ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything - Chapter 67 ไปซะ ไปยกกระถางได้แล้ว
- Home
- ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything
- Chapter 67 ไปซะ ไปยกกระถางได้แล้ว
ตึง…ตึง..
เมื่อหูเซียงเอ๋อระบายความหงุดหงิดออกมา เจ้าเหลืองน้อยยังคงเอาหัวกระแทกกับขอบโต๊ะอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเห็นดังนี้ หูเซียงเอ๋อยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ เธอด่าออกมา “เจ้าเหลืองน้อย หยุดได้แล้ว เจ้าช่วยข้าไม่ได้หรอก แม้ว่าเจ้าจะพ่นน้ำโสมของเจ้าออกมา สุดท้ายแล้วเจ้าก็จะทำให้เจ้าเด็กเวรนี้ได้ผลประโยชน์แบบฟรีๆ ให้ข้าบอกเจ้านะ เจ้าเด็กเวรนี่มันเป็นคนแย่มากเลยละ! สิ่งที่เขาทำก็แค่โกงคนอื่นไปทั่วนั่นแหละ เจ้าหาโอกาสที่จะหนีไปจะดีกว่านะ ไม่อย่างงั้นแล้วสักวันหนึ่งเจ้าก็อาจจะถูกจับไปต้ม…”
ก่อนที่หูเซียงเอ๋อจะพูดจบ หยดน้ำก็ไหลลงเข้ามาในปากของเธอ หลังจากนั้นร่างกายของเธอสั่นสะท้านอย่างรุนแรง วินาทีต่อมา คลื่นพลังชีวิตบริสุทธิ์ก็ระเบิดออกในร่างกายของเธอ
“นี่มัน..”
หูเซียงเอ๋อประหลาดใจอย่างมาก เธอหันกลับไปมองเฉินเฉินอย่างตกใจ
เมื่อเธอหันกลับไป เธอสังเกตเห็นเฉินเฉินมองมาเธอพร้อมกับรอยยิ้ม เขาดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
หลังจากถูกจ้องโดยเฉินเฉินแล้ว หูเซียงเอ๋อรีบก้มหัวเธอหลบทันที ในเวลาเดียวกันเธอรู้สึกได้ว่าร่างกายภายในของเธอกำลังฟื้นตัวด้วยความรวดเร็วและเธอรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจของเธออีกครั้งหนึ่ง หัวใจที่โดนเผาไปอย่างร้ายแรง
นอกจากอาการเจ็บปวดแล้ว ขนสีดำที่ไหม้เกรียมก็เริ่มหล่นลง ก่อนที่ขนใหม่จะงอกขึ้นมาด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
‘ข้าจะยังมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปได้งั้นหรือเนี่ย? เจ้าเด็กนี่ให้อะไรข้ากินกัน?’
หูเซียงเอ๋ออุทานออกมาในหัวตัวเอง เธอมองไปที่เฉินเฉินด้วยสีหน้าแหยๆ
ทรงผมของเฉินเฉินดูแปลกประหลาดไปจากเดิม ผมยาวของเขาถูกรวบไว้ด้านหลัง เมื่อเทียบกับหน้าตาที่หล่อเหลาของเขาก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้เขาดูป่าเถื่อนมากกว่าเดิม
เมื่อมองไปที่เฉินเฉิน หูเซียงเอ๋ออดที่จะตัวสั่นไม่ได้
‘เจ้าเด็กนี่ไม่ใช่คนใจกว้าง ข้าพึ่งจะด่าเขาแรงขนาดนั้น ในตอนนี้ข้าคงจะไม่ตายแล้ว ข้าจะทำยังไงดี…’
‘เขาจะต้องคิดบัญชีกับข้าแน่เลย!’
เฉินเฉินมองไปที่หูเซียงเอ๋อที่กำลังตื่นตระหนก แน่นอนว่าเขาพึ่งจะป้อนน้ำระฆังวิญญาณสวรรค์ให้เธอไป ซึ่งมันนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเห็นหลินจือม่วงอย่างมาก
เห็ดหลินจือม่วงสามารถที่จะรักษาอาการบาดเจ็บภายในได้ แต่ว่าเจ้าน้ำระฆังวิญญาณสวรรค์มันทรงพลังยิ่งกว่านั้นมาก
ตราบเท่าที่อีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่แล้ว พวกเขาก็จะถูกช่วยไว้ได้
“เป็นยังไง? รู้สึกยังไงบ้าง?”
เฉินเฉินถามออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
เมื่อเห็นรอยยิ้มของเฉินเฉินแล้ว หูเซียงเอ๋อตอบกลับเบาๆ “ข้า..สบายดีค่ะ….ข้าว่าข้าน่าจะต้องพักอีกสักหน่อย..”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอแล้ว เฉินเฉินก็ยิ้มกลับ ก่อนที่จะจับไปที่เจ้าเหลืองน้อยที่ยังคงเอาตัวชนเข้ากับขอบโต๊ะ
“ไปขุดดินที่สวนสมุนไพรไปเถอะ มันไม่มีอะไรที่เจ้าทำได้แล้วละ”
หลังจากได้ยินคำพูดของเฉินเฉินแล้ว เจ้าเหลืองน้อยมองมาที่เขา ก่อนที่จะดมไปที่หูเซียงเอ๋อและมันก็เดินกลับไปที่สวนสมุนไพร
ห้านาทีต่อมา ขนสีดำที่ปกคลุมของหูเซียงเอ๋อก็หายไป ขนใหม่ได้งอกขึ้นมาทั้งตัว ในความเป็นจริงแล้ว ขนใหม่ของมันยังยาวและสวยกว่าแต่ก่อนอีก
นอกจากนี้แล้ว เธอยังงอกหางที่สามออกมาอีก
“เจ้าเป็นไงบ้าง?” เฉินเฉินถามออกมาอีกครั้ง
หูเซียงเอ๋อที่นอนกองอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าที่ซีดขาวส่ายหัวเล็กน้อย มันเหมือนกับว่าเธอไม่มีแรงจะพูดออกมา
ใบหน้าของเฉินเฉินตึงขึ้นทันทีที่เขาเห็นการกระทำของเธอ
สองในสามหางของเธอกำลังตกลง แต่เจ้าหางใหม่ที่พึ่งงอกขึ้นมาดูสะบัดไปมาอย่างสนุกสนาน มันดูมีชีวิตชีวามากและหูเซียงเอ๋อก็คงยังไม่รู้ตัวว่าเธองอกหางที่สามแล้ว เธอไม่สามารถซ่อนความมีชีวิตชีวาของมันเอาไว้ได้!
‘แสร้งป่วยต่อไปนะ! แสร้งให้ถึงที่สุดละ!’
เฉินเฉินด่าออกมา ก่อนที่จะจับหางที่สามของหูเซียงเอ๋อและยกเธอขึ้น
“เจ้างอกหางที่สามและสะบัดไปมาราวกับหมาปั๊กแบบนี้แล้วยังแกล้งทำตัวอ่อนแอต่อหน้าข้าอีกนะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเฉินแล้วหูเซียงเอ๋อที่มีหน้าตาซีดเซียวก็เปลี่ยนไปทันที มันเหมือนกับว่าเธอกำลังพยายามที่จะอ้อนวอนเขา
“เจ้านายคะ~”
“ไม่ใช่เจ้าไม่สบายใจงั้นหรือ?”
“ไม่ ไม่เลยค่ะ มันเป็นเพราะว่าข้ากลัวว่าท่านจะเศร้า ถ้าข้าตายลงไป นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมข้าถึงได้พูดคำพูดย่ำแย่เหล่านั้นออกไปค่ะ!”
“เจ้าขโมยอาหารไปสามส่วนในทุกๆมื้อ?”
“ข้ากลัวว่าจะมีคนลอบใส่ยาพิษให้ท่านยังไง! ข้าจึงลองชิมมันก่อนค่ะ! ข้าไม่ได้ขโมยมันนะ!”
“ไม่ใช่เจ้าไม่ต้องการเรียนแล้ว? เจ้าไม่ต้องการทำอาหารแล้วใช่ไหม? เจ้าไม่พอใจมากเลยสินะ?”
“ไม่ ไม่ ไม่เลยค่ะ เวลาที่ได้ใช้อยู่ร่วมกับเจ้านายมันคือช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตของข้าเลยค่ะ!”
“หื้ม เจ้าหัวเร็วดีนี่นา” เฉินเฉินเยาะเย้ย พร้อมกับยกหูเซียงเอ๋อไปด้วย
“ข้าเรียนรู้ทั้งหมดมาจากท่านค่ะ เจ้านาย! ในด้านความยอดเยี่ยมแล้ว ข้าไม่ได้เก่งกาจเท่ากับท่านเลยค่ะ เจ้านาย!” หูเซียงเอ๋อตะโกนออกมาด้วยตัวที่สั่นเครือ เธอพึ่งจะกลืนน้ำแปลกๆนั่นลงไปและสถานะการฝึกตนของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ยังไงก็ตามเธอก็ไม่กล้าที่จะต่อต้านเฉินเฉินอยู่ดี
“ฮึ่ม! มันไม่มีประโยชน์แล้ว แม้ว่าเจ้าจะกะล่อนปลิ้นปล้อนยังไงมันก็สายไปแล้ว! ไป! ไปยกกระถางไป!”
เฉินเฉินพูดออกมาอย่างเย็นชา ก่อนที่จะเดินไปยังสวนพร้อมกับหูเซียงเอ๋อในกำมือ
“เจ้านายคะ! ไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะนะค่ะ!”
หูเซียงเอ๋อกรีดร้องออกมาสุดเสียง ในขณะที่เจ้าผักบุ้งน้อยในสวนสมุนไพรตะโกนเลียนแบบตามหูเซียงเอ๋อ สองอสูรต่างกรีดร้องผสานกันออกมา มันทำให้เสียงที่ดูน่าสงสารออกมาดูขบขันแทน
ไม่กี่ชั่วขณะต่อมา เฉินเฉินก็ได้มุ่งตรงไปถึงที่พำนักของเจ้าสำนัก
สิ่งแรกที่เขาคิด เมื่อเขาพบว่าร่างกายของเขาผิดปกติคือการมาหาเซี่ยวอู่โยว
ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องโถงแล้ว เซี่ยวอู่โยวก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าเฉินเฉินทันที
“ลูกศิษย์? เจ้าต้องการอะไรหรือเปล่า?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้ว มันทำให้เฉินเฉินอับอายมาก เขาไม่ได้ปฏิบัติกับอาจารย์ของเขาเหมือนกับตู้เอทีเอ็ม แต่อาจารย์ของเขากลับคิดแบบนั้นเสียเองเสียนี่!
‘ฮึ่ม! ข้าดูเหมือนเป็นคนที่เอาแต่ได้ โดยไม่คิดที่จะมอบของตอบแทนหรือไง!?’
‘วันนี้ ข้าจะทำให้อาจารย์รู้ว่าคนรวยเป็นยังไง!’
เมื่อมีความคิดในหัวนี้แล้ว เฉินเฉินหยิบขวดออกมาในช่องเก็บของ ซึ่งมันได้มีน้ำระฆังวิญญาณสวรรค์จำนวนมากออกมา
“อาจารย์ครับ ท่านอาจจะไม่รู้ แต่ว่าเจ้าอสูรจิ้งจอกที่ข้าเลี้ยงนี้ได้เกิดมาพร้อมกับสัมผัสที่ยอดเยี่ยม มันสามารถที่จะสัมผัสได้ถึงสมบัติสวรรค์ เมื่อคืนเธอบอกข้าว่าเธอได้กลิ่นสมบัติสวรรค์และยืนยันที่จะลากข้าไปด้วย สุดท้ายแล้วพวกเราก็ไปพบกับสมบัติบางส่วน ข้าไม่กล้าที่จะเพลิดเพลินไปกับมันด้วยตัวของข้าเพียงคนเดียวได้ ดังนั้นข้าจึงแบ่งมันออกมาครึ่งหนึ่งและมอบมันให้กับท่านครับ ท่านอาจารย์!”
หูเซียงเอ๋อที่อยู่บนไหล่ของเฉินเฉินหันหน้าหนีทันทีที่ได้ยิน เธอกลัวว่าเซี่ยวอู่โยวจะเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจในตาของเธอ
“โอ้ มันหายากนะเนี่ย ที่เจ้าเป็นแบบนี้นะ” เซี่ยวอู่โยวยิ้มออกมาแล้วเขาก็รับขวดไป
ในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่ได้คาดคิดว่าเฉินเฉินจะมอบของที่ล้ำค่าเช่นนี้ให้ เมื่อคนส่วนใหญ่บนโลกนี้ต่างเป็นคนที่เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น
มันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ที่จะเก็บสมบัติที่พวกเขารักไว้ใช้กับตัวเองคนเดียว
หลังจากที่รับขวดไปแล้ว เซี่ยวอู่โยวก็เปิดฝาขวดและมือของเขาก็แข็งค้างทันที อาการตกตะลึงก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“นี่มัน…ขวดน้ำที่บรรจุน้ำระฆังวิญญาณสวรรค์หนึ่งแสนปี?!”
“อาจารย์ ท่านเข้าใจถูกแล้วครับ ของชิ้นนี้มันมีค่าแค่ไม่กี่หินวิญญาณหรอก ท่านอาจารย์ครับ ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านอับอายครับกับความด้อยค่าของมันครับ! ข้าละอายใจเสียจริงที่มอบของไม่มีค่าเช่นนี้ให้กับท่าน!” เฉินเฉินพูดออกมาด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเฉินแล้ว เซี่ยวอู่โยวตากระตุก น้ำระฆังวิญญาณสวรรค์หนึ่งแสนปีก็มีค่ามากแล้วกับแค่หนึ่งหยด แต่ลูกศิษย์ของเขามอบมาให้ถึงครึ่งขวด เขายังบอกว่ามีค่าแค่ไม่กี่หินวิญญาณอีก!
หนึ่งหยดมันก็หาค่าไม่ได้แล้ว เข้าใจไหม? แต่นี่มัน ครึ่งขวด….เขาไม่น่าจะจ่ายไหวด้วยซ้ำ แม้ว่าสำนักเทียนหยุนจะจ่ายไปจนสำนักล้มละลาย!
‘เจ้าปีศาจขี้เล่นนี่มัน เขากล้าที่จะล้อเล่นอาจารย์ตัวเองเนี่ยนะ…’
เมื่อรับรู้ถึงต้นกำเนิดของขวดนี้แล้ว เซี่ยวอู่โยวหันไปมองหูเซียงเอ๋อที่เกาะอยู่บนไหล่ของเฉินเฉิน
“สัตว์เลี้ยงเจ้ามีความสามารถพิเศษมาก เจ้าห้ามไปบอกคนอื่นละ เข้าใจไหม?”
“ครับ!” เฉินเฉินตอบกลับด้วยสีหน้าที่จริงจัง
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเฉินแล้ว เซี่ยวอู่โยวพยักหน้าก่อนที่จะเก็บขวดน้ำระฆังวิญญาณสวรรค์ลงไป มันทำให้เขารู้สึกอับอายเล็กน้อย
เขากำลังจะก้าวเข้าสู่ขั้นก่อกำเนิดวิญญาณและเจ้าน้ำระฆังวิญญาณสวรรค์นี้มันก็มีประโยชน์กับเขามาก แต่เขาไม่สามารถที่จะหาของที่มีค่าเท่าเทียมกันมอบให้กับเฉินเฉินได้เลย เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจดจำบุญคุณนี้ไว้ในหัวใจของตัวเอง
เฉินเฉินเห็นอาจารย์รับไป เขาก็รู้ว่ามันถึงเวลาที่จะต้องเข้าเรื่องหลักกันแล้ว เขารีบถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความนับถือ “อาจารย์ครับ ข้าได้ใช้เจ้าน้ำระฆังวิญญาณสวรรค์ไปบางส่วนและสถานะการฝึกตนของข้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ท่านสามารถดูระดับการฝึกตนของข้าได้ไหมครับ?”
“แน่นอน ได้สิ!” เซี่ยวอู่โยวตกลงพร้อมกับรอยยิ้ม
“ท่านอาจารย์ ระดับการฝึกตนของข้าอาจจะพิเศษไปเล็กน้อย อย่าประหลาดใจไปละครับ!”
รอยยิ้มของเซี่ยวอู่โยวกว้างขึ้นกว่าเดิม
‘มันจะน่าประหลาดใจอะไรอีกกัน? เจ้าลูกศิษย์คนนี้คิดว่าจะทำให้ข้า เจ้าสำนักของเทียนหยุนตกใจได้เนี่ยนะ?’
เขาจะไม่ประหลาดใจเลยสักนิด ถ้าเฉินเฉินที่มีร่างกายต้นกำเนิดนั้นอยู่ในขั้นสร้างรากฐานแล้ว โดยการพึ่งพาน้ำระฆังวิญญาณสวรรค์
ยังไงก็ตาม เขาได้ตกใจเล็กน้อยไปกับสมบัติสวรรค์ระดับสุดยอดเช่นนั้นที่ได้รับมอบมาจากเฉินเฉินแล้ว ถ้าเขาตกใจกับสถานะฝึกตนของเฉินเฉินอีก เขาจะแตกต่างอะไรไปจากผู้ฝึกตนธรรมดาทั่วไปที่มีมุมมองแคบอีกกัน?
‘ลูกศิษย์คนนี้ได้ดูถูกข้ามากเลยนะ ข้าคือเจ้าสำนักเลยนะ’
“ฮ่า เจ้าจะทำให้ข้าประหลาดใจ? ข้าจะประหลาดใจ ถ้าเจ้าเลื่อนมาถึงขั้นแก่นทองคำแล้วเท่านั้นแหละ!”
เซี่ยวอู่โยวยิ้มออกมาก่อนที่จะเอื้อมไปจับข้อมือของเฉินเฉิน