ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 29 สับเขาเสียเลย ตอนที่ 30 รสชาติแตกต่างกัน
ตอนที่ 29 สับเขาเสียเลย
ผลลวี่โต่วกั่วลักษณะคล้ายลูกองุ่นขนาดงามกำลังดี ในชีวิตก่อนหน้า หลังนางทำงานหาเงินได้ ก็เอาแต่กินของอร่อยๆ นานาชนิด เคยไปเที่ยวพักร้อนบนเขาในหมู่บ้านชนบท และได้เห็นของสิ่งนี้ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของท้องถิ่นอีกด้วย
ผลลวี่โต่วกั่วไม่ถือว่าเป็นผลไม้เสียทีเดียว แต่กลับใช้มาทำเครื่องดื่ม แยมผลไม้ รวมไปถึงหมักสุราได้
หลายวันมานี้ซ่งอิงนึกคิดอะไรต่อมิอะไรมากมาย ในครอบครัวค่อนข้างยากจน บิดามารดาและพี่ชายลำบากไม่น้อย จะอย่างไรนางก็จำเป็นต้องคิดวิธีหารายได้สักหน่อย
นางทำของกินนานาประเภทได้จำนวนไม่น้อย วิธีการทำเงินได้อย่างรวดเร็วก็ไม่ใช่ไม่มี แต่ขืนใช้สิ่งที่บิดามารดาไม่เข้าใจในการหาเงิน สำหรับพวกเขาแล้วคงเป็นอะไรที่น่าหวาดกลัวเกินไปหน่อย นางในตอนนี้เป็นเพียงสาวชาวบ้านธรรมดาๆ คนหนึ่ง จะล้ำเส้นเกินไปไม่ได้เป็นอันขาด ขืนกระทำการใหญ่โตเกินไปจะความแตกเอาได้
ดังนั้น…วิธีการที่ดีที่สุดก็คืออาศัยประโยชน์จากขุนเขาลูกนี้
อยู่ใกล้เขาก็หากินตามเขา ใกล้แหล่งน้ำก็หากินตามแหล่งน้ำ นับประสาอันใดกับนางที่ยังมีช่องว่างระหว่างมิติด้วยอีกหนึ่ง
ต้นผลไม้ดูดซับน้ำผ่านจิตอย่างรวดเร็วมาก และไม่ทันไร ซ่งสวินก็กลับมาแล้ว
“อาอิงอยากกินผลไม้ป่าหรือ ข้าช่วยเลือกลูกหวานๆ ให้เจ้าแล้วกัน” ซ่งสวินทำท่าทำทางหมายปีนขึ้นต้นไม้ไป
ซ่งอิงเห็นดังกล่าว รีบวิ่งเข้าไปกอดต้นผลไม้ป่าที่อยู่เบื้องหน้านี้แล้วออกแรงเขย่า
เสียงปานสายฝนกระหน่ำดังขึ้นปุปะปุปะ ผลไม้แต่ละลูกร่วงลงสู่พื้น กระทบศีรษะของซ่งสวิน
“…” ซ่งสวินหันมองนางอย่างตะลึงงันเล็กน้อย “อาอิง เรี่ยวแรงเจ้า…ทำไมถึงมากมายเพียงนี้?!”
“ข้าไม่รู้เหมือนกัน พละกำลังนี่เพิ่มขึ้นทีละนิดทุกๆ ปีเลย…อ้อ จริงสิ บรรพบุรุษทางด้านจวนโหวนั่นเป็นแม่ทัพที่มีพลังเหนือธรรมชาติมิใช่หรือ บางทีข้าอาจได้พลังเหนือธรรมชาติของบรรพบุรุษมาก็เป็นได้?” ซ่งอิงเอ่ยปากพร่ำพูดอย่างเรื่อยเปื่อย
ซ่งอิงมองนางอย่างสงสัย
ซ่งอิงปั้นหน้าตาเฉยเมย
ชายชราผู้รับตำแหน่งโหวคนแรกนั้นภูมิหลังเป็นคนรากหญ้าธรรมดาทั่วไป เป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตกับปู่ทวดครอบครัวซ่ง ภายหลังมีอำนาจและร่ำรวย บรรดาชาวบ้านเทิดทูนบุคคลสำคัญใหญ่โตเหล่านี้ และทางด้านจวนโหวนั่นก็เที่ยวโพทะนาไปทั่วว่าบรรพบุรุษเก่าแก่ตระกูลตนเก่งกาจ ครั้นพูดต่อๆ กันไปเรื่อยก็กลายเป็นพลังเหนือธรรมชาติไปเสียแล้ว
สรุปแล้วปู่ทวดนั่นเป็นเช่นไรกันแน่ แม้แต่พวกเขาเหล่านี้ที่มีสัมพันธ์ทางญาติร่วมสายโลหิตก็ยังไม่ทราบแน่ชัดเลยด้วยซ้ำ
ทว่าครอบครัวซ่งก็ยังคงให้ความเคารพนับถือปู่ทวดผู้รับตำแหน่งท่านโหวคนแรก อย่างไรเสียนั่นก็เป็นบุคคลที่เชิดหน้าชูตาบรรพบุรุษคนหนึ่ง
“อาอิง หลี่จิ้นเป่า…เป็นฝีมือเจ้าจริงๆ ใช่หรือไม่” ซ่งสวินเริ่มตงิดใจขึ้นมา
ครอบครัวหลี่กล่าวว่าซ่งอิงทุบตีคนเขา ทว่าไม่มีใครเชื่อ แม้แต่เขาก็เช่นกัน
ทว่าตอนนี้มองเห็นซ่งอิงกอดต้นไม้แล้วเขย่าไปมา…ความจริงของเรื่องนี้ยังจะเป็นอย่างที่เขาคิดได้อยู่อีกหรือ
“ท่านพี่คิดว่าข้าทุบตีเขาเป็นเรื่องที่เกินไปหรือไม่เจ้าคะ ตอนนั้นข้ากำลังจับไส้เดือน เขาพูดจาว่ากล่าวสารพัด ข้าอดกลั้นไม่ได้ก็เลยเล่นงานเขาเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะอ่อนปวกเปียกเพียงนี้ ไม่กี่ครั้งก็ล้มลงไปกองเสียแล้ว…” ซ่งอิงกล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
นี่คือน้องสาวเขา?!
ซ่งสวินตะลึงงันเล็กน้อยกะทันหัน
มักคิดว่าน้องสาวตนเองดูเหมือนแตกต่างจากเดิมไปแล้ว แม้สองปีที่ไม่ได้เจอะเจอกันก็ตาม แต่นิสัยคนคนหนึ่ง จะเปลี่ยนไปมากมายภายในระยะเวลาอันสั้นเพียงนี้ได้เชียวหรือ
อาอิงในอดีต…ใสซื่อมาก แล้วตอนนี้ ดูท่าทางที่แสร้งทำเป็นน่าสงสารนั่นสิ แปลกชอบกล!
“พี่ไม่ได้ตำหนิเจ้า เพียงแต่ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นเด็กผู้หญิง เกิดคนอื่นเชื่อคำพูดของเขา เจ้าจะจัดการอย่างไรหรือ” ซ่งสวินกล่าวจริงจัง
“ท่านพี่ ข้าเป็นเช่นนี้แล้ว ยังมีอันใดต้องเกรงกลัวอีกใช่หรือไม่ ที่ข้าทำต่อหลี่จิ้นเป่าครานี้ถือว่าเกรงใจแล้วด้วยซ้ำ หากยังมีครั้งหน้า ข้าก็จะสับเขาให้แหลกเสียเลย!” ซ่งอิงกล่าวอย่างดุดัน
ซ่งสวินหนังตากระตุก
“เรื่องหลี่จิ้นเป่านี่…ภายภาคหน้าเจ้าอย่าได้ลงมือด้วยตนเองอีกเลย” ซ่งสวินขมวดคิ้ว “หากไม่เกินความคาดหมาย สองวันนี้จะต้องมีคนมาขอถอนหมั้นกับครอบครัวหลี่เป็นแน่ จากนั้น ข่าวคราวที่หลี่จิ้นเป่าเป็นผู้ชายไม่เอาไหนจะต้องแพร่สะพัดออกไป เขายังคิดจะแต่งภรรยามีบุตร และใช้ชีวิตสุขสันต์สมบูรณ์ได้อีกหรือ เป็นไปไม่ได้หรอก! น้องพี่ เจ้าเป็นเด็กผู้หญิง ทั้งเสียเปรียบและได้รับความไม่เป็นธรรม ข้าพี่ชายผู้นี้จะช่วยตัดสินใจแทนเจ้าเอง ครั้งนี้ก็เลยตามเลย ครั้งหน้าอย่าผลีผลามอย่างนี้อีก”
ตอนที่ 30 รสชาติแตกต่างกัน
ครั้นคำพูดซ่งสวินจบลง ซ่งอิงรู้สึกไม่เข้าใจเท่าไรนัก
“เหตุใดจะมีคนมาถอนหมั้นไปได้ล่ะเจ้าคะ” ซ่งอิงเอ่ยถาม
ซ่งสวินไม่ได้ปิดบังนางเช่นกัน “มีคนจำนวนไม่น้อยในหมู่บ้านคิดจริงจังว่าหลี่จิ้นเป่ามีโรคประจำตัวที่ไม่ได้บอกกล่าวผู้อื่น ดังนั้นถึงได้เกิดอาการป่วยอย่างกะทันหัน โดยเฉพาะเขาอาละวาดอย่างรุนแรงอีกด้วย ข้าเพียงแค่คิดวิธีการหนึ่งได้ โดยนำเรื่องนี้แพร่งพรายไปถึงหมู่บ้านใกล้เคียง แม่นางที่หมั้นหมายไว้กับหลี่จิ้นเป่าเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ แล้วพวกเขาจะให้ลูกสาวแต่งไปกับคนเช่นนี้ได้อย่างไรหรือ”
ซ่งอิงมองเขาอย่างตกตะลึงปนประหลาดใจ
ไม่คาดคิดเลยจริงๆ ซ่งสวินที่มองดูอ่อนโยนสง่างาม เรือนร่างดูบอบบางอ่อนแอ คิดไม่ถึงว่าจะมีด้านมืดแอบซ่อนอยู่ด้วย!
ในความทรงจำเจ้าของร่างตลอดที่ผ่านมา ซ่งสวินเป็นพี่ชายผู้อ่อนโยนที่ไม่ค่อยช่างพูด!
คนลักษณะเช่นนั้น ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะชำระแค้นแทนน้องสาว โดยใช้วิธีการชั่วร้ายแอบเล่นงานอย่างลับๆ?
“ไม่ใช่ท่านพ่อเราไม่อยากชำระแค้นแทนเจ้า เพียงแต่เพราะท่านพ่อเป็นคนซื่อสัตย์ กระทำเรื่องประเภทนี้ไม่ลง เจ้าอย่าตำหนิเขาเลย ส่วนท่านแม่นิสัยอ่อนแอไปหน่อย ไม่อาจออกหน้าแทนเจ้าได้เช่นกัน ทว่า อาอิง เจ้ายังมีพี่ชายอยู่ทั้งคน ภายภาคหน้าข้าจะปกป้องเจ้าเอง” ซ่งสวินกล่าว
ซ่งอิงรู้สึกซาบซึ้งใจมากจริงๆ
ซ่งสวินไม่ใช่พี่ชายร่วมสายเลือด ถึงกระนั้นในบันทึกสำมโนครัว นางก็เป็นบุตรสาวของหร่วนซื่อกับซ่งจินซาน ประเด็นนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้!
“ขอบคุณท่านพี่!” ซ่งอิงรีบกล่าวออกไปหนึ่งประโยคทันที
ซ่งสวินเห็นบนพื้นเต็มไปด้วยผลไม้ป่า จึงคว้าขึ้นมาหนึ่งผลลองลิ้มชิมรส
พอได้ชิมแล้วเป็นอันตกตะลึงไปชั่ววูบ “รสชาตินี้มัน…ไม่ค่อยเหมือนที่เคยกินเมื่อก่อนนี้เลย?”
เมื่อก่อนก็เคยลิ้มรสลวี่โต่วกั่วมาบ้าง เป็นรสเปรี้ยวอมหวานแล้วยังปนรสฝาดเล็กน้อย แต่ตอนนี้กินเจ้าสิ่งนี้ นอกจากฉ่ำน้ำมาก ยังได้รสหอมหวานสดชื่น แตกต่างจากเมื่อก่อนสิ้นเชิง
“ท่านพี่ ผลบนต้นไม้สามต้นนี้ดูลักษณะค่อนข้างดีทีเดียว ส่วนต้นอื่นๆ ดูไม่ค่อยได้น่ะ” ซ่งอิงชี้นิ้วไปที่ต้นไม้สามต้น แล้วกล่าวอีกครั้ง “เราต้องถือโอกาสรีบเด็ดผลของสามต้นนี้ให้หมด ไม่อย่างนั้นคงถูกนกกินเกลี้ยง”
ซ่งสวินรู้สึกว่าน้องสาวโชคดีและมีสายตาดีเยี่ยมจริงๆ
ผลของต้นไม้ทั้งสามต้นนี้น่าจะเพิ่งสุกไม่นานเช่นกัน นกที่ถูกดึงดูดมาจึงมีจำนวนไม่มาก มิเช่นนั้นตอนนี้มีหรือจะตกถึงมือพวกเขา?
แม้ไม่รู้ว่าน้องสาวต้องการจัดการกับผลลวี่โต่วกั่วอย่างไร แต่ในเมื่อน้องสาวต้องการเก็บมันไป เขาจึงให้ความร่วมมือ ไม่บ่ายเบี่ยงอันใด
ในตะกร้าที่ซ่งสวินนำติดตัวมา ยังใส่ลูกเป็ดเอาไว้แปดตัว
ใช้ได้เพียงสองตะกร้าใหญ่สองใบทางด้านซ่งอิงเท่านั้น ทั้งสองเก็บกันไม่หยุดมือ หลังเก็บตามพื้นจนเกือบหมดเกลี้ยงแล้ว ซ่งอิงก็เขย่าต้นไม้ต่อ ไม่ทันไรก็ร่วงหล่นลงมาอีกจำนวนมาก
ปริมาณจากทั้งสามต้นเป็นจำนวนไม่ใช่น้อยๆ สองตะกร้าบรรจุไม่หมดด้วยซ้ำ
ซ่งอิงจึงให้ซ่งสวินคอยอยู่ตรงนี้ นางจะนำสองตะกร้านี้กลับไปไว้ที่บ้านก่อน เพียงแต่ซ่งสวินหรือจะยินยอม? ผลไม้สองตะกร้านี้คงมีน้ำหนักหลายสิบจิน[1] เขาเป็นผู้ชาย จะให้น้องสาวแบกของหนักๆ เช่นนั้นได้อย่างไรกัน?
“ท่านพี่ ท่านก็อย่าขัดข้าเลย ข้าสะพายด้านหน้าและด้านหลังอย่างละตะกร้า ไปรอบเดียวก็ได้กลับมาแล้ว ไม่เชื่อท่านคอยดู” ซ่งอิงนำตะกร้าทั้งสองใบสะพายขึ้นตัว เดินอยู่หลายฝีก้าว หน้าไม่แดงและไม่หายใจหอบแต่อย่างใด
ซ่งสวินถามตัวเอง ตัวเขาเองคงทำเช่นนี้ไม่ได้จริงๆ
บนใบหน้าเผยความอับอายเล็กน้อย
ในตะกร้าคลุมทับด้วยหญ้าแห้ง ผู้คนรอบข้างก็จะมองไม่ออกว่าคืออะไร
ด้วยความจนปัญญา ทำได้เพียงให้ซ่งอิงนำสิ่งของส่งกลับไป
ซ่งอิงวิ่งเยาะๆ มาตลอดทาง ระดับความเร็วนั้นว่องไวมาก ไปกลับล้วนใช้เวลาไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม
ตอนที่กลับถึงบ้าน นางนำสิ่งของเทวางไว้ในลานหลังบ้านตนเอง ไม่ทันรอให้ซ่งจินซานเอ่ยปากก็วิ่งเปิดแน่บไปเสียแล้ว ผลต้นไม้สามต้น เก็บมาได้จำนวนหกตะกร้าเต็มๆ ทั้งหมดล้วนกองพะเนินอยู่ลานหลังบ้าน
หร่วนซื่อและซ่งจินซานตระหนกตกใจเพราะผลไม้กองเบ้อเร่อหนึ่งกองนี้
ซ่งอิงยังคว้ามันโยนไปทางไก่จำนวนไม่น้อยอีกด้วย ลูกเจี๊ยบเหล่านั้นต่างแย่งกัน จิกกินอย่างสุขสำราญยิ่ง
ทันทีที่ซ่งอิงพี่ชายน้องสาวทั้งสองกลับมากันแล้ว หร่วนซื่อเอ่ยพูดขึ้นอย่างกลัดกลุ้ม “อาอิงอา ผลไม้ป่าจำนวนมากเพียงนี้พวกเรากินกันไม่หมดหรอกนะ?”
“ท่านแม่ ข้าตั้งใจว่าจะเข้าอำเภอกับท่านพี่ แล้วนำผลไม้ป่านี้ไปขายให้หมดเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวอย่างสบายอารมณ์
[1] จิน (斤) หน่วยนำหนักจีน โดย 1 จิน เท่ากับ 500 กรัม