ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 111 ผิดปกติ ตอนที่ 112 คนขี้แพ้ดีแต่ปาก
ตอนที่ 111 ผิดปกติ
ซ่งอิงไม่รู้จะสรรหาคำใดมาพูด ในตระกูลซ่ง ก็มีซ่งหม่านซานนี่ละที่พฤติกรรมเป็นเอกลักษณ์มากที่สุด เขาต่างหากกระมังที่ไม่เหมือนคนตระกูลซ่ง?
ไม่นานนักก็คัดเลือกบ๊ะจ่างหนึ่งร้อยชิ้นเรียบร้อย ซ่งหม่านซานหิ้วกลับเข้าห้องไปเกินกว่าครึ่ง จากนั้นไม่ทันไรก็เดินออกจากบ้านไปพร้อมบ๊ะจ่างยี่สิบชิ้น
ทันทีที่เขาออกไป ซ่งอิงสัมผัสได้ชัดเจนว่าเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ เจียวซื่อ รวมไปถึงมารดานางล้วนโล่งอกโล่งใจกันถ้วนหน้า
“น้องสะใภ้สี่ เจ้าก็ไม่รู้จักควบคุมเขาบ้าง ปากคอเช่นนั้นช่างทำให้ผู้คนโมโหยิ่งนัก วันๆ ไม่คิดอยู่บ้านอย่างสงบสุข อยากจะเฆี่ยนตีบรรดาเด็กๆ ใจแทบขาดแล้วใช่หรือไม่” พลังการสู้รบของเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กลับคืนมา
เหยาซื่อสะใภ้เล็กยิ้มบางๆ “พี่สะใภ้ หม่านซานครอบครัวพวกเรามิได้มีเจตนาไม่ดีหรอกเจ้าค่ะ”
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่หัวเราะเหยียดหยาม
ใช่ น้องสี่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดีไปหมด! ดังนั้นจึงล่อลวงเอาเจ้ากลับมาได้!
เหยาซื่อสะใภ้เล็กและนางเป็นพี่สาวน้องสาวบรรพบุรุษเดียวกัน หลังนางให้กำเนิดลูกต๋า เหยาซื่อสะใภ้เล็กก็ติดตามผู้อาวุโสมาเยี่ยมเยียนนาง ตอนนั้นน้องสี่เพิ่งอายุเท่าไรเอง? ก็รู้จักเกี้ยวพาราสีแม่นางสาวน้อยแล้ว!
น้องสี่เดิมทีก็ช่างเจ้าเล่ห์เจ้ากล นับแต่นั้นก็วิ่งไปทางด้านหมู่บ้านครอบครัวมารดานางอยู่เรื่อย นี่พอไปมาหาสู่กันหลายปีเข้า เมื่อถึงวัยควรออกเรือน น้องสี่จะเป็นจะตายต้องการแต่งนางเข้ามาให้จงได้
แม้กล่าวได้ว่าตอนนั้นสะใภ้เล็กอายุน้อยกว่าอาจไม่รู้ความ แต่ภายหลังต่อมาก็ควรต้องรู้อะไรต่อมิอะไรบ้างแล้วกระมัง นี่กลับถูกลักพาตัวมาง่ายดายเพียงนี้ ไม่มีความเป็นตัวอย่างที่ดีของลูกผู้หญิงเลยสักนิด น่าขายหน้าพวกเขาคนแซ่เหยายิ่งนัก!
ปกติแล้วพี่สะใภ้น้องสะใภ้สองคนนี้มีความสัมพันธ์ต่อกันที่ไม่เลวทีเดียว
แต่ยามนี้ครั้นซ่งหม่านซานกลับมา บรรยากาศก็พลันแตกต่างไป
เจียวซื่อดีใจอย่างยิ่ง นางอยากให้บ้านใหญ่และบ้านสี่เหน็บแนมกันขึ้นมา
ซ่งอิงคร้านสนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ของตระกูลซ่ง โชคดีที่นางถือว่าเป็นแม่นางที่ออกเรือนแล้ว ปัญหานี้จึงกระทบมาถึงตัวนางไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
ตอนเย็นยามที่พ่อเฒ่ากลับมาบ้าน นำโฉนดบ้านมอบให้ซ่งอิง “เรื่องทำโฉนดบ้านนี้เดิมทีก็ไม่ได้ใช้เวลานานหรอก เพียงแต่ระยะนี้ที่ทำการอำเภอมีเรื่องต้องจัดการ ดีที่ทำเสร็จออกมาได้ก่อนฉลองเทศกาล มิเช่นนั้นคงต้องเสียเงินจำนวนหนึ่งให้หัวหน้าหมู่บ้านเอาไปขอความช่วยเหลือเปิดทางสะดวกสักหน่อย”
ซ่งอิงมองดูโฉนดบ้าน รู้สึกพึงพอใจยิ่งนัก
นับแต่วันนี้เป็นต้นไป นางจัดการปรับปรุงลานบ้านผืนใหญ่ของนางได้เต็มที่แล้ว
แน่นอนว่า ต้องรอหลังซื้อที่ดินแล้ว หากยังเหลือเงินอยู่ ก็จะเอามาใช้กับบ้านหลังนี้
“ที่เจ้าอยู่อาศัยติดกับภูเขา ตอนกลางคืนต้องระมัดระวังหน่อย ได้ยินหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยว่า มีหัวขโมยกลุ่มหนึ่งหนีหลุดออกมา และก่อนหนีไป ยังเผาห้องด้านในที่ทำการอำเภอสองห้องอีกด้วย ดังนั้นที่ทำการอำเภอตอนนี้จึงยุ่งวุ่นวายมาก…ทว่าเจ้าก็ไม่ต้องกลัวไปหรอก หมู่บ้านเราแม้อยู่ใกล้กับที่ทำการอำเภอ แต่ก็คงไม่บังเอิญขนาดนั้น ตอนกลางคืนปิดประตูหน้าต่างให้ดีๆ ก็พอ” ชายชรากล่าว
ซ่งอิงขมวดคิ้ว
บ้านนางหลังนั้นชวนให้คนรู้สึกไม่ปลอดภัยเล็กน้อย
รอบนอกสุดไม่ใช่กำแพงสูง แต่เป็นรั้วไม้ ดังนั้นก่อนหน้านี้หลิวซื่อจึงเดินเข้าไปได้อย่างสบายๆ
ก่อนหน้านี้ยังคิดจะเลี้ยงหมาพันธุ์ดีที่ดูลักษณะคล้ายหมาป่าเอาไว้สองตัวเพื่อเฝ้าบ้าน ทว่าบิดานางยังไม่เจอตัวที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้อากาศอบอุ่นแล้ว อัตราการรอดชีวิตของหมาสูงขึ้นแล้ว คนจำนวนมากในหมู่บ้านต่างก็อยากเลี้ยงลูกหมา ตอนนี้จึงมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ
“ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะท่านปู่” ซ่งอิงยังคงขานรับอย่างเป็นธรรมชาติ
นางไม่ได้อยู่กินข้าวที่บ้านซ่ง ถือโอกาสที่ยังไม่มืดเตรียมกลับไป เพียงแต่เพิ่งพ้นประตูออกมาไม่ทันไร ก็ถูกคนด้านหลังเรียกรั้งไว้เสียแล้ว
ครั้นหันมองไป รู้สึกคุ้นหน้าเล็กน้อย แต่ก็ยังคงจดจำได้
ซ่งเสี่ยนนั่นเอง
นางและซ่งเสี่ยนไม่ได้เจอหน้ากันเลยตลอดที่ผ่านมา ตั้งแต่เจ้าของร่างกลับมาจนถึงเมื่อวานนี้ ซ่งเสี่ยนใช้ชีวิตของตัวเองอยู่ที่บ้านในตัวอำเภอมาโดยตลอด
พื้นเพของตระกูลซ่งถือว่าไม่เลวทั้งนั้น โดยรวมเรียกได้ว่า หน้าตาไม่อัปลักษณ์
“เมื่ครู่ได้ยินแม่ข้าพูดว่า น้องต๋าไม่รู้ความ ไปก่อเรื่องเป็นเพื่อนหลี่จิ้นเป่า ข้าขอโทษน้องสาวอย่างเจ้าผู้นี้ด้วย” ซ่งเสี่ยนพูดขึ้นมา
ซ่งอิงเลิกคิ้ว
ผิดปกติเห็นๆ
ซ่งเสี่ยน…เป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาทั้งนั้น!
ตอนที่ 112 คนขี้แพ้ดีแต่ปาก
เขาเป็นถึงหลานชายคนโตจากครอบครัวบุตรคนโต ได้รับความโปรดปรานตั้งแต่เล็ก ตอนห้าขวบก็เลยส่งไปแสวงหาความรู้ ภายหลังต่อมาไม่อยากร่ำเรียน เพียงประโยคเดียวก็พานให้พี่ชายของนางต้องกลับบ้านมาพร้อมกันด้วย!
อยู่ในครอบครัวนี้ แต่ไหนแต่ไรมาพูดอะไรก็ไม่เคยมีใครขัดใจได้ แม้แต่ลุงใหญ่อยู่ต่อหน้าเขา ยังไม่ส่งอิทธิพลอะไรต่อเขาได้มากมายนัก ในความทรงจำนาง ก็มีแค่คำพูดของพ่อเฒ่าที่เขาพอจะเชื่อฟังอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล่าวขอโทษนางแทนน้องต๋า?
ช่วงเวลาสองปี คนผู้นี้เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพียงนี้เชียวหรือ?
ซ่งอิงมองซ่งเสี่ยนด้วยแววตาประหลาดใจ
ซ่งเสี่ยนดูสงบนิ่งอย่างยิ่ง สีหน้าผ่อนคลาย คลี่ยิ้มกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ท่านปู่เพียงแค่เอ่ยถึงเรื่องของเจ้ากับข้าเอาไว้ ข้าคิดว่า เจ้าออกเรือนครานี้เป็นเพียงแผนการชั่วคราวเพื่อลดคำครหา อย่างไรเสียภายภาคหน้าก็ต้องหาคนอื่นดีๆ สักคน จึงไม่ได้กลับมา น้องพี่อย่าได้ถือสากันล่ะ”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” ซ่งอิงไม่ได้เก็บเอามาคิดเล็กคิดน้อยแต่อย่างใด
นางออกเรือนก็เพื่อจะได้แยกมาตั้งครอบครัวเดี่ยว เดิมทีก็ไม่มีงานเลี้ยงหรือเชิญญาติมิตรสหายอยู่แล้ว
“บ๊ะจ่างของน้องรอง ข้าได้ชิมแล้วชิ้นหนึ่ง รสชาติยอดเยี่ยมจริงๆ ค่อนข้างพิเศษด้วย ไม่รู้ว่ามีวิธีการทำอย่างไรหรือ ให้ท่านแม่ข้าได้เรียนรู้สักหน่อยได้หรือไม่ เจ้าก็รู้แล้วว่าพี่สะใภ้เจ้าตั้งท้องแล้ว กินเก่งจริง และชอบกินสิ่งนี้มากทีเดียวเชียว” ซ่งเสี่ยนกล่าวขึ้นอีกครั้ง
เขาก็ช่างตรงไปตรงมาดีเหมือนกัน
“ทุกวันนี้พี่ใหญ่ทำงานอยู่ที่โรงย้อมสีกับท่านลุงใหญ่สินะเจ้าคะ?” ซ่งอิงยิ้มตาหยีแล้วเอ่ยปากถาม
“ใช่แล้ว ว่าแต่น้องพี่อยากได้ผ้าสีสวยๆ สักสามสี่พับหรือ ทางโรงเก็บสินค้าของเถ้าแก่มีผ้าที่ย้อมแล้วมีตำหนิขายออกยากอยู่จำนวนหนึ่ง ไว้ข้ากลับไปแล้วเอามาให้เจ้าสักสามสี่พับแล้วกัน” ซ่งเสี่ยนกล่าวอย่างใจกว้าง
ซ่งอิงหัวเราะ “พี่ใหญ่พูดเป็นเล่นไป หากข้าให้สิ่งของแก่พี่ใหญ่ จะต้องเลือกที่ดีที่สุดให้แน่นอน ไฉนพี่ใหญ่จึงให้ผ้าที่ย้อมเสียหายแก่ข้าล่ะ?”
ซ่งเสี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ซื้อให้เจ้าสองพับก็ได้” ซ่งเสี่ยนกล่าว
ซื้อก็ย่อมได้ แต่อันดับแรกคือ บ๊ะจ่างทำอย่างไร ต้องบอกออกมาเสียก่อน
“ข้าไม่อยากได้ผ้าหรอก เอาเช่นนี้แล้วกัน ไม่สู้พี่ใหญ่บอกวัสดุการย้อมที่โรงย้อมใช้แก่ข้าว่าผสมอย่างไร ไว้กลับไปข้าก็จะได้ทำส่วนผสมขึ้นมาย้อมผ้าด้วยตนเองสักหน่อย?” ซ่งอิงถากถาง
ซ่งเสี่ยนเข้าใจในคำพูดดังกล่าว สีหน้าพลันถมึงทึงขึ้นมาทันที
“คนงานตัวเล็กอย่างพวกข้า ลงนามสัญญากับเถ้าแก่กันไว้ทั้งนั้น อย่าว่าแต่ข้าผู้เป็นลูกศิษย์คนหนึ่ง ไม่รู้ว่าทำส่วนผสมอย่างไร ต่อให้พ่อข้าทำงานจนชำนาญแล้ว ก็ไม่อาจบอกกล่าววิธีการทำส่วนผสมสีได้เช่นกัน ยกเว้นก็แต่อยากขึ้นโรงขึ้นศาล” ซ่งเสี่ยนเอ่ยพูดอย่างเย็นชาขึ้นมาก
“นั่นสิ ท่านยังต้องลงนามสัญญาเลย แล้วรู้ได้อย่างไรว่าข้าเองไม่มีการลงนามสัญญาเช่นกันน่ะ? วิธีการทำบ๊ะจ่างนี้หากข้าบอกกล่าวท่าน ข้าก็ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลเช่นกัน พี่ใหญ่เข้าใจได้หรือไม่” แน่นอนว่าซ่งอิงก็ชักสีหน้าใส่เขาเช่นกัน
เงินที่ให้ตระกูลซ่งหนึ่งร้อยตำลึงเงิน นางตั้งใจว่าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยมาแต่ไหนแต่ไร
อย่างไรเสีย นั่นก็คือความเต็มใจของเจ้าของร่าง ถึงขั้นรู้เช่นกันว่า เงินนี้จะไม่ตกมาถึงบิดามารดานาง ฉะนั้นตอนแรกจึงแอบแบ่งเอามาให้หร่วนซื่อเป็นการส่วนตัว แทนที่จะนำไปให้ชายชราโดยตรงทันที
ดังนั้นหลังนางกลับมา ก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับเงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินนี้ นอกเสียจากถูกบ้านใหญ่กดดันมากๆ เข้า จึงหยิบยกมาถากถางและข่มขู่เป็นครั้งคราว
แต่ต่อให้เป็นเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ อยู่ต่อหน้านางก็ไม่มีความมั่นอกมั่นใจเพียงนี้
คนที่ได้รับผลประโยชน์จากเงินเต็มๆ คือซ่งเสี่ยน คิดไม่ถึงว่ายังหน้าไม่อายขอตำรับลับจากนางอีก
ในสายตาคนตระกูลซ่ง ทั้งตระกูลซ่ง ก็มีซ่งหม่านซานที่ไม่ได้เรื่องที่สุด วันๆ เอาแต่หาเรื่อง แต่บัดนี้ นางกลับคิดว่า ซ่งเสี่ยนตากหากที่เป็นคนประเภทพวกขี้แพ้ดีแต่ปาก
“น้องรองปากคอเราะรายไม่เบา มิน่าล่ะจึงไม่มีคนต้องการ ทำได้เพียงแต่งงานกับคนตายไปแล้ว” ซ่งเสี่ยนถากถาง จากนั้นปรายตามองนางอย่างเหยียดหยาม
เดิมทีคิดว่าซ่งอิงจะบอกกล่าวออกมาอย่างว่าง่าย คิดไม่ถึงว่าจะดื้อรั้นเพียงนี้
นางไม่มีคนในครอบครัวสามีสักคน ภายภาคหน้ายังต้องพึ่งพาการช่วยเหลือจากครอบครัวมารดาตนเอง แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่รู้จักแยะแยกอะไรควรไม่ควรเช่นนี้
“หนังหน้าพี่ใหญ่นี่เคลือบเหล็กเอาไว้หรือ พอไม่ได้ของที่ต้องการ ก็เลยรังเกียจน้องสาวตระกูลตนเองเสียแล้ว?” ซ่งอิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“น้องรอง ที่ข้าปฏิบัติต่อเจ้าก็ถือว่าให้ความเกรงใจแล้ว ในเมื่อเจ้าไม่อยากให้ตำรับวิธีทำ เช่นนั้นก็เอาแบบนี้แล้วกัน ทุกวันให้คนนำบ๊ะจ่างหนึ่งพันชิ้นไปส่งที่ร้านขนมในตัวเมืองจะได้หรือไม่ นี่ถือเป็นการช่วยค้ำจุนกิจการเจ้าเห็นๆ” ซ่งเสี่ยนกล่าวอย่างหน้าตาเฉย
ซ่งอิงหัวเราะเยาะ
บ๊ะจ่างของนางขายไม่ออกแล้วหรือไร ต้องให้ซ่งเสี่ยนช่วยป่าวประกาศขายด้วยหรือ
มีสิ่งที่คาดหวังอยากได้จากคนอื่นเขาแท้ๆ ทว่าตัวเขากลับกระทำเช่นนี้น่ะหรือ!