ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 181 สวรรค์ลิขิต ตอนที่ 182 ขุดสมุนไพร
ตอนที่ 181 สวรรค์ลิขิต
เมื่อก่อนหลี่จิ้นเป่าดูถูกซ่งอิง คิดว่าถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่คนที่เกิดจากตระกูลซ่งโดยแท้จริงและไม่มีที่พึ่งพิง รูปลักษณ์ก็เสียโฉมแล้ว แต่ตอนนี้ เขาไม่ได้คิดเช่นนี้แล้ว
เขาอายุมากกว่าซ่งอิงไม่กี่เดือน สองปีมานี้เจรจาเรื่องงานแต่งมาแล้วไม่น้อย ทว่าล้วนไม่สำเร็จลุล่วง โดยเฉพาะครั้งท้ายสุดนี้ยังถูกถอนหมั้นอีกด้วย และข่าวลือที่ว่าเขามีโรคประจำตัวที่ปกปิดเอาไว้ก็แพร่งพรายไปทั่ว
เขารู้ดี หลังจากนี้เกรงว่าภรรยาของเขาจะไม่ค่อยดีงามเท่าใดนัก
หากไม่ใช่แม่นางที่นิสัยไม่ค่อยดีจึงไม่มีคนต้องการ ก็คงเป็นคนที่รูปลักษณ์ไม่น่ามองคนอื่นจึงไม่ถูกตาต้องใจ ถึงขั้นเป็นประเภทที่ทั้งยากจนทั้งขี้เกียจทั้งโง่เขลา โดยสรุป แม่นางที่ครอบครัวดีๆ เกรงว่าจะไม่ชายตามองเขาแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น นับประสาอะไรกับที่บิดาเขาสภาพร่างกายก็ไม่สมประกอบ ตอนนี้ยังลงจากเตียงไม่ได้ นอนพักรักษาอยู่บนเตียงตลอดเวลา เห็นสภาพเช่นนั้น หลังจากนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะดำเนินไปอีกนานเท่าใด ยิ่งไปกว่านั้นระยะนี้เขาไอหนักขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันจำต้องเตรียมน้ำแกงเป็นถังๆ
ค่าใช้จ่ายไม่น้อย
มารดาเขาชื่อเสียงย่อยยับแล้ว และใครๆ ก็สงสารบุตรสาวตัวเองกันทั้งนั้น จึงไม่อาจทำใจส่งบุตรสาวมาถูกกดขี่ข่มเกงใต้เงื้อมมือมารดาเขาได้
แล้วนับประสาอะไรกับที่หลังตระกูลหลี่แยกครอบครัวยังต้องเลี้ยงดูหญิงชราอีก บัดนี้ในครอบครัวได้แต่อาศัยที่ดินเหล่านั้น และในมือผู้เป็นย่าของเขายังพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่ต้องซื้อยาเป็นประจำเสียที่ไหน
โดยสรุปคือ เขาสิ้นไร้ไม้ตอกแล้ว
ดังนั้นระยะนี้ เขาคิดวกไปวนมา สวรรค์ลิขิต ชั่วชีวิตเขาผู้นี้เกรงว่าจะทำได้เพียงสู่ขอผู้ที่อัปลักษณ์ระดับซ่งอิงเช่นนี้เสียแล้ว
ซ่งอิงไร้ทรัพย์สินไร้รูปลักษณ์ที่งดงามแล้วยังมีลูกชายอีกหนึ่ง แต่ดีตรงที่มีตำรับลับอยู่ในมือ มีเงินเก็บ มีบ้าน แล้วยังมีที่ดินอีกยี่สิบเอ็ดหมู่!
พอกลบเกลื่อนข้อเสียงของนางได้บ้าง
แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า หญิงผู้นี้เป็นคนที่มักมากในกาม!
หลี่จิ้นเป่ากัดฟันแน่น ทั้งผิดหวังทั้งโกรธเกรี้ยว!
เขารับได้ที่ซ่งอิงแต่งงานแล้ว อย่างไรเสียคนผู้นั้นก็ตายไปนานแล้ว ทั้งสองไม่ได้ใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาร่วมกัน เขารับได้ที่ซ่งอิงมีลูก เพราะนั่นก็เป็นแค่เด็กที่เก็บเอามาเลี้ยง…
แต่เขารับไม่ได้ที่ซ่งอิงไม่บริสุทธิ์แล้ว!
ไม่อยู่เป็นแม่ม่ายเพื่อฮั่วหรงให้ดีๆ แต่กลับคบชู้เสียได้!
ช่างน่ารังเกียจจริงๆ!
อยากไปลงโทษนางอย่างรุนแรงเสียตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด!
อย่างไรก็ตาม สติสัมปชัญญะบอกกล่าวเขาว่าเขาทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น แม้แต่ก่อนหน้านี้ที่ให้หนิวซานซานเด็กคนนั้นไปสั่งสอนฮั่วหลินก็ยังคว้าน้ำเหลว
ฮั่วหลินไม่เป็นอะไรเลย ถึงขั้นวิ่งหนีได้ กระโดดโลดเต้นได้ และสองวันนี้ก็วิ่งรอบหมู่บ้าน ชวนให้เด็กๆ จำนวนหนึ่งพร้อมใจกันมาร่วมวงสนุกสนานไปด้วย
นี่ไม่ใช่ลางสังหรณ์ล่วงหน้าที่ดีเลย อย่างไรเสีย เมื่อบรรดาเด็กๆ รวมตัวอยู่ด้วยกันก็ต้องพูดคุยหัวเราะสนุกสนาน พูดคุยมากๆ เข้า แน่นอนว่าก็จะกลายเป็นสหายที่ดีต่อกัน เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเด็กๆ ดีต่อกัน เช่นนั้นระหว่างผู้ใหญ่ก็จะไปมาหาสู่กันบ่อยครั้งขึ้นเช่นกัน ซ่งอิงนับวันก็ยิ่งไม่เหมือนแม่ม่ายตัวคนเดียวแล้ว
อีกอย่าง ตอนนี้เขารับรู้จากทางด้านเจียงจื่อชางมาว่า ซ่งสวินไปในตัวอำเภอไม่ใช่ไปทำงาน แต่ไปขอเรียนหนังสือ
เขารู้อยู่แล้วว่าซ่งสวินมีพรสวรรค์และความสามารถ
ตอนยังเด็ก เขา เจียงจื่อชาง แล้วก็ซ่งสวิน เป็นผู้ที่เรียนหนังสือในโรงเรียนเดียวกัน และยังเรียนห้องเดียวกันอีกด้วย
ตอนนั้นอาจารย์มักพูดว่าซ่งสวินฉลาดเฉลียว มุมานะในการเล่าเรียน ทั้งยังเป็นคนหนึ่งที่รู้ความด้วยเช่นกัน แล้วยังเอ่ยว่าขอเพียงเขาขยันหมั่นเพียรเข้าไว้ อย่าว่าแต่ถงเซิงเลย ต่อให้ซิ่วไฉก็สอบผ่านได้เช่นกัน!
ซ่งสวินเลิกเรียนไปเมื่อตอนอายุสิบสองปี แต่ตามจริง ตอนนั้นท่านอาจารย์ตั้งใจจะให้ซ่งสวินลองลงสนามสอบในรอบถัดไปดู!
ตอนนั้นซ่งเสี่ยนใส่ร้ายซ่งสวินให้พ่อเฒ่าตระกูลซ่งฟัง เอ่ยว่าซ่งสวินก่อเรื่องที่โรงเรียน ไม่เป็นที่รักของผองเพื่อนและมีพฤติกรรมแย่ ชายชราเดิมทีก็ไม่เชื่อ ทว่าก็เพราะฝีมือของเขาและเจียงจื่อชางที่กระทำลับหลัง ทำให้ชายชราตระกูลซ่งเชื่อในคำพูดของซ่งเสี่ยน จึงตัดช่องทางการเรียนของซ่งสวิน
หากไม่ใช่เพราะเช่นนี้ เกรงว่าตอนนี้ซ่งสวินคงได้เป็นถงเซิง หรืออาจถึงขั้นเป็นซิ่วไฉแล้วก็เป็นได้!
ถึงบัดนี้เพิ่งผ่านไปห้าปี เขาคิดว่าซ่งสวินยังคงมีความหวังในการสอบเช่นเดิม ในเมื่อหลายปีมานี้ซ่งสวินแทบจะไม่ได้เกียจคร้านเหนื่อยหน่ายเลย ปกติแต่ละวันต่อให้ทำงาน ก็ล้วนอาศัยการคัดลอกหนังสือเป็นหลัก แม้ส่วนใหญ่ที่คัดลอกคือพวกหนังสือความรู้พื้นฐานธรรมดาๆ แต่ได้ยินเจียงจื่อชางที่คอยจับตาดูซ่งสวินอยู่ตลอดเอ่ยว่า ทุกวันหลังซ่งสวินคัดลอกหนังสือเสร็จ ก็จะยืมหนังสืออื่นๆ ในร้านขายหนังสือมาอ่าน และมีความสัมพันธ์ที่ดีงามกับเถ้าแก่ร้านหนังสืออีกด้วย…
หากซ่งสวินสอบได้สำเร็จ…
ตอนที่ 182 ขุดสมุนไพร
หลี่จิ้นเป่าไม่กล้าคิดเลยจริงๆ
ต่อให้เป็นเพียงถงเซิง ฐานะในหมู่บ้านก็ไม่ได้ต่ำต้อยแต่อย่างใด เขารู้เช่นกันว่าซ่งสวินเป็นคนหนึ่งที่รักและเอ็นดูน้องสาว เมื่อเขาได้ดิบได้ดีแล้ว ไม่แน่ว่าจะปล่อยให้เขาอยู่ในหมู่บ้านนี้ต่อไปได้
หลี่จิ้นเป่ากัดฟันจ้องมองไปยังทิศทางบ้านฮั่ว
ตัดสินใจแน่วแน่เด็ดขาด เขาจะต้องสู่ขอซ่งอิง!
จำเป็นต้องทำ!
ขอเพียงแต่งซ่งอิงมาอยู่ในกำมือได้ ทั้งหมดของซ่งอิงก็จะตกมาอยู่กับตระกูลหลี่ ด้วยความที่เป็นสินเดิมติดตัวของฝ่ายหญิงก่อนออกเรือน ฮั่วหลินยังเด็ก หลายเรื่องราวเด็กน้อยไม่อาจรับผิดชอบได้ด้วยตนเอง หลังผ่านไปสักสามถึงห้าปี หากเด็กคนนี้เกิดล้มป่วยหนักแล้วตายจากไปก็เป็นเรื่องธรรมดา ถึงขั้นว่า หากมีโอกาส เขาก็จะทำให้ฮั่วหลินมีชีวิตอยู่ไม่พ้นปีนี้ก็ยังได้!
เมื่อเขากลายเป็นน้องเขยของซ่งสวินแล้ว ต่อให้ซ่งสวินไม่ชอบขี้หน้าเขา แต่เพื่อความสุขของน้องสาวก็จำเป็นต้องให้ความเกรงใจเขาสักหน่อย
ซ่งอิงอัปลักษณ์ไปนิด แต่พื้นเดิมก็ถือว่าไม่เลว ร่องรอยแผลเป็นที่ชวนตระหนกตกใจนั่นก็คงจะค่อยๆ จางลงไปทีละนิดตามกาลเวลา
ต่อให้นางยังคงอัปลักษณ์ก็ไม่เป็นไร เมื่อเขาได้อาศัยตำรับลับของซ่งอิงจนร่ำรวยแล้ว อยากหาผู้หญิงคนอื่นนั่นก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากมิใช่หรือ
รอวันข้างหน้าชีวิตเขาสุขสบายขึ้นหน่อย เขาจะทำให้ซ่งอิงเสียใจภายหลังที่วันนี้นางโลเลเช่นนี้แน่นอน!
ซ่งอิงรู้เสียที่ไหนว่าเวลานี้มีคนจิตไม่ปกติคนหนึ่งเกลียดชังตนเองได้ขนาดนี้
นางกำลังเอาหัวไชเท้าหัวใหญ่เป็นรางวัลให้ต้าไป๋
ต้าไป๋ยิ้มจนดูไม่เข้ากับมันสักเท่าใด แต่นั่นก็เป็นลาของนาง ช่วยนางจับขโมย แน่นอนว่าต้องเอาใจให้เต็มที่สักหน่อย
เพื่อไม่ให้ต้าไป๋และต้าหวงเบื่อหน่ายกันเกินไป วันรุ่งขึ้น เมื่อเด็กๆ ทั้งสามคนไปโรงเรียน ซ่งอิงจึงพาลาหนึ่งตัวและไก่หนึ่งตัวขึ้นเขา
ขุดหาสมุนไพร
นางไม่รู้จักสมุนไพรที่อยู่สูงและลึกเกินไป แต่ของบางส่วนที่พบเห็นได้บ่อยครั้ง นางยังพอรู้อยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสิ่งที่เจ้าของร่างได้เรียนรู้เมื่อครั้งอยู่ในจวนโหวสองปี จะต้องเพียงพอต่อการเตรียมวัตถุดิบตำรับยาสระผมที่นางต้องการเป็นแน่
ต้าไป๋แบกตะกร้าสานสองใบซ้ายและขวา
ต้าหวงนั่งยองอยู่บนหลังของต้าไป๋
สัตว์ทั้งสองเดินตามหลังนาง มองดูเชื่อฟังและรู้ความอย่างยิ่ง
บรรดาชาวบ้านมองเห็นกลับหันมองเพียงแวบเดียว ไม่ได้ตกตะลึงหรือประหลาดใจอะไรมากมาย ด้วยความที่จริงๆ แล้ว สัตว์มีความแสนรู้ ทุกคนเห็นกันจนไม่รู้สึกแปลกประหลาดแล้ว
หมาที่แต่ละบ้านแต่ละครอบครัวเลี้ยงเอาไว้ ไม่เพียงแต่จดจำผู้เป็นนายได้ แต่ยังเฝ้าบ้านได้ด้วย!
เมื่อก่อนในหมู่บ้านมีควายแก่ที่ร้องไห้จนเหน็ดเหนื่อย เกรงกลัวว่าจะถูกฆ่าทิ้งจึงคุกเข่าลงอ้อนวอน
ชาวไร่ชาวนาคลุกคลีอยู่กับสัตว์มากมาย จึงเคยพบเห็นอะไรต่อมิอะไรมามากมาย
ซ่งอิงตามหาต้นเจ้าเจียเป็นอันดับแรก ชาวบ้านสวนใหญ่ก็ใช้เจ้าเจียในการซักเสื้อผ้าเช่นกัน ดังนั้นของประเภทนี้จึงพบเห็นได้บ่อยครั้งทั้งบนเขาและในหมู่บ้าน นี่ก็เป็นวัตถุดิบหนึ่งที่สำคัญแก่การผลิต ซ่งอิงเด็ดเอามาจำนวนไม่น้อย
จากนั้นก็ไปหาใบเช่อโป๋เอามาจำนวนหนึ่ง ในหมู่บ้านมีคนปลูกต้นหม่อน และในเขาก็หาต้นหม่อนได้บ้างเช่นกัน ซ่งอิงจึงถือโอกาสนี้เด็ดใบหม่อนและโม่หานเหลียน[1]มาด้วยจำนวนหนึ่ง
ส่วนขิงไม่ใช่ว่าใส่ไม่ได้ ซ่งครุ่นคิดอย่างหนักว่า ใส่เข้าไปสักหน่อยอาจไม่ส่งผลต่อกลิ่นมากนัก
นอกจากนี้ ของอย่างพวกงาดำ หวงเหลียน[2] อบเชย ตางกุย และว่านหางจระเข้ สิ่งเหล่านี้ก็เติมลงไปได้เช่นกัน เพียงแต่ประสิทธิภาพในการบำรุงรักษาแตกต่างกันไป ซ่งอิงไม่ได้ตั้งใจว่าจะเติมวัตถุดิบอย่างซับซ้อนเกินไป ภพชาติก่อนนางเคยทำด้วยตนเองเหมือนกัน แต่ก็เป็นเพียงเพราะความอยากรู้อยากเห็น ดังนั้นจึงเลือกผสมตามสูตรที่นางพอรู้อยู่แล้ว
เพื่อให้ได้กลิ่นหอม ซ่งอิงตัดสินใจใช้ดอกไม้สดและโสมที่ผ่านการต้มน้ำแล้ว
หลังเด็ดมาหนึ่งวันเต็ม ของที่ต้องการก็ตระเตรียมไว้ครบครันเสียที
หลังกลับไป ซ่งอิงรีบเริ่มลงมือทันที
นำเจ้าเจียและอู่ฮ่วนจื่อวางชั่งน้ำหนัก ส่วนที่เหลืออีกส่วนหนึ่งล้วนเป็นวัตถุดิบประกอบ ใช้จำนวนน้อยนิด นอกจากนั้นสมุนไพรทั้งหมดจำเป็นต้องแช่น้ำเอาไว้ในระยะเวลานานพอตัว มิเช่นนั้นต้มแล้วจะไม่เปื่อย ประสิทธิภาพตัวยาก็ไม่ออกฤทธิ์ โดยเฉพาะเจ้าเจีย ทางที่ดีที่สุดคือบดให้ละเอียดแล้วนำไปต้ม
ในบ้านมีหินโม่ ซ่งอิงจึงนำเจ้าเจียหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นก็มอบให้ต้าไป๋รับหน้าที่เดินวนไป
—————————-
[1] โม่ห่านเหลียน (墨旱莲) หรือเรียกว่า กะเม็ง ชื่อวิทยาศาสตร์ Eclipta prostrata (L.) เป็นสมุนไพร่จีนที่ใช้กันทั่วไป จากการศึกษาพบว่ามีฤทธิ์ในการเสริมสร้างตับให้แข็งแกร่ง และมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เพิ่มภูมิคุ้มกัน
[2] หวงเหลียน (黄连) เป็นหนึ่งในสมุนไพรแห้ง ที่มีฤทธิ์เย็นและขมที่สุด ในทางการแพทย์แผนจีน มักใช้สำหรับการรักษาไฟของตับและหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรุกรานม้าม กระเพาะอาหาร และปอด คุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรียทำให้มีประโยชน์ในการรักษาการติดเชื้อในลำไส้