ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 203 ไม่ได้มาผิดที่กระมัง ตอนที่ 204 ฝากขาย
ตอนที่ 203 ไม่ได้มาผิดที่กระมัง
ล่าช้าไปหนึ่งวัน วันรุ่งขึ้นแต่เช้าตรู่ซ่งอิงเพิ่งได้เข้าตัวอำเภอตามแผนที่วางไว้ และหาประตูหน้าโรงอี้จวินจนเจอ
ทำเลที่ตั้งของโรงอี้จวินแห่งนี้ยอดเยี่ยมมาก ลำพังห้องแถวก็เป็นมูลค่าไม่น้อยแล้ว แต่มองออกว่าร้านค้าห้องแถวนี้ดูล้าสมัยไปหน่อยจริงๆ เพราะสิ่งประดับตกแต่งของด้านนอกร้านค้าค่อนข้างเก่าแก่ ไม่เหมือนร้านค้าข้างๆ เหล่านั้นที่แต่ละร้านล้วนทาสีใหม่เอี่ยม
ป้ายของโรงอี้จวินไม่นับว่าสกปรก เพียงแต่รวมๆ ระยะเวลาหลายปีหลายเดือนเข้าก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะสีหลุดลอกไปบ้าง อีกทั้งตัวไม้ก็เริ่มผุกร่อนเล็กน้อยแล้ว
ก่อนนางมาโรงอี้จวินได้แวะไปเดินวนเวียนหน้าร้านชุ่ยเหยียนไจแล้วรอบหนึ่ง
สินค้าของร้านชุ่ยเหยียนไจแห่งนั้นเป็นเช่นไรนางเองก็ไม่ทราบแน่ชัด แต่ธรณีประตูสูงมากจริงๆ ด้านในดูอลังการงดงามอย่าบอกใครเชียว มิหนำซ้ำโต๊ะตู้ใส่สินค้าและป้ายคำขวัญประจำร้านก็ใหม่เอี่ยม ผนวกกับกลิ่นเครื่องแป้งที่ฟุ้งกระจายออกไปนั้น ย่อมดึงดูดลูกค้าให้มาเยือนแน่นอน
แต่เพื่ออาสี่ตระกูลตนจะไม่เอาเรื่องนาง ซ่งอิงจึงย่างก้าวพ้นประตูโรงอี้จวินเข้ามา
เจ้าของกิจการเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง
ฝ่ายหญิงยืนอยู่หน้าโต๊ะส่วนบริการต้อนรับ ส่วนฝ่ายชายกำลังเช็ดถูตามผิวโต๊ะตู้แสดงสินค้า
“แม่นางอยากจะซื้อแป้งหอมหรือเยียนจือดี? แบบนี้เป็นแป้งทาหน้าและเยียนจือที่ดีที่สุดที่โรงอี้จวินของเราขาย ท่านต้องการลองดูหรือไม่” เถ้าแก่เหนียง[1]คลี่ยิ้มแล้วเอ่ยถามทันที
“ข้ามาเจรจาค้าขายกับเถ้าแก่เหนียงเจ้าค่ะ” ซ่งอิงเข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมา
เถ้าแก่เหนียงนิ่งอึ้งไป “มาเจรจาค้าขาย…กับพวกเรา? แม่นางไม่ได้มาผิดร้านกระมัง? จะเจรจากับโรงอี้จวิน ไม่ใช่ใช่ร้านชุ่ยเหยียนไจ…”
คนที่มาพูดคุยกิจการถึงที่ก็มีอยู่เช่นกัน
ตัวอย่างเช่นการทำแป้งทาหน้าและเยียนจือจำเป็นต้องใช้พวกดอกไม้สด จึงมีชาวสวนดอกไม้บางส่วนแวะเวียนมาถามไถ่ แต่หลายปีมานี้มีมาหาโรงอี้จวินไม่ค่อยมากนัก เพราะพวกเขาต้องการในปริมาณที่น้อย
กิจการของโรงอี้จวินไม่ถือว่าย่ำแย่จนเกินไป แต่หลายปีมานี้ไม่มีสินค้าตัวใหม่ผลิตออกมาเลย ต่อให้ผลิตออกมา ก็จะถูกร้านชุ่ยเหยียนไจกดราคา ดังนั้นสองสามีภรรยาเลยถอดใจ อาศัยสินค้าตัวเก่าที่บรรพบุรุษถ่ายทอดเอาไว้ไม่กี่อย่างดึงดูดลูกค้า หากินกันไปอย่างซื่อตรงสุจริต
แม้ว่าลูกค้าเหล่านั้นถูกร้านชุ่ยเหยียนไจดึงดูดไปแล้ว แต่ก็ยังมีคนรุ่นก่อนที่คุ้นชินกับสินค้าของร้านเขาหลงเหลืออยู่เช่นกัน
ทำเงินได้ไม่มากเท่าไร ถือได้ว่าเป็นการหาเลี้ยงชีพไปวันๆ เท่านั้น
ก่อนซ่งอิงมาได้สอบถามไว้บ้างแล้วเช่นกัน เถ้าแก่ที่นี่แซ่เจียง เถ้าแก่เหนียงแซ่ฮวา ร้านนี้เป็นกิจการของบรรพบุรุษเถ้าแก่เหนียง ส่วนเจ้าของกิจการเจียงเป็นลูกศิษย์ของที่นี่ นับว่าเป็นคนรักที่เติบโตมากับเถ้าแก่เหนียงตั้งแต่เยาว์วัย
“เจ้าของกิจการฮวา ข้ามาเจรจาค้าขายจริงๆ เจ้าค่ะ” ซ่งอิงหลุดหัวเราะเล็กน้อย แล้วหยิบเอายาสระผมออกมาหนึ่งขวด “นี่คือยาสระผมที่ข้าเคี่ยวขึ้นมาด้วยตนเอง ใช้สระผมได้ประสิทธิภาพที่ดีเป็นพิเศษ ข้าอยากฝากวางขายไว้ในโรงอี้จวินของพวกท่าน”
“ฝากขายหรือ” เถ้าแก่เหนียงตะลึงงัน จากนั้นก็รับสิ่งของมา
เมื่อก่อนตอนที่โรงอี้จวินรุ่งเรือง เคยมีคนนำของมาฝากวางขายในร้านตนเช่นกัน…
แต่นั่นก็เป็นเรื่องในอดีตที่ผ่านมาเนิ่นนานมากแล้ว บัดนี้ได้ยินคำพูดเช่นนี้ นางจึงรู้สึกประหลาดใจจริงจัง
“ใช้สระผมหรือ” เถ้าแก่เหนียงฮวาลองสูดดม ได้กลิ่นหอมของดอกไม้และกลิ่นหอมของแมกไม้ “แม่นาง สิ่งของที่จะฝากขายในโรงอี้จวินพวกเรามีเงื่อนไขค่อนข้างสูง…”
“ท่านแค่ลองใช้ดูก็พอเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว
อย่างไรเสียก็เป็นร้านขึ้นชื่อเก่าแก่ ถึงอย่างไรก็คงไม่อาจตอบรับอีกฝ่ายที่เอาของมาฝากขายโดยสุ่มสี่สุ่มห้ากระมัง
ฮวาเหนียงจื่อ[2]หัวเราะ แล้วเอ่ยถามวิธีการใช้ของสิ่งนี้จากซ่งอิง จากนั้นก็เชิญหมอมาตรวจสอบดู เมื่อมั่นใจแล้วว่าไร้พิษไร้อันตรายก็มองซ่งอิงอย่างเป็นกันเองยิ่งขึ้น
“แม้กลิ่นหอมไม่เด่นชัด แต่กำลังพอดีเช่นกัน ทั้งยังใช้ง่ายสะดวกสบาย เพียงแต่ไม่ทราบว่าของสิ่งนี้แม่นางตั้งใจจะขายอย่างไรล่ะ” เจ้าของกิจการฮวากล่าว
“สองชนิดนี้ ชนิดหนึ่งเพิ่มเติมน้ำสกัดโสมเข้าไป ขวดรูปทรงเรียวยาวขวดละหนึ่งร้อยอีแปะ ส่วนชนิดธรรมดาขวดรูปทรงอ้วนกลมห้าสิบอีแปะเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว
เจ้าของกิจการฮวาครุ่นคิด
ขวดรูปทรงอ้วนกลมนี้ไม่นับว่าราคาถูก แต่กลับใช้ได้หลายครั้ง
สูดดมดูแม้ไม่ได้หอมขนาดจ่าวโต้ว[3] แต่ได้เปรียบที่ราคาสมน้ำสมเนื้อ อีกทั้งดูเหมือนประสิทธิภาพไม่เลวเช่นกัน
ตอนที่ 204 ฝากขาย
ซ่งอิงทำความเข้าใจผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดของยุคสมัยนี้มาบ้างแล้ว นอกจากจำพวกใบไม้ใบหญ้าจากธรรมชาติ หลักๆ จะแบ่งเป็นสองประเภท หนึ่งคือจ่าวโต้วที่ใช้ตับอ่อนหมู[4]ผสมคู่กับเครื่องหอมสิบชนิด ครอบครัวคนธรรมดาทั่วไปล้วนไม่เคยจับต้อง ยิ่งเป็นตับอ่อนหมูที่ไม่ได้หากันได้ง่ายดายแล้ว ดังนั้นมีเพียงบ้านคนร่ำรวยและมีบรรดาศักดิ์เท่านั้นที่มีใช้กัน
อีกประเภทหนึ่งก็คือจ้าวเจียว[5]
แม้บนเขาซิ่งมีต้นจ้าวเจียวจำนวนไม่น้อย แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่ทุกเขตพื้นที่จะมีจ้าวเจียว ดังนั้นในตัวเมืองจึงมีความต้องการจ้าวเจียวค่อนข้างมาก โดยเฉพาะสินค้าประเภททำความสะอาดมักผลิตโดยใช้จ้าวเจียว จึงยิ่งมีความต้องการสูงเข้าไปใหญ่และราคาไม่ถือว่าถูกเช่นกัน วิธีการนำจ้าวเจียวมาทำมีสองประเภท ประเภทที่หนึ่งคือไม่เติมส่วนผสมเสริมใดๆ อีกประเภทคือใช้เครื่องหอมผสมด้วย ที่ชาวบ้านทั่วไปใช้คือแบบแรก ส่วนที่คนตระกูลร่ำรวยใช้คือแบบหลัง โดยส่วนใหญ่เอามาใช้ซักเสื้อผ้าอาภรณ์
ซ่งอิงค่อนข้างมั่นใจในสินค้าที่มีในมือ
ประการแรก นางโชคดีไม่น้อย คนของยุคสมัยต้าติ้งไม่ค่อยใช้อู่ห้วนจื่อ ยิ่งไปกว่านั้นคือคิดไม่ถึงว่าจะเอามาทำความสะอาดได้ ประการที่สอง การกำหนดสัดส่วนและการผลิตต้องใช้ความพยายามมาก ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้สำเร็จ
เจ้าของกิจการฮวาเปรียบเทียบความแตกต่างของทั้งสองชิ้น ก่อนจะพยักหน้า
“ของของแม่นางฝากขายที่ร้านพวกเราได้ ทว่า…ท่านมาหาแค่ร้านพวกเราร้านเดียวหรือว่าไปหาร้านอื่นเอาไว้ด้วยเช่นกันหรือ พวกเราจำเป็นต้องกำหนดราคาโดยดูสถานการณ์ด้วยน่ะ” เจ้าของกิจการฮวากล่าวขึ้นอีกครั้ง
“ร้านพวกท่านร้านเดียวเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว
ทันทีที่พูดเช่นนี้ เจ้าของกิจการฮวากลับรู้สึกได้รับความนิยมชมชอบอย่างไม่คาดฝันจนประหลาดใจ ถึงขั้นมองนางอย่างแปลกใจ
“แม่นาง…ของสิ่งนี้น่าจะขายได้โดยไม่ต้องกังวลเลยด้วยซ้ำ ต่อให้เป็นคนของร้านชุ่ยเหยียนไจก็น่าจะยินยอมรับฝากขายเช่นกัน กิจการของพวกเขานั้นดีกว่าพวกเรามาก อีกทั้งอาจขายสินค้าของท่านได้ในราคาที่แพงมากอีกด้วย…” เจ้าของกิจการฮวาค่อนข้างงุนงงสับสน
ซ่งอิงไม่รู้จะสรรหาคำใดมาพูด เถ้าแก่เหนียงท่านนี้…
โง่เขลาไปหน่อยหรือไม่
เอาแต่ย้ำเตือนนางว่าโรงอี้จวินไม่ค่อยดี นี่ไม่ใช่การทำลายความมั่นใจที่นางมีต่อโรงอี้จวินกันเห็นๆ หรอกหรือ!
“จะทำอย่างไรได้ ข้าเป็นแค่ชาวชนบทต่ำต้อยคนหนึ่ง อาสี่ข้าเมื่อก่อนเคยซื้อสินค้าของร้านชุ่ยเหยียนไจแต่กลับถูกพวกเขาดูถูกเยาะเย้ย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ค่อยถูกชะตากับพวกเขา…” ซ่งอิงหัวเราะ
“อาสี่ของแม่นางแซ่ซ่ง?” เจ้าของกิจการฮวาเอ่ยถาม
ซ่งอิงนิ่งอึ้งไป “ใช่แล้ว?”
“ที่แท้คือแม่นางซ่งนี่เอง เป็นการเสียมรรยาทแล้วจริงๆ สหายซ่งมาซื้อของร้านพวกเราบ่อยครั้งมาก ทุกครั้งล้วนเลือกของที่ดีที่สุดมอบให้ภรรยาตัวเอง สามีอย่างเขานั้นหาได้น้อยยิ่งนักเชียวละ อีกทั้ง…ทุกครั้งที่ซื้อของจากร้านเราแล้ว มักต้องไปเดินวนเวียนหน้าประตูร้านชุ่ยเหยียนไจสักรอบเสมอ…”
ดังนั้นนางจึงจดจำสหายซ่งผู้นั้นได้ขึ้นใจเป็นพิเศษ
คนจำนวนไม่น้อยซื้อเยียนจือให้ภรรยา แต่บุรุษที่ซื้อโดยติดต่อกันหลายๆ ปีมีไม่มาก
สหายซ่งกลับเป็นหนึ่งในนั้น แม้มองดูลักษณะกร่างๆ หยาบคาย แต่ก็จริงใจตรงไปตรงมา ตอนที่ซื้อสินค้าเป็นอันต้องเอ่ยถึงร้านชุ่ยเหยียนไจสักประโยค และแสดงทีท่าแค้นเคืองเป็นบางครั้ง นางจึงเคยถามด้วยความประหลาดใจ ดังนั้นเมื่อแม่นางคนนี้เอ่ยขึ้นมา นางก็พลันนึกถึงชายผู้นี้ขึ้นมาในทันที
คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญขนาดนี้!
ซ่งอิงกระตุกมุมปากเล็กน้อย ขณะที่ในสมองนึกถึงท่าทางอาสี่พร้อมใช้กำลังเล่นงานคนลักษณะนั้น
“แม่นางซ่ง หากมาหาเพียงร้านพวกเราร้านเดียวละก็ เช่นนั้นยาสระผมนี้เราจะวางไว้ในตำแหน่งที่สะดุดตาและจะช่วยแนะนำกับลูกค้าสุดความสามารถ นอกจากนี้ของที่ฝากขายในร้านจะมีการหักส่วนแบ่งด้วย สินค้าของท่านพวกเราไม่สะดวกถามต้นทุนเช่นกัน ดังนั้นทำได้เพียงคิดราคาจากที่กำหนดไว้ ท่านคิดว่า…ของสองชิ้นนี้ แต่ละขวดที่ขาย อย่างกลิ่นโสมพวกเราขอสักห้าอีแปะ ส่วนแบบธรรมดาพวกเราขอสามอีแปะ จะได้หรือไม่” เจ้าของกิจการฮวาถาม
ซ่งอิงค่อนข้างพึงพอใจ
เดิมทีที่นางคิดไว้ล่วงหน้าคือสิบเปอร์เซ็นจากราคาขาย
แต่ตอนนี้ไม่ถึงด้วยซ้ำ
“ได้เจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว
“ยาสระผม…ชื่อนี้แม้ตรงตัวเข้าใจง่าย แต่ไม่ค่อยสวยงาม ควรจะตั้งอีกชื่อที่เหมาะสมหรือไม่” เจ้าของกิจการฮวากล่าว
“ไม่ทราบว่าเจ้าของกิจการฮวามีข้อแนะนำดีๆ หรือไม่เจ้าคะ” ซ่งอิงเป็นคนหนี่งที่ไม่ถนัดเรื่องตั้งชื่อเอาเสียเลย ลองดูอย่างต้าไป๋ ต้าหวงของบ้านตัวเองก็พอจะรู้ได้แล้ว
[1] เก้าแก่เหนียง (老板娘) คำเรียกภรรยาของเจ้าของกิจการ
[2] เหนียงจื่อ (娘子) คือคำเรียกผู้หญิง หรือคำที่สามีใช้เรียกภรรยา
[3] จ่าวโต้ว (澡豆) ทำจากผงถั่วผสมสมุนไพรใช้ล้างมือล้างหน้าได้
[4] ตับอ่อนหมู (猪胰腺) ในยุคสมัยจีนโบราณนิยมนำมาใช้บำรุงปอด รักษาอาการไอ ไอเป็นเลือด อาการปอดบวมและหายใจลำบาก ท้องร่วง ตลอดจนการอุดตันของท่อน้ำนม ผิวแห้งแตกกร้าน นอกจากนี้ยังสามารถทำความสะอาดผิว ขจัดสิ่งสกปรก และบำรุงผิวพรรณได้อีกด้วย
[5] จ้าวเจี่ยว (皂角) ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Gleditsia sinensis เป็นสมุนไพรจีนชนิดหนึ่งรูปร่างคล้ายฝักถั่ว ฝักสามารถนำมาใช้ทำยาและสบู่ได้