ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 17 ฟ้าดินรู้เห็นเป็นพยานได้ ตอนที่ 18 ทุกบ้านล้วนมีความนึกคิดที่ยากจะอ่านเข้าใจได้
- Home
- ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล
- ตอนที่ 17 ฟ้าดินรู้เห็นเป็นพยานได้ ตอนที่ 18 ทุกบ้านล้วนมีความนึกคิดที่ยากจะอ่านเข้าใจได้
ตอนที่ 17 ฟ้าดินรู้เห็นเป็นพยานได้
หลิวซานเหนียงขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินดังกล่าว “เจ้าช่วยชีวิตลูกข้า? เป็นไปไม่ได้! เขาถูกเจ้าทุบตีจนล้มไปกองบนพื้นเห็นๆ! นี่เป็นคำพูดจากปากลูกชายข้า!”
“ข้า? ทุบตีหลี่จิ้นเป่า?” ซ่งอิงมองนางอย่างตกตะลึงปนประหลาดใจ จากนั้นก้มหน้ามองท่อนแขนเล็กๆ ของตนเอง “อาสะใภ้หลิวซาน แม้ข้า…อายุไม่ใช่น้อยๆ ไม่ถือว่าเป็นเด็กน้อยแล้ว แต่…จะอย่างไรหลี่จิ้นเป่าก็เป็นผู้ชายนี่เจ้าคะ? แล้วนี่ข้า…จะทุบตีเขาได้อย่างไร เขาได้บอกกล่าวอย่างละเอียดไว้หรือไม่”
“อย่างไรก็ช่าง เป็นเจ้านั่นละที่เล่นงานเขา! เขากล่าวว่าเจ้าบิดเขา ทุบเขา หากไม่ใช่เจ้า ลูกชายข้าอยู่ดีๆ จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร!” ตามจริงในใจลึกๆ แล้วหลิวซานเหนียงไม่ค่อยเชื่อคำพูดลูกชาย แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!
ซ่งอิงถอนหายใจ
“วันนี้ข้าเพิ่งมีปากเสียงทะเลาะกับน้องต๋าที่ไม่รู้ความของครอบครัวข้าไป จึงได้ยินจากปากน้องต๋ามาว่า พี่หลี่อยู่ดีไม่ว่าดี คิดไม่ถึงเลยว่าจะออกไปพูดจาเหลวไหลภายนอก กล่าวว่าข้าตามตอแยเขาไม่เลิก…ฟ้าดินรู้เห็นเป็นพยานได้ นับแต่ข้ากลับมาบ้าน คิดเพียงแค่จากนี้ขอใช้ชีวิตเพื่อตอบแทนคุณบิดามารดา ไม่เคยคิดจะออกเรือนเลยสักครั้ง แม้ข้าจากบ้านไปนาน แต่ที่ผ่านมาเป็นคนเช่นไร ทุกคนก็เห็นๆ กันอยู่ชัดเจน ส่วนพี่หลี่เป็นคนเช่นไร สองปีมานี้…ทุกคนยิ่งรู้ชัดกระจ่างแจ้งกระมัง?”
“ในใจข้านี้รู้สึกไม่เป็นธรรมยิ่งนัก แต่ก็คิดว่าบางทีอาจมีความเข้าใจผิดกัน ดังนั้นก็เลยไม่อยากรบกวนท่านพ่อท่านแม่ให้ไปพูดคุยชี้แจงถึงบ้าน วันนี้ข้าออกจากบ้านไปขุดไส้เดือน คิดไม่ถึงว่านี่จะเป็นการนำปัญหามาสู่ตัว”
“ข้าละอยากถามอาสะใภ้หลิวซานว่า ลูกชายท่านมิได้ป่วยเป็นโรคอะไรที่บอกผู้อื่นมิได้ใช่หรือไม่ ดังนั้นแม้แต่ข้าลูกผู้หญิงตัวคนเดียวก็ยังสู้มิได้? ถึงถูกข้าทุบตีจนต้องนอนกลิ้งเกลือกบนพื้นไปเสียได้?”
“กล่าวว่าข้าบิดเขา หยิกเขา ทุบเขา…คำพูดนี้มัน…” ซ่งอิงคลี่ยิ้มอย่างถ่อมตน “บรรดาอาสะใภ้และยายๆ บ้านอื่นก็น่าจะเคยหยิกคนมาบ้างเช่นกันกระมัง? ก็ควรถามไถ่ดูหน่อยว่า หยิกอย่างไร ถึงหยิกออกมาแล้วเป็นอะไรมากมายได้เสียขนาดนั้น…”
อย่างไรก็ตาม นางไม่ขอยอมรับเป็นอันเด็ดขาด
ตั้งแต่เริ่มต้นจนท้ายสุด ซ่งอิงเพียงแค่บรรยาย ‘เรื่องราวความจริง’ อย่างเรียบเฉย ไม่ร้องไห้ ไม่เอะอะโวยวาย แม้กระทั่งใบหน้าก็ยังเผยรอยยิ้มอย่างขี้ขลาดตาขาวแต่งแต้มเอาไว้ด้วย
แต่ก็เพราะความสงบนิ่งเยือกเย็นของนาง คำพูดเหล่านี้ถึงยิ่งฟังขึ้น
หนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมา ทุกคนรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งต่อซ่งอิง
คนจำนวนมากล้วนอยากรู้ว่า นางถูกรับตัวไปแห่งหนใดมา ครอบครัวซ่งไม่ได้พูดสู่ภายนอกเช่นกันว่าบิดามารดาผู้ให้กำเนิดนางนั้นเป็นคนเช่นไร ฉะนั้นทุกคนจึงยังคงประหลาดใจอยู่เลย…
ทว่า เกี่ยวกับซ่งอิงในอดีตที่ผ่านมา ทุกคนล้วนเข้าใจทั้งสิ้น
เป็นแม่นางที่รู้ประสีประสาคนหนึ่ง
ได้ยินมาว่าครอบครัวคนใหญ่คนโตเต็มไปด้วยกฎระเบียบมากมาย จึงเป็นไปไม่ได้กระมังที่จะสอนให้แม่นางครอบครัวตนเองทุบตีผู้คน นอกจากนั้น ดูรูปลักษณ์อิริยาบถของซ่งอิง แม้กล่าวได้ว่ารูปลักษณ์ในตอนนี้เสียโฉมไปแล้ว แต่บุคลิกรวมไปถึงอุปนิสัยยังคงอยู่นี่!
กล่าวว่านางทุบตีคน? นั่น…เป็นไปไม่ได้แน่นอน!
“บ้านสามครอบครัวหลี่ เจ้าช่างพูดจาเหลวไหลไปเรื่อยจริงๆ หลี่จิ้นเป่าบ้านเจ้ารูปร่างอย่างกับก้อนหิน อย่าว่าแต่ซ่งเอ้อร์ยาเลย ต่อให้เป็นหลานชายคนโตบ้านข้า ก็สู้เขามิได้หรอก!”
“ก็นั่นน่ะสิ ล้วนเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงกันทั้งนั้น เอ้อร์ยาเกิดเรื่องประเภทนี้ จะอย่างไรเจ้าก็เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง ไม่ปลอบประโลมก็ไม่ช่างปะไร แต่นี่ยังมาหาเรื่องถึงบ้านอีก ช่างไร้มโนธรรมจริงๆ!”
ข้าว่าคงจริงอย่างที่เอ้อร์ยาพูด จิ้นเป่านี่ ไม่แน่ว่าอาจเป็นโรคอะไรที่ไม่ได้บอกคนอื่น เช่นนั้นจะยืดเยื้องานแต่งนี้ออกมาเรื่อยจนถึงบัดนี้หรือ”
ทุกคนพูดกันเรื่อยเปื่อย ก่อนเริ่มเอ่ยถึงหลี่จิ้นเป่าขึ้นมา
หลี่จิ้นเป่าในสองปีมานี้…ดูมีปัญหาอยู่เล็กน้อย
แม่สื่อแวะเวียนไปมาหลายครั้งหลายครา เรื่องงานแต่งก็ไม่เคยเป็นผลสำเร็จเสียที
หลังจากซ่งอิงกลับมา หลี่จิ้นเป่าล้มเลิกความตั้งใจ นี่ถึงได้หมั้นหมายเสียที
อีกทั้ง เมื่อก่อนหลี่จิ้นเป่าผู้นี้เป็นเด็กดีที่รู้ความคนหนึ่งเช่นกัน แต่สองปีมานี้…กระทำเรื่องไม่ค่อยเหมาะสมจริงๆ วิ่งถ่อไปมาบ้านซ่งบ่อยครั้ง ส่วนที่ว่ามีความนึกคิดอะไรนั้น พวกเขาล้วนรู้ชัดกระจ่างแจ้ง
จะเป็นอื่นใดไปได้ นอกเสียจากอยากให้ครอบครัวซ่งบอกกล่าวที่อยู่ของซ่งอิง เขาจะได้ง่ายต่อการตามไปหา
หากตามไปถึงบ้านบิดามารดาผู้ให้กำเนิดนางได้จริง จากนั้นเกาะคนเขาให้อยู่หมัด โดยการกล่าวว่าเป็นคู่หมั้นหมายกันตั้งแต่เด็ก มีความรักใคร่ต่อกันลึกซึ้ง หรืออาจถึงขั้นกล่าวว่ามีความสัมพันธ์เลยเถิดกันไปแล้ว ครอบครัวคนใหญ่คนโตนั้นก็คงต้องจำใจยอมรับเขาไว้มิใช่หรือ!
ตอนที่ 18 ทุกบ้านล้วนมีความนึกคิดที่ยากจะอ่านเข้าใจได้
น่าเสียดาย ตลอดที่ผ่านมาครอบครัวซ่งไม่หลงกลลูกไม้ตื้นๆ นี้ของหลี่จิ้นเป่า เกี่ยวกับเรื่องราวของซ่งอิง ปิดปากสนิทไม่เอ่ยถึงแม้แต่น้อย
ทุกวันนี้บรรดาชาวบ้านรู้เพียงแค่เมื่อก่อนบิดามารดาซ่งอิงอาศัยอยู่เมืองหลวง ส่วนอื่นนอกจากนี้ล้วนไม่รับรู้
บรรดาชาวบ้านในหมู่บ้านพอรู้อยู่เช่นกันว่าครอบครัวซ่งมีญาติผู้ดำรงตำแหน่งขุนนางชั้นผู้ใหญ่ เพียงแต่คนวงศ์ตระกูลซ่งไม่มีลูกหลานมากมาย ต่อให้มีคนรับรู้ว่าครอบครัวซ่งมีสัมพันธ์ฉันญาติมิตรกับจวนโหว แต่ก็ไม่มีทางคิดว่าคนใหญ่คนโตผู้นั้นจะหมายถึงคนทางด้านจวนโหว
อย่างไรเสีย หากหมายถึงจวนโหวจริงๆ…มีหรือจะส่งบุตรสาวให้ครอบครัวชาวไร่ชาวนาเลี้ยงดู?
อย่างมากสุดก็เป็นตระกูลภูมิหลังสามัญชนผู้ร่ำรวยเท่านั้น
ครอบครัวซ่งก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักแยกแยะอะไรดีไม่ดี รู้อยู่แก่ใจว่าสัมพันธ์ที่มีกับจวนโหวห่างไกลเหลือเกิน ดังนั้นจึงไม่ป่าวประกาศให้รู้โดยทั่วในหมู่บ้าน ปีนั้นยามที่หนีภัยพิบัติ ก็กล่าวเพียงแต่ไปขอพึ่งพิงญาติที่ตั้งหลักปักฐานในเมืองหลวง ไม่กล้าบอกว่าเป็นจวนโหว ด้วยเกรงว่าผู้คนจะพร้อมใจกันมาเกาะแจ ทำให้จวนโหวคิดว่าพวกเขาปัญหาเยอะเกินไป
เวลานี้ผู้คนที่พูดเข้าข้างซ่งอิงมีจำนวนไม่น้อย
และเห็นใจนางที่ยังสาวก็ต้องมาหน้าเสียโฉมเสียแล้ว ภายภาคหน้าเกรงว่ากระทั่งพ่อม่ายเฒ่าก็ไม่ยินดีมาสู่ขอนางถึงที่ด้วยซ้ำไป
มิน่าล่ะ หลี่จิ้นเป่าตอนนี้ถึงพูดคุยกับนางอย่างสงวนคำพูดเสียยิ่งอะไรดี
“จิ้นเป่าลูกชายบ้านพวกข้ามิได้ป่วย! เป็นนางนั่นละที่ทุบตีเขา!” หลิวซานเหนียงโกรธเกรี้ยวแทบขาดใจตาย
คิดไม่ถึงเลยสักนิดว่า ซ่งเอ้อร์ยาจะปากคอใช้ได้ทีเดียว กล่าวเพียงไม่กี่คำพูด ก็ทำให้คนเขาพากันตำหนิครอบครัวนางได้แล้ว!
“สาเหตุทั้งหมดทั้งมวลที่ป้าสามใส่ร้ายป้ายสีข้า จะเป็นอื่นใดไปได้หากไม่ใช่เพราะเกรงว่าข้าที่รูปลักษณ์เสียโฉมแล้วจะตอแยหลี่จิ้นเป่าไม่เลิกรา…” ซ่งอิงถอนหายใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ขอสาบานต่อหน้าทุกคนเลยแล้วกันว่า หากภายภาคหน้าข้าเข้าไปข้องเกี่ยวกับหลี่จิ้นเป่าแม้เพียงเล็กน้อย ขอให้ข้าซ่งอิงผู้นี้ท้องไส้ทะลัก ไม่ได้ตายดี!”
เมื่อคำพูดดังกล่าวหลุดออกไป ภายในใจคนอื่นๆ ต่างรู้สึกตระหนกตกใจอย่างยิ่ง
ช่างเป็นเด็กสาวผู้น่าสงสารคนหนึ่งจริงๆ เลย!
“นางโสเภณี! อย่าคิดว่าเจ้าสาบานสองประโยคก็จะทำให้ข้าเชื่อเจ้าได้! เจ้าทำร้ายลูกข้า จะต้องชดใช้ค่ายารักษามาด้วย!” หลิวซื่อเดือดดาลจนแทบจะระเบิดเป็นจุล
นี่สิถึงจะเป็นจุดมุ่งหมายการมาของนางในครานี้
ไปเชิญหมอมาแล้ว ใครจะรู้ว่าต้องเสียเงินให้กี่เหรียญทองแดง[1]?!
ซ่งอิงขมวดคิ้วแน่น “ข้าไม่ได้ทำอะไรหลี่จิ้นเป่าสักหน่อย ทำไมต้องจ่ายค่ายาค่ารักษาแทนเขาด้วย? อาสะใภ้สาม ท่านช่วยพูดอย่างมีเหตุมีผลหน่อยสิ!”
คนอื่นทนมองดูต่อไปไม่ไหวแล้วเช่นกัน
“หลิวซานเหนียง เจ้าพอได้แล้ว หากเจ้าเป็นห่วงลูกชายจริงก็รีบๆ กลับบ้านไปดูเขาเสีย! มัวหาเรื่องเอ้อร์ยาอยู่ทำไมกัน!”
“มองดูเอ้อร์ยาสิ เจ้าก็ยังรังแกนางได้ลงคอ? เมื่อก่อนนางปฏิบัติต่อเจ้าอย่างเคารพเกรงใจ แม้ตอนนั้นเรื่องงานแต่งเจรจาไม่สำเร็จ แต่จะผูกใจเจ็บกันก็ไม่ได้นี่!”
“ก็นั่นสิ อย่างจิ้นเป่าที่ไม่ได้รูปลักษณ์ดีเด่นักหนา หากเป็นข้า ก็ไม่ยกลูกสาวของครอบครัวแต่งเข้าบ้านเจ้าเช่นกัน!”
“…”
เจ้าเอ่ยคำข้าต่อความคำ นางหลิวถึงกลับไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
นางกระทืบเท้าด้วยความโกรธจัด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ และจริงอยู่ที่ในใจเป็นห่วงอาการบุตรชาย นางชี้นิ้วใส่ซ่งอิง นิ่งเงียบพูดไม่ออกอยู่พักใหญ่ ก่อนทำได้เพียงเดินจากไปอย่างเดือดดาล
“นังหนูซ่งอิงอา ภายภาคหน้าเจ้าต้องทดแทนบุญคุณแม่เจ้าให้ดีๆ แล้วก็ไม่ต้องคิดให้มากมายเพียงนั้นไปหรอก!” มีหญิงชราคนหนึ่งทอดถอนใจแล้วกล่าวกับซ่งอิง
ซ่งอิงเผยสีหน้าจริงจังพยักหน้าตอบรับทันควัน “แม่ย่าสาม ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ข้านิสัยอ่อนโยน แต่หลังข้าเผชิญเรื่องราวต่างๆ แล้ว นางก็รู้จักยืนหยัดปกป้องข้าแล้วเช่นกัน ภายภาคหน้าข้าจะต้องทดแทนพระคุณนางอย่างดีแน่นอนเจ้าค่ะ”
เพื่อนบ้านคนอื่นอดมองบ้านอื่นๆ ของตระกูลซ่งไม่ได้
ในบ้านนี้…คงมีคนอยู่กระมัง?
ทว่านี่หลิวซานเหนียงมาหาเรื่องถึงหน้าประตูบ้านแท้ๆ คิดไม่ถึงว่าจะไม่โผล่หน้าออกมาช่วยเหลือกันสักแรง?
ต่อให้แยกครอบครัวแล้ว แต่ตัดกระดูกก็ยังเหลือเส้นเอ็นนี่? เหลือเกินจริงๆ…ทุกบ้านล้วนมีความนึกคิดที่ยากเกินอ่านเข้าใจได้จริงๆ!
ซ่งอิงไม่ยึดติดกับสิ่งที่ผ่านพ้นไป ริเริ่มปรับเปลี่ยนตัวตนใหม่อย่างรวดเร็ว ส่วนทางด้านหร่วนซื่อ แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านไปแล้วแต่ในใจยังคงหวาดผวาอยู่เช่นเดิม
หลังกลับเข้าห้องยังไม่ลืมถามไถ่ซ่งอิงว่า สรุปแล้วเรื่องราวหลี่จิ้นเป่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ซ่งอิงเกรงว่าพูดความจริงจะทำให้หร่วนซื่อวิตกกังวล จึงบอกกล่าวไปว่า “ท่านแม่ นั่นเป็นหลี่จิ้นเป่าที่ลงไปนอนร้องโอดโอยบนพื้นเองอย่างน่าประหลาด ข้าตกใจแทบแย่ กลับหลังหันได้ก็วิ่งหนีทันที”
หลี่จิ้นเป่าไม่เอาไหนเอง ฉะนั้นจะกล่าวโทษนางลงมือโหดเหี้ยมก็คงไม่ได้
[1] เหรียญทองแดง (铜钱) เป็นสกุลเงินจีนโบราณชนิดหนึ่ง เหรียญจีนโบราณส่วนใหญ่หล่อในรูปของโลหะผสมทองแดง ลักษณะกลมและมีรูตรงกลาง