ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 333 คนโง่เง่าสองคน ตอนที่ 334 เป็นสิ่งที่สมควร
ตอนที่ 333 คนโง่เง่าสองคน
ถึงอย่างไรนางก็ไม่อาจมีชีวิตที่สุขสบายแค่ตนเองผู้เดียวตลอดไป โดยปล่อยให้บิดามารดากัดก้อนเกลือกินได้ ตอนนี้ทำให้มารดาหาเงินได้สักนิด นี่ถือเป็นเรื่องดี!
ฮั่วหลินเห็นซ่งอิงท่าทีเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านแม่ เงินของครอบครัวเรายังเหลือมากน้อยเท่าใด ข้าจะลองคำนวณดูหน่อยว่ายังพอให้ข้ากินได้อีกนานเพียงใด หากไม่ได้เงินที่หาร่วมกับอาสี่ เช่นนั้นข้าไม่ไปเก็บโสมก็ได้ เอาจานในบ้านสักใบไปนั่งคุกเข่าริมทาง คงพอมีคนโง่ให้เหรียญทองแดงแก่ข้าบ้าง!”
“…” ซ่งอิงรู้สึกตงิดๆ ใจ
หลายวันมานี้ ลูกชายนางผ่านประสบการณ์อะไรมาแล้วหรือ!
“ไม่ค่อยได้ผลหรอก คนโง่ไม่ได้มากมายขนาดนั้น เจ้าดูขาวจ้ำม่ำ เห็นแวบแรกก็รู้แล้วว่าเป็นเด็กที่ครอบครัวมีฐานะ นอกเสียงจากเจ้าจะตัดขาสักข้างหรือแขนหายไปหนึ่งข้างอะไรทำนองนี้ เช่นนั้นยังค่อยน่าได้ผลหน่อย” หนิวต้าลี่เคยมีประสบการณ์ด้วยตัวเองมาแล้ว
“ยากขนาดนั้นเชียวหรือ” ภูตโสมส่งเสียงขึ้นมาอย่างตระหนกตกใจ “พี่ต้าลี่ เช่นนั้นข้าทำอะไรได้บ้าง”
“อืม…” หนิวต้าลี่ขบคิดอย่างจริงจังมาก “น้อยคนนักจะจ้างเด็กที่ยังเล็กขนาดเจ้า ดังนั้นเจ้าทำได้เพียงไปขายตัวเท่านั้น ก่อนหน้านี้มีคนสูงศักดิ์ซื้อเด็กผู้ชาย ราคาค่อนข้างสูงเสียด้วย ไม่จำเป็นต้องตัดแขนตัดขา ดูเหมือนว่าเพียงแค่ต้องตัดเนื้อสองชิ้นก็ได้แล้ว ข้าคิดว่าพื้นที่ตามตัวมากขนาดนี้ ตัดแค่สองชิ้นง่ายดายจะตาย น่าเสียดาย คนเขาไม่ต้องการผู้หญิง!”
ซ่งอิงตกตะลึง
ซ่งต๋าและซ่งอู่มองหนิวต้าลี่อย่างนิ่งอึ้งไปเช่นกัน
“ขายตัวไม่ได้อย่างแน่นอน ข้าแยกจากแม่ข้าไม่ได้!” ฮั่วหลินส่ายหน้า
ซ่งอิงรู้สึกโชคดีเล็กน้อย โสมซื่อบื้อตนนี้โชคดีที่ถูกนางจับเอาไว้ หากให้เขาไปเป็นขอทานตามหัวถนน ไม่แน่ว่าจะขายตัวเองไปเป็นขันทีแล้วก็เป็นได้!
แต่เห็นลักษณะโง่เขลาเช่นนี้ของหนิวต้าลี่ ซ่งอิงถึงขั้นเอ่ยปากอธิบายไม่ออก
ซ่งต๋าและซ่งอู่ทั้งสองคนสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างยิ่ง ดึงเสื้อของฮั่วหลินอย่างระแวดระวัง “อย่าไปฟังคำพูดของพี่ต้าลี่เชียว…”
“ทำไมหรือ” ฮั่วหลินไร้เดียงสาอย่างยิ่ง
“คือ…คือที่ต้องตัดทิ้งเป็นกล่องดวงใจน้อยน่ะสิ…” ขออภัยด้วยที่ซ่งต๋าใจกล้าหน้าด้าน ยามนี้เพิ่งจะรู้สึกอายขึ้นมาเล็กน้อย
ฮั่วหลินกุมใจกลางหว่างขาในทันที
หลังเปลี่ยนเป็นมนุษย์ เดิมทีเขารู้สึกว่าตามเนื้อตัวไม่ว่าส่วนไหนก็เหมือนๆ กัน แต่เมื่ออยู่ร่วมกับบรรดาเด็กน้อยนานวันเข้า ย่อมเข้าใจว่า เขาเป็น ‘เด็กผู้ชาย’ ไม่ว่าอย่างไรล้วนต้องรักษา…กล่องดวงใจน้อยเอาไว้ให้ดีๆ
ซ่งอิงถอนหายใจ
ชักรู้สึกว่าตนเองเลี้ยงเด็กโง่เขลาไว้สองคนเสียแล้ว
แต่จอมโง่เขลานี้เป็นผู้ที่ตนเลือก จะอย่างไรก็ต้องเลี้ยงดูต่อไป
เมื่อรับประทานอาหารเรียบร้อย หนิวต้าลี่เสนอตัวไปล้างถ้วยชาม เพราะกลัวว่าซ่งอิงจะไม่ต้องการนาง จึงแสดงออกอย่างกระตือรือร้นเป็นพิเศษ จากนั้นก็จัดการทำความสะอาดลานบ้านด้วยรอบหนึ่ง
เมื่อก่อนทุกวันซ่งอิงต้องทำงานจิปาถะไม่น้อยเลยจริงๆ แต่หลังมีหนิวต้าลี่ก็สบายขึ้นมาก
วันรุ่งขึ้น หนิวต้าลี่ทำงานอยู่ในเรือน ส่วนซ่งอิงพาบิดามารดานางไปบริเวณใกล้ๆ ท่าเรือ
ท่าเรือนี้ตามจริงอยู่นอกเมือง แต่บริเวณใกล้ๆ กับท่าเรือก็มีทหารขุนนางอยู่ด้วยเช่นกัน เป็นพื้นที่หนึ่งซึ่งค่อนข้างกว้างใหญ่ทีเดียว เพราะท่าเรือมีคนไปๆ มาๆ มากมาย ดังนั้นบริเวณใกล้เคียงจึงมีถนนอยู่หลายสาย พัฒนากลายเป็นเมืองท่าขนาดย่อมแห่งหนึ่ง
ห้องแถวร้านค้าที่นี่ไม่ใช่ราคาถูกๆ เช่นกัน อย่างไรเสียก็เอามาใช้ทำการค้าทั้งสิ้น ดังนั้นราคาจึงโหดมากทีเดียว ห้องแถวร้านค้าเล็กที่สุด หากจะซื้อเอาไว้ ห้องหนึ่งเป็นราคาแปดสิบตำลึงเงิน แต่ประเภทนี้ไม่พอใช้งาน
ท่ามกลางหมู่ห้องแถวร้านค้ามีสองแถวทำเลดีที่สุดซึ่งเป็นของทางจวนขุนนาง ส่วนใหญ่เอามาใช้ปล่อยเช่า โดยคิดเงินค่าเช่าเป็นรายปี ร้านใหญ่หนึ่งปีเป็นเงินยี่สิบตำลึงเงินถึงสามสิบตำลึงเงิน ซ่งอิงคิดว่าคุ้มค่าทีเดียว
ห้องแถวร้านค้าขนาดใหญ่เช่นนี้หากขาย อย่างต่ำสุดก็ต้องสองร้อยตำลึงเงิน
หนึ่งร้อยตำลึงเงินของบิดามารดานางรวมกับเงินที่นางมีอยู่ เป็นจำนวนเงินที่ซื้อได้พอดี เพียงแต่หลังซื้อแล้ว นางก็จะไม่มีเงินเหลือแล้วจริงๆ แต่บิดามารดานางไม่เห็นดีด้วย
อย่างไรเสียก็ยังไม่รู้ว่ากิจการนี้จะดำเนินไปได้ด้วยดีหรือไม่ จะบุ่มบ่ามซื้อห้องแถวเลยก็ออกจะผลีผลามเกินไป
ซ่งอิงช่วยเลือกสรรให้บิดามารดาอย่างดิบดี ท้ายที่สุดเลือกทำเลที่ค่อนข้างสะดุดตา
ตอนที่ 334 เป็นสิ่งที่สมควร
หร่วนซื่อกระวนกระวายใจ มองดูร้านนี้ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
“หนึ่งปีสามสิบตำลึงเงิน…พวกเราจะหาเงินมากขนาดนี้ได้หรือไม่ มิใช่ว่าแม้ค่าเช่าก็ยังเอากลับมาไม่ได้ล่ะ” หร่วนซื่อว้าวุ่นใจจริงจัง ร้านค้าใหญ่โตของบริเวณโดยรอบนี้ที่ทำๆ อยู่ก็ไม่ถือว่าเป็นกิจการเล็กๆ
บริเวณใกล้เคียงแม่น้ำใหญ่ซึ่งนำไปสู่การขนส่งทางเหนือจดใต้ พ่อค้าบางส่วนจะมาเปลี่ยนถ่ายสินค้ากันที่นี่ ดังนั้นด้านนี้ก็มีภัตตาคารที่ไม่เลวทีเดียวอยู่ด้วยเช่นกัน
นอกจากภัตตาคาร ยังมีร้านขายของชำซึ่งด้านในเน้นขายของเอกลักษณ์แถบเมืองยง
หากเอ่ยถึงร้านขายอาหารเช้า ส่วนใหญ่ก็เป็นเรือนหลังเล็กๆ ชั้นเดียวที่อยู่ไม่ไกลนักและไม่ค่อยดึงดูดสายตาสักเท่าไร แต่ไม่ใช่อาคารสองชั้นลักษณะนี้…
“หากท่านแม่ทำตามที่ข้าบอก ย่อมไม่ยากแก่การทำเงินกลับคืนมา อีกทั้งพวกเราไม่ได้ทำแค่อาหารเช้า มิใช่ว่ายังมีผัดผักอีกด้วยหรือ” ซ่งอิงหัวเราะเล็กน้อย “เปลี่ยนเป็นร้านห้องเล็กๆ ทางด้านนั้น พื้นที่ไม่เพียงพอจริงๆ”
หร่วนซื่อสับสนไปหมด “ลองคำนวณดูแล้ว เดือนหนึ่งๆ อย่างต่ำก็ต้องทำเงินให้ได้เกือบๆ สามตำลึงเงิน…”
หนึ่งวันเป็นจำนวนเท่าไรนะ? หนึ่งร้อยอีแปะ?
อย่าว่าแต่หร่วนซื่อเลย ต่อให้เป็นซ่งจินซานก็ยังคิดว่าตนเองเดินไปอยู่บนคมมีดแล้ว
“ไหนๆ ก็เช่าแล้ว จะคิดให้มากมายขนาดนี้ทำไมกันเจ้าคะ ท่านพ่อท่านแม่หันไปจัดการซื้อข้าวของแต่เนิ่นๆ หน่อยจะดีกว่า!” ซ่งอิงไม่ปลอบใจพวกเขาเช่นกัน
ความกดดันก็คือแรงขับเคลื่อนหนึ่งเช่นกัน คนที่กล้าเสี่ยง จึงจะได้ประโยชน์มากมาย คนขี้ขลาด มักไม่ได้ประโยชน์อันใด
“ก็จริงอย่างว่า เราลองทำดูก่อนสักปี หากไม่ได้จริงๆ ปีหน้าก็เลิกเช่า” ซ่งจินซานกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
หร่วนซื่อจึงไม่พูดอะไรให้มากความอีก สองสามีภรรยาเดินสำรวจอาคารทั้งสองชั้นนี้รอบหนึ่งอย่างระมัดระวัง
ตามแผนการที่ซ่งอิงวางไว้ ชั้นสองคาดว่าจะวางโต๊ะชุดสี่คนได้จำนวนสิบตัว แม้เป็นเช่นนี้ก็ยังโล่งมาก ตำแหน่งห้องครัวอยู่ที่ลานหลังร้าน ลานด้านหลังไม่ถือว่าใหญ่โตมาก ทว่าห้องครัวในลานบ้านกลับกว้างขวางอย่างยิ่ง
จ้างเพียงแค่ป้ากวนคนเดียวไม่พอด้วยซ้ำ อย่างน้อยก็ต้องมีป้าสักคนรับผิดชอบทำความสะอาดถ้วยชามที่ลูกค้าใช้แล้ว
ซ่งจินซานสองสามีภรรยาเริ่มจับจ่ายซื้อของที่จำเป็นต้องใช้ในแต่ละวัน ส่วนซ่งอิงไปบ้านซ่งรอบหนึ่งเพื่อหาอาสามซ่งอิ๋นซาน
นางจำเป็นต้องให้ซ่งอิ๋นซานทำถาดให้หนึ่งชุดใหญ่
ซ่งอิ๋นซานได้ยินดังกล่าว ตะลึงงันไปทันที “พี่สะใภ้รองเช่าร้านค้ารวดเร็วเพียงนี้เชียวหรือ มีทำเลดีๆ ให้เลือกแล้วหรือ”
“อาสามวางใจได้ ท่านพ่อก็ไปด้วยเช่นกัน พวกเราต่างก็พอใจในทำเลที่เลือกไว้อย่างยิ่ง” ซ่งอิงเอ่ย ก่อนจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ช่วงนี้อาสามพอจะมีเวลาว่างหรือไม่ ทางด้านร้านพ่อแม่ข้านั่นต้องการถาดประมาณสองร้อยใบ ขนาดและรูปลักษณ์ไม่ต้องซับซ้อนเกินไป เพียงแค่ด้านบนต้องสลักสี่คำที่ว่า ‘ร้านอาหารตระกูลซ่ง’ ก็ใช้ได้แล้ว หากท่านสะดวกก็ต้องรบกวนท่านด้วย ถาดนี้ใบละห้าอีแปะแล้วกันเจ้าค่ะ…”
“พูดเช่นนี้ก็เกินไปหน่อย พ่อเจ้าเป็นพี่รองของข้า ทำสิ่งของให้เขาจำนวนไม่เท่าไรนั่นก็เป็นเรื่องที่พึงกระทำอยู่แล้วมิใช่หรือ!” ซ่งเหล่าซานได้ยินดังกล่าวรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
ประจวบเหมาะกับเจียวซื่อเดินเข้ามาพอดี
สีหน้านางไม่สบอารมณ์ทันที
แต่สามีตนพูด นางก็ไม่สะดวกโต้แย้ง จึงได้แต่กล่าว “ลูกเซิ่งครอบครัวเราอีกครึ่งปีก็อายุสิบหกปีแล้ว เด็กผู้ชายอายุสิบเจ็ดสิบแปดก็ต้องแต่งงานกันแล้ว ตอนนี้เราแม้แต่เรือนสักหลังยังสร้างไม่ได้เลย…”
สีหน้าซ่งอิ๋นซานพลันเปลี่ยนไป ถลึงตาใส่เจียวซื่อแวบหนึ่ง
เจียวซื่อคิดว่าอยากเอ่ยปากกับหลานสาวมาโดยตลอดแต่เกรงใจจริงๆ ทว่าคนเขาเป็นฝ่ายพูดออกมาเองว่าต้องการให้เงิน ขืนนางปฏิเสธ นั่นไม่ใช่โง่เง่าหรอกหรือ?!
“หลานสาว อาสามเจ้าฝีมือดีเชียวละ หมู่บ้านเราแห่งนี้หาใครที่เก่งเท่าเขาไม่ได้แล้ว เจ้ามอบหมายให้เขาดูแลก็วางใจได้เลย ตกลงราคาตามที่เจ้าว่า ไว้เดี๋ยว…ให้เขาทำเพิ่มให้เจ้าสองใบแบบไม่คิดเงิน เจ้าว่าดีหรือไม่” เจียวซื่อรีบกล่าวทันควัน
ซ่งอิงหนังตากระตุก
ทำเพิ่มให้สองใบแบบไม่คิดเงิน…
คำพูดนี้ไม่ได้ดูใจกว้างสักเท่าไร ทว่า เจียวซื่อยอมให้สองใบโดยไม่คิดเงินก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
“ดีเจ้าค่ะ” ซ่งอิงพยักหน้า “อาสาม ข้าจ่ายเงินมัดจำให้ท่านก่อนครึ่งหนึ่ง ไว้เสร็จเรียบร้อยแล้วจะจ่ายอีกครึ่งหนึ่งทันที ท่านก็ไม่ต้องเกรงใจ เงินนี้ก็ถือเสียว่า…เอาไปเพิ่มเสื้อผ้าตัวใหม่ให้บรรดาน้องชายในครอบครัวแล้วกัน ข้าได้ยินอาสี่กล่าวว่า หลานชายทั้งสามคนแม้แต่เสื้อผ้าตัวในและถุงเท้าที่ดูเป็นรูปเป็นร่างหน่อยยังไม่มีเลย อายุปานนี้แล้ว ก็ควรแต่งเนื้อแต่งตัวสักหน่อย มิเช่นนั้นคนรอบข้างมองดูจะคิดว่าตระกูลซ่งยากจน แม่สื่อก็ไม่กล้ามาทาบทามเช่นกันนี่?”