ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 129 กลับบ้านเก่าไปด้วยกันเสียเลย ตอนที่ 130 ไม่เหลือคุณธรรมจริยธรรม
- Home
- ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล
- ตอนที่ 129 กลับบ้านเก่าไปด้วยกันเสียเลย ตอนที่ 130 ไม่เหลือคุณธรรมจริยธรรม
ตอนที่ 129 กลับบ้านเก่าไปด้วยกันเสียเลย
ครั้นซ่งอิงส่งเสียงออกมา หลิวซื่อตกตะลึงไปชั่ววูบ
ไฉนนางเด็กสาวสารเลวผู้นี้จึงอยู่ที่นี่?
ตอนเช้านางเห็นซ่งอิงออกจากบ้านเช่นกัน ตอนนั้นนึกว่าซ่งอิงกลับบ้านมารดาของนางเสียอีก เพียงแต่นางรู้ว่าสามีของตนเป็นคนขี้เกียจ ปกติอยู่บ้านตะวันลอยเด่นเหนือหัวแล้วก็ยังไม่ยอมตื่นนอน อยู่ทางด้านบ้านซ่งอิงนั้นก็ต้องเป็นเช่นเดียวกันแน่
หลิวซื่อสับสนเล็กน้อย
เหตุใดซ่งอิงจึงมีท่าทีมั่นใจในตัวเองถึงเพียงนี้ นางน่าจะร้อนตัวไม่ใช่หรือ
“ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าซ่งอิงเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา วันนี้หลิวซื่อพูดถึงข้าเช่นนี้ ข้าจะไม่อดทนโดยเด็ดขาด! ขอเชิญท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้านช่วยตัดสินแทนข้าด้วยเจ้าค่ะ!” ซ่งอิงกล่าว
หัวหน้าหมู่บ้านเห็นนางมีความมั่นใจเช่นนี้ เป็นธรรมดาที่จะเชื่อในตัวนาง
แม่นางสาวน้อยคนหนึ่ง หาเงินด้วยตนเองได้จำนวนไม่น้อย นอกจากนั้นยังรู้จักดูแลผู้อาวุโสในครอบครัวมารดา ทั้งยังบริจาคเงินให้ในหมู่บ้าน เห็นได้ชัดว่าเป็นคนหนึ่งที่อุปนิสัยซื่อตรงและจิตใจดีงาม แม่นางที่ลักษณะเช่นนี้ ต่อให้ใบหน้าเสียโฉมแล้ว แต่จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะถูกตาต้องใจหลี่ซาน?
หลี่ซานผู้นั้นเป็นคนที่วันๆ ไม่รู้จักทำอะไรมาแต่ไหนแต่ไร ต่อให้เป็นหญิงที่อายุสามสิบห้าปีก็ไม่ชายตาแลเขาเช่นกัน แล้วนับประสาอะไรกับซ่งอิง แม่นางน้อยที่อายุเพียงสิบเจ็ดสิบแปดปีผู้นี้
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน หากในบ้านนางไม่มี…ไม่แน่ว่าพวกเขาจะไปทำบัดสีบัดเถลิงกันในป่าล่ะเจ้าคะ?” หลิวซื่อรีบกล่าวทันควัน
ซ่งอิงหัวเราะเยาะ
“พี่น้องทุกท่าน ข้าซ่งอิง เติบโตมาท่ามกลางสายตาทุกท่าน ข้าเป็นคนเช่นไร คิดว่าทุกท่านต่างก็คงรู้ดี ส่วนหลิวซื่อ…ทุกคำพูดที่นางพูดล้วนดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย!”
“นางเอ่ยว่าสามีนางไปหาข้ากลางดึก แต่หากเป็นเช่นนี้ ทำไมนางจึงไม่รั้งไว้ล่ะ ต่อให้เป็นความต้องการพูดคุยเรื่องสินสอดจริงๆ ก็จำเป็นต้องเป็นช่วงเวลากลางดึกด้วยหรือ หลิวซื่อในฐานะผู้หญิง คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ว่าช่วงเวลากลางดึ กบุรุษและสตรีม่ายอยู่กันตามลำพังเป็นเรื่องไม่เหมาะสม?! นิสัยของนางเช่นนี้ หากสามีนางเอ่ยความต้องการเช่นนี้ออกมาจริง เกรงว่าต่อให้สู้จนตัวตายก็ต้องอาละวาดจนรู้ความจริงจากเขาให้ได้ จะปล่อยหนึ่งคืนผ่านพ้นไปเฉยๆ ได้อย่างไรหรือ!” ซ่งอิงชักสีหน้าจริงจังกล่าว
ลักษณะท่าทีของซ่งอิงที่ราวกับไม่เป็นเดือดเป็นร้อน มองดูแล้วยิ่งเปี่ยมไปด้วยความน่าเชื่อถือ
“ข้าคิดว่าซ่งอิงพูดถูก หลิวซื่อ นิสัยอย่างเจ้าผู้นี้จะอดทนได้หรือ หลายปีก่อนแม่ม่ายที่ร่ำรวยอันดับต้นๆ ในหมู่บ้านพูดคุยกับสามีเจ้าสองสามประโยค เจ้าก็ถือมีดไปก่นด่าเขายกใหญ่ ด่าเสียแม่ม่ายร่ำรวยผู้นั้นอับอายจนเงยหน้าไม่ขึ้น เกือบจะฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ! แล้วตอนนี้จะมองดูหลี่ซานไปหาซ่งอิงกลางดึกอย่างหน้าตาเฉยได้หรือ”
“หลี่ซานบ้านเจ้าไม่เอาการเอางานมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อก่อนก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยไม่กลับบ้านมาก่อน เขาไปในตัวอำเภอเพื่อเล่นพนันอยู่บ่อยครั้งไม่ใช่หรือ ไยเจ้าไม่ไปตามหาดูในอำเภอล่ะ”
“ซ่งเอ้อร์ยานางมีชีวิตยากลำบาก ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้ที่ยึดมั่นรักเดียวใจเดียวคนหนึ่ง เจ้าอย่าได้เป็นเพียงเพราะเรื่องของลูกชายเจ้าก็ใส่ร้ายไปสีเรื่อยเปื่อยสิ?”
……
ความมีมนุษย์สัมพันธ์ของซ่งอิงอาจธรรมดาทั่วไป แต่ส่วนดีที่ฮั่วหรงทิ้งเอาไว้ล้วนตกอยู่กับตัวนางทั้งสิ้น
คนที่ล้อมรอบอยู่นี้ ไม่มีสักคนที่ไม่ช่วยพูดแทนนาง
“เป็นนางนั่นละ! สามีข้าพูดกับข้าเองว่าจะไปหานาง!” หลิวซื่โกรธจัดแทบระเบิดจุณ
นางได้ยินกับหูตัวเอง แล้วยังจะไม่เป็นความจริงอีกหรือ
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดกับหลิวซื่อเอาไว้หลายครั้งมากแล้วว่าต่อให้ใต้หล้านี้ไม่มีบุรุษอื่นหลงเหลือแล้ว ข้าก็ไม่มีทางมีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวอันใดกับบุตรชายท่านแม้เพียงเล็กน้อย แต่ท่านกลับกลายเป็นว่า มาหาเรื่องข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า สามีท่านปล่อยหนอนลงในแปลงนาบ้านข้า ข้าก็อุตส่าห์ไม่เอาความอะไร ตลอดที่ผ่านมาเขาก็ยังคอยเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวแปลงต้นกล้าบ้านข้าอยู่บ่อยครั้ง ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่บ้าง และหลายวันก่อนท่านก็แอบเข้าไปในบ้านของข้า ด่าทอลูกชายข้า ขโมยน้ำพะโล้ที่ข้าใช้ทำบ๊ะจ่าง ข้าก็ไม่ถือโทษเอาความ แต่คิดไม่ถึงว่า พอพวกท่านสองสามีภรรยาแอบขโมยสูตรลับไม่สำเร็จ ก็เลยจงใจใส่ร้ายป้ายสีข้า กดดันให้ข้าไปตายเสีย!”
“ก็ได้ ในเมื่อท่านบีบบังคับข้า เช่นนั้นเราก็กลับบ้านเก่าไปด้วยกันเสียเลย!” ซ่งอิงดุดันขึ้นมากระทันหัน กระโจนพุ่งเข้าใส่
นางเคลื่อนไหวรวดเร็วเกินไป ทุกคนยังไม่ทันตั้งตัว นางก็กระชากเรือนผมของหลิวซื่อเอาไว้แล้ว
หยิก ดึง บิด และข่วนอย่างต่อเนื่อง
เนื้อหนังหลิวซื่อผู้นี้ช่างน่าลงมือเสียยิ่งกว่าหลี่จิ้นเป่าเสียอีก!
นางตักเตือนหลิวซื่อเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว หลิวซื่อไม่เชื่อฟัง คนที่จะช่วยจับเหาให้นางก็จะไม่ใช่โสมน้อยของครอบครัวนางอีกแล้ว แต่เป็นตัวนางเอง!
ถึงอย่างไรนางในตอนนี้ก็ถูกคนเขาให้ร้าย และถูกทิ่มแทงด้วยวาจา ฉะนั้นจะเดือดดาลจนสูญเสียการควบคุมก็ดูสมเหตุสมผลเช่นกัน ถึงขั้นไม่แน่ว่าจะมีผู้อื่นเชยชมว่านางเข้มแข็งอีกด้วย!
ตอนที่ 130 ไม่เหลือคุณธรรมจริยธรรม
คนอื่นๆ ล้วนถูกซ่งอิงสร้างความอกตกใจ กว่าพวกนางจะก้าวเดินเข้ามาห้ามการทะเลาะวิวาท หลิวซื่อก็ลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นแล้ว บนเรือนร่างนางถูกหยิกเป็นรอยจ้ำๆ หลายจุด ถึงกับส่งเสียงร้องโอดโอย
“เอ้อร์ยา พวกเราต่างก็เชื่อเจ้ากันทั้งนั้น! เจ้าอย่าหน้ามืดตามัวไป นี่หากตบตีจนตายแล้วจะทำอย่างไรล่ะ!”
“หัวหน้าหมู่บ้านซ่งต้องช่วยจัดการให้เจ้าแน่ รีบลุกขึ้นมาเร็วเข้า ลุกขึ้นเร็วเข้า หากหลิวซื่อได้รับบาดเจ็บจริงๆ ไม่แน่ว่าอีกเดี๋ยวนางจะเรียกเงินค่าเสียหายจากเจ้าเอาได้!”
“เอ้อร์ยา…”
แต่ละคนมือไม้พัลวัน ดึงรั้งซ่งอิงลุกขึ้นมา
ซ่งอิงไม่ได้ต่อต้านเช่นกัน เพียงแต่ยามที่ลุกขึ้นมา เท้าก็ยังยกขึ้นถีบหลิวซื่ออีกสองที
เพียงชั่วพริบตาเดียว หลิวซื่อเปลี่ยนไปอยู่ในสภาพที่น่าอับอายอย่างยิ่ง
ผมเผ้ายุ่งเหยิงดุจผี โลหิตไหลออกจากจมูกชวนตกใจ
หยาดน้ำตาและโลหิตที่ไหลออกมาจากจมูกเปรอะเปื้อนทั้งใบหน้า มือคู่นั้นกำลังสั่นระริก ชี้นิ้วใส่ซ่งอิงพลางก่นด่าทั้งน้ำตา “นี่มันภูตผีปีศาจชัดๆ อา สวรรค์ไม่เหลือคุณธรรมจริยธรรมบ้างเลยหรือ สวรรค์อา! ข้านี่โชคร้ายจริงๆ ซ่งเอ้อร์ยานางเป็นคนรุ่นลูกข้าได้ด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่าจะยั่วสามีของข้าให้ลุ่มหลง เจ้าคนเหล่านี้ต่างก็เข้าข้างนางปีศาจจิ้งจอกผู้นี้ ถูกนางหลอกให้หลงเชื่อกันหมดแล้วสินะ!”
ซ่งอิงชักสีหน้าเย็นชา มองดูคล้ายต้องการกระโจนเข้าไปเล่นงานคนเขาอีกครั้ง “สามีข้าฮั่วหรงเป็นผู้มีจิตใจดีงามยิ่งใหญ่ มีชื่อเสียงในละแวกหมู่บ้านใกล้เคียงนี้ ก่อนเขาเสียชีวิตก็เป็นบุรุษหนุ่มคนหนึ่งที่หน้าตาหล่อเหลา ข้าชื่นชมในอุปนิสัยของเขา ถูกตาต้องใจในรูปลักษณ์ของเขา ยินดีอยู่เฝ้าสุสานเขาไปชั่วชีวิต หลี่ซานบ้านท่านมีอะไรดีหรือ! ก็แค่คนหนึ่งที่วันๆ ไม่รู้จักทำอะไร ขี้เกียจตัวเป็นขน พูดจาไม่มีเหตุมีผล จะมองอย่างไรก็ดูเหมือนคนไร้ประโยชน์ รูปลักษณ์ก็เหมือนหมาจรจัด จะเทียบสามีผู้ล่วงลับของข้าได้อย่างไรกัน! ท่านใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ในปากเต็มไปด้วยวาจาสกปรก ดูหมิ่นเหยียดหยามความบริสุทธิ์ของข้า อยากจะทำให้สามีผู้ล่วงลับของข้าโกรธใช่หรือไม่ ไม่กลัวบ้างหรือว่ากลางดึกประตูวิญญาณเปิด สามีผู้ล่วงลับของข้าจะมาคิดบัญชีกับท่านถึงที่!?”
ก็แค่ดีแต่ปากเองนี่หว่า! นาง ซ่งอิงเคยกลัวใครที่ไหน?!
เมื่อเอ่ยถึงฮั่วหรง ผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างรู้สึกหวาดเกรง
นั่นเป็นคนที่มีจิตใจดีงามยิ่งใหญ่เชียวนะ!
แม้ว่าซ่งอิงไม่ได้เป็นสามีภรรยากับฮั่วหรงจริงๆ แต่ตอนนี้คนเขาคือคนของฮั่วหรงที่เสียชีวิตไปแล้วจริงๆ แล้วยังเลี้ยงดูทายาทของฮั่วหรงอีกด้วย ทำให้ฮั่วหรงมีคนสืบทอดวงศ์ตระกูลต่อไป!
เงินของฮั่วหรงก็ใช้จ่ายไปกับทุกคน แล้วใครบ้างจะจดจำความดีของเขาไม่ได้?!
อีกทั้งที่ซ่งอิงพูดก็ถูกเช่นกัน
ต่อให้ฮั่วหรงเป็นคนหนึ่งที่ตายไปแล้ว แต่นั่นก็ยังยอดเยี่ยมกว่าหลี่ซานมากมาย
หลี่ซาน…
ก็แค่ดีกว่าเปาไล่จื่อที่วันๆ อยู่ในหมู่บ้านโดยไม่ทำเรื่องราวอันเป็นประโยชน์ใดๆ ก็เท่านั้นเอง!
หากเป็นก่อนหน้านี้ยังสงสัยอยู่บ้าง แต่ในเวลานี้ แทบจะทุกคนล้วนคิดว่าหลิวซื่อพูดจาเหลวไหล
ผู้คนกลุ่มหนึ่งเตรียมช่วยพูดแทนซ่งอิง ก็มีคนกลุ่มหนึ่งแห่กันเข้ามาจากด้านนอกบ้านหัวหน้าหมู่บ้าน ทุกคนต่างหันไปมอง พลันตระหนกตกใจขึ้นมาชั่ววูบ
เห็นเพียงคนของตระกูลซ่งเดินเข้ามา
“ทำอะไรกันน่ะ!? รังแกหลานสาวข้าที่ไร้ครอบครัวแม่สามีใช่หรือไม่! นางไม่มีครอบครัวสามี แต่ยังมีครอบครัวมารดาอยู่ทั้งคน!” ซ่งหม่านซานเดินอยู่ด้านหลังพ่อเฒ่าแต่ส่งเสียงตะโกนลั่นนำขึ้นมาก่อนแล้ว
แต่ละคนต่างเปิดทางเพื่อให้ผู่เฒ่าซ่งเดินเข้าไปโดยปริยาย
หลิวซื่อมองเห็นผู้มาเยือน ตกอกตกใจเช่นกัน
ทันทีที่พ่อเฒ่าเดินพ้นประตูเข้ามา ตวัดสายตามองหลิวซื่ออย่างเย็นชา แล้วกล่าวกับหัวหน้าหมู่บ้าน “เอ้อร์ยาโถวตระกูลข้า ไม่มีทางกระทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าประเภทนั้นโดยเด็ดขาด! เรื่องราววันนี้หลิวซื่อจำเป็นต้องมีการชดใช้ให้แก่นาง!”
“ใช่! หลานสาวคนรองของข้าผู้นี้ได้พบเห็นโลกภายนอกมีความรู้สติปัญญา หลี่ซานเป็นคนประเภทไหน ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวเทียบกับสัตว์เดียรัจฉานไม่ได้ด้วยซ้ำ เอ้อร์ยาโถว ต่อให้ตาบอดก็ไม่ถูกตาต้องใจเขาแน่! ขืนใครยังริอาจพูดจาเหลวไหลอีก ระวังข้าจะเอามีดสับเสียเลย!” เจียวซื่อเดือดดาล
“ใช่! หลิวซื่อ เจ้ามันเป็นคนจิตใจชั่วช้า ที่เจ้าได้ใช้ชีวิตสุขสบายระดับนี้ ไม่ใช่เพราะบุญคุณของฮั่วหรงหรอกหรือ! ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว เจ้ารังแกภรรยาของเขา ข้าว่าเจ้าก็เป็นแค่คนไม่รู้บุญคุณคน! ทั้งครอบครัวไม่มีใครดีสักคน!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กล่าวอย่างโมโหเช่นกัน
เหยาซื่อสะใภ้เล็กขานสำทับทันทีทันใด แต่อย่างไรเสียด้วยความที่อายุน้อย และซ่งหม่านซานก็อยู่ตรงหน้า จึงไม่กล้าส่งเสียงตะโกนเรื่อยเปื่อยทำลายภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนในใจของสามีตนเอง
หร่วนซื่อนึกเดือดดาลอยู่ในใจ