ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 377 คำนวณบัญชี ตอนที่ 378 ยืมเงิน
ตอนที่ 377 คำนวณบัญชี
ซ่งเสี่ยนเกือบกระอักเลือดใส่หน้าผู้เฒ่าซ่ง
นี่เห็นเขาเป็นคนใช้แรงงานหนักจริงจังไปแล้วกระมัง?!
นอกจากต้องลงนา ยังต้องไปรับเหมาที่ท่าเรืออีก นี่ไม่ใช่ความตั้งใจอยากจะให้เขาเหนื่อยตายหรอกหรือ!
“ท่านปู่…ข้า ตอนที่ข้าอยู่ทางด้านเหมืองขุดแร่แห่งนั้น ยังเคยเอวเคล็ดด้วย ตอนนั้นก็ไม่มีใครสนใจ แม้ว่าไม่ร้ายแรง แต่ทุกครั้งที่ทำงานหนักก็จะรู้สึกปวด…” ซ่งเสี่ยนชักสีหน้าเศร้าสร้อย “เมื่อวานข้าขบคิดตลอดทั้งคืน คิดว่าตนเองไม่เอาไหนเกินไปแล้ว ทำงานหนักไม่ไหว มิหนำซ้ำยังไม่มีทักษะงานฝีมือ มองดูลูกในท้องของเผยซื่ออีกไม่กี่เดือนก็จะลืมตาดูโลกแล้ว แต่ข้ากลับไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง…”
“เอวบาดเจ็บแล้วหรือ นี่จะปล่อยไว้ไม่ได้เชียว เรียกหมอมาตรวจดูเถอะ!” ชายชราตระหนกตกใจ
“ไม่ต้องหรอกขอรับ โดยปกติก็ไม่รู้สึกอะไร ก็แค่ตอนก้มจะรู้สึกไม่ค่อยสบายเอวเล็กน้อย” ซ่งเสี่ยนถอนหายใจอีกครั้ง “ท่านปู่ ข้า…ก็อยากเป็นเช่นเดียวกับอารอง หาอะไรทำด้วยตัวเองสักหน่อย…”
“ได้สิ ก็ดูมีอนาคตดี เช่นนั้นเจ้าคิดว่าอยากทำอะไรเล่า” ผู้เฒ่าไม่ได้คิดอะไรมากมาย
ซ่งเสี่ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “เอ่อ…ข้าทำอะไรอื่นไม่ได้…เพียงแต่สองปีที่ได้อยู่บ้านตระกูลเผยก็ได้ช่วยเป็นลูกมือ จึงรู้วิธีการทำขนมอะไรพวกนี้ ข้าคิดว่า บางทีอาจเปิดร้านขายขนมเล็กๆ ในตัวอำเภอได้”
“เปิดร้านค้า?” ชายชราตกตะลึง “เช่นนั้นไม่ได้หรอก นั่นไม่เท่ากับแย่งกิจการของตระกูลดองหรือ เดี๋ยวจะถูกผู้คนนินทาว่าร้ายลับหลังเอาได้”
แม้เขาไม่ชอบตระกูลเผย แต่จะทำเรื่องเช่นนี้ไม่ได้
“ไม่ใช่นะขอรับ พ่อตาน่าจะไม่ขัดข้องอันใด ข้าเปิดร้านให้ไกลออกมาหน่อย ในตัวอำเภอมีร้านขนมตั้งมากมายเพียงนั้น ร้านค้าร้านเดียวก็ไม่ถือว่าเป็นอันได้ไปหรอก” ซ่งเสี่ยนกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ชายชรานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “หากเจ้าอยากทำจริง เช่นนั้น…ข้าก็ไม่ห้ามเจ้า เพียงแต่เจ้าจะเอาเงินมาจากไหนหรือ เปิดร้านค้าแห่งหนึ่ง ลำพังค่าเช่าเดือนหนึ่งก็ตั้งหลายสิบตำลึงเงินแล้ว ที่พ่อแม่เจ้าน่าจะพอมีทรัพย์สินอยู่บ้าง แต่น่าจะไม่เพียงพอหรอก ยิ่งไปกว่านั้นก็มอบให้เจ้าทั้งหมดคนเดียวไม่ได้ ต้าหลาง เจ้าก็ต้องคำนึงถึงน้องชายเจ้าบ้างเช่นกัน”
ซ่งเสี่ยนคุกเข่าลงดัง ‘ปึก’
“ท่านปู่! ข้ารู้ว่าข้าไม่เอาไหน ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง แต่ครั้งนี้ข้าอยากเปิดร้านค้าจริงๆ ข้าทำขนมได้ เผยซื่อก็ทำได้เช่นกัน เราสองคนจะได้ทำให้ชีวิตสุขสบายยิ่งขึ้น ถึงตอนนั้นจะได้ทำให้เหลนของท่านได้เรียนหนังสืออยู่ในอำเภอ ครอบครัวเราจะต้องมีหน้ามีตาขึ้นมาเป็นแน่!” ซ่งเสี่ยนกล่าวหนักแน่น
“ข้ารู้ เพียงแต่ไม่มีเงินนี่?” ผู้เฒ่าจนปัญญาเช่นกัน
หากเขามีเงิน จะให้ลูกทุกคนไปเปิดร้านค้าเช่นนั้นก็ยังได้
แต่ในความเป็นจริงคือ ไม่มี! ยากจนจริงๆ!
“ท่านปู่ ท่านช่วยข้าหน่อยเถอะ…หลายวันนี้ข้าอยู่ในหมู่บ้านมักจะมีคนจงใจเดินผ่านหน้าประตูบ้านแล้วกวาดตามองข้า ลึกๆ ในใจพวกเขาก็ดูถูกข้า ข้าไม่อยากไปลงแปลงนา พวกเขาจะด่าว่าข้าเป็นหัวขโมยและทำข้าอับอายเปล่าๆ…” ซ่งเสี่ยนโอดครวญความทุกข์ใจ
เขาพยายามบีบน้ำตาออกมาสองหยด มองดูน่าสงสารจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เฒ่าซ่งเอ็นดูหลานชายคนนี้ไม่น้อย เมื่อเห็นเช่นนี้ ชายชราก็รู้สึกปวดใจ
“ต้าหลาง ไม่ใช่ปู่ไม่ช่วยเจ้า ปู่จะไล่บัญชีให้เจ้าฟังนะ…” ผู้เฒ่าถอนหายใจ “ตอนแรกหนึ่งร้อยตำลึงเงินของเอ้อร์ยาก็เอาไปซื้อเรือนแล้ว บัดนี้ก็ถือว่าเอาคืนนางไปแล้ว พวกเราก็ไม่นับรวมกับเงินตรงส่วนนั้น… ครอบครัวเรามีกันตั้งหลายคนเพียงนี้ ทำงานได้มาไม่น้อยเช่นกัน หลายปีก่อนเก็บหอมรอมริบเป็นสมบัติในตระกูลได้จำนวนหนึ่ง คาดว่าประมาณหนึ่งร้อยกว่าตำลึงเงินกระมัง…”
“ตอนนั้นปู่ของเจ้าอย่างข้าก็รู้สึกภาคภูมิใจเช่นกัน อย่างไรเสียในหมู่บ้านนี้ ครอบครัวที่ทำได้เช่นครอบครัวเราก็มีไม่มาก… ต่อมาเอาไปเป็นค่าสินสอดให้เจ้าแต่งภรรยาห้าสิบตำลึงเงิน เอาไปหางานให้อาสี่เจ้าอีกยี่สิบตำลึงเงิน แค่นี้ก็หายไปกว่าครึ่งแล้ว”
“ต่อจากนั้น ในตระกูลก็แยกครอบครัวกัน อาสามเจ้าได้ที่ดินไปมากสุด ส่วนพ่อแม่เจ้าก็แบ่งเงินไปจำนวนหนึ่ง บ้านรองทางด้านนั้นข้าแทบไม่ได้ให้อะไรพวกเขาเลย…ที่เหลือก็เป็นของอาสี่เจ้า…”
ตอนที่ 378 ยืมเงิน
“ต่อให้มีเงินมากสักเท่าใด หลังแบ่งสรรปันส่วนแล้วจะไปเหลืออะไรเล่า” ชายชราถอนหายใจ “ข้าจะบอกเจ้าตามจริงเลยแล้วกัน หลังแยกครอบครัว ข้าก็พอเหลือเงินอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงยี่สิบตำลึงเงินหรอก เงินนี้ตั้งใจว่าจะไม่ไปยุ่งกับมัน อย่างไรเสียในตระกูลก็ยังมีเด็กๆ หลายคน ภายภาคหน้าบรรดาน้องชายเจ้าต้องแต่งงาน จะมากจะน้อยข้าก็ต้องเอาไว้ให้พวกเขาสักหน่อย”
เขาผู้นี้ในฐานะปู่ ถึงอย่างไรก็ไม่อาจไร้ทรัพย์สินติดตัวเลยได้กระมัง
แม้ให้ได้ไม่มาก แต่นั่นก็ถือว่าเป็นน้ำใจ
ซ่งเสี่ยนกลับไม่เข้าใจ “เอ้อร์ยาหาเงินได้มากมายถึงเพียงนั้น ไม่คิดจะเอามาตอบแทนคุณท่านเลยหรือ…”
“ว่าอย่างไรนะ!” ชายชราดีดตัวลุกขึ้นยืนในทันที
หากไม่เอ่ยถึงซ่งอิง ผู้เฒ่ายังพอพูดเกลี้ยกล่อมด้วยความหวังดีได้ แม้ในขณะเดียวกันจะถูกซ่งเสี่ยนกระฟัดกระเฟียดใส่ก็ตาม แต่ครั้นเอ่ยถึงซ่งอิง ก็เท่ากับการจับชายชราโยนลงในน้ำเย็นเฉียบอย่างไม่ต้องสงสัย ทันใดนั้นก็สงบนิ่งเยือกเย็นขึ้นมาเล็กน้อย
เอ้อร์ยาเคยเอ่ยคำพูดไว้ว่าอย่างไร…
นางเอ่ยว่า…หลานชายคนนี้แสร้งทำเป็นว่านอนสอนง่ายเพราะมีแผนการบางอย่าง…
ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นจริงอย่างที่ว่าเสียแล้ว…
ชายชราอึ้งทึ่งจนทำอะไรไม่ถูกในทันใด “ต้าหลาง เจ้าอย่าได้พูดจาเหลวไหล เอ้อร์ยาเป็นเด็กที่ออกเรือนไปแล้ว ตระกูลซ่งเราไม่ใช่ตระกูลฝั่งมารดาที่ไม่มีเหตุมีผลประเภทนั้นจึงจะให้เด็กสาวมาจุนเจือ เช่นนั้นมันน่าเกลียดจะตาย?”
ซ่งอิงไม่ได้ค้ำจุนทางด้านการเงินให้แก่พวกเขา และต่อให้มอบให้ เขาก็ไม่ต้องการเช่นกัน
แต่ทุกครั้งที่ซ่งอิงกลับมาจากตัวอำเภอ จะมากจะน้อยก็มักหอบหิ้วของกินของดื่มเอามามอบให้ แม้ไม่ได้มีราคาแพงมากมาย แต่ถือว่าเป็นน้ำใจที่ไม่เลวจริงๆ
อีกทั้งหลังมอบสิ่งของให้สามสี่ครั้ง นางคล้ายกับรู้สิ่งที่เขาชอบแล้วเช่นกัน ฉะนั้นขนมที่หอบกลับมาจากทางด้านตัวอำเภอส่วนใหญ่เป็นประเภทที่ทั้งหวานและอ่อนนุ่ม เห็นได้ชัดว่าเป็นการสรรหาของกินเพื่อมาแสดงความกตัญญูต่อเขาโดยเฉพาะ
“ท่านปู่… ฉะนั้นเรายืมเงินจากนางได้หรือไม่ ข้าอยากเปิดร้านค้าจริงๆ…” ซ่งเสี่ยนปั้นหน้าหมดอาลัยตายยาก จากนั้นเริ่มตบหน้าตัวเอง “ข้าไม่ได้เรื่อง! แม้แต่เงินแค่นี้ยังสรรหามาไม่ได้ อยากทำอะไรก็ทำไม่สำเร็จ! อีกทั้งข้าเป็นถึงหลานชายคนโตตระกูลซ่งจากครอบครัวบุตรชายคนโต และยังต้องทำตัวเป็นแบบอย่างให้บรรดาน้องชาย…แต่ข้าเป็นไอ้คนไม่เอาไหน น้องชายคนไหนจะนับถือข้าหรือ! ก็แม้แต่น้องต๋า ทุกวันนี้เห็นข้าก็ยังมีสายตาอย่างกับมองคนแปลกหน้า…ท่านปู่ ข้ามันไม่เอาไหนเลย…”
ซ่งเหล่าเกินเคยเห็นหลานชายในสภาพเช่นนี้เมื่อไรกัน?
เมื่อก่อน หลานชายผู้นี้เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน หน้าตายิ้มแย้มอ่อนโยน ก็เหมือนกับก้อนหินที่ผ่านการขัดเกลาแล้วหนึ่งก้อน มองดูสบายตาเป็นพิเศษ
แต่ตอนนี้เล่า?
เขาดำทะมึน เนื้อตัวผอมซูบไปหลายสิบจิน ใบหน้าตอบ มองดูเหมือนคนอายุสามสิบกว่าๆ ก็ไม่ปาน…
“ยืม! ยืม!” ชายชรารีบคว้ามือของซ่งเสี่ยนเอาไว้ “เช่นนั้นจะต้องบอกกล่าวให้ชัดเจน ไหนลองพูดมาสิจะยืมเท่าไหร่ จะยืมกี่ปี เงินของเอ้อร์ยานางก็เอาไปเปิดร้านที่เมืองยงแล้ว ไม่แน่หรอกว่าจะมีเงินเหลืออยู่ในมือ ไว้ข้าจะไปลองหาจากคนอื่นในหมู่บ้านแล้วกัน”
“ที่เอ้อร์ยาต้องมีพอแน่! บ้านในตัวอำเภอเอามาให้น้องรองอยู่อาศัยก็สิ้นเปลืองเปล่าๆ เอาบ้านไปขายก็ได้เงินมาแล้ว…”
“…” ซ่งเหล่าเกินตกตะลึงขึ้นมาในทันใด นี่หลานชายเขาต้องกำลังล้อเล่นแล้วแน่ๆ
ให้คนอื่นขายบ้านเพื่อเอาเงินมาให้เขายืมเปิดร้านค้าน่ะหรือ
ไยจึงไม่พูดออกมาด้วยเลยเล่าว่าให้เอาที่ดินขายไปด้วยเสียเลย?!
“สรุปแล้วเจ้าอยากยืมเท่าไร…” ชายชราควบคุมความในใจที่เริ่มเดือดดาลแล้วกลั้นใจเอ่ยถาม
“ข้า…ข้าลองคำนวณดูแล้ว ประมาณสามร้อยตำลึงเงิน ร้านค้าในตัวอำเภออย่างน้อยก็ต้องเช่าสามเดือนขึ้นไป หรือไม่ก็หนึ่งปีด้วยซ้ำ! ไว้ข้าลองเจรจากับเจ้าของร้านดู บางทีอาจอะลุ่มอล่วยได้หน่อย เผื่อจะได้ลองเช่าครึ่งปีต่อครั้ง หากร้านเล็กเกินไปก็ทำอะไรได้ไม่มาก แน่นอนว่าต้องเอาร้านที่ขนาดใหญ่หน่อย เช่นนั้นก็จะราคาแพงเข้าไปอีก หลังเช่าร้านแล้วก็ยังต้องจ้างคนมาสองสามคนแล้วก็ทำเตาอีกจำนวนหนึ่งด้วย…”
ซ่งเหล่าเกินกลืนน้ำลาย “เจ้า… ต่อให้เอ้อร์ยาเอาบ้านไปขาย นั่นก็ยังเป็นจำนวนเงินที่ไม่เพียงพออยู่ดี!”
“ท่านปู่! ข้าขอร้องท่านละ!” ซ่งเสี่ยนโขกศีรษะต่อ
ซ่งเหล่าเกินไม่ห้ามปรามแล้วเช่นกัน