ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 107 ไม่อยากจ้างแล้ว ตอนที่ 108 ไม่สนใจใดๆ ทั้งนั้น
- Home
- ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล
- ตอนที่ 107 ไม่อยากจ้างแล้ว ตอนที่ 108 ไม่สนใจใดๆ ทั้งนั้น
ตอนที่ 107 ไม่อยากจ้างแล้ว?
สิ้นคำพูดของซ่งอิง รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าเหยาซื่อสะใภ้เล็กก็พลันชะงักแข็งทื่อ
“อะไรกัน?” นางนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ “ต้องคิดเงินด้วยหรือ…”
“ไม่คิดเงินก็ได้เจ้าค่ะ!” ซ่งอิงพูดอย่างตรงไปตรงมา “เงินค่าแรงของทุกคนวันนี้ ท่านก็ช่วยข้าจ่ายด้วยแล้วกัน?”
เมื่อซ่งอิงพูดเช่นนี้ เหยาซื่อสะใภ้เล็กก็กังวลใจจนลนลานทันที
เงินค่าแรงที่ซ่งอิงจ่ายทุกวันไม่ใช่น้อยๆ นอกจากจะจ่ายให้แม่เฒ่าเกินจริง ก็ยังมีเด็กๆ ทางด้านบ้านสามที่ไปเด็ดใบหลูมาทุกวัน รวมๆ กันแล้วก็ประมาณห้าร้อยกว่าอีแปะ!
“อิงยาโถว อาสะใภ้สี่เจ้าก็รู้เช่นกันว่าไม่ง่ายสำหรับเจ้า นี่ก็เพราะ…อาสี่เจ้าต้องให้ของขวัญสักหน่อย…เราล้วนเป็นคนครอบครัวเดียวกัน หากกินบ๊ะจ่างของครอบครัวตนเองแล้วยังต้องจ่ายเงิน เช่นนั้นไม่ใช่การตบหน้าของตัวเจ้าเองหรือ” เหยาซื่อสะใภ้เล็กกล่าวอย่างหน้าไม่อาย “อีกทั้ง…อิงยาโถว เจ้าก็ทำเงินได้ไม่ใช่น้อยๆ บ๊ะจ่ายลดน้อยลงไปไม่กี่ชิ้นก็คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่เช่นกัน”
ซ่งอิงส่งเสียงหัวเราะ
เหยาซื่อสะใภ้เล็กเอ่ยคำพูดดังกล่าวจบ คนของสองบ้านอื่นมองมาคล้ายกับแอบคิดเห็นในแบบเดียวกัน
ตอนนี้ห่อบ๊ะจ่างกันมาครึ่งเดือนแล้ว ทุกคนล้วนเคยชินกับการที่ทุกวันทำงานแล้วได้รับเงิน เพียงแต่ ซ่งสวินควบคุมเคร่งครัดเกินไปหน่อย ซ่งอิงก็ค่อนข้างคิดเล็กคิดน้อยเช่นกัน บ๊ะจ่างชิ้นสองชิ้นล้วนคำนวณอย่างชัดเจน ในแต่ละวันเหน็ดเหนื่อยกันแทบแย่ ไม่คิดจะให้เงินเกินแม้แต่อีแปะเดียว
อีกทั้ง ระยะนี้ก็มีข่าวคราวจำนวนไม่น้อยแพร่สะพัดมาจากในตัวอำเภอ พวกนางจึงรับรู้เช่นกันว่า บ๊ะจ่างของซ่งอิงนี้ขายดิบขายดี จะต้องทำเงินได้จำนวนไม่น้อยเป็นแน่
“เอ้อร์ยา นี่ก็ใกล้จะถึงเทศกาลตวนอู่แล้ว ฉลองเทศใหญ่สำคัญทั้งที บ้านใครบ้างไม่มอบของขวัญให้กันสักหน่อย? อย่าว่าแต่อาสี่เจ้าเลย ต่อให้พวกเรา…ก็อยากอาศัยบ๊ะจ่างเจ้าเหล่านี้ ส่งมอบให้ญาติมิตรสหายได้ลิ้มชิมรสเช่นกัน และจะได้ให้คนอื่นรู้ด้วยว่า คนของตระกูลซ่งเรา มีความมุมานะอดทนเพียงใด ใช่หรือไม่ล่ะ” เจียวซื่อเอ่ยปากขึ้นมาเช่นกัน
ครอบครัวมารดานางยากจน ยามที่เพิ่งแต่งเข้ามาต้องคอยอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่กล้าแม้แต่จะมีปากเสียง แต่นางขยันตั้งท้อง ไม่ทันไรก็ให้กำเนิดบุตรชายสามบุตรสาวหนึ่ง แม้ว่าไม่มีหน้ามีตาเท่าบ้านใหญ่ ไม่ได้รับความโปรดปรานเท่าบ้านสี่ แต่ทั้งตระกูลซ่ง กลับไม่มีใครกล้าดูถูกนางแน่นอน!
หากบ้านสี่ต้องการเอาบ๊ะจ่างไป แล้วจะขาดส่วนของนางได้อย่างไรกันล่ะ
ซ่งอิงยิ้มเหยียดหยาม
ที่น่าแปลกคือ ยามนี้บ้านใหญ่กลับไม่เอ่ยพูดจาใดๆ ด้วยนิสัยเคยชินในปกติของเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ จะต้องไม่ยอมเสียเปรียบเป็นแน่ หากของที่น้องสะใภ้มี นางก็ต้องมีด้วยเช่นกัน ถึงขั้นต้องเหนือกว่าอีกด้วยถึงจะได้เรื่อง แต่ทว่าในยามนี้ กลับตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างสงบเงียบเสียยิ่งอะไรดี
“ที่บรรดาอาสะใภ้พูดเหมือนมีเหตุผลมาก…ดูเหมือนกับว่า ต่างก็อยากให้บ๊ะจ่างหลานสาวที่ออกเรือนไปแล้วอย่างข้าผู้นี้ช่วยเชิดหน้าชูตาให้พวกท่าน?” ซ่งอิงหัวเราะ “ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่ในเมื่อต้องการให้ข้าตอบแทนคุณพวกท่าน เช่นนั้นข้าในฐานะเด็กรุ่นหลังคนหนึ่ง จะทำใจให้บรรดาอาสะใภ้ทำงานได้อย่างไรกันล่ะ เอาเช่นนี้แล้วกัน วันนี้ทำงานเสร็จแล้ว บรรดาอาสะใภ้ก็พักผ่อนให้เต็มที่ เพื่อเป็นการขอบคุณที่บรรดาอาสะใภ้ช่วยงานข้าระยะนี้ ข้าก็จะให้บ๊ะจ่างจำนวนหนึ่งกับพวกท่านถือเป็นของกำนัล ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สมควรเช่นกัน”
“เอ้อร์ยา เจ้าหมายความว่าอะไรหรือ คงมิใช่เพราะพวกเราต้องการบ๊ะจ่างไม่กี่ชิ้น ก็ไม่อยากจ้างงานพวกเราแล้วกระมัง?” เจียวซื่อเอ่ยพูดทันควัน
“ไม่ใช่ไม่อยาก เพียงแต่ไม่บังอาจเจ้าค่ะ” ซ่งอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “บรรดาป้าๆ อาๆ ในหมู่บ้านมากมายเพียงนี้ มีคนอยากหางานทำเยอะแยะ อย่าว่าแต่บ๊ะจ่างชุดละสิบอีแปะเลย ต่อให้ห้าอีแปะ เกรงว่าผู้คนก็แก่งแย่งกันมืดฟ้ามัวดิน ข้าให้ค่าจ้างพวกท่านในราคาที่สูงมากแล้ว ซึ่งนั่นเป็นเพราะเห็นแก่สัมพันธ์ระหว่างพวกเรา แต่หากบรรดาอาสะใภ้ใช้ความสัมพันธ์มากดดันข้า…เช่นนั้นข้าไปหาคนอื่นทำจะดีกว่า ทั้งประหยัดเงินไปได้ครึ่งหนึ่ง แล้วก็ไม่มีคนคิดจะให้ข้ายกสิ่งของให้โดยไม่คิดเงินอีกด้วย”
“อีกอย่าง บรรดาอาสะใภ้ก็ได้เงินกันมาครึ่งเดือนแล้ว น่าจะเบื่อหน่ายรำคาญใจแล้วเช่นกัน ข้าก็แค่คำนึงเผื่อพวกท่านเท่านั้นเอง” ซ่งอิงเอ่ยพูดเสริมอีกประโยค
เจียวซื่อได้ยินดังกล่าว รีบหัวเราะแห้งใส่ “ยายเด็กซื่อบื้อ อาสะใภ้ก็แค่ล้อเล่นเจ้าเท่านั้นละ บ๊ะจ่างเจ้านี้ ข้าเตรียมจะขาย และก็ไม่เอากี่ชิ้นหรอก ซึ่งก็จะให้หักจากเงินค่าแรงนั่นละ”
หากขาดงานนี้ไป สำหรับบ้านสามอย่างนาง ถือเป็นความเสียหายใหญ่หลวงอย่างหนึ่ง
ตอนที่ 108 ไม่สนใจใดๆ ทั้งนั้น
เหยาซื่อสะใภ้เล็กยังคงไม่เห็นด้วยเท่าใดนัก
“เอ้อร์ยา…ตามจริงข้าก็รู้เช่นกันว่าแบบนี้ไม่เหมาะสม เพียงแต่อาสี่เจ้า…หากเขารู้ว่าแม้แต่บ๊ะจ่างเจ้าก็เสียดายเกินกว่าจะสละให้ได้ อีกเดี๋ยวจะมาหาเรื่องเจ้าเอาได้…” เหยาซื่อสะใภ้เล็กกล่าว
“อาสะใภ้สี่แค่ไปบอกกับอาสี่ก็พอว่า หากอาสี่ไม่พอใจก็มาหาข้า แต่…หากอาสี่โกรธเคืองทำลายบ๊ะจ่างของข้า เช่นนั้นข้าก็ไปหาคนอื่นทันที ถึงอย่างไรลานบ้านข้าก็กว้างขวาง ขอให้คนไม่กี่คนมาช่วยทำโรงเรือนเล็กๆ ก็ย่อมได้ อย่างมากก็แค่ลำบากนำของมาส่งให้ทางครอบครัวท่านแม่ข้า” ซ่งอิงยืนกรานแน่วแน่
หญ้าแพรกในลานหน้าบ้านของนางนั้นกำจัดทิ้งหมดแล้ว หลังผ่านการคัดสรรอยู่พักใหญ่ สองวันก่อนเอาไปส่งให้ร้านยาในตัวอำเภอ มีคนรับซื้อจริงๆ เพียงแต่ราคาถูกมาก หญ้าแพรกจำนวนมากมายขนาดนั้น สุดท้ายขายได้ไม่ถึงห้าสิบอีแปะ
ทว่านางก็พึงพอใจมากเช่นกัน เดิมทีก็คือเงินที่เป็นผลพลอยได้
เหยาซื่อสะใภ้เล็กกระมิดกระเมี้ยนไม่พูดไม่จา
ซ่งอิงกังวลใจจริงๆ ว่าซ่งหม่านซานจะไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แล้วจัดการคว่ำบ๊ะจ่างทั้งหมดนี้ ดังนั้นจึงเอ่ยพูดประโยคเยี่ยงนี้เอาไว้ก่อน
ตอนที่ใกล้ถึงยามอู่[1] ซ่งหม่านซานเพิ่งตื่นนอน เหยาซื่อสะใภ้เล็กกลับเข้าไปในห้อง น่าจะเป็นการนำคำพูดของนางไปบอกกล่าว บ้านซ่งก็มีอยู่แค่นี้ เสียงเคลื่อนไหวของบ้านไหนๆ ต่างก็ได้ยินชัดเจนแจ่มแจ้งทั้งนั้น ยามนี้ซ่งอิงจึงได้ยินเสียงของสิ่งของด้านในหล่น
ยามนี้ ชายชราออกไปพบปะสังสรรค์ ในบ้านที่พอควบคุมเขาได้ มีเพียงหญิงชราเท่านั้น
แต่แม่เฒ่า…
เป็นคนหนึ่งที่ขี้สงสารและเอ็นดูบุตรชาย
คงไม่เข้าข้างนางเป็นแน่
ไม่นานนัก ซ่งหม่านซานก็เดินออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
บรรดาบุตรชายของพ่อเฒ่า แต่ละคนมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป ลุงใหญ่เป็นคนรอบคอบ รูปลักษณ์ค่อนข้างอยู่ในขอบเขตของการเป็นบุตรชายคนโต แต่ภรรยาก้าวร้าว ด้วยเหตุนี้จึงมีความยำเกรงภรรยาอยู่ไม่น้อย ทั้งยังเป็นคนงานในโรงย้อมสี ดังนั้นบนเรือนร่างจึงมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
บิดานางรูปลักษณ์กำยำแข็งแกร่ง ทำงานใช้แรงงาน เช่นเดียวกับอาสาม เข้าไร่ทำนาตลอดทั้งปี สองคนจึงมีผิวพรรณดำคล้ำ มองแวบเดียวก็รู้ได้ว่าเป็นชายชาวไร่ชาวนา
เพียงแต่ว่า อาสามค่อนข้างผอมกว่าหน่อย มิหนำซ้ำเขายังมีบุตรชายสามคน เป็นธรรมดาที่ภาระที่ต้องรับผิดชอบจึงหนักหนากว่า เป็นคนหนึ่งที่ช่างเจ้าคิดเจ้าการ
ส่วนอาสี่ผู้นี้…
อาสี่อายุยังไม่มาก เพิ่งยี่สิบสามปีเท่านั้น ไม่เอาไหนมาตั้งแต่เด็ก
ตั้งแต่เด็กก็พาหลานชายของตระกูลซ่งไปเที่ยวตวาดข่มขู่ในหมู่บ้าน แม้แต่เจ้าของร่างก็เคยถูกเขาชักนำไปแย่งของกินคนอื่น…
ทว่ารูปลักษณ์อาสี่เห็นได้ชัดว่าเป็นลูกหลานที่จัดอยู่แนวหน้าของตระกูลซ่ง ถึงขั้นว่าเพราะกลิ่นอายจิตวิญญาณของตัวเขาและลักษณะที่กำยำแข็งแกร่ง ทำให้เห็นว่าดูดีกว่าพี่ชายของนางเล็กน้อยด้วยซ้ำ
ยามนี้เพิ่งเดินบุ่มบ่ามออกมา กวาดสายตามองคนในลานบ้าน ท้ายที่สุดสายตาก็มาหยุดแช่บนเรือนร่างซ่งอิง “หลานสาว ขอบ๊ะจ่างเจ้าไม่กี่ชิ้น เจ้าก็ไม่พึงพอใจแล้วหรือ มีเด็กรุ่นหลังเขาทำกันเช่นเจ้าหรือ ไม่กลัวว่าข้าจะเล่นงานเจ้าหรือไร!?”
ซ่งอิงมองอาสี่แวบสายตาหนึ่งอย่างดูถูก “มีผู้ใหญ่เขาทำอย่างท่านกันด้วยหรือ ท่านเป็นผู้ชายคนหนึ่ง จะรังแกแม่ม่ายสาวอย่างข้าที่ไร้ครอบครัวสามีทำไมกันเจ้าคะ?”
ซ่งหม่านซานนิ่งอึ้งไป
“ไม่มีครอบครัวสามี? หมายความว่าอันใด เจ้าแต่งงานแล้วหรือ” ซ่งหม่านซานเพิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมา
เหยาซื่อสะใภ้เล็กได้ยินดังกล่าว รีบดึงรั้งแขนเสื้อของสามีตนเอง “บอกกับเจ้าไว้ตั้งนานแล้ว เหตุใดเจ้าจึงลืมเสียแล้วล่ะ ในหมู่บ้านมีผู้คนพูดเหลวไหลเรื่อยเปื่อย ดังนั้นเอ้อร์ยาจึงเลือกออกไปตั้งครอบครัวด้วยตนเอง ที่แต่งด้วยก็คือฮั่วหรง”
ยามที่ซ่งอิงออกเรือนไป ชายชราไม่ได้คิดว่านี่ถือเป็นเรื่องมงคล ดังนั้นจึงไม่ได้ให้บุตรชายกลับมา มีเพียงบ้านสองที่กระทำการพอเป็นพิธีด้วยตนเองเท่านั้น
ซ่งหม่านซานมุ่นคิ้ว “ฮั่วหรงผู้มีน้ำใจยิ่งใหญ่น่ะหรือ ไม่ใช่ว่าตายไปแล้วหรือ?”
“ก็เขานั่นละ ที่ตายไปแล้วน่ะ” เหยาซื่อรีบบอกกล่าวทันที
ซ่งอิงกำลังคิดว่า ยามนี้เหยาซื่อสะใภ้เล็กมองดูแตกต่างจากปกติ โดยปกติแต่ละวันก็เป็นหญิงที่ธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น ทว่านางที่อยู่ต่อหน้าอาสี่ในเวลานี้ ดวงหน้าดุจเบ่งบานดอกท้อ พูดจาเสียงเล็กออเซาะ คล้ายว่าเกิดเกรงกลัวหากเสียงดังขึ้นมาหน่อยจะทำให้คนตกใจหนีเปิดไปอย่างไรอย่างนั้น
——————————-
[1] ยามอู่ (午时) คือเวลา 11.00 น. – 13.00 น.