ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 335 ไม่รู้ความเท่าซานยา ตอนที่ 336 หุ้นค่าอาหาร
ตอนที่ 335 ไม่รู้ความเท่าซานยา
ซ่งอิงรู้เช่นกันว่าตนพูดมากไป แต่นึกถึงซ่งอู่และพี่ชายทั้งสองของเขาผู้นั้นก็เกิดความเห็นใจ
เด็กชายทั้งสามคนนี้ บางทีอาจยังดีหน่อย แต่ซานยาน่าเวทนายิ่งกว่า
ครั้นซ่งอิงเอ่ยคำพูดนี้ ซ่งอิ๋นซานหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที เจียวซื่อก็เสียอาการเช่นกัน นางอ้าปากหมายว่ากล่าวซ่งอิงสักหน่อย แต่ซ่งอิ๋นซานเป็นคนจริง ทันใดนั้นก็ถอนหายใจออกมา “อาสามเข้าใจ เจ้าก็แค่คำนึงถึงน้องชายน้องสาวพวกเขาเหล่านี้ นี่หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็คงคร้านจะเอ่ยปาก”
ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย “อาสามวางใจได้ ชีวิตหลังจากนี้จะต้องดียิ่งๆ ขึ้นไปแน่เจ้าค่ะ เงินหามาได้ก็เอาไว้ใช้จ่ายเพื่อพวกเขาทั้งนั้นมิใช่หรือ ลักษณะของน้องสาม น้องสี่ และน้องห้าตระกูลเรา อยู่ในหมู่บ้านนี้จัดอยู่ในสิบอันดับแรกก็ยังว่าได้ เพียงแต่ต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูดีหน่อย แค่นั้นแม่สื่อก็พากันมารุมล้อมแล้วเจ้าค่ะ!”
แม้รู้ว่าซ่งอิงกำลังว่านางตระหนี่ถี่เหนียว แต่เจียวซื่อได้ยินคำพูดนี้ก็สบายใจขึ้นมาเช่นกัน
ลูกๆ ในครอบครัวนาง ย่อมรูปลักษณ์ดูดีอยู่แล้ว
สิบอันดับแรกอะไรกัน? หากให้นางพูด น่าจะครองสามอันดับแรกต่างหาก!
“กล่าวชมกันเกินไปแล้ว พวกเขาล้วนเป็นเด็กก๋ากั่นทั้งนั้น จะเอาความดูดีที่ไหนมาเล่า…” ซ่งอิ๋นซานเป็นคนหนึ่งที่มากด้วยคุณธรรมดีงาม
“นี่ข้ายังไม่ได้เอ่ยถึงซานยาเลยนะเจ้าคะ! อาสาม เด็กผู้หญิงตระกูลซ่งเรา นับไปนับมาก็มีแค่สามคนเอง ซานยาเป็นเด็กที่ข้าเห็นมาตลอดจนเติบใหญ่ เป็นคนที่รูปลักษณ์งดงามอย่างยิ่งคนหนึ่ง นางทั้งขยันขันแข็งทั้งมากความสามารถ ข้าคิดว่าหากให้นางขาวๆ และมีเนื้อเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย ภายภาคหน้าไม่แน่ว่าจะได้แต่งเข้าไปอยู่ในเมืองก็เป็นได้…” ซ่งอิงเริ่มรังสรรค์คำพูดเพ้อเจ้อไปเรื่อย
ซ่งอิ๋นซานนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ “ในเมือง?”
“ใช่สิเจ้าคะ? ซานยาเก่งจะตาย รูปลักษณ์ไม่ด้อยไปกว่าข้า แล้วยังเป็นเด็กที่ซื่อตรงคนหนึ่ง ย่อมได้แต่งกับคนดีๆ อยู่แล้ว!” ซ่งอิงกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ
รูปลักษณ์ของคนครอบครัวซ่งล้วนไม่แย่ ภรรยาที่แต่งเอากลับมาหน้าตาก็ไม่แย่เช่นกัน ดังนั้นลูกที่ให้กำเนิดแต่ละคนล้วนคิ้วดกดำ ตาโตและเครื่องหน้าสมส่วน
ลักษณะเช่นนี้ ขอเพียงบ่มตัวให้ขาวๆ หน่อย เช่นนั้นก็ไม่ดูอัปลักษณ์ทั้งนั้น!
“ครอบครัวเราไม่ได้มีความปรารถนายิ่งใหญ่ขนาดนั้น ซานยายังเด็ก ต่อให้เติบใหญ่แล้ว อนาคตหาชายชาวไร่ชาวสวนที่ซื่อสัตย์มีคุณธรรมสักคนก็ใช้ได้แล้ว แต่งไปอยู่ในเมืองนั่นต้องมีชะตาชีวิตที่ดีเท่าไรเชียว ไม่กล้าคิดเลย” ซ่งอิ๋นซานก็ช่างซื่อตรง
เจียวซื่อกลับฟังจนนิ่งอึ้งไปชั่วครู่
“เผยซื่อก็เป็นบุตรสาวคนในเมืองเช่นกันมิใช่หรือ โตขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ความเท่าลูกครอบครัวเราเลย!” เจียวซื่ออดเอ่ยพูดขึ้นมาไม่ได้
เมื่อวานรับตัวเผยซื่อกลับมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คนตระกูลซ่งล้วนถูกเผยซื่อสร้างความโกรธเกรี้ยวจนแค้นใจยิ่ง
เพียงแค่คิดว่าแม้เผยซื่อกลับมาแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมาเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ โดยเฉพาะยามที่ถึงปากทางเข้าออกหมู่บ้าน ราวกับอยากบอกกล่าวคนอื่นแทบขาดใจว่าตระกูลซ่งรังแกนางแล้วก็ไม่ปาน ปล่อยหยาดน้ำตาไหลรินลงมาไม่ขาดสาย!
เผยซื่อกำลังตั้งครรภ์นี่? ร้องไห้เช่นนี้คนในหมู่บ้านจะไม่คิดกันไปต่างๆ นานาพอดีหรือ
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เดือดดาลจนเป็นลมเป็นแล้งต้องนอนเตียง
มาถึงขั้นนี้แล้ว เผยซื่อก็ไม่คิดจะปรนนิบัติแม่สามีสักหน่อย ถึงขั้นคอยให้คนอื่นมาคอยปรนนิบัติรับใช้ตัวเองด้วย
เห็นซ่งอิงนิ่งอึ้งไป เจียวซื่อก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง “เผยซื่อผู้นี้ช่างเหลือเกินจริงๆ ลูกสาวคนในเมืองไฉนจึงหน้าไม่อายได้เพียงนี้เล่า หลังกลับมาเมื่อวาน ป้าสะใภ้ใหญ่เจ้าโมโหจนล้มหมอนนอนเสื่อ แต่นางกลับกล้าดี เดินเข้าไปวนเวียนในห้องครัว จากนั้นทำทีอาเจียน หลังจากนั้นก็ไปหาพ่อเฒ่าให้หาของกินให้…
“เจ้าเคยเห็นหลานสะใภ้ที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อนหรือไม่ นางตั้งท้องได้สี่เดือนแล้ว ช่วงที่แพ้ท้องหนักๆ มันผ่านไปพักใหญ่แล้ว ช่างเข้าใจเสแสร้งแกล้งทำจริงๆ!”
“พ่อเฒ่าจนปัญญา จึงให้ย่าเจ้าไปทำอาหารให้กิน แต่ไม่ถึงสองชั่วยามก็เอ่ยว่าลูกในท้องหิวอีกแล้ว ท่านปู่เจ้าเดือดดาลจึงไม่สนใจ นางก็กล้าดีถ่อมาขอของกินจากทางบ้านสามพวกข้า!”
“เอาไข่ไก่ของข้าไปสองฟองก็ยังไม่จบแค่นั้น ไปเห็นขนมที่หลานคังของบ้านอาสี่เจ้ากินอยู่ก็โวยวายจะกินบ้าง ทำให้หลานคังร้องไห้จนได้!”
เจียวซื่อเดือดดาลแทบจะระเบิดอยู่แล้ว
ใครเอาอาหารจากคนอย่างนางที่เขี้ยวขัดมันไปได้เล่า!
ต่อให้บุตรชายแท้ๆ ของนางก็ไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน แต่ด้วยความที่หลานสะใภ้ของเรือนข้างๆ ผู้นี้หน้าไม่อายเอาเสียเลย หากไม่ให้ของกินก็ไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น!
ตอนที่ 336 หุ้นค่าอาหาร
เจียวซื่อพูดจบถึงขั้นหน้าแดงก่ำ!
ซ่งอิงจ้องมองนางค้างเติ่งพูดไม่ออก ไม่กล้าเชื่อเลยว่าเผยซื่อจะ…ทำเรื่องประเภทนี้ออกมาได้จริงๆ?!
สาดสายตาสงสัยมองมายังอาสามแวบหนึ่ง กลับเห็นซ่งอิ๋นซานพยักหน้าอย่างยากจะอธิบายได้เช่นกัน “อาสะใภ้เจ้าไม่อยากให้หรอก แต่เด็กสาวผู้นั้นก็กุมท้องไม่ยอมเดินไปไหน…”
“…” ซ่งอิงตะลึงงัน
มิน่าล่ะ เจียวซื่อจึงยอมสละไข่ไก่สองฟองให้ได้ นี่หากไม่ให้ เผยซื่อแสร้งทำท่าทางลงไปนอนบนพื้นแล้วใครจะรับผิดชอบเล่า
เผยซื่อมาอยู่ที่นี่ ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากฝีมือนาง แต่ก็เป็นความคิดของชายชราด้วยเช่นกัน ยามนี้กลายเป็นเรื่องราววุ่นวายเช่นนี้ ซ่งอิงก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกสักเท่าใดเช่นกัน
แต่ทว่า ลูกสะใภ้ที่ตระกูลซ่งแต่งเข้ามา…
จะว่าไปแล้วก็คือข้อบกพร่องของตัวสองสามีภรรยาซ่งเสี่ยนเอง ไม่ถือว่าเป็นความผิดของนางเช่นกัน
“แม่นางจากในเมือง…ก็ไม่น่าเป็นถึงขั้นนี้นี่” ซ่งอิงถอนหายใจ
เจียวซื่อถูกแม่นางเผยซื่อในลักษณะเช่นนี้สร้างความหวาดกลัวเสียแล้ว “ซานยาครอบครัวข้าหากเลียนแบบลักษณะเช่นนั้น ข้าก็จะเฆี่ยนตีแล้วขับไล่ออกไปเลย! ชั่วชีวิตนี้ไม่ยอมรับบุตรสาวเช่นนี้โดยเด็ดขาด!”
เผยซื่อผู้นั้น ไม่ต่างอะไรจากเปาไล่จื่อของหมู่บ้านเลยด้วยซ้ำ?!
ต่อให้เป็นยามที่ซ่งหม่านซานยังเด็ก แม้มักจะเอาเปรียบพี่ชายและพี่สะใภ้ แต่ก็ไม่ใช้ตัวเองมาเป็นเครื่องมือข่มขู่ผู้อื่นนี่?
“อาสะใภ้สามวางใจได้ ซานยานิสัยซื่อสัตย์ ไม่กระทำเรื่องประเภทนี้หรอกเจ้าค่ะ” ซ่งอิงหัวเราะ
เจียวซื่อพยักหน้า
บุตรสาวครอบครัวนางหาเงินสู้ซ่งอิงไม่ได้ แต่ซานยาเพิ่งแปดขวบ เทียบกับซ่งอิงตอนแปดขวบก็ยังขยันขันแข็งกว่า! แต่ทว่า…
ครั้นคิดเยี่ยงนี้ เจียวซื่อนิ่งอึ้งไปชั่วครู่
บุตรสาวถือว่ารู้ความกว่าซ่งอิง เช่นนั้นเมื่อเติบใหญ่แล้วก็ไม่ใช่ว่าไม่อาจแต่งเข้าไปในตัวเมืองได้นี่?
ต้องบ่มตัวให้ขาวหน่อย? แต่ใครจะทำงานในบ้านเล่า
เจียวซื่อสับสนเล็กน้อย แต่ทว่าถึงอย่างไรนั่นก็เป็นบุตรสาวของตน นางก็ไม่มีความคิดจะทรมานบุตรสาวเช่นกัน ดังนั้นหลังขบคิดอย่างหนักอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวกับซ่งอิง “เอ้อร์ยา เจ้ามากความสามารถ เมื่อก่อนท่านปู่เจ้าก็เคยจ้างคนมาสอนเจ้าปักลายด้วยนี่ หรือไม่เจ้าช่วยสอนซานยาปักลายสักหน่อย”
เด็กในหมู่บ้าน งานปะผ้าและปักลวดลายดอกไม้ป่าเล็กๆ น้อยๆ ก็พอทำได้ แต่อย่างที่ซับซ้อนทำไม่ได้
ซ่งอิงมุ่นคิ้ว
“ได้สิเจ้าคะ เพียงแต่…” ซ่งอิงยิ้มที่เหมือนไม่ใช่รอยยิ้ม “ซานยาต้องเรียนกับข้าทุกวันนานเท่าใดหรือ อาหารการกินก็ต้องอยู่กับข้าทางด้านนั้นหรือ”
“ทางด้านเจ้านั้นมีเด็กน้อยสามคนแล้ว จะเพิ่มแม่นางสาวน้อยไปอีกคนก็ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉะนั้น…ก็ให้อยู่กับเจ้าทางด้านนั้นจะดีกว่า…” เจียวซื่อกล่าว
แน่นอนว่าต้องกินอยู่กับทางด้านซ่งอิงนั่นแล้ว อีกทั้งนางก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินแต่อย่างใด
ซ่งอิงอยากให้ซานยาได้ดีจริงๆ แต่ไม่ได้หมายความว่านางจะแสร้งโง่เขลาปล่อยให้เจียวซื่อเอาเปรียบ
หากเอาเปรียบแล้วจดจำความดีของนาง บางทีนางอาจยังพอเต็มใจอยู่บ้าง แต่เห็นได้ชัดว่าเจียวซื่อไม่ใช่คนประเภทนั้น
“ตอนแรกก็ถือว่าข้าขอให้น้องอู่ไปอยู่เป็นเพื่อนฮั่วหลิน ฉะนั้นการจัดหาอาหารรวมถึงที่พักให้ก็คือเรื่องที่สมควร แต่ตอนนี้…จะให้พาซานยาไปด้วย เกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะเท่าใด บ้านข้าก็เลี้ยงคนจำนวนมากขนาดนี้ไม่ไหวจริงๆ” ซ่งอิงยืนกรานแสร้งทำทีผู้ยากจน “ทว่าซานยาอายุยังน้อย ก็คงกินอาหารไม่ได้มากไปสักเท่าใด หากอาสะใภ้สามไม่ถือสา ฉะนั้นก็หุ้นค่าอาหารแก่ข้าทุกเดือนสักหน่อย เช่นนั้นก็มอบนางให้ข้าดูแลได้เลย”
“ยังต้องหุ้นค่าอาหารด้วยหรือ!” เจียวซื่อแทบกระโดดขึ้นมา
ตัดซานยาออกไปอีกคน ในบ้านขาดคนทำงานก็ไม่เท่าไร แต่ยังต้องจ่ายเงินอีกด้วย?!
เช่นนั้นก็ขาดทุนเกินไปแล้ว!
ซ่งอิ๋นซานรู้สึกโอบอ้อมอารีขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงบุตรสาวของครอบครัวตน “ก็สมควรเช่นกัน เอ้อร์ยา เจ้าคิดว่าจำนวนเงินเท่าใดจึงจะเหมาะสมหรือ”
“เดือนละหนึ่งร้อยอีแปะ ทุกเดือนให้นางมาอยู่ทางด้านบ้านข้าสิบวัน หนึ่งร้อยอีแปะนี้รวมค่าเรียนตลอดจนค่ากินอยู่ ท่านว่าได้หรือไม่เจ้าคะ” นี่เป็นราคาที่ถูกมากๆ แล้ว
ตอนแรกชายชราจ้างคนมาสอนเจ้าของร่างปักลาย ทุกเดือนก็ต้องเรียนเป็นเวลาสิบวันเช่นกัน เรียนไปได้หนึ่งปีใช้จ่ายไปตั้งห้าตำลึงเงิน!
สำหรับตระกูลซ่ง ณ ตอนนั้น เงินห้าตำลึงเงินเท่ากับขูดหนังตามเรือนร่างคนตระกูลซ่งก็ว่าได้!