ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything - Chapter 28 น้ำอมฤตลมปราณและหินลมปราณ
- Home
- ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything
- Chapter 28 น้ำอมฤตลมปราณและหินลมปราณ
“ระบบ ของที่ล้ำค่าที่สุดในสิบห้าเมตรนี้คืออะไร?” เฉินเฉินถามในหัวตัวเอง
“น้ำอมฤตลมปราณที่อยู่ในกล่องหน้าท่าน มันบรรจุพลังปราณไว้สองร้อยปี”
เมื่อได้ยินมัน เฉินเฉินมองไปที่ลูกประคำเทาในกล่องสุดท้าย
เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ ถึงแม้ว่าของในกล่องนี้จะดูธรรมดาทั่วไป มันยังล้ำค่าอย่างมาก มากยิ่งกว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นเสียอีก
“ของที่ล้ำค่าอันดับที่สองละ?”
“หินลมปราณระดับกลางที่อยู่ในกล่องด้านหน้าท่าน”
“ของล้ำค่าลำดับสามละ?”
“เกราะเบาทำพิเศษในกล่องที่อยู่ห่างออกไปทางซ้ายสองเมตร”
…
เฉินเฉินถามของแต่ละอย่าง แต่ระบบไม่ได้พูดถึงเหรียญตราอันเล็ก เขาจึงหยิบเหรียญตราออกมาจากกล่องและดูมันอย่างระมัดระวัง
เหรียญตราอันนี้มีเป็นตราที่มีรูปสัตว์สลักไว้ มันไม่มีคำอธิบายอะไร เฉินเฉินเดาว่ามันเป็นเหรียญตราที่มีความสำคัญอยู่
“หัวหน้าคนรับใช้เจา เจ้าขโมยของพวกนี้มาจากคนเดียวกันงั้นเหรอ? พวกเจ้าไปปล้นเซียนมางั้นเหรอ?” เฉินเฉินชี้ไปที่กล่องใบสุดท้ายและมองไปที่หัวหน้าคนรับใช้เจา
ไม่ว่าจะเป็นน้ำอมฤตหรือจะเป็นหินลมปราณก็ตาม ของเหล่านี้ไม่ใช่ของที่คนธรรมดาทั่วไปจะมีไว้ได้ แต่ถ้าเจาเบียวได้ปล้นมันมาจากเซียนแล้วละก็ ทำไมเขาถึงตายอย่างน่าสงสารแบบนั้นกัน?
หัวหน้าคนรับใช้เจายิ้มอย่างอายๆ เมื่อเขาได้ยินคำถาม
“ชายหนุ่มที่พวกเราปล้นไม่ใช่เซียนครับ แต่เขาเป็นชายที่มีความสามารถด้านวรยุทธ์ที่สุดยอดมาก ในครั้งนั้น พวกเรามีคนมากกว่าร้อยคนและม้า ภายใต้การรุมโจมตีของพวกเราแล้ว เขาก็ตายลงหลังจากที่สังหารพวกเราไปเกือบร้อยคน”
“ในภายหลัง เจาเบียวรู้สึกว่าเขาอาจจะไปยั่วยุคนที่เขาไม่ควรยั่วยุ เขาจึงได้มาซ่อนตัวที่มณฑลเสฉวนแห่งนี้”
เฉินเฉินขมวดคิ้วเมื่อได้ยินมัน ชายคนที่โดนปล้นไม่ใช่เซียน แต่ยังมีของเหล่านี้อยู่อีกงั้นเหรอ? เขาน่าจะเป็นศิษย์ของเซียนอย่างจางจี
แต่ครอบครัวของเขาคงจะยอดเยี่ยมกว่าจางจีมากมายหลายเท่า เขาน่าจะมีผู้อาวุโสในตระกูลของเขาที่เป็นเซียนและมันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงได้พกของล้ำค่าเหล่านั้นติดตัวไปด้วย
ในเวลาเดียวกัน เฉินเฉินก็ใส่เหรียญตราไว้ในกระเป๋าเสื้อของตัวเอง ก่อนที่จะหยิบหินลมปราณและน้ำอมฤตออกมาด้วย
หลังจากนั้นเขามองไปที่จางจีและพูดออกมา “น้องชาย ของในกล่องสุดท้ายเป็นของที่จำเป็นสำหรับการฝึกตน ข้าขอรับมันเอาไว้ สำหรับของในกล่องอื่นแล้ว เจ้าอยากได้อะไรก็เอาไปได้เลย”
“เมื่อเจ้าได้เริ่มต้นบนเส้นทางของการฝึกตนในอนาคตอย่างแท้จริงแล้ว ข้าจะหาทางตอบแทนเจ้าเอง”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ จางจีโบกมือพร้อมกับคำพูดที่จริงจังบนใบหน้า “พี่เฉิน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการตอบแทนเลยครับ ถ้ามันไม่ใช่เพราะท่านแล้ว ตระกูลจางของพวกเราคงจะถูกฆ่าล้างตระกูลไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของพี่นั่นแหละ”
ทั้งสองคนยังคงพูดคุยกันอย่างสุภาพ พวกเขาทั้งสองต่างตัดสินกันว่าจะไม่แตะต้องสมบัติที่เหลือ ทิ้งห้องลับนี้ไว้ใช้ต่อในภายหลัง ในยามจำเป็น
บ้านของตระกูลเจานั้นกลายเป็นของเฉินเฉินไปแล้ว
ด้วยบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ เฉินเฉินก็ไม่ยอมที่จะให้พ่อแม่ของเขาอาศัยอยู่ในบ้านดินในหมู่บ้านหินอีกต่อไป
แน่นอนว่าเฟอร์นิเจอร์จะต้องถูกเปลี่ยนไปด้วย ไม่อย่างงั้นมันคงจะกลายเป็นตัวนำโชคร้าย
หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จ ทั้งสองคนก็ออกมาจากห้องลับ
สำหรับหัวหน้าคนรับใช้เจาแล้ว เขาไม่ใช่คนดีและเขายังรู้ถึงที่ซ่อนของห้องลับนี้ด้วย ดังนั้นเฉินเฉินจึงไม่ปล่อยเขาให้รอดชีวิตไป แต่การที่เขาได้รับการช่วยเหลือมา เฉินเฉินก็ปล่อยให้เขายังมีศพเหลือไว้
“เอาละ ในเมื่อมันจบแล้ว ข้าคงต้องกลับบ้านละ อีกสองวันต่อมา ข้าจะพาพ่อแม่ของข้ามาอาศัยที่นี่” เฉินเฉินบอกจางจีก่อนที่จะแยกจากกัน
จางจีตบไปที่หน้าอกและสัญญากลับมา “พี่เฉิน พี่ไม่ต้องกังวลไป เมื่อเวลาที่พี่กลับมาถึง ข้าจะจัดการทำความสะอาดคฤหาสน์แห่งนี้ให้เสร็จเพื่อพี่และหาสาวใช้ไว้ให้พี่ด้วย”
“ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะ” เฉินเฉินขอบคุณเขาด้วยการพนมมือกลับ
เขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากมายสักเท่าไหร่ เมื่อเขามีน้องชายเขาอยู่เคียงข้าง ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมาก
เขาแค่ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเขากลับไปยังหมู่บ้าน พ่อแม่ของเขาและชาวบ้านจะรู้สึกยังไง เมื่อพบว่าตระกูลหวังนั้นถูกทำลายไปหรือทรัพย์สมบัติทั้งหมดตกกลายเป็นของเขาไปแล้ว
‘เหอะ พวกเขาคงจะต้องการให้ข้าแต่งงานกับลูกสาวของพวกเขากันทั้งหมดนั่นแหละ’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง ก่อนที่จะยิ้มออกมา
…
ในระหว่างทางกลับไปยังหมู่บ้าน เฉินเฉินก็ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะหยิบเหรียญตราออกมาและเผามันทิ้งไป
เจ้าของสิ่งนี้น่าจะเป็นของไว้ระบุตัวตนเจ้าของ ถ้าเขาพบกับเจ้าของที่แท้จริงในอนาคตแล้ว มันคงจะเป็นเรื่องยากที่จะอธิบาย แทนที่จะทำให้เกิดการเข้าใจผิดในทีหลัง มันคงเป็นเรื่องที่ดีกว่าที่จะเผามันทิ้งตอนนี้
“ระบบ ของอะไรที่ข้ากินได้ในระยะสิบห้าเมตร?”
“ม้าข้างใต้คุณ หญ้าที่อยู่บนถนน ใบไม้ที่อยู่ห่างออกไปแปดเมตร เห็ดที่อยู่ใต้หินที่ห่างไปสิบเอ็ดเมตร..”
ระบบได้บอกหลายอย่าง แต่มันไม่ได้พูดถึงน้ำอมฤตที่อยู่ในมือของเขา
เฉินเฉินปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากของตัวเอง โชคดีที่เขาฉลาดพอที่จะถามระบบก่อน ไม่อย่างงั้นแล้วเขาคงจะทำให้ตัวเองตกที่นั่งลำบาก
“มันมีอะไรที่อยู่ใกล้เคียงฉัน ซึ่งมันทำให้ฉันตายได้ ถ้าฉันกินมันลงไป?”
“น้ำอมฤตในมือของเจ้าของค่ะ”
ระบบไม่ลังเลใจ ตอบกลับทันที
“มันมีอะไรที่อยู่แถวนี้ที่สามารกินน้ำอมฤตนี้ได้บ้าง?” เฉินเฉินไม่เชื่อในคำตอบที่เขาได้รับมา เขาเปลี่ยนคำถามใหม่อีกครั้งหนึ่ง
‘ถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไป’ เขาคิด ‘อีกไม่นาน ฉันคงจะกลายเป็นเทพแห่งภาษาแล้ว บางทีอาจจะกลายเป็นนักปราชญ์ที่ใช้คำได้ยอดเยี่ยมแล้วละ’
“ม้าของท่านเจ้าของสามารถดื่มมันได้ค่ะ”
เฉินเฉินพูดไม่ออก
เจ้าน้ำอมฤตนี้ มนุษย์ดื่มไม่ได้? แต่สัตว์ดื่มได้เพียงเท่านั้นงั้นเหรอ?
‘บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าที่ให้เหลาเฮยดื่มมัน! มันอาจจะทำให้เหลาเฮยทรงพลังมากยิ่งขึ้นก็ได้!’ เฉินเฉินคิดและเร่งความเร็วตัวเองขึ้น
เขาได้หาทางที่เขามาแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องหาทางกลับอีกรอบหนึ่ง
ก่อนที่เขาจะรู้ตัว เสาก้อนหินที่คุ้นเคยของหมู่บ้านหินก็อยู่ในสายตาของเขาแล้ว
ตอนนี้ ศพที่นอนกองอยู่หน้าหมู่บ้านได้ถูกกำจัดไปหมดแล้ว นอกจากนี้แล้ว มันยังมีคนสามคนยืนอยู่ตรงนั้น ซึ่งก็คือหัวหน้าหมู่บ้านคนเก่าและพ่อแม่ของเขา
เมื่อเขาเห็นพ่อแม่ที่เป็นกังวล เฉินเฉินรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าจิตวิญญาณของเขาจะไม่ได้เป็นของโลกใบนี้ ร่างกายของเขาก็ยังเป็นและมันถูกสร้างขึ้นมาโดยแม่ของเขานั้นเอง
ด้วยเหตุนี้นี่เอง ในหัวใจของเขาแล้ว เฉินชานและฉินโหลวต่างเป็นพ่อแม่ของเขา
และถ้าเขาต้องการไปยังสำนักเทียนหยุน เขาจะต้องไปจากบ้านเกิดของเขาและอยู่ห่างจากพ่อแม่
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากที่จะไปก็ตามที เขาก็ต้องไปที่นั่นเพื่อฝึกตนให้กลายเป็นเซียนอยู่ดี
เขาเกิดมาในโลกที่มีเซียน ถ้าเขาไม่ได้ฝึกตนให้เป็นเซียนและไปเผชิญโลกที่อยู่เบื้องหน้าเขาแล้ว เขาจะสามารถใช้สิ่งที่เขาย้อนเวลากลับมาให้คุ้มค่าได้ยังไงกัน? เขาจะเป็นคนที่มีค่าพอกับระบบที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ได้ยังไงกัน?
ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว พ่อแม่ของเขาต่างทำงานกันมาอย่างยากลำบาก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังอายุไม่ถึงสี่สิบก็ตาม พวกเขาก็ผมหงอกกันหมดแล้ว พวกเขาจะอาศัยอยู่ในโลกนี้ไปได้อีกนานแค่ไหนกัน?
ถ้าเขาฝึกตนเป็นเซียนแล้ว เขาอาจจะมีอากสที่จะทำให้พ่อแม่ของเขาเดินบนเส้นทางของการเป็นเซียนในอนาคตได้ ทำให้พวกเขาอาศัยอยู่ได้ไปตลอดกาล
‘ข้าจะฝึกตนกลายเป็นเซียน แต่ก่อนที่ข้าจะจากไป ข้าจะจัดการดูแลครอบครัวของข้าก่อน’
เฉินเฉินตัดสินใจได้ เขาตบไปที่หลังม้าและมุ่งตรงไปที่หมู่บ้านหิน
ในวินาทีนั้นเอง เฉินชานและภรรยาของเขา ทั้งสองคนที่อยู่ด้านหน้าของหมู่บ้านหินเห็นลูกชายของตนเอง รอยย่นบนใบหน้าของพวกเขาจางหายไปเล็กน้อย ความรู้สึกเป็นกังวลที่พวกเขารู้สึกกลับกลายเป็นความสบายใจอย่างมากแทน