลกของคนทั้งเมือง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แผนที่พวกเราวางเอาไว้ก็จะไม่เสียเปล่า”
หมิงเยว่เกลียดชังหลินเมิ้งหยามาก นับตั้งแต่ตอนที่นางฟื้นขึ้นมาและพบว่าตนเองอยู่ในห้องของไท่จื่อ นางรู้ได้ทันทีว่าตนเองติดกับดักเข้าให้แล้ว
หากมิใช่เพราะหลินเมิ้งหยา ป่านนี้นางกับหลงเทียนอวี้คงได้ครองคู่กัน บางทีนางอาจจะได้เป็นชายารองของหลงเทียนอวี้ไปแล้ว
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหลินเมิ้งหยา! เป็นเพราะนังแพศยาคนนี้คนเดียว!
“แต่ยังมีอีกเรื่องที่ข้าประหลาดใจ เจ้ากับไท่จื่อมีความสัมพันธ์กันอยู่ ต่อให้เจ้าทำลายหลินเมิ้งหยาได้ แต่ก็มิได้หมายความว่าเจ้าจะเข้ามาเป็นชายาเอกของพี่เทียนอวี้ได้อีก เหตุใดเจ้าจึงช่วยข้าเล่า?”
ดูเหมือนเจียงหรูฉินจะไม่ได้โง่อย่างที่คิด
แต่คำตอบของหมิงเยว่กลับเจ้าเล่ห์มากกว่า
“แม้ข้าจะมิอาจเป็นชายารองของเขาได้ แต่ข้าเกลียดหลินเมิ้งหยา หากนางยังมีชีวิตอยู่ ข้าคงมิอาจใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้! เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่มีวันทำร้ายเจ้าหรืออ๋องอวี้”
มีเพียงผีสางเท่านั้นจึงจะเชื่อคำพูดของหมิงเยว่ ผู้หญิงที่ร้ายกาจเสียยิ่งกว่างูพิษจะจิตใจดีเช่นนั้นได้อย่างไร
หลินเมิ้งหยาพยายามอดทนมิพุ่งตัวออกไป สายตาจ้องมองทั้งสองก่อนจะเริ่มครุ่นคิด
“เจ้าพูดมีเหตุผล แต่ถึงกระนั้นข้าก็ยังมิอาจเชื่อใจเจ้าได้ แต่เจ้าจงจำเอาไว้ หากเรื่องนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี หลินเมิ้งหยาถูกกำจัด แต่ถ้าเจ้าดึงพี่เทียนอวี้ไปเกี่ยวข้อง ข้าจะเปิดโปงเจ้า เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าอย่าได้โกรธที่ข้าไม่ไว้หน้าเจ้าก็แล้วกัน”
หลินเมิ้งหยาเกือบจะร้องไห้ออกมาหลังจากได้เห็นความฉลาดของเจียงหรูฉิน
นี่นางมองไม่ออกอย่างนั้นหรือว่าหมิงเยว่จะตลบหลังนางอย่างแน่นอน?
คิดหรือว่าจะเป็นพันธมิตรกับศัตรูได้ง่ายๆ เพราะเหตุนี้หมิงเยว่จึงจะทำร้ายนางอย่างไรเล่า
ทว่าตกลงแล้วพวกนางวางแผนอะไรอยู่กันแน่?
หลินเมิ้งหยาจับตามองหญิงสาวทั้งสอง เผื่อว่าพวกนางจะเปิดเผยแผนการออกมา
น่าเสียดายที่นางไม่มีโอกาสล่วงรู้ถึงแผนการนั้น
ทั้งสองซุบซิบกันอีกสองสามประโยคก่อนจะแยกย้าย
ดูเหมือนพวกนางจะระมัดระวังมากเป็นพิเศษ
“เจ้าเด็กน้อย ให้ข้าจับพวกนางแล้วเค้นเอาความลับออกมาดีหรือไม่?”
นัยน์ตาของชิงหูเผยให้เห็นความเย็นชา
นังผู้หญิงสองคนนี้บังอาจนัก กล้าคิดทำร้ายเจ้าเด็กน้อยของเขาอย่างนั้นหรือ ดูเหมือนจะไม่อยากมีชีวิตอยู่อย่างนั้นสินะ
“อย่าเพิ่งกระโตกกระตากไปเลย ตอนนี้พวกเรายังไม่รู้ว่าพวกนางวางแผนอะไรเอาไว้ กลับกันก่อนเถิด ข้าคิดว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับพวกที่มาสร้างความวุ่นวายนั่นอย่างแน่นอน”
ชิงหูพยักหน้า พาหลินเมิ้งหยากลับไปยังตำหนักหลิวซิน
เพราะมีพระสนมเต๋อเฟยอยู่แก้ไขสถานการณ์ ดังนั้นเกมทายปริศนาจึงดำเนินต่อไป
หลินเมิ้งหยาแฝงตัวอยู่ในกลุ่มคน
กลับไปยังห้องของตนเอง สาวใช้ทั้งสี่ตื่นเต้นมาก แต่ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเป็นปกติ
แม้แต่หลินเมิ้งหยายังอดสงสัยไม่ได้ว่าเมื่อครู่พวกนางได้ยินผิดไปหรือไม่
คิดไม่ถึงเลยว่า ตอนนี้เองที่เสียงร้องเสียงหนึ่งแผดดังขึ้น ก่อนจะดึงดูดความสนใจจากทุกคนไปจนหมด
“แย่แล้ว แย่แล้ว ผี…มีผี”
หลังจากเสียงร้องดังขึ้น ผอจื่อคนหนึ่งวิ่งตะลีตะลานออกมาจากห้องแห่งหนึ่ง
หลินเมิ้งหยารีบพุ่งตัวออกไปด้านนอก แต่กลับสั่งให้สาวใช้อยู่ที่เดิม
“อาจมีคนอาศัยความชุลมุนก่อเรื่องอันใดขึ้นมาได้ ป๋ายซู เจ้าจงคุ้มครองพวกนางให้ดี”
ป๋ายซูพยักหน้าลง ท่ามกลางสายตากังวลทั้งสี่คู่ หลินเมิ้งหยาเข้าไปอยู่ในกลุ่มฝูงชนเพื่อลอบฟังเหตุการณ์
หลังจากผอจื่อโผล่ออกมา นางล้มลงบนพื้น สีหน้าซีดเผือด
“ในห้อง ในห้องมีผี มีผี! ฮูหยิน…ฮูหยินนางถูกผีฆ่าตาย!”
หลินเมิ้งหยาสบถในใจ ขณะที่คิดจะเข้าไปข้างใน นางกลับเห็นผู้หญิงคนหนึ่งพุ่งตัวออกมา
“แย่แล้ว แย่แล้ว! ฮูหยินของหวังฮั่นหลินถูกผีสิง!”