ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 325 ขาดไปหนึ่งก็ไม่เห็นจะมีความแตกต่างใด ตอนที่ 326 ตบตีเป็นใช่หรือไม่
- Home
- ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล
- ตอนที่ 325 ขาดไปหนึ่งก็ไม่เห็นจะมีความแตกต่างใด ตอนที่ 326 ตบตีเป็นใช่หรือไม่
ตอนที่ 325 ขาดไปหนึ่งก็ไม่เห็นจะมีความแตกต่างใด
ซ่งอิงแสยะยิ้ม “ตระกูลเผยของพวกท่านช่างหน้าไม่อายจริงๆ ลูกสะใภ้ของท่านรวมหัวกับคนอื่นใส่ร้ายข้าว่าขโมยเงินอยู่ข้างนอกนั่น ส่วนหลานสาวท่านก็ไม่รู้จักกตัญญูต่อพ่อแม่สามี แต่ยังกลายเป็นคนวิ่งแจ้นมาฟ้องก่อน คิดว่าจะรังแกข้าได้ง่ายดายเช่นนั้นหรือ”
“เจ้าเด็กรุ่นหลังคนหนึ่งเอะอะต่อหน้าผู้อาวุโสยังรู้จักกิริยามารยาทอยู่หรือไม่! กล่าวว่าเจ้าเป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่งที่ไร้บิดามารดาช่างไม่ผิดเลยสักนิด! นางเด็กสารเลวที่ไม่รู้จักระเบียบปฏิบัติประเภทเจ้าหากเกิดอยู่ครอบครัวพวกข้าก็สมควรจับกดอ่างน้ำให้ขาดใจตายไปเสีย!” หญิงชราเผยกล่าวด้วยความเดือดดาล
นางไม่อยากให้หลานสาวมายังตระกูลซ่ง
ไม่ใช่ว่ารักและเอ็นดูหลานสาวมากมาย แต่เพราะหลานเสี่ยนเป็นคนหนึ่งที่รู้ความ พวกนางตระกูลเผยดีต่อหลานสาว ภายภาคหน้าหลานเสี่ยนก็จะได้เข้าข้างตระกูลเผย
ตระกูลเผยมีทายาทสืบสกุลน้อยคน บุตรชายคนรองตระกูลนางผู้นั้นชะตาชีวิตลำบาก มีหลานให้นางเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งบัดนี้ก็เพิ่งสามขวบ
อายุเท่านี้ ย่อมต้องให้พี่เขยดูแลแน่นอนอยู่แล้วสิ?!
ลูกหลานตระกูลซ่งตั้งมากมายขนาดนี้ ขาดไปสักหนึ่งคนแล้วจะมีอะไรแตกต่างหรือ
“หุบปาก!” ซ่งเหล่าเกินบันดาลโทสะ “ตระกูลดองอุตส่าห์ถ่อมาแต่ไกลทั้งที ข้าก็ไม่อยากทำให้เจ้าขายหน้า แต่หลานสาวของตระกูลซ่งข้าถึงคราวต้องให้เจ้าชี้นิ้วสั่งสอนด้วยหรือ!”
“ตระกูลดอง นี่เป็นเจ้าที่เลอะเลือนไปแล้วต่างหาก! หลานสาวเจ้าผู้นี้เป็นหลานสาวแท้ๆ หรือ? ก็แค่เด็กกำพร้าที่คนอื่นไม่ต้องการเท่านั้นเอง แต่ในท้องหลานสาวข้าเป็นเหลนแท้ๆ ของเจ้า?! พูดถึงความใกล้ชิด หลานสาวข้าต่างหากที่มีลำดับความใกล้ชิดกับเจ้า!” หญิงชราเผยกล่าวอย่างเป็นเหตุเป็นผล
ทางด้านซ่งเหล่าเกินกลับไม่คิดเช่นนี้
ตระกูลเผย เป็นพวกบาปที่แย่งหลานชายเขา
ซ่งอิง มีส่วนที่ทำให้เขาไม่พอใจ แต่เด็กผู้นี้กลับเป็นผู้ที่ตนเห็นอยู่ในสายตาจนเติบใหญ่ เขาจึงไม่ได้เห็นเด็กสาวผู้นี้เป็นคนนอก เงื่อนไขความต้องการที่มีต่อนางกับที่มีต่อหลานสาวแท้ๆ ไม่มีอันใดแตกต่าง
หากหลานสาวก่อปัญหาจริง ไม่ว่าจะเฆี่ยนตีหรือด่าทอ หรือจะขับออกไปโดยการให้แต่งงาน นั่นล้วนเป็นเรื่องของตระกูลซ่งเขา เกี่ยวอะไรกับตระกูลเผยด้วยหรือ
“ตระกูลดองพูดถูก ที่ซ่งเผยซื่ออุ้มท้องอยู่เป็นเด็กของตระกูลซ่งข้า ไม่มีเหตุผลใดที่จะอยู่ดูแลครรภ์บ้านตระกูลเผยพวกเจ้า เหล่าต้าไม่อยู่บ้าน แต่เหล่าซานตระกูลข้าอยู่ เช่นนั้นก็ให้เหล่าซานไปตัวอำเภอพร้อมกับลูกสะใภ้คนโตตระกูลข้า รับเอาเผยซื่อกลับมาก็แล้วกัน” ชายชราซ่งกล่าว
ในวันงานฉลองครบรอบวันคล้ายวันเกิด ตามจริงเขาก็เกิดความนึกคิดนี้แล้ว เพียงแต่หาโอกาสเอ่ยปากไม่ได้
ต่อให้ส่งลูกสะใภ้ไปรับตัวคนเขามา ก็อาจถูกปฏิเสธกลับมาได้เช่นกัน
แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป ก็เหมือนอย่างที่ซ่งอิงพูด เผยซื่อร่างกายไม่แข็งแรง นั่นก็เพราะตระกูลเผยไม่ใส่ใจมากพอ เช่นนั้นตระกูลซ่งก็ควรออกหน้าจัดการปัญหาเสีย
“เช่นนั้นมิได้หรอก พวกเจ้าอยู่ท่ามกลางชนบทไม่สะดวก มีหรือจะสุขสบายเท่าอยู่ในตัวอำเภอ” หญิงชราเผยกล่าวทันควัน
ซ่งเหล่าเกินได้ยินก็ยิ่งไม่สบอารมณ์
“นี่ตระกูลดองรังเกียจที่พวกเราตระกูลซ่งภูมิหลังเป็นชาวชนบทหรือ! เช่นนั้นก็ได้ ไว้เด็กคลอดออกมาแล้ว ข้าจะให้ลูกสะใภ้ใหญ่ข้าจัดการหย่าร้างเผยซื่อเสีย! บรรพบุรุษหลานเสี่ยนตระกูลข้าเป็นชาวชนบทผู้ต่ำต้อยทั้งนั้น ไม่คู่ควรแต่งหญิงจากตระกูลสูงส่งใหญ่โตเช่นพวกเจ้าหรอก!” ซ่งเหล่าเกินกล่าวด้วยความโกรธจัด
ลูกสาวคนในตัวอำเภอ?
ถุย!
ห้าสิบตำลึงเงินสู่ขอตัวขี้เกียจมาได้คนหนึ่ง นับแต่เข้าสู่ตระกูลมา ไม่มีอะไรสำเร็จสักอย่าง!
แล้วยังพานให้หลานเสี่ยนถูกจับไปทำงานตรากตรำ พูดน่าเกลียดหน่อยก็คือตัวกาลกิณีนั่นเอง เขายังไม่รังเกียจเลย ตระกูลเผยกลับกล้าดีดูถูกตระกูลซ่ง! ยังมียางอายหรือไม่!
มีซ่งเหล่าเกินเอ่ยปากพูด ซ่งอิงย่อมสงบปากสงบคำเป็นธรรมดา
แต่นางก็ไม่ปลีกตัวไปไหน
หลายเดือนมานี้ ร่างกายชายชราไม่ค่อยดีนัก ก่อนหน้านี้สะเทือนใจด้วยเรื่องราวซ่งเสี่ยน ต่อมาลูกชายนางก็หายตัวไป และชายชราก็หกล้มอีกด้วย มองดูสีหน้าค่าตานี้ก็รู้ได้ว่าไม่แข็งแรงเหมือนแต่ก่อนแล้ว
“ตระกูลดอง ทั้งหมดนี้ก็เพราะหวังดีต่อลูกหลาน ไว้หลานเสี่ยนกลับมาแล้ว หากเขาต้องการรับภรรยากลับบ้าน เช่นนั้นข้าก็ไม่ห้าม” หญิงชราเผยกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“เหอะ หลานเสี่ยนถูกพวกเจ้าหลอกล่อให้หน้ามืดตามัว บัดนี้รู้ความไม่สู้เด็กสามขวบด้วยซ้ำ! พวกเจ้าตระกูลเผยฝันไปเถอะ ไว้เดี๋ยวหลานชายข้าผู้นั้นกลับมาแล้ว ภรรยาเขาพูดจาเป่าหูเสียหน่อยว่าตระกูลซ่งไม่สนใจใยดีตระกูลเผยเลย ผู้เฒ่าเช่นข้ายังจะถูกโกรธเคืองเสียอีกด้วย!” ซ่งเหล่าเกินคิดว่าที่หลานสาวพูดไว้มีเหตุมีผลมาก “หากไม่นำคนส่งกลับมา เช่นนั้นข้าผู้เฒ่าคนนี้ก็จะพาคนของวงศ์ตระกูลซ่งซื่อไปถามหาความชัดเจนที่ตระกูลเผยเจ้า ดูสิว่าพวกเจ้าวงศ์ตระกูลเผยซื่อพอแต่งบุตรสาวออกมาแล้วก็ทำกันเยี่ยงนี้ใช่หรือไม่!”
ตอนที่ 326 ตบตีเป็นใช่หรือไม่
เมื่อชายชราเดือดดาลขึ้นมาค่อนข้างน่ากลัวทีเดียว อย่างน้อย ณ ตอนนี้ หญิงชราเผยก็ไม่กล้าหืออือไปพักใหญ่
ท้ายที่สุดปรากฏว่านางเดินคอตกจากไปหน้าตาเฉย
ชายชราพูดจริงทำจริง เดินตามหลังไปติดๆ ให้ซ่งเหล่าซานไปเป็นเพื่อนเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เข้าอำเภอไปรับคนมาเสีย
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เกลียดชังลูกสะใภ้ผู้นี้ถึงขีดสุด แต่ก็รู้เช่นกันว่าลูกสะใภ้ของครอบครัวตนเอาแต่อาศัยอยู่ภายนอกไม่ใช่เรื่องเหมาะสม ดังนั้นจึงไม่มัวชักช้ารีรอ
ซ่งอิงไม่รีบร้อนกลับบ้าน อยู่กินข้าวทางด้านหร่วนซื่อให้เรียบร้อยก่อน
แน่นอนว่า เป็นน้ำแกงรสเนื้อสัตว์คู่กับซาลาเปา
หร่วนซื่อผัดผักได้ไม่เลวทีเดียว เพียงแต่ไม่ได้ทำซาลาเปาบ่อยครั้งนัก ดังนั้นจึงต้องฝึกปรือฝีมือทำสิ่งนี้เป็นการเฉพาะ
ฝึกฝนมาหลายวันขนาดนี้ ผลลัพธ์ค่อนข้างดีจริงๆ ยอดจีบซาลาเปาดุจดอกไม้ มองดูค่อนข้างเจริญตาเช่นกัน
“ไม่ชวนอาสะใภ้สามเจ้าแล้วหรือ” ซ่งอิงนำเรื่องที่จะจ้างคนงานมาช่วยงานบอกกล่าว หร่วนซื่อประหลาดใจเล็กน้อย “โชคดีที่ข้ายังไม่ได้นำเรื่องนี้ไปเอ่ยกับนาง แม้ข้าไม่พูด แต่หลายวันนี้ข้าเอาแต่ทำซาลาเปากิน คนในครอบครัวก็รู้เช่นกันว่าข้ามีความตั้งใจจะเปิดร้านอาหาร อาสะใภ้สามเจ้าก็เลยมาถามไถ่กับข้า คล้ายว่าอยากทำงานกับข้า ตอนนี้ไม่ชวนนางแล้ว นางย่อมเกิดความนึกคิดใดขึ้นมาแน่”
สาเหตุที่นางไม่เอ่ยกับเจียวซื่อก่อนหน้านี้ ก็เพราะกลัวว่าเกิดไม่เปิดร้านนี้แล้ว จะรู้สึกละอายใจเข้าหน้าไม่ติด
โชคดีที่นางมองการณ์ไกล
หร่วนซื่อทอดถอนใจ “ไม่ชวนนางแล้วจะชวนใครหรือ”
“ข้ากำลังจะพูดอยู่พอดี คาดว่าคนผู้นั้นจะมาหาวันพรุ่งนี้ ท่านแม่ลองดูเป็นเพื่อนข้าแล้วกัน อย่างไรเสียก็ต้องทำงานร่วมกับท่าน ถึงอย่างไรก็ต้องเข้าใจกันจึงจะใช้ได้ หากท่านรู้สึกไม่เหมาะสมเท่าไรนัก เช่นนั้นก็ค่อยเปลี่ยนคน” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง “จริงสิ นี่เป็นคนที่อาสี่แนะนำเจ้าค่ะ”
“อาสี่เจ้าแนะนำ?” หร่วนซื่อมองนางอย่างตกตะลึงปนประหลาดใจ “เช่นนั้นคนผู้นี้คงตบตีเก่งกาจมากกระมัง?”
“…” ซ่งอิงนิ่งไปชั่วขณะ
สองวันที่จะมาถึงนี้ คนที่ซ่งอิงต้องเจอไม่ใช่เพียงป้าผู้นั้น แต่ยังมีหนิวต้าลี่อีกคน
คาดว่าควรต้องมาหาได้แล้วเช่นกันจึงจะถูก
คิดอะไรก็เป็นเช่นนั้น เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ป้าที่อาสี่แนะนำกับหนิวต้าลี่เดินตามๆ กันมาถึงหน้าประตู
หนิวต้าลี่เห็นว่ายังมีคนอื่นด้วย ทันใดนั้นคิดว่าเป็นคู่แข่ง ดังนั้นจึงมีสีหน้าประหม่าถูมือไปมา
หลังซ่งอิงเห็นป้าผู้นี้ ค่อนข้างตระหนกตกใจไม่น้อยทีเดียว
ป้าผู้นี้แซ่กวน รูปลักษณ์…ดำคล้ำเล็กน้อย จากที่อาสี่บอกเล่า คนผู้นี้น่าจะอายุประมาณสี่สิบกว่าๆ แต่ในความเป็นจริง มองดูแล้วคนผู้นี้เหมือนจะหกสิบแล้ว
แต่ทว่ามองออกได้ว่า ป้ากวนผู้นี้น่าจะผ่านการจัดระเบียบร่างกายให้เรียบร้อยเป็นพิเศษแล้ว ผมเผ้าหวีไว้อย่างเรียบร้อย เสื้อผ้าและเล็บมือก็สะอาดสะอ้านอย่างยิ่ง
หร่วนซื่อมองแวบเดียวก็มองออกว่า ป้ากวนผู้นี้ไม่ใช่คนที่หาเรื่องด้วยได้โดยง่าย
นางเป็นคนนิสัยเจ้าน้ำตา ดังนั้นมองปราดเดียวก็มองออกได้ว่า คนลักษณะไหนเสียงดังและดุดัน
ซ่งอิงไม่ได้ถามอะไรมากมาย หลักๆ ปล่อยให้หร่วนซื่อพูดคุยกับกวนซื่อ
“ทางครอบครัวพี่สะใภ้มีลูกหรือไม่” หร่วนซื่อถามอย่างเรียบง่าย
ป้ากวนผู้นั้นน้ำเสียงไม่ถือว่าเล็กแหลม และดูกระฉับกระเฉงอย่างยิ่ง “ในครอบครัวมีบุตรชายอยู่คนหนึ่ง ยี่สิบต้นๆ ยังไม่ได้แต่งภรรยาเลย ดังนั้นอยากจะหางานทำเก็บเงินให้ลูกชายได้เป็นฝั่งเป็นฝา งานสกปรกงานเหนื่อยไม่กลัว ไม่ว่าอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น”
หร่วนซื่อพยักหน้า “คนที่ข้าหาห ลักๆ คืออยากได้ใครสักคนที่รับผิดชอบและตัดสินใจเรื่องในร้านได้”
“เรื่องนี้น้องสาววางใจได้ หลายปีมานี้ข้าเลี้ยงดูลูกด้วยตนเอง เพื่อเลี้ยงเขาให้มีชีวิตรอด ไม่ว่างานอะไรก็เคยทำมาแล้วทั้งนั้น เถ้าแก่ร้านหรือลูกค้าประเภทไหนก็เคยพบเคยเจอมาหมดแล้วเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่อันธพาลไร้ยางอายหรือพวกละโมบโลภมากไม่รู้จักพอ ข้าไม่กลัวทั้งนั้น”
“ข้าก็ไม่มีความสามารถอื่นใด ทำได้เพียงเท่านี้ หากน้องสาวจ้างข้าจริง เจ้าให้ข้าทำอะไรข้าก็ทำเช่นนั้น เงินทองจากภายนอกที่รับผ่านมือข้า ไม่มีทางเอาเข้ากระเป๋าเงินตัวเองโดยเด็ดขาด ตราบใดที่มีข้าอยู่ในร้าน ไอ้พวกสารเลวหน้าไหนล้วนไม่อาจรังแกน้องสาวได้แน่” กวนซื่อแสดงสีหน้าท่าที
ครั้นเอ่ยคำพูดนี้ หร่วนซื่อถึงกับดวงตาลุกวาว
มองดูลักษณะในการพูดที่มีความมั่นใจในตัวเองและเด็ดขาด ไม่ว่าภายภาคหน้าจะเป็นเช่นไร อย่างน้อยๆ ตอนนี้มองดูท่าทีนี้ก็ชวนให้คนสบายใจ!