ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 101 ไม่ใช่โสมที่ดี ตอนที่ 102 ฆ่ายกครัว
ตอนที่ 101 ไม่ใช่โสมที่ดี
จับเขาโยนออกไป?
ภูตโสมพลันเข้าใจอะไรบางอย่าง “เจ้ามีความสามารถขนาดนั้นเชียวหรือ ก่อนหน้านี้ท่านแม่ข้ายังให้ข้าอยู่กับนางอย่างว่านอนสอนง่ายที่ข้างล่างภูเขานี้ ทั้งยังได้กินดีอยู่ดีเชียวละ! แม้ว่าที่นี่ยอดเยี่ยมมาก แต่บางครั้งข้าก็ยังคิดถึงบ้าน เจ้าทำให้ท่านแม่ข้ายอมตามข้าออกไปจากบ้านทรุดโทรมหลังนี้ได้ด้วยหรือ”
“…” หลิวซื่อขมวดคิ้ว
เด็กโง่เขลาผู้นี้มาจากไหนกัน เหตุใดจึงฟังคำพูดข่มขู่ไม่เข้าใจนะ?
ทว่าเด็กคนนี้รูปลักษณ์หน้าตาดีจริงๆ เกือบจะเทียบได้กับลักษณะตอนที่ลูกชายนางยังเด็กๆ ก็ว่าได้
ครั้นนึกถึงบุตรชายของนาง หลิวซื่อก็พลันปวดใจ
บุตรชายที่น่าสงสารของนางผู้นั้น ทั้งที่ไม่ได้ป่วย แต่กลับถูกคนให้ร้ายว่ามีโรคร้าย ตอนแรกครอบครัวที่ตกลงไว้ว่าจะแต่งงานกัน ถึงขั้นยอมจ่ายเงินชดใช้ห้าตำลึงเงิน แต่ไม่ยินยอมรับการแต่งงานครานี้เป็นอันขาด!
ลูกชายเขาเอ่ยไว้ว่า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความชั่วร้ายที่ซ่งอิงกระทำไว้!
บุตรชายยืนกรานชัดเจนว่า ซ่งอิงเป็นคนทุบตีเขา เดิมทีนางไม่เชื่อ แต่บุตรชายบอกกล่าวตั้งหลายครั้งเพียงนั้น จึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่ออีก!
ตอนนี้ ชื่อเสียงบุตรชายนางวายวอดหมดแล้ว ได้แต่หมกตัวอยู่ในบ้านไม่กล้าเจอะเจอผู้คน ซ่งอิงนางเด็กสาวสารเลวผู้นี้กลับขายบ๊ะจ่างได้ดิบได้ดี? แล้วยังหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ?!
ดวงตาเจ้าเล่ห์ของหลิวซื่อตวัดมามองฮั่วหลินที่อยู่ตรงหน้า แล้วเผยรอยยิ้ม ก่อนกล่าว “เจ้านามว่าหลินสินะ? ยายสามถามเจ้าหน่อยสิ บ๊ะจ่างฝีมือแม่เจ้า…ทำอย่างไรหรือ ข้างในใส่เครื่องปรุงจำพวกไหนบ้าง เจ้ารู้ชัดเจนดีใช่หรือไม่”
ภูตโสมได้ยินดังกล่าว เม้มริมฝีปาก มุ่นคิ้วขณะมองนาง “เจ้าอยากขโมยตำรับสินะ?”
มารดาเขาเคยบอกไว้แล้วว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ถามไถ่เกี่ยวกับวัตถุดิบบ๊ะจ่าง ล้วนเป็นคนไม่ดีทั้งนั้น จุดประสงค์ท้ายสุดล้วนต้องการขโมยเงินที่ซื้อปิงถังหูลู่ของพวกเขาทั้งสิ้น!
หลิวซื่อถึงกับไปไม่เป็น “ไอ้เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ รู้หรือว่าอะไรที่เรียกว่าขโมยตำรับ ข้าเป็นผู้อาวุโส เพียงแค่ถามดูเท่านั้นเอง…หากเจ้านำวัตถุดิบบอกกล่าวข้า ไว้เดี๋ยวข้าจะซื้อลูกกวาดมาให้เจ้ากิน”
“อ้อ เจ้าอยากลักพาตัวเด็กนี่เอง!” ภูตโสมเขยิบถอยหลังหนึ่งฝีก้าว
มารดาเขาบอกไว้อีกด้วยว่า ใครก็ตามที่ไม่ได้รู้จักกัน แต่คิดจะซื้อลูกกวาดให้เขากิน ก็ล้วนเป็นพวกไม่ดีเช่นกัน หากเขาหลงกล ก็จะถูกคนจับไปโกนรากฝอยจนเกลี้ยง แล้วหั่นเป็นแผ่นๆ จากนั้นค่อยๆ กินลงท้องทีละคำ
ที่มารดาเขาพูดเอาไว้มีเหตุผลอย่างยิ่ง
หลิวซื่อพลันเดือดดาลจนหน้าแดงก่ำ ผู้ใดให้กำเนิดไอ้เด็กเวรผู้นี้นะ? ไม่ชวนให้ผู้คนรู้สึกเอ็นดูเอาเสียเลย!
“ช่างเถอะ เจ้าเด็กน้อยคนหนึ่งจะไปรู้อันใดได้ พฤติกรรมไม่ต่างจากเด็กสามขวบ เจ้าก็เหมือนกับแม่เจ้า มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่เด็กดีเด่อะไร แม่เจ้าเป็นนางโสเภณีน้อยที่ผ่านผู้ชายมาไม่รู้เท่าไร เจ้าก็คงเป็นเด็กต่ำช้าคนหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะแม่เจ้าหน้าตาอัปลักษณ์ ยามนี้คงแขวนโคมไฟเอาไว้หน้าประตูรอผู้คนมาหาถึงที่แล้วเป็นแน่ ยังจะมัวขายบ๊ะจ่างนี้อยู่อีกหรือ ถุย!” หลิวซื่อพูดจบ หันขวับมุ่งออกจากประตูห้องครัวไป
ภูตโสมฟังเข้าใจคำพูดมนุษย์อยู่บ้างเช่นกัน
แม้ไม่รู้ว่าโสเภณีหมายถึงอะไรกันแน่ แต่ระยะนี้เขาได้ยินคำว่า ‘ต่ำช้า’ อยู่บ่อยครั้ง จึงพอเข้าใจความหมายคร่าวๆ ว่าเขาถูกด่าแล้วนั่นเอง
ด่าเขาว่าเป็นเด็กต่ำช้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เท่ากับการเอ่ยว่าเขาไม่ใช่โสมชั้นดี
ทันใดนั้น ภูตโสมกระโดดขึ้นมา
เขากระโดดในคราเดียว เด็กธรรมดาทั่วไปเทียบไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าจะตรงเข้าไปถึงในอ้อมอกของหลิวซื่อ จากนั้นสองมือก็ดึงเรือนผมของหลิวซื่อไว้แน่นหนา แล้วออกแรงกระชากเต็มเหนี่ยว
“เจ้าต่างหากเป็นคนต่ำช้า ข้าจะถอนขนของเจ้าให้เกลี้ยงเกลาเลย! ทำให้เจ้ากลายเป็นตัวประหลาดไร้ขน!” ภูตโสมลงมืออย่างโหดเหี้ยม
อย่างไรเสียก็ไม่ใช่เด็กน้อยธรรมดาทั่วไป แม้สติปัญญาไม่มากมาย รูปลักษณ์ก็เล็กกระจ้อย แต่อย่างน้อยก็ยังบำเพ็ญเพียรมาถึงพันปีแล้ว การลงมือในครานี้ หลิวซื่อถึงกับเนื้อตัวสั่นเทา ขวดน้ำเต้าที่อยู่ในมือร่วงหล่นสู่พื้น ตามด้วยเสียงดังเพล้ง
ยามที่ซ่งอิงมาถึง มองเห็นหลิวซื่อคุกเข่าอยู่บนพื้น ฝ่ามือนั้นตะเกียกตะกายมั่วซั่ว
โสมน้อยรวดเร็วอย่างยิ่ง กระโดดขึ้นลงอย่างต่อเนื่องบนเรือนร่างนาง มือไม้จ้ำม่ำคู่หนึ่งโบกเป็นระวิงดุจถอนต้นกล้าก็ไม่ปาก ซึ่งกำลังละเลงอยู่บนศีรษะหลิวซื่อ
ผมเผ้าของหลิวซื่อยุ่งเหยิง
เส้นผมสีเทาร่วงหล่นลง ดูท่าบนพื้นจะมีประมาณร้อยกว่าเส้นเห็นจะได้กระมัง?
ตอนที่ 102 ฆ่ายกครัว
ซ่งอิงถูกพละกำลังของโสมน้อยสร้างความตระหนกตกใจ
“ลูกหลิน ช่วยยายหลิวเจ้าจับเหาใช่หรือไม่ เหตุใดจึงเป็นเด็กดีเพียงนี้?” ซ่งอิงฉีกยิ้ม น้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนจนแทบจะเค้นหยดน้ำออกมาก็ว่าได้ นัยน์ตาอ่อนโยนไม่แพ้กัน คล้ายว่าโสมน้อยได้กระทำเรื่องดีงามแล้วจริงๆ
โสมน้อยเห็นนางมาถึง รีบกุลีกุจอไปยังด้านหลังของนาง “ท่านแม่ นี่เป็นคนเลว นางถามข้าเกี่ยวกับวัตถุดิบ แล้วยังจะเอาลูกอมให้ข้ากินอีกด้วย มิหนำซ้ำยังเอ่ยว่าข้าต่ำช้า และว่าท่านเป็นโสเภณี!”
ซ่งอิงกระตุกมุมปาก ดวงหน้าแฝงความเย็นเยียบ
“อาสะใภ้หลิวซาน ท่านจะไร้เหตุผลไปแล้วนะ? ลูกข้าเจตนาดีช่วยท่านจับเหา เหตุใดท่านยังด่าทอเขาอีกล่ะ?” ซ่งอิงกล่าวอย่างเย็นชา
“ถุย!” หลิวซื่อพ่นน้ำลายเต็มที่ รู้สึกเพียงหนังศีรษะใกล้ระเบิดเต็มทน
ปวดแสบปวดร้อนยิ่งนัก
ผมหลุดร่วงจากหนังศีรษะแล้วก็ไม่เท่าไร แต่ครั้นใช้มือสางเบาๆ ในมือก็ปรากฏเส้นผมหนึ่งกำมือเล็กๆ อีกด้วย!
ไอ้เด็กเวรร้ายกาจ!
“ซ่งอิง เจ้ายังมีจิตสำนึกอยู่บ้างหรือไม่! ล้วนเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงกันทั้งนั้น เจ้ากลับให้ลูกชายเจ้าลงมือกับข้าอย่างรุนแรงอย่างนี้! ไฉนคนเช่นเจ้าประเภทนี้จึงไม่ถูกฟ้าผ่า ไม่ตกน้ำตกท่าตายๆ ไปเสีย!” หลิวซื่อก่นด่ายกใหญ่
ซ่งอิงได้ยินดังกล่าว อดหัวเราะไม่ได้ “หลิวซื่อ หนังหน้าค่อนข้างหนาดีนี่? ลูกหลินบ้านข้าตบตีแล้วจะทำไม ก็สมควรแล้วนี่ หากท่านยังไม่รีบไสหัวไปตอนนี้ อาจไม่ใช่แค่ลูกหลินช่วยจับเหาแทนข้าแล้วก็เป็นได้!”
มองดูขวดน้ำเต้าที่อยู่บนพื้น นางก็รู้ทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว
หลายวันมานี้ มีชาวบ้านคนอื่นผ่านไปผ่านมาแถวหน้าประตูบ้านนางเช่นกัน ถึงขั้นว่าทุกครั้งที่เนื้อหมูส่งกลิ่นหอมฉุยขึ้นมา หน้าประตูบ้านก็จะห้อมล้อมไปด้วยเด็กๆ กลุ่มใหญ่ แต่ละคนต่างชะเง้อคอยืดคอยาวมองเข้ามา แต่คนส่วนใหญ่ยังพอมีเหตุมีผล ตราบใดที่ไม่ได้รับการอนุญาตจากนาง จะเหยียบย่ำพ้นประตูบ้านนางเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียวไม่ได้เป็นอันขาด
อย่างไรเสีย นางก็เลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งด้วยตัวคนเดียว ไม่อาจทำใจรังแกได้
หากทว่าหลิวซื่อผู้นี้กลับไม่เกรงอกเกรงใจ ไม่เพียงเข้ามา แล้วยังด่าทอลูกชายของนาง และตักน้ำพะโล้ของนางเอาไปด้วย?
“นางเด็กสารเลว เจ้าหมายความว่าอันใด เจ้ายังคิดลงไม้ลงมือกับข้าอีกหรือ เจ้าคงลืมไปแล้วสินะว่าข้าอาวุโสกว่าเจ้า! มีแม่คลอดออกมาแต่แม่ไม่เลี้ยง เจ้ายังคิดลามปามมาถึงหัวข้าอีก ข้าคงต้องหาคนมาสั่งสอนสักหน่อยเสียแล้ว ดูสิว่าในหมู่บ้านเราจะปล่อยให้นางสารเลวที่หน้าไม่อายประเภทเจ้าผู้นี้เอาไว้ได้อีกหรือไม่!” หลิวซื่อก่นด่าด้วยความโกรธจัด
พูดจบก็เดินออกไปด้านนอก ท่าทางราวกับต้องการส่งเสียงตะโกน
เพียงแต่ช่วงที่เดินผ่านตัวซ่งอิงไป ซ่งอิงยื่นขาเข้าไปขัด จากนั้นได้ยินเพียงเสียงดัง ‘โครม’ หลิวซื่อคะมำลงไปกองอยู่บนพื้น
หันขวับมามองอย่างเดือดดาล
“ท่านถือเป็นผู้อาวุโสของบ้านไหน ตระกูลฮั่วหรงไม่เคยมีญาติมาก่อน ข้าเรียกท่านว่าอาสะใภ้สามก็นับว่าเกรงใจมากแล้ว คิดจริงๆ หรือว่าตนเองถือเป็นผู้น่าเคารพนับถือ? หลิวซื่อ ข้าจะบอกท่านให้ ทางที่ดีที่สุดให้คนทั่วทั้งหมู่บ้านรับรู้เลยว่า ท่านถ่อมาถึงบ้านข้าเพื่อมาเป็นขโมย!” ซ่งอิงกล่าวอย่างเย็นชา
“พูดจาเหลวไหล! ข้าขโมยอะไรของเจ้าแล้วหรือ! พูดจาใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นเขาเห็นๆ!” หลิวซื่อกล่าวอย่างโกรธจัด
“ไม่ได้ขโมยสิ่งใด? เช่นนั้นก็มาบ้านข้าเพื่อแก้แค้น? มิน่าล่ะ ลูกชายข้าถึงได้มีท่าทางหวาดผวาเช่นนี้…อ้อ ท่านเข้าไปในห้องครัวอีกด้วย จะมาเผาเรือนสินะ? หรือว่าเป็นการมามองดูว่าข้ากับลูกอยู่บ้านหรือไม่ คิดจะฆ่ายกครัวสินะ?” ซ่งอิงพูดจาเหลวไหลหากแต่มีเหตุผลให้น่าเชื่อ
เมื่อนางเอ่ยพูดสิ่งเหล่านี้ ดวงตาหลิวซื่อเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ
พูดจาเหลวไหลสิ้นดี!
ไม่มีเหตุมีผล!
พูดจาไม่เหมือนมนุษย์มนา!
“ข้ามาเยี่ยมเยียนเจ้าต่างหาก! ตอนแรกจะร้ายจะดีเจ้าก็เป็นคนที่ข้าเคยสู่ขอให้ลูกชายข้า ตอนนี้เห็นเจ้าอยู่เป็นแม่ม่ายผัวตาย ข้าเห็นเจ้าน่าสงสารก็เลยมาเยี่ยมเยียนเท่านั้นเอง!” หลิวซื่อกล่าวอย่างแค้นเคือง
“อ้อ มาเยี่ยมข้าหรือ” ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย “ท่านพูดจาเอะอะก็นางโสเภณี บ้างก็นางสารเลว ดูเหมือนเป็นการมาชำระแค้นที่มีต่อข้ามากกว่า เหตุใดข้าไม่รู้สึกว่าท่านมาเพราะห่วงใยข้าเลยล่ะ?”
ซ่งอิงพูดจบ ก้าวเดินเข้าไปทีละฝีก้าว จับจ้องหลิวซื่อตาเขม็ง “หากห่วงใยข้า ก็ควรหยิบยกท่าทีอย่างห่วงใยกันออกมา สองมือท่านว่างเปล่า ความจริงใจนี้ช่างแย่เกินไปหน่อยแล้ว ขืนพูดออกไป เกรงว่าก็คงไม่มีผู้ใดเขาเชื่อหรอกกระมัง?”