ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 375 เที่ยงตรงโปร่งใส ตอนมี่ 376 หางานทำ
ตอนที่ 375 เที่ยงตรงโปร่งใส
เผยซื่อเห็นดีเห็นงามกับคำพูดของซ่งเสี่ยนอย่างยิ่งเช่นกัน
นั่นเป็นถึงเห็ดหลินจือเชียวนะ ว่ากันตามที่มารดาของนางพูดไว้ ขายในราคาแปดสิบตำลึงคาดว่าก็น่าจะไม่มีปัญหา
“ต้าหลาง เจ้ารู้หรือไม่ว่าปัจจุบันซ่งอิงมีเงินเท่าไรแล้ว” ใบหน้าเผยซื่อเต็มไปด้วยความลึกลับยากคาดเดา
“เท่าใดหรือ” ซ่งเสี่ยนนิ่งอึ้งไป
“ข้ากับเจ้ามาลองคำนวณดูแล้วกัน” เผยซื่อดึงรั้งซ่งเสี่ยนนั่งลง กล่าวอย่างคันปาก “เอ้อร์ยารู้จักหาเงินเป็นอย่างยิ่ง บ๊ะจ่างที่ขายก่อนหน้านี้สร้างรายได้มากที่สุด ซื้อที่ดินไปได้ยี่สิบหมู่แล้วยังเหลือเงินในมืออีกจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็ขายยาสระผมชิงซือ คาดว่าก็มีรายรับอีกประมาณสองสามร้อยตำลึงเงิน ต่อมานางเอาเรื่องเอาราวหลี่จิ้นเป่า จึงได้ที่ดินของตระกูลหลี่มาอีกเจ็ดแปดหมู่…”
“เพียงแต่ได้ยินว่าเงินของเอ้อร์ยาล้วนถูกอาสี่หลอกเอาไปหมดแล้ว” เผยซื่อรู้สึกเสียดาย “อาสี่บอกว่าต้องการไปเปิดร้านค้าในเมืองยงแทนซ่งเอ้อร์ยาเอง นี่พอไปแล้วก็ยังไม่กลับมาเลย ไม่รู้เช่นกันว่ากิจการเป็นอย่างไรบ้าง อยู่ห่างไกลเสียขนาดนั้น ท่านปู่ก็ไม่เคยแวะเวียนไปดู แต่เจ้าก็รู้นี่ว่าอาสี่คนผู้นั้นไว้ใจไม่ได้ ไม่แน่ว่าจะเอาเงินไปถลุงหมดตั้งนานแล้วก็เป็นได้…”
“เช่นนั้นนางก็น่าจะไม่มีเงินแล้วกระมัง” ซ่งเสี่ยนขมวดคิ้ว
“เรื่องนั้นข้าก็พูดยากเช่นกัน เอ้อร์ยาลูกไม้เยอะแยะจะตาย นางสรรหาตำรับอะไรสักอย่างมาขายก็น่าจะทำเงินได้ไม่น้อยแล้ว ก่อนหน้านี้ยังมีผู้ดูแลกิจการใหญ่โตในตัวอำเภอตามมาถึงหมู่บ้านพวกเรา เชื้อเชิญเอ้อร์ยาไปทำกิจการกับเขาด้วยอยู่เลย!” เผยซื่อกล่าวขึ้นอีกครั้ง
เมื่อพูดจบ ตนเองก็ยังรู้สึกอิจฉาริษยา
ซ่งเอ้อร์ยาหากเป็นผู้ชาย มากความสามารถเพียงนี้ นางยังอยากแต่งงานด้วยเลย
แต่น่าเสียดาย นางเป็นแค่น้องสาวสามี ทั้งยังเป็นคนประเภทที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดแต่อย่างใด
ซ่งเสี่ยนได้ยินดังกล่าวถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก
ตอนแรกเขาเพื่อสู่ขอเผยซื่อ จึงทะเลาะเบาะแว้งกับคนในครอบครัวไปพักใหญ่ ผู้เฒ่าซ่งตระหนี่ถี่เหนียว แต่ท้ายที่สุดก็นำเงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินซื้อบ้านให้เขา จากนั้นก็สมทบเงินห้าสิบตำลึงเงินเป็นสินสอดให้เขาไปสู่ขอเผยซื่อ หลังจากใช้จ่ายเงินก้อนนั้นไปแล้ว ตระกูลซ่งก็ยากจนแร้นแค้นอย่างแท้จริง
ชายชราซ่งลำบากมาทั้งชีวิต ผนวกกับทรัพย์สินที่บุตรชายทั้งสี่ในครอบครัวเก็บหอมรอมริบ รวมๆ กันแล้วยังไม่สู้ซ่งอิงแม่นางตัวคนเดียวด้วยซ้ำ?
“ร้านอาหารของอารองก็ทำเงินได้ดีเช่นกัน หลังจากนี้หากซ่งสวินสอบซิ่วฉายได้จริง…ไม่สิ ต่อให้เป็นเพียงถงเซิง ครอบครัวอารองผู้นั้นก็จะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างสิ้นเชิงแล้วเช่นกัน หลังจากนี้ครอบครัวบุตรคนโตอย่างเราๆ ยังจะข่มพวกเขาได้ที่ไหนกันเล่า มิหนำซ้ำตอนนี้พ่อเฒ่าซ่งก็ดูเหมือนจะหน้ามืดตามัวไปแล้วด้วย จึงได้เชื่อฟังคำพูดของเอ้อร์ยาเป็นพิเศษ!” เผยซื่อถอนหายใจออกมา
ซ่งเสี่ยนรู้สึกหมดหวังเล็กน้อย
ตอนนี้เขาทำอะไรได้บ้าง
“ในใจท่านปู่เกรงว่าจะผิดหวังในตัวข้าแล้ว…ข้ายังจะไปสู้ซ่งสวินและเอ้อร์ยาได้อย่างไรกัน” ซ่งเสี่ยนรู้สึกมืดแปดด้าน
เมื่อก่อนเขาพูดอะไรไป ชายชราก็เชื่อเช่นนั้น แต่ตอนนี้…
“ต้าหลาง ในท้องข้ายังมีลูกของเจ้าอยู่ทั้งคน เราต้องคำนึงถึงลูกของเราสิ? เดิมทีเรายังส่งลูกไปเรียนหนังสือในตัวอำเภอได้ ตอนนี้จบกัน ทั้งครอบครัวต้องมามุดหัวอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ในชนบทก็มีแต่โรงเรียนทรุดโทรมเก่าแก่แห่งนั้น เจ้าเป็นคนที่ชาญฉลาดขนาดนี้ สติปัญญาอาจารย์ยังสอนเจ้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ภายภาคหน้าจะไม่เป็นการทำร้ายลูกของเราหรอกหรือ…” เผยซื่อถอนหายใจ
ซ่งเสี่ยนพยักหน้า
แม้ว่าอาจารย์ของซ่งเสี่ยนเป็นถึงถงเซิง แต่เขาคิดว่าความสามารถในการสอนหนังสือไม่ค่อยดีเท่าไร
“แล้วนี่จะทำอย่างไรได้ เอ้อร์ยาเป็นคนใจเหี้ยมคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ก็แค่เอาบ๊ะจ่างไปไม่เท่าไหร่ ยังถูกนางเล่นงานเสียย่อยยับ…” ดังนั้นเรื่องประเภทการลักขโมยเห็ดหลินจือ เขาไม่กล้าทำอีกโดยเด็ดขาด
“เราไม่ขโมยหรอก” เผยซื่อพยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน “เจ้าเป็นหลานชายคนโตของครอบครัวบุตรคนโต ก็ขอกันอย่างเที่ยงตรงโปร่งใสไยจะไม่ได้เล่า”
ซ่งเสี่ยนนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นในสมองที่เดิมทีมืดแปดด้าน กลับสว่างไสวขึ้นมา
นั่นน่ะสิ เขาเป็นหลานชายคนโต ทรัพย์สินกว่าครึ่งของตระกูลซ่งเดิมทีก็ควรเป็นของเขา
ซ่งเสี่ยนยิ้มเล็กยิ้มน้อย จากนั้นเอ่ยถ้อยคำหวานกับภรรยาอย่างดีอกดีใจ
ตระกูลซ่งสงบสุขไปได้สองวัน
เผยซื่อแอบพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับเขาไปไม่น้อย ดังนั้นกระทั่งตอนที่เห็นเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่อีกครั้ง ซ่งเสี่ยนดูว่านอนสอนง่ายขึ้นมาก ไม่กล้าเอ่ยถ้อยคำรุนแรง ช่วยยกน้ำชาและรินน้ำให้ คอยปรนนิบัติไม่ห่าง ทำให้ความเจ็บปวดใจที่ได้รับในวันนั้นเบาบางลงไม่น้อย
ตอนมี่ 376 หางานทำ
ผู้เฒ่าซ่งคอยสังเกตซ่งเสี่ยนอยู่ตลอด เห็นว่าซ่งเสี่ยนรู้ความเพียงนี้ก็รู้สึกเบิกบานใจ
ทุกวันผู้เฒ่าจะชวนซ่งอิงมาแวะเวียนมาสักครั้ง เพื่อให้นางได้เห็นลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปในแบบใหม่ของพี่ชายคนโต
บ้านฮั่วและบ้านซ่งไม่ไกลกันนัก ซ่งอิงก็ถือเสียว่าเป็นการเดินเล่น อย่างไรเสียจะอยู่แต่ในบ้านคิดค้นสบู่อย่างเดียวคงไม่ได้ เช่นนั้นจะเปลืองพลังสมองเกินไป
“เจ้าดูพี่ใหญ่ของเจ้าสิ ตอนที่กลับมาวันแรกแม้ยังดูคิดไม่ค่อยได้เท่าไร แต่ตอนนี้แต่ละวันข้าพูดคุยจำแนกแยกแยะกับเขาอย่างมีเหตุมีผลครั้งแล้วครั้งเล่า ผลสุดท้ายเขาก็รู้ความขึ้นมาก แต่เช้าตรู่ก็ลุกขึ้นมาช่วยแม่เจ้ากวาดลานบ้าน เผยซื่อพูดจาไม่น่าฟัง เขาก็จะดุเผยซื่อเล็กน้อย ป้าสะใภ้ใหญ่เจ้าก็สีหน้าดีขึ้นมากแล้ว” ผู้เฒ่ารู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่ง
“เขาดุพี่สะใภ้แล้ว?” ซ่งอิงเลิกคิ้ว
ไม่กล้าเชื่อเลย
ก่อนหน้านี้ยังให้ท้ายเผยซื่ออยู่เลย จะเปลี่ยนแปลงไวขนาดนี้ได้อย่างไรหรือ
ชายชรายิ้มเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้เพราะสงสารเผยซื่อซึ่งตั้งท้องอยู่ ตอนนี้รู้ว่าเผยซื่อไม่ค่อยรู้ความ ดังนั้นก็เลยเห็นใจแม่ของเขาขึ้นมาแล้วกระมัง เด็กคนนี้เดิมทีก็ไม่ได้นิสัยแย่ วันนี้แต่เช้าตรู่ก็เคี่ยวเข็ญเผยซื่อให้มาปรนนิบัติแม่เขา ได้ยินว่าตอนกินข้าว เผยซื่อยังไม่กล้านั่งเลยด้วยซ้ำ”
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ไม่ใช่แม่สามีที่ดุร้ายขนาดนั้น ตอนนี้บุตรชายเชื่อฟังและเข้าข้างนาง ความโกรธเคืองที่นางมีก็ค่อยๆ ระบายออกไปเกือบหมดแล้ว
แต่ซ่งอิงกลับรู้สึกประหลาดมาก
“ท่านปู่ เขาจงใจแสร้งทำเป็นว่านอนสอนง่ายหรือไม่ เช่นนี้จึงจะเอ่ยเสนอความต้องการของตัวเองได้ง่ายหน่อย?” ซ่งอิงยิ้มตาหยีเอ่ยถาม
“จะเป็นไปได้อย่างไร!” ชายชราส่งเสียงดังขึ้นมาทันที “เจ้าคอยดูแล้วกัน อีกสองสามวันนี้ข้าตั้งใจว่าจะให้เขาลงไปทำงานในแปลงนา ขัดเกลานิสัยของเขาให้มีความอดทน อีกระยะหนึ่งธัญพืชในแปลงนาก็จะต้องเก็บเกี่ยวแล้ว ก็จะให้เขาช่วยเป็นลูกมือเช่นกัน ส่วนที่ต้องเก็บก็เก็บ ส่วนที่ต้องปลูกก็ปลูก เมื่อครบสามเดือน เจ้าก็คิดหาวิธีสร้างรายได้ให้เขาหน่อยแล้วกัน!”
ซ่งอิงหัวเราะ “ได้เลยเจ้าค่ะ หากเขาซื่อตรงได้ถึงสามเดือน ข้าก็สบายใจเช่นกัน”
“เพียงแต่ว่า พี่ใหญ่เจ้าเป็นคนรักในศักดิ์ศรี ป้าสะใภ้ใหญ่เจ้าก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นเกรงว่าจะไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งนั้นไม่ได้หรอก เจ้าจำเป็นต้องหางานที่เหมาะสมให้เขาเสียหน่อย” ชายชรากล่าวขึ้นอีกครั้ง
“ท่านปู่วางใจได้ หากเขารู้ความ ข้าก็จะจัดการให้เขาไปช่วยงานทางด้านอาสี่ ถึงเวลาเดือนหนึ่งก็จะได้อย่างน้อยสองถึงสามตำลึงเงิน ก็ไม่เลวเช่นกัน” ซ่งอิงกล่าว
อาสี่ผู้นั้นเป็นคนหัวไวและชาญฉลาดมาก ซ่งเสี่ยนไม่มีทางหัวหมอกับเขาได้แน่ และหากแอบขโมยตำรับมาเป็นของตัวเอง เกรงว่าอาสี่ได้เล่นงานซ่งเสี่ยนตายแน่
แต่หากเขาเปลี่ยนเป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงใจแล้วจริง อาสี่ก็จะไม่เอาเปรียบเขาเช่นกัน
ณ ตอนนี้มีเพียงแค่ ซ่งเสี่ยนจะอดทนได้นานถึงสามเดือนจริงหรือ
ชายชราพอใจกับการวางแผนของซ่งอิงอย่างยิ่ง
บุตรชายคนเล็กก็คือหัวแก้วหัวแหวนของเขา หากสองอาหลานได้ทำงานอยู่ด้วยกัน เขาย่อมรู้สึกวางใจเป็นอย่างยิ่ง!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ผู้เฒ่าซ่งก็ยิ่งมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสกับซ่งเสี่ยนมากขึ้น
แต่ซ่งเสี่ยนไม่ได้คิดเช่นนี้
เขาเพิ่งกลับมาไม่กี่วัน ซ่งอิงแวะเวียนมาแทบจะทุกวัน แต่ซ่งสวินกลับไปตัวอำเภอแล้ว อารองและอาสะใภ้รองก็ไม่อยู่บ้าน นางจะมาบ้านซ่งทำไมนักหนา
ไม่แน่ว่าจะมาพูดจาว่าร้ายเขาต่อหน้าชายชราก็เป็นได้!
หลังอดทนไปอีกสองวัน ตอนเย็น ผู้เฒ่าซ่งเรียกซ่งเสี่ยนมารับประทานอาหาร ขณะมองดูหลานชายคนโต ผู้เฒ่าซ่งก็เอ่ยปากกล่าว “ต้าหลาง ข้าคิดอย่างละเอียดแล้ว ช่วงนี้เจ้าติดตามอาสามเจ้าไปดูแปลงนาเสียหน่อย ทำความรู้จักพวกวัชพืชและแมลงไว้ หากส่วนไหนยังต้องใส่ปุ๋ยก็ไปช่วยอาสามเจ้าทำเสีย ทำให้เคยชิน ถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตจะได้คุ้นเคยไวหน่อย”
“ไปลงแปลงนา?” ซ่งเสียนคิดว่าตนฟังผิดแล้ว “ท่านปู่มิใช่บอกว่า…ให้ข้าหางานทำหรอกหรือ”
“ข้าคิดว่าเจ้าก็ว่างงานอยู่บ้านสักสามถึงห้าเดือน คอยอยู่เป็นเพื่อนแม่และภรรยาเจ้า หากเจ้ารีบร้อนจนกระวนกระวายใจ เช่นนั้นก็ไปหางานรับเหมาแถวๆ ท่าเรืออย่างที่อารองเจ้าเคยทำเช่นนั้นก็ได้” ชายชราครุ่นคิด
ก็ไม่จำเป็นว่าต้องให้ซ่งอิงคิดหาวิธีหารายได้ให้บุตรชายเสมอไป หากหลานชายมีแผนการเป็นของตัวเองอยู่แล้ว เช่นนั้นเขาก็ยิ่งดีใจไปใหญ่