ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 455 วัวตัวหนึ่งที่ใหญ่เหลือเกิน ตอนที่ 456 ไม่เฟื่องฟู
- Home
- ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล
- ตอนที่ 455 วัวตัวหนึ่งที่ใหญ่เหลือเกิน ตอนที่ 456 ไม่เฟื่องฟู
ตอนที่ 455 วัวตัวหนึ่งที่ใหญ่เหลือเกิน
ซ่งอิงสงบจิตและสูดลมหายใจเข้าลึก อยู่ในช่องว่างระหว่างมิติแห่งนี้ หลังลืมตาขึ้นอีกครั้ง รู้สึกเพียงหูไว ตาชัดแจ๋วและมีสมองที่ปราดเปรื่องยิ่งขึ้น ขณะมองดูทุกสิ่งอย่างในช่องว่างระหว่างมิติ ถึงขั้นรู้สึกถึงการรับรู้ที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนรางๆ
เมื่อก่อน นอกจากต้นไม้และน้ำก็ไม่มีอะไรพิเศษ แต่บัดนี้ ในช่องว่างระหว่างมิติกลับเหมือนปกคลุมไปด้วยอากาศบางๆ ชั้นหนึ่ง อากาศใสโปร่งโดยเฉพาะตอนที่มันล่องลอยเวียนวนอยู่แถวๆ บ่อน้ำผ่านจิตตลอดจนเหนือต้นพืช ดูเลือนรางอย่างถึงที่สุด
สิ่งที่อยู่ในช่องว่างระหว่างมิตินี้มีประโยชน์ต่อปีศาจไม่น้อย เพียงแต่ซ่งอิงรู้สึกว่าตนข้ามภพมาผิดสถานที่เสียแล้ว
โลกนี้เป็นแค่ยุคโบราณที่ธรรมดาๆ น่ะสิ!
จวบจนปัจจุบัน รวมปีศาจปลาดุกตนนั้นก็เคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ปกติสี่ตัวเท่านั้น แม้ว่าช่องว่างระหว่างมิตินี้ใช้งานได้กับพวกปีศาจเป็นส่วนใหญ่ แต่จะเป็นอะไรไปเล่า
ซ่งอิงถอนหายใจด้วยความเสียดาย จากนั้นก็มุ่งพลังจดจ่อไปยังที่ดินภายในนี้
กะเกณฑ์ดูด้วยสายตา ก็เห็นว่าขนาดสองหมู่โดยประมาณ
แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนมาก ซ่งอิงคิดอยู่ว่าจะเว้นพื้นที่ไว้สองส่วนเพื่อเอามาใช้วางพวกของจิปาถะ ที่เหลือล้วนเอามาใช้ปลูกพืชผลและผัก
ในบ้านมีเมล็ดพันธุ์ที่เหลือจากก่อนหน้านี้จำนวนหนึ่ง ซ่งอิงจึงเริ่มลงมือปลูกเสียเลย พื้นที่ไม่ถึงสองหมู่ ง่ายต่อการจัดการเช่นกัน โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมในช่องว่างระหว่างมิติแตกต่างจากข้างนอก เพียงแค่ต้องหว่านเมล็ดแล้วค่อยรดน้ำผ่านจิตก็เป็นอันเรียบร้อยแล้ว ระดับเมล็ดจมลึกหรือตื้นไม่ส่งผลกระทบมากนัก
หลังจากยุ่งอยู่กับสิ่งเหล่านี้เป็นที่เรียบร้อย ซ่งอิงจึงได้ออกไปจากช่องว่างระหว่างมิติ
นางคิดอยู่เช่นกันว่า หากช่องว่างระหว่างมิตินี้กว้างขวางอีกหน่อย บางที…อาจยังเลี้ยงสิ่งมีชีวิตได้สักหน่อยด้วย
ซ่งอิงทางด้านนี้ปลูกพืชผักอย่างสุขใจ ส่วนหนิวต้าลี่ดุจวัวคลุ้มคลั่งตัวหนึ่งก็ไม่ปาน รอรับคำสั่งด้วยสีหน้าอาการตึงเครียด
นางแอบคลำมีดหั่นผักที่ซ่อนไว้ในซอกอก หลังถูกซ่งอิงเรียกอยู่หลายครั้งหลายคราวจึงได้เดินออกมาจากห้องอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
ชิงเหลียนในชุดตัวยาว แขนเสื้อยาวสีขาว สีหน้าแววตาเบื่อหน่าย นั่งอยู่ใต้ต้นท้อที่ลานหลังบ้าน กินลมชมวิวอยู่ตามลำพัง
ส่วนภูตโสมอยู่ในพื้นดินบริเวณใต้ต้นไม้ที่ล้อมรอบไว้ด้วยลวดหนาม กำลังดูดสับแสงจันทร์ และ…
หนิวต้าลี่ชะโงกศีรษะมามองดู ตระหนกตกใจในทันที เห็นเพียงฮั่วหลินเผยเพียงศีรษะโผล่ออกมาเท่านั้น ตัวท่อนล่างอยู่ใต้ดินทั้งหมด มองดูเหมือนถูกฝังทั้งเป็นแล้วอย่างไรอย่างนั้น
ในเวลานี้เอง ยามที่ซ่งอิงมองไปยังปีศาจทั้งสามตัว พลันสัมผัสถึงความรู้สึกตรงหน้า ณ ตอนนี้ที่แตกต่างออกไป
นางสามารถมองเห็นร่างเดิมของพวกมันได้ตามที่ใจต้องการ!
ภูตโสมและปีศาจกบไม่ต้องพูดถึง นางเคยเห็นแต่แรกแล้ว ทว่าหนิวต้าลี่…
เป็นวัวที่ใหญ่โตเหลือเกินจริงๆ!
วัวตัวนี้สูงและลำตัวยาว เขาโค้งทั้งสองข้างขนาดใหญ่และหนา มองดูแหลมคมอย่างยิ่ง บนหน้าผากมีกระจุกขนสีขาวๆ อยู่หนึ่งหย่อม จากส่วนไหล่ถึงแผงอกข้างหน้าปรากฏกล้ามเนื้อนูนขึ้นมา เห็นได้ชัดอย่างยิ่งว่ากำยำมาก เกือบทั้งตัวเป็นสีดำ ขนของขาทั้งสี่ตั้งแต่ส่วนข้อเข่าลงไปกลับเป็นสีขาวหิมะ ราวกับผ่านการเหยียบย่ำหิมะมาก็ไม่ปาน
ลักษณะเช่นนี้ ถือว่าสวยสดงดงามไม่ได้จริงๆ…
อย่างน้อยวัวที่เลี้ยงตามบ้านก็มองดูอ่อนโยนน่ารักกว่ามาก ไม่เหมือนหนิวต้าลี่ ทั่วทั้งตัวให้ความรู้สึกเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง ราวกับเมื่อใดก็ตามที่นางไม่พอใจก็จะพุ่งเข้าใส่ในทันที และใช้เขาวัวเสียบท้องของคนอื่นแตกได้ก็ไม่ปาน
นี่เป็นวันที่นางพากลับมา…
ซ่งอิงพร่ำปลอบขวัญตัวเองในใจ จากนั้นคลี่ยิ้มกว้างออกมาแล้วเดินเข้าไปหา
วัวที่แข็งแกร่งขนาดนั้น กำลังเผยสีหน้าขลาดกลัวอยู่ในขณะนี้
จากนั้นก็เดินอ้อมมาอยู่ด้านหลังซ่งอิง มองชิงเหลียนและภูตโสมอย่างระแวดระวัง
ซ่งอิงรู้สึกว่า ปีศาจกบเขียวก็ค่อนข้างสายตาขึงขังเช่นกัน
ไม่รู้ว่าเลียนแบบข้อเสียนี้มาจากใคร นี่ก็เข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เขากลับสวมชุดตัวยาวเนื้อผ้าบางๆ ชั้นเดียว มองดูโดดเดี่ยวอ้างว้างยิ่ง แล้วยังเผยลักษณะอย่างปัญญาชนที่ว่านอนสอนง่ายออกมาอีกด้วยเล็กน้อย
“เจ้าควรถือพัดจีบสักด้าม เช่นนั้นก็จะยิ่งเหมือนปัญญาชนคนหนึ่งแล้ว” ซ่งอิงส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
ปีศาจกบเลิกตาขึ้น “ท่านอาจารย์พูดถูก พรุ่งนี้ข้าจะไปซื้อ…”
ยามที่ท่านอาจารย์ให้น้องโสมมาบอกกล่าวเขาก็ได้เอ่ยไว้แล้วว่าวันนี้จะจ่ายเงินค่าแรง! เมื่อมีเงินก็ซื้อพัดจีบได้แล้ว!
ตอนที่ 456 ไม่เฟื่องฟู
ซ่งอิงเบิกตาขึ้นเล็กน้อย จากนั้นแสดงท่าทีสื่อให้พวกเขานั่งลงเสีย
ซ่งอิงอยู่ตรงหน้าเหล่าปีศาจ ไม่ได้จงใจยับยั้งคำพูดหรือการกระทำของตนเองแต่อย่างใดเช่นกัน นางยื่นมือออกไปข้างหน้า คว้าเอาผลหมากรากไม้ในช่องว่างระหว่างมิติมาจำนวนหนึ่งวางไว้บนโต๊ะศิลา จากนั้นกล่าว “วันนี้ตั้งใจให้พวกเจ้าได้ทำความรู้จักซึ่งกันและกันอีกครั้งอย่างเต็มที่”
“มิใช่ว่าเคยเจอกันตั้งนานแล้วหรือ นี่คือน้องหนิวนี่ขอรับ” ชิงเหลียนสีหน้าจริงจัง
ซ่งอิงเม้มปาก แล้วเอ่ยด้วยท่าทางสุภาพเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้นางไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกเจ้า”
“ไม่รู้?” ปีศาจกบเขียวคิดไม่ถึงเลยจริงๆ “พวกเราล้วนไม่ใช่มนุษย์ แม้มองไม่ออกด้วยตาเปล่า แต่หากใช้สัมผัสรับรู้อย่างละเอียด ก็จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นปราณของอีกฝ่ายนี่?”
“เมื่อก่อนนางไม่เคยเห็นปีศาจตนอื่นมาก่อน” ซ่งอิงกินแตงหวานเข้าไปหนึ่งคำก่อนจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง “นี่ก็เลยตื่นตระหนก คิดว่าพวกเจ้าจะกินนาง”
แววตาที่ปีศาจกบเขียวมองหนิวต้าลี่เปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน
แม้ว่าพวกเขาไม่ใช่มนุษย์ แต่ก็ไม่กินสิ่งใดมั่วซั่ว กินแล้วท้องเสียขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่า
แต่ทว่าติดที่เป็นมือใหม่คนหนึ่ง ปีศาจกบเขียวที่มีความเป็นผู้อาวุโสอย่างยิ่งจึงกล่าวว่า “น้องหนิว เจ้าบรรลุจุดสูงสุดขึ้นมาได้อย่างไรหรือ”
หนิวต้าลี่นิ่งอึ้งไป ก่อนจะสายหน้าเชิงตอบว่าไม่รู้
“อย่างเช่นข้า เมื่อก่อนใช้ชีวิตอยู่ทางด้านหมู่บ้านสือโถวแห่งนั้น ทางด้านนั้นมีบ่อน้ำผืนหนึ่ง สภาพแวดล้อมบริเวณใกล้เคียงยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง อีกทั้งแสงจันทน์ทรงกลดสาดส่องบนผิวหน้าน้ำเสมอ สิ่งมีชีวิตใต้น้ำต่างก็มีสติปัญญาอันเฉียบแหลมมากกว่าสิ่งมีชีวิตในสถานที่อื่นๆ มากทีเดียว ทุกวันจะบำเพ็ญเพียรอย่างจริงจัง เมื่อสำเร็จตามเงื่อนไขก็บรรลุ” ปีศาจกบกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“ข้าไม่รู้ ก็กินดื่มอยู่ในเขา แล้วจู่ๆ วันหนึ่งก็เปลี่ยนเป็นคน” หนิวต้าลี่บอกกล่าวอย่างไร้เดียงสามาก
“…” ชิงเหลียนนิ่งไปชั่วขณะ
ง่ายๆ เยี่ยงนี้เลยหรือ
“เช่นนั้นเจ้าเปลี่ยนร่างมากี่ปี่แล้ว” ชิงเหลียนกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“เป็นวัวมาสามปีก็เปลี่ยนร่างแล้ว ต่อมา…ทำความเคยชินอยู่หลายปี ไม่แน่ใจจำนวนที่ชัดเจน กว่าจะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ทุกวันโดยไม่เปลี่ยนร่างกลับไปอย่างกะทันหัน” หนิวต้าลี่เอ่ยตอบ
ครั้นชิงเหลียนได้ยินดังกล่าวก็รู้สึกตกตะลึงปนประหลาดใจเหลือเกิน
มิน่าล่ะ รูปลักษณ์ภายนอกของนางจึงมองดูอ่อนวัยเช่นนี้ วัวป่าตัวนี้อายุสามขวบโดยประมาณ ซึ่งจะเทียบเท่ากับเด็กสาววัยปักปิ่น[1] หลังเปลี่ยนรูปร่าง มองดูลักษณะของนางจึงน่าจะอายุสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น
แต่ทว่าสถานการณ์ของการบรรลุในแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันไป
อย่างเช่นน้องโสม โสมเป็นพลังจิตวิญญาณอย่างธรรมชาติ ต่อให้ไม่บรรลุก็อยู่ตามเขาลึก มีชีวิตยืนยาวนานได้เช่นกัน ดังนั้นต่อให้เขาต้องใช้เวลาเป็นพันปีจึงเปลี่ยนร่างได้ แต่หลังเปลี่ยนร่างเป็นคนแล้วกลับยังคงมีรูปลักษณ์เช่นเด็กน้อย
“น้องหนิวนับว่าโชคดีจริงๆ” ปีศาจกบเขียวอดถอนหายใจไม่ได้
เมื่อก่อนยามที่เขาใช้ชีวิตอยู่ใต้น้ำก็เคยได้ยินเช่นกันว่า เนิ่นนานมาแล้ว มีเต่าแก่ตัวหนึ่งกลายเป็นปีศาจ กว่าจะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ไม่ง่ายดายเลย แต่ถึงตอนนั้นกลับเป็นลักษณะผู้เฒ่าคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงหรือลักษณะที่เคลื่อนไหว ล้วนพอๆ กับคนชรา…
ปีศาจกบเขียวให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ของตัวเองอย่างยิ่ง
เพียงแต่น่าเสียดาย รูปลักษณ์ของเขานี้จัดว่าธรรมดาๆ เท่านั้น โดยเฉพาะดวงตาคู่นี้ กลมโตแต่ไร้แวว ซึ่งไม่ได้รับการรักษาเสียที
บัดนี้เห็นหนิวต้าลี่โชคดีเช่นนี้ รูปลักษณ์ก็ถือว่าไม่เลวอีกด้วย จึงอดอิจฉาขึ้นมาไม่ได้
หนิวต้าลี่เดิมทียังค่อนข้างวิตกกังวล เห็นชิงเหลียนพูดจาน้ำเสียงนุ่มนวลก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่น้อย จากนั้นมองเขาตราปริบๆ “ที่เหมือนๆ กับเราเช่นนี้…มีเยอะหรือไม่”
“หากเยอะ ข้างกายท่านอาจารย์ก็จะไม่ได้มีเพียงพวกเราเท่านั้น” หนิวต้าลี่ถอนหายใจ
นับว่าเผ่าพันธุ์ไม่เฟื่องฟูแต่อย่างใด!
หนิวต้าลี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ยังดีหน่อยที่อยู่ในร่างคนแล้วนางพละกำลังมากมาย ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกรังแก แต่เมื่อเจอพวกเดียวกันก็จะแตกต่างออกไป นางกังวลใจเช่นกันว่าหากบริเวณโดยรอบนี้ล้วนเป็นพวกเสือและเสือดาวอะไรทำนองนั้น ชีวิตหลังจากนี้ก็คงจะลำบากน่าดู!
“ท่านอาจารย์ ช่วงหลายวันมานี้ข้ารู้สึกว่าอากาศบริเวณใกล้ๆ กับหมู่บ้านซิ่งฮวาให้ความรู้สึกสบายมาก ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดจากสาเหตุอันใด” ปีศาจกบเขียวรีบเอ่ยเรื่องสำคัญขึ้นมา ก่อนจะกล่าวเสริมอีกครั้ง “ไออากาศลักษณะนี้มีผลดีต่อการบำเพ็ญเพียรเหล่าปีศาจอย่างพวกข้า หากเป็นเช่นนี้นานๆ ไป ที่เป็นจำพวกเดียวกับพวกข้าน่าจะปรากฎขึ้นไม่น้อย”
————————————————
[1] วัยปักปิ่น (及笄) ในยุคสมัยจีนโบราณ เด็กผู้หญิงเมื่อถึงวัย 15 ปี จะมีพิธีปักปิ่นเพื่อแสดงถึงว่า อยู่ในวัยที่เหมาะสมแก่การออกเรือนแล้ว