ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 9 บทที่ 244 ไหว้พระขอพร
หลินเมิ้งหยาลอบหัวเราะหยันในใจ ดูเหมือนทั้งสองคนจะถูกฮองเฮาซื้อตัวไว้แล้ว พวกนางเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งก็เท่านั้น เมื่อหลินเมิ้งหยากลับกลายเป็นฝ่ายชนะ พวกนางคงไม่วายถูกฮองเฮากำจัดทิ้งเป็นแน่
มีดที่ถูกใช้การไปแล้ว จะมีใครอยากเก็บไว้ใกล้ตัว?
“แต่คนที่ถูกใส่ร้ายคือชายาอวี้ เช่นนั้นเปิ่นกงเห็นว่าเรื่องนี้ควรให้ชายาอวี้เป็นผู้จัดการ”
ฮองเฮายังคงเป็นคนที่มีอำนาจสูงสุด เพียงประโยคเดียวก็มอบอำนาจในการลงโทษให้แก่หลินเมิ้งหยา
เหตุเพราะหลินเมิ้งหยาเป็นผู้เสียหาย ดังนั้นการมอบเรื่องนี้ให้นางเป็นผู้จัดการจึงเป็นเรื่องเหมาะสม
หากกระทำเช่นนี้ ฮองเฮาจะได้รับชื่อเสียงด้านความยุติธรรม ซ้ำยังหลุดพ้นจากข้อสงสัย
แต่น่าเสียดาย คนที่นางต้องเจอกลับเป็นคนที่รับมือได้ยากอย่างหลินเมิ้งหยา
เหล่าพระญาติสนิทต่างมีแผนในใจ
การที่ฮองเฮากระทำการเช่นนี้ แสดงว่านางมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม แม้ช่วงนี้พวกเขาจะไม่พึงพอใจในการควบคุมของนางอยู่บ้าง แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สบโอกาสตอบโต้นางกลับ ดังนั้นจึงตกเป็นเบี้ยล่างให้นางเสมอ
ดังนั้นสายตาของทุกคนจึงพุ่งตรงไปทางหลินเมิ้งหยา
แต่กลับได้เห็นชายาอวี้ยังคงคุกเข่าอยู่ที่เดิม ก้มหน้า ไม่กล่าวอะไร
“ชายาอวี้ ไม่รู้ว่าเจ้าคิดเห็นเช่นไร?”
หลังจากได้ยินคำถามของอ๋องฉงซาน หลินเมิ้งหยาเงยหน้าขึ้น ดวงตาเปล่งประกายราวกับหยดน้ำคู่นั้นแสดงออกถึงความอ่อนโยน ผิดกับฮองเอาที่มักวางอำนาจยกตนข่มท่าน
“หลานสะใภ้เติบโตอยู่ในเรือนของตนเอง แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยรู้จักกับหยุนซือฝูและผู้ดูแล แต่เพราะเหตุใดจึงถูกทั้งสองประสงค์ร้ายเอาได้? ยิ่งไปกว่านั้น ชุดทางการถูกตัดเย็บขึ้นจากห้องตัดเย็บของฝ่ายใน ซ้ำยังต้องได้รับการตรวจสอบจึงจะส่งมาที่จวนได้ หม่อมฉันจึงคิดว่าเรื่องนี้จะต้องมีผู้บงการอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอนเพคะ”
หลินเมิ้งหยาคงไว้ซึ่งท่าทางสุขุม นางมิได้มีท่าทีเสมือนคนกำลังแผดเผาคนเหล่านี้ให้มอดไหม้
กลับกันคนเหล่านั้นอยากผลักนางให้จมน้ำเสียเหลือเกิน การเมตตาคนเหล่านี้ไม่ต่างอันใดจากการทำให้ตนเองยิ่งน่าสงสาร
“เรื่องที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล ฮองเฮาเหนียงเหนียง พระองค์ดูแลวังหลังมานานหลายปี คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หากปล่อยผ่านในคราวนี้ เกรงว่าจะส่งผลกระทบกับพระองค์ได้ เช่นนั้นพวกเรามาทำการตรวจสอบกันเถิด หนึ่งเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของชายาอวี้ สองเพื่อกำจัดเสี้ยนหนามในวังหลัง จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก”
อ๋องหลีซานให้ความร่วมมือกับพี่น้องของตนเองเป็นอย่างดี ทั้งสองกำลังร่วมมือกันเพื่อบีบฮองเฮาให้ตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่าง
ความเกลียดชังพวกเขาทั้งสองพลันปรากฏขึ้นในหัวใจของฮองเฮา
ตอนที่ฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์ ทั้งสองคนซึ่งเป็นขุนนางเก่าอ้างว่าสุขภาพของพวกเขาไม่ดี ดังนั้นจึงไม่อาจรับตำแหน่งสำคัญใดๆ ได้ ก่อนจะขอเดินทางออกนอกชายแดน
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงฮ่องเต้ประชวรติดเตียง พวกเขาจะอ้างว่าได้รับพระราชโองการจึงรีบกลับมา
การกลับมาของพวกเขาทำให้นางกับไท่จื่อไม่อาจตัดสินใจได้อย่างเต็มที่
แม้แต่วันนี้นางก็จงใจเชิญพวกเขามาเพื่อทำให้หลินเมิ้งหยาพ่ายแพ้หมดท่า
แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะโดนพวกเขาหักหลังเช่นนี้!
ดวงตาคมกริบดั่งหงส์หรี่เล็กลง หลังจากแสดงท่าทางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงเอื้อนเอ่ยออกมา
“เช่นนั้นเรื่องนี้ให้ทำตามที่ท่านอ๋องทั้งสองรับสั่งเถิด หยุนซือฝู ฮวงกงกง พวกเจ้าจะต้องช่วยเหลือพวกท่านอ๋องให้ดี เข้าใจหรือไม่?”
ฮองเฮาในเวลานี้เสมือนคนกำลังรอชมอะไรสนุกๆ บนโลกใบนี้ไม่มีคำว่าแพ้สำหรับนาง เหตุเพราะนางเตรียมการรับมือเอาไว้แล้ว
พวกเขาทั้งสองคิดจะปีนเกลียว แต่นั่นก็ต้องดูด้วยว่าเกลียวของพวกเขายืดยาวมาจนถึงนางหรือไม่!
“พ่ะย่ะค่ะเหนียงเหนียง”
ฮวงกงกงกลับยังมีท่าทีสงบนิ่ง อันที่จริงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา เขาเป็นเพียงผู้ถ่ายทอดคำสั่งแต่เพียงเท่านั้น
ขณะที่ฮองเฮาคิดจะหมุนตัวจากไป หลินเมิ้งหยากลับเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“คาดว่าเหนียงเหนียงอาจจะลืมเรื่องบางอย่างไป เมื่อครู่หม่อมฉันขอพระราชทานอนุญาตไปร่วมงานกราบไหว้บรรพบุรุษนะเพคะ”
ส่งเสียงอ่อนหวาน สีหน้าฮองเฮาเปลี่ยนไป
นี่…นางกำลังยั่วยุตนเองอยู่ใช่หรือไม่? หลินเมิ้งหยาคิดว่าตัวเองเป็นใครจึงคิดอยากไปเข้าร่วมงานกราบไหว้บรรพบุรุษ?
ในราชวงศ์ มีเพียงฮองเฮาที่อภิเษกสมรสอย่างถูกต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณีและไท่จื่อเฟยเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปร่วมงานได้
นางเป็นเพียงชายาองค์เล็กๆ แต่บังอาจคิดจะไปเข้าร่วมในงานพิธีเช่นนี้! บังอาจยิ่งนัก!
“เรื่องนี้คงไม่เหมาะสม เปิ่นกงเห็นว่าควรล้มเลิกไปก่อน หากบรรพบุรุษโกรธเกรี้ยวขึ้นมา เช่นนั้นต้าจิ้นจะประสบเภทภัยเอาได้ ชายาอวี้คงไม่อยากโดนคำครหาจากราษฎรใช่หรือไม่?”
ฮองเฮาผู้สง่างามกลับพลิกลิ้น
ท่านอ๋องทั้งสองเริ่มรู้สึกถึงความไม่เหมาะสม
แน่นอนว่าการเข้าไปกราบไหว้บรรพบุรุษของชายาอวี้เป็นเรื่องไม่เหมาะสม หากนางยังคงดึงดันเข้าไปแล้วล่ะก็ เกรงว่าชายาอวี้จะต้องตกที่นั่งลำบาก
“หม่อมฉันน้อมรับคำสั่งสอนของเหนียงเหนียง แต่หม่อมฉันคิดว่าในเมื่อเหนียงเหนียงลั่นวาจาแล้วมิควรคืนคำ หากพระองค์กลับคำเช่นนี้ หม่อมฉันกลัวว่าเรื่องนี้จะถูกครหาเอาได้ เช่นนั้นเรื่องที่หม่อมฉันถูกใส่ร้ายก็จะยิ่งกลายเป็นเรื่องใหญ่ วันนี้หม่อมฉันสามารถไม่ไปเข้าร่วมงานพิธีในวัดได้ แต่หม่อมฉันอยากให้ฮองเฮารับปากกับหม่อมฉันว่าจะทรงพระราชทานอนุญาตหากหม่อมฉันมีเรื่องที่สามารถช่วยประเทศชาติบ้านเมืองและเหล่าราษฎรได้”
หลินเมิ้งหยาก้มหน้าลงด้วยท่าทางเคารพเชื่อฟัง แต่ในความเป็นจริงไม่มีใครล่วงรู้แผนการในใจของนาง
นางเดาไว้อยู่แล้วว่าฮองเฮาจะไม่ยอมปล่อยให้นางไปร่วมงานในวัดได้ง่ายๆ
นางเสนอข้อเรียกร้องนี้ขึ้นมาเพราะคิดอยู่แล้วว่าฮองเฮาจะกลับคำพูดของตนเองต่อหน้าธารกำนัล
จากนั้นนางจึงเปลี่ยนข้อเรียกร้องอีกครั้ง คราวนี้ฮองเฮาก็จะมิอาจปฏิเสธนางได้อีก
อ๋องทั้งสองเห็นความฉลาดเฉลียวของหลินเมิ้งหยา พวกเขามีแก่ใจที่อยากจะสนับสนุนนาง เหตุเพราะฮองเฮาเป็นฝ่ายใส่ร้ายนางก่อน
ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หากยังมิพูดอะไรออกไป เกรงว่าเรื่องนี้จะยังไม่จบง่ายๆ
ปรายตามองหลินเมิ้งหยา คำพูดกลับติดอยู่ที่ริมฝีปาก ไม่อาจเอ่ยสิ่งใดออกมา
ตอนแรกนางวางแผนเพื่อให้เด็กคนนี้ตกหลุมพราง แต่ใครจะรู้ว่าตนเองถูกหลินเมิ้งหยาวางกลอุบายซ้อนแผนตั้งแต่ต้น
อย่ามองผิวเผินเห็นว่านางเป็นเด็กกตัญญูรู้คุณเชียว เพราะว่าอันที่จริงนางมีแผนการมากมายอยู่ในใจ
“ได้ เปิ่นกงอนุญาต”
ทำประโยชน์แก่บ้านเมืองแก่ราษฎรอันใดกัน? ฮองเฮาไม่คิดหรอกว่านางจะมีแผนอันใดซ่อนอยู่อีก ตอนนี้เพียงแค่รับปากนางไปก่อน แต่ถึงกระนั้นนางก็จะทำให้หลินเมิ้งหยาลำพองใจไม่ได้นานนัก
เรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆ หรอก
“เช่นนั้นเรื่องนี้ขอให้พวกท่านอ๋องเป็นผู้จัดการแล้วกัน เปิ่นกงยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องไปจัดการ มิอาจปล่อยเวลาให้คลาดเคลื่อนได้ ฮวงกงกง เจ้าจงให้ความร่วมมือกับพวกเขา อย่าได้ทำให้เปิ่นกงผิดหวัง เข้าใจหรือไม่?”
“พ่ะย่ะค่ะ หนู่ฉายรับพระบัญชา”
ฮองเฮาเดินจากไป อันที่จริงสงครามในครั้งนี้มีผลเสมอกัน
หลินเมิ้งหยาไม่คิดรั้งฮองเฮาเอาไว้ ฮองเฮายังไม่อาจลงโทษนางได้ ดังนั้น หัวใจของหลินเมิ้งหยาจึงมิได้รู้สึกยินดียินร้ายแต่อย่างใด
“เข้ามา นำตัวพวกเขาไปขังไว้ จากนั้นรอคำสั่งจากพระชายา”
ฮวงกงกงออกคำสั่ง หลินเมิ้งหยามองดูคนทั้งสองที่ถูกทหารองครักษ์ลากตัวออกไป
พิธีการยังคงดำเนินต่อไป ตอนนี้ยังมิใช่เวลาเหมาะสมในการจัดการพวกเขา
หลินเมิ้งหยาไม่กลัวพวกเขาจะถูกเอาชีวิตระหว่างทาง เหตุเพราะหากพวกเขาตายไป คนที่น่าสงสัยที่สุดจะกลายเป็นฮองเฮาทันที
ไม่ว่าพวกเขาจะตายด้วยน้ำมือของใครก็มิใช่เรื่องรีบร้อนอันใด
“หลานสะใภ้ขอบพระทัยเสด็จอาทั้งสอง หากไม่มีพวกพระองค์ เกรงว่าวันนี้หม่อมฉันคงถูกใส่ร้ายไปแล้วเพคะ”
ทันทีที่ฮองเฮาเดินจากไป เหล่าพระญาติสนิทที่มีความสัมพันธ์อันดีกับฮองเฮาเองก็เดินตามไป
ดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงรีบเอ่ยขอบคุณท่านอ๋องทั้งสอง
อ๋องฉงซานและอ๋องหลีซานสบตากัน เห็นได้ชัดว่าทั้งสองกำลังส่งสายตาชื่นชมมาทางหลานสะใภ้คนนี้
ทั้งว่านอนสอนง่าย ฉลาดเฉลียวมีไหวพริบ นานมากขนาดไหนแล้วนะที่ไม่เคยเห็นคนแบบนี้?
“เจ้าต่างหากที่เป็นคนละเอียดรอบคอบ พวกเราเพียงแค่ช่วยสนับสนุนแต่เพียงเท่านั้น เด็กน้อย เจ้าอย่าได้มากพิธีไปเลย พวกข้ากับมู่จือล้วนเป็นเพื่อนกัน หากพวกข้ายังอยู่ เจ้าจะมิถูกรังแกง่ายๆ อย่างแน่นอน”
อ๋องหลีซานหัวเราะออกมา ขันทีคนสนิทเข้าไปประคองหลินเมิ้งหยา
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเช่นนี้เพคะ”
หลินเมิ้งหยาเคยได้ยินท่านพ่อพูดถึงเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
ล้วนกล่าวขานกันว่าท่านพ่อและฮ่องเต้เป็นสหายที่ร่วมกันต่อสู้จนสร้างเจียงซานแห่งต้าจิ้นขึ้นมาได้
เหตุเพราะเรื่องราวในคราวนั้น วันนี้ฮ่องเต้จึงได้นั่งครองบัลลังก์มังกร
ท่านพ่อเคยเล่าว่าตอนแรก นอกจากเขาแล้ว ฮองเต้ยังมีพี่น้องแท้ๆ อีกสองคนที่เป็นกองกำลังสนับสนุน ดูเหมือนทั้งสองคนนั้นจะเป็นสองคนนี้ไม่ผิดแน่
“เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้นี่แหละ แต่คนที่รู้เรื่องนี้ล้วนล้มหายตายจาก อีกทั้งยังเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างพวกข้ากับพ่อของเจ้าจึงไม่มีคนรู้เห็น การช่วยเหลือเจ้าอย่างลับๆ เช่นนี้ก็เกินขีดจำกัดของพวกเราแล้ว เฮ้อ พอฮ่องเต้ประชวร บ้านเมืองก็ล้วนวุ่นวายยุ่งเหยิงมิต่างอะไรจากการปล่อยให้แม่ไก่มาขันตอนเช้า”
ความกังวลของอ๋องฉงซานก็มิต่างอะไรจากความเจ็บปวดของอ๋องหลีซาน
หลินเมิ้งหยามองท่านอ๋องทั้งสองอย่างเป็นห่วง
อันที่จริงหลินเมิ้งหยารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของการดูถูกจากคำพูดที่ว่าแม่ไก่มาขันตอนเช้า แต่ฮองเฮาเป็นคนใจแคบ ไท่จื่อเองก็ไม่ได้เรื่อง หากราชสำนักตกอยู่ในมือของพวกเขาทั้งสอง เกรงว่าอีกไม่นานเจียงซานจะต้องล่มสลาย
รักษาท่าทางสุขุมเพื่อฟังความกังวลเกี่ยวกับชาติบ้านเมืองของทั้งคู่
หากนางพูดสิ่งที่ไม่สมควรพูดออกไป เช่นนั้นนางก็มิต่างอะไรจากเด็กไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน
“เฮ้อ เจ้าดูเถิด พออายุมากแล้วก็ชอบพูดจาเลื่อนเปื้อน ไปเถิด พวกเราไปทำพิธีกัน ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กหลงเทียนอวี้ทำบุญด้วยอะไร เหตุใดจึงมีพระชายาที่ฉลาดเฉลียวเช่นนี้”
อ๋องฉงซานรีบไล่ความกังวลออกจากแววตา เห็นได้ชัดว่าลูกสาวของสหายเก่าสามารถเอาชนะใจเขาได้แล้ว
หลินเมิ้งหยาพยักหน้า ก่อนจะเดินตามท่านอ๋องทั้งสองไป