ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 487 ช่วยคนชั่วช้าทำความชั่ว ตอนที่ 488 ดอกเบญจมาศ
ตอนที่ 487 ช่วยคนชั่วช้าทำความชั่ว
เมื่อสตรีผู้นี้พูดจบก็เดินจากไปทันที
ยังจะซื้ออะไรอีกเล่า ถูกคนเขาเห็นเป็นพวกโง่เขลาแล้วจะพอใจได้อย่างไรกัน
สีหน้าของผู้จัดการร้านย่ำแย่อย่างถึงขีดสุด “เครื่องประทินโฉมเหล่านี้ในร้านเราล้วนใช้ดอกไม้ที่สดใหม่ตามแต่ละฤดูกาลและเครื่องหอมที่ขึ้นชื่อ อีกทั้งยังราคาแพงที่สุด ท่านอาจารย์ใหญ่ที่จ้างมาก็เป็นผู้ที่มาจากทางด้านเมืองหลวงทั้งสิ้น เช่นนั้นโรงอี้จวินจะเทียบได้อย่างไรกันหรือ! แม้ว่าราคาแพงไปหน่อยแต่ก็เป็นวัตถุดิบของแท้จริงนี่!”
คุณชายจากตระกูลผู้ร่ำรวยขมวดคิ้วนิ่วหน้า
“ข้าว่าร้านชุ่ยเหยียนไจพวกเจ้าก็แค่หลอกเป่าหูคนโง่เป็นการเฉพาะกระมัง ก็อย่าง ‘ขี้ผึ้งสารทฤดู’ รุ่นนั้นของร้านพวกเจ้า ดมกลิ่นดูรวมไปถึงผลลัพธ์ เมื่อทาบนใบหน้าก็เหมือนกับขี้ผึ้งสีชาดที่ขึ้นชื่อของโรงหลางเส่ว์ในตอนนั้นเลย ตอนนั้นของสิ่งนี้ขายที่โรงหลางเส่ว์ในราคาแปดสิบอีแปะต่อตลับ ขณะที่ร้านของพวกเจ้าราคาแปดตำลึงเงิน! คนทั่วไปอาจถูกร้านพวกเจ้าหลอกเอาได้ คิดว่าเป็นสินค้าตัวใหม่ แต่ภรรยาข้าผ่านการสัมผัสเครื่องหอมมาแล้วไม่น้อย แยกแยะกลิ่นได้ดีกว่าคนทั่วไปมาตั้งแต่เยาว์วัย แค่สูดดมก็รู้แล้วว่าถูกร้านพวกเจ้าต้มตุ๋นเข้าแล้ว!” ท่ามกลางผู้คนที่มุงดูกันอยู่ มีคนส่งเสียงตะโกนขึ้นมากะทันหัน
ครั้นเอ่ยพูดเช่นนี้ คนที่เดินผ่านมาก็ตะลึงงันไปทันที
แปดสิบอีแปะ แต่ขายแปดตำลึงเงิน?!
“นี่ช่างหน้าเลือดเกินไปแล้ว?!”
“ข้าว่าเรื่องนี้เป็นความจริง นับแต่ร้านชุ่ยเหยียนไจมาเปิด ร้านขายเครื่องประทินโฉมหลายแห่งในเมืองนี้ต่างก็ดำเนินกิจการต่อไปไม่ได้แล้ว โรงอี้จวินแห่งนั้นหากมิใช่เพราะมียาสระผมชิงซือและสบู่หอมดึงดูดลูกค้าก็คงปิดกิจการไปนานแล้ว”
“ข้ามีลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง เมื่อก่อนเป็นนักบัญชีของโรงหลางเส่ว์ เมื่อก่อนก็เคยพูดเรื่องนี้กับข้าเช่นกัน…”
“ข้ารู้ว่ามีขี้ผึ้งสีทาปากหนึ่งตลับที่เหมือนกับของโรงอี้จวินซึ่งเป็นของขึ้นชื่อ เพียงแต่ชื่อต่างกัน…ราคาก็แพงกว่าหลายสิบเท่าเช่นกัน”
“…”
เว่ยไฉรู้สึกดีอกดีใจ
เป็นเรื่องเป็นราวเพียงนี้น่าจะสำเร็จแล้วกระมัง
เมื่อมองไปยังสีหน้าของคุณชายจากตระกูลผู้ร่ำรวยคนนั้นและลูกค้าคนอื่นๆ เว่ยไฉก็ถอนหายใจหนึ่งเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก
“ท่านพี่ ข้าไม่ซื้อของร้านเขาแล้ว! ครอบครัวเรามีเงินก็จริง แต่จะใช้จ่ายเยี่ยงนี้ก็ไม่ใช่เรื่อง! นี่มิใช่การช่วยคนชั่วช้าทำความชั่วหรอกหรือ!” แม่นางน้อยที่อยู่ข้างๆ คุณชายตระกูลร่ำรวยรู้สึกเดือดดาล ปาขี้ผึ้งสีชาดในมือที่เพิ่งซื้อเมื่อครู่ลงบนพื้น
จากนั้นนางก็ขึ้นรถม้าที่อยู่ด้านข้างไปทันที เพื่อจะได้ไม่ขายหน้าและเป็นที่ดึงดูดสายตา
สามัญชนทั่วไปซื้อสิ่งของในราคาไม่กี่สิบอีแปะ แต่นางต้องจ่ายตั้งหลายร้อยอีแปะและถึงขั้นหลายตำลึงเงินก็ว่าได้?
ผู้จัดการของร้านชุ่ยเหยียนไจแห่งนี้ช่างฉลาดแกมโกงและไร้ยางอายจริงๆ!
คุณชายผู้นี้พลันเข้าใจว่าทำไมผู้จัดการร้านของร้านชุ่ยเหยียนไจจึงรู้จักประพฤติตนถึงเพียงนี้ ในเมื่อมีเงินกองโตขนาดนี้อยู่แล้วจะมีเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้อีกหรือ
“ผู้จัดการร้าน ความสามารถในการหาเงินของเจ้าช่างเป็นอะไรที่ไร้เทียมทานจริงๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเถ้าแก่ที่อยู่เบื้องหลังร้านนี้รู้ชัดกระจ่างแจ้งเกี่ยวกับบัญชีในมือเจ้าหรือไม่!” คุณชายผู้นั้นสบถฮึ ก่อนจะขึ้นรถม้าตามไปเช่นกัน ก่อนเคลื่อนตัวจากไปก็มองไปยังเว่ยไฉที่อยู่บนพื้นปราดหนึ่งแล้วกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ผู้จัดการร้าน หากเกิดเรื่องอะไรกับคนผู้นี้จริง…เช่นนั้นร้านของพวกเจ้าก็คงยากที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบได้”
“…” ผู้จัดการร้านเผยสีหน้าอึ้งทึ่ง “คุณชาย ข้า…ข้า…”
เขาจะพูดอย่างไรดี
คนปากมากด้านนอกที่มองดูกันเป็นเรื่องสนุกเหล่านั้นชอบให้เรื่องราวใหญ่โตเข้าไว้ ไม่ว่าคำพูดอะไรก็เอ่ยออกมาหมด!
จะกล่าวว่าสินค้าร้านเขาไม่เหมือนกับของร้านที่ขายเครื่องประทินโฉมเหล่านั้นหรือ!
เหมือนกันหรือไม่ หาคนที่รู้เฉพาะทางมาดูสักหน่อยก็รู้ได้แล้ว เขาเองก็ไม่กล้ายอมรับคำเล่าลือที่ว่านี้จริงจังหรอก!
แต่หากกล่าวว่าเหมือนกัน…เช่นนั้นก็ไม่เท่ากับแสดงว่า พวกเขาเห็นคนจากตระกูลร่ำรวยสูงศักดิ์ในตัวอำเภอหลี่เป็นพวกโง่เขลาหรอกหรือ!
ผู้จัดการร้านสั่นเทาไปทั้งตัว รู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย
นี่จะทำอย่างไรดี
“ขอโทษ! รีบไปขอโทษเร็วเข้า พวกเจ้าแต่ละคนรีบๆ เตรียมของขวัญเอาไว้จำนวนหนึ่ง…” ผู้จัดการร้านยังถือว่ามีสติสัมปชัญญะอยู่บ้าง “ก็บอกว่า บอกว่าของที่ร้านพวกเราขายไม่ใช่เพียงแค่พวกขี้ผึ้งทาปากทาแก้มและแป้งทาหน้าเท่านั้น แต่ยังมี…ยังมีการปรนนิบัติที่ทำให้คนชนชั้นสูงสบายใจได้…”
หลังเอื้อนเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ยังรู้สึกฝาดๆ ในปากตัวเองด้วยซ้ำไป
ตอนที่ 488 ดอกเบญจมาศ
ร้านชุ่ยเหยียนไจทางด้านนี้หน้าใหญ่ใจโตมาแต่ไหนแต่ไร จึงนำของขวัญชั้นดีไปมอบให้ตระกูลลูกค้าเก่าแก่หลายตระกูลในตัวอำเภอถึงมือในทันที
แต่ทว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็ยังคงเป็นการทำไปเพื่อเรื่องนี้จะได้ไม่เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตขึ้นมาอีก ดังนั้นของขวัญที่มอบไปยังจวนคุณชายจากตระกูลผู้ร่ำรวยเมื่อครู่ท่านนั้นจึงมีมูลค่ามากที่สุด แน่นอนว่าจุดประสงค์ก็เพื่ออุดปากอีกฝ่ายนั่นเอง
ร้านชุ่ยเหยียนไจยุ่งวุ่นวายยิ่งเป็นเวลาหลายวันต่อเนื่อง
สินค้าจำนวนมากภายในร้านล้วนไม่อาจลดราคาลงเสียดื้อๆ ได้ จึงเสนอส่วนลดที่ลดราคาลงไปได้ไม่น้อย โดยอ้างว่าเป็นการสมนาคุณลูกค้าเก่า ทว่าในความเป็นจริงก็เพื่อให้ข่าวเล่าข่าวลือด้านนอกจางลงไปหน่อย
เรื่องที่เว่ยไฉก่อกวนไว้ใหญ่โต แม้ว่าทำให้ร้านชุ่ยเหยียนไจร้อนรนใจราวไฟแผดเผาอยู่ระยะหนึ่ง แต่การโพนทะนาต่อๆ กันของเรื่องนี้ไม่ถือว่ามากมายเกินไปแต่อย่างใด ตราบใดที่ร้านชุ่ยเหยียนไจสยบความเคลื่อนไหวของเหล่าลูกค้าจากตระกูลผู้สูงศักดิ์ในตัวอำเภอได้ ร้านค้าแห่งนี้ก็จะยังคงดำเนินกิจการต่อไปได้เช่นเคย
ซ่งอิงกลับไม่รู้สถานการณ์ในตัวอำเภอแต่อย่างใด
หลังเทียบเชิญของลู่ข่ายส่งมาถึง ซ่งอิงก็ไปตลาดนัดเล็กๆ ที่ใกล้เคียง ก็มองเห็นว่ามีต้นดอกเบญจมาศขายอยู่ด้วย เพียงแค่ลักษณะไม่ค่อยงดงาม ดูเหี่ยวเฉา น่าจะเป็นสินค้าที่ขายไม่ออกในตัวอำเภอ ดังนั้นราคาจึงถูกอย่างยิ่ง
ซ่งอิงเลือกอย่างสบายๆ มาสี่ห้ากระถาง
หลังกลับไปก็นำทั้งหมดปลูกลงในช่องว่างระหว่างมิติ แล้วใช้น้ำผ่านจิตรดมันลงไปไม่น้อย
นางไม่ค่อยเชี่ยวชาญเกี่ยวกับสายพันธุ์ของดอกเบญจมาศ กระทั่งวันที่สาม น้ำผ่านจิตช่วยให้ดอกเบญจมาศเหล่านี้มองดูสวยสดมีชีวิตชีวาขึ้นมาก ซ่งอิงจึงเลือกมาสองกระถางที่สีสันและลักษณะงดงาม ใช้ผ้าคลุมเอาไว้ จากนั้นก็รีบไปยังตัวอำเภอแต่เช้าตรู่
นางยื่นมันส่งให้ซ่งสวินกระถางหนึ่ง
ซ่งสวินไม่ได้คิดอะไรมากมายเช่นกัน ตามป่าบนภูเขาซิ่งเต็มไปด้วยต้นดอกเบญจมาศป่า แม้ว่าดอกเบญจมาศป่ามีขนาดเล็กและไม่ได้ดูสวยงามนัก แต่ก็มีความน่าสนใจอย่างไม่ได้ปรุงแต่ง เขาไม่ได้รู้สึกว่าไม่ดีแต่อย่างใด
“ท่านนี้คือ…” ซ่งสวินมองหนิวต้าลี่ที่อยู่ข้างหลังซ่งอิง กลับตะลึงงันไปชั่วขณะ
แม่นางผู้นี้มองดูดุดันเล็กน้อย
“นางนามว่าหนิวต้าลี่ ข้าให้นางได้ออกมาพบเห็นโลกภายนอกบ้าง” ซ่งอิงกล่าว
ตระกูลลู่อาจมีปีศาจ นางจึงจำเป็นต้องพาต้าลี่ติดสอยห้อยตามมาด้วย หากปีศาจตนนั้นเก่งกาจอย่างยิ่ง อย่างน้อยนางก็ยังมีผู้ช่วยสักคน
เพียงแต่น่าเสียดาย ต้าลี่ซื่อบื้อเกินไปหน่อย ดังนั้นนางก็ไม่กล้าพูดความจริง บอกกล่าวนางเพียงว่า ตนออกมาพบปะสังสรรค์ หากข้างกายไม่มีข้ารับใช้หญิงคอยติดตามสักคน เช่นนั้นจะถูกดูแคลนเอาได้
ครั้นต้าลี่ได้ยินดังกล่าวก็รีบเป็นฝ่ายเสนอตัวมาด้วยทันที
ซ่งสวินได้ยินเช่นนั้นก็ไม่กล้ามองอย่างเพ่งพินิจ “ลู่ข่ายบอกกับข้าแล้วว่าครั้งนี้เพื่อน้องพี่ซึ่งเป็นสตรีคนเดียวจะได้ไม่รู้สึกอึดอัด จึงให้น้องสาวในตระกูลตนเองเชื้อเชิญหญิงจากตระกูลชนชั้นสูงมาร่วมด้วยจำนวนหนึ่ง”
ซ่งสวินครุ่นคิดแล้วกล่าวเสริมอีกประโยค “หากคบหาสมาคมได้ก็พูดคุยกับพวกนางดู หากรู้สึกว่าคบหาไม่ได้ จะขอตัวออกจากงานเลี้ยงก่อนก็ไม่เป็นไรเช่นกัน”
เดิมทีเขาก็ไม่ได้อยากให้ซ่งอิงมาร่วมงานเช่นกัน อย่างไรเสียในมุมมองเขา ซ่งอิงก็เป็นคนหนึ่งที่คร้านจะเข้าสังคม แต่เมื่อลองคิดดูอีกที น้องสาวเขาผู้นี้ก็เคยเป็นหญิงชนชั้นสูงอยู่ในเมืองหลวงมาสองปี หลังกลับหมู่บ้านชนบท ข้างกายก็ไม่รู้จักสหายดีๆ สักคน กลัวว่านางแต่ละวันจะรู้สึกอึดอัดและเบื่อหน่าย
หากได้ผูกมิตรกับสหายที่เข้าอกเข้าใจกันสักคนสองคนในงานเลี้ยงชมดอกเบญจมาศก็คงดี
“ท่านพี่ไม่ต้องห่วงข้า ท่านสนใจแค่พบปะสังสรรค์กับผู้อื่นก็พอเจ้าค่ะ” ซ่งอิงไม่กังวลใจเลยสักนิด
นางก็แค่มาร่วมวงเพิ่มจำนวนคนให้เยอะๆ แล้วถือโอกาศลองดูปีศาจเท่านั้นเอง
ส่วนสำหรับซ่งสวิน ตามจริงงานเลี้ยงลักษณะนี้ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องเข้าร่วม แม้ว่าปัจจุบันไม่คุ้นชิน แต่ภายภาคหน้าก็จำเป็นต้องทำความเข้าใจให้กระจ่างแจ้งเอาไว้บ้าง จะอย่างไรก็ไม่อาจเอาแต่จดจ่อความนึกคิดมาที่ตัวนางอยู่เรื่อยได้
เมื่อเห็นซ่งอิงมีสีหน้าสบายๆ ซ่งสวินก็ไม่สะดวกพูดอะไรให้มากความแล้วเช่นกัน
ซ่งสวินไม่ใช่คนที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์หน้าตา วันนี้แม้ไปร่วมงานเลี้ยง อาภรณ์ที่สวมใส่ก็ไม่ได้แตกต่างจากปกติแต่ละวันมากเกินไป
จะว่าไป ปัจจุบันซ่งสวินก็ไม่ถือว่าขาดแคลนเงินแล้วเช่นกัน
ร้านค้าทางด้านบิดามารดานั่น รายรับแต่ละวันเพียงพอให้เขาได้สรรหาอาภรณ์อย่างดีได้ไม่น้อย แต่อย่างไรก็ตามเขากลับไม่ให้ความสำคัญกับเปลือกนอก เงินที่ให้มาใช้จ่ายไปกับการซื้อหนังสือและเล่าเรียนเท่านั้น ไม่อาจทำใจใช้จ่ายมันไปกับสิ่งอื่นได้็ตา