ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 493 สัมพันธ์ที่ห่างเป็นวา ตอนที่ 494 ทำคุณอย่าหวังผลตอบแทน
- Home
- ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล
- ตอนที่ 493 สัมพันธ์ที่ห่างเป็นวา ตอนที่ 494 ทำคุณอย่าหวังผลตอบแทน
ตอนที่ 493 สัมพันธ์ที่ห่างเป็นวา
ยี่สิบสามตำลึงเงินหรือ ซ่งอิงเดาะลิ้น บุรุษไม่เอาไหนพวกนี้ ไม่เป็นหัวหน้าครอบครัวย่อมไม่รู้ว่าค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพนั้นสูงเพียงใด
แต่ว่า…
ดูเหมือนนางจะพบโอกาสทำเงินอีกอย่าง
ซื้อมาในราคาถูกแล้วค่อยรดน้ำผ่านจิตเพิ่มสักหน่อย จากนั้นก็ขายออกในราคาที่สูงขึ้น ส่วนต่างของราคานับว่าไม่น้อยทีเดียว…
เพียงแต่เรื่องนี้มีความเสี่ยงเล็กน้อย อย่างไรเสียนางก็มีที่ทางอยู่ไม่กี่ผืนเท่านั้น ทั้งยังไม่มีคนงานปลูกดอกไม้ จึงยากแก่การอธิบายได้ว่าเหตุใดดอกไม้แสนธรรมดาครั้นมาอยู่ในมือนางแล้วจึงแตกต่างไม่เหมือนใคร ดังนั้น…
ซ่งอิงนึกผิดหวังเล็กน้อย เนื่องด้วยรู้สึกว่าสูญเสียโอกาสสร้างเงินอีกแล้ว
วันข้างหน้าหากมีหมู่บ้านสวนใหญ่ๆ สักแห่ง ไม่แน่ว่าอาจหาเงินจากกลโกงได้บ้าง แต่ตอนนี้ไม่อาจคิดอย่างนี้ได้
“ของนี้ได้มาเพราะโชคดี ตอนนั้นดอกไม้ดูเหี่ยวเฉาอยู่บ้าง พอข้ากลับบ้านก็รดน้ำสักหน่อย จึงดูมีชีวิตชีวาขึ้น หากอยากซื้อแบบที่เหมือนกันนี้ เกรงว่าคงยาก” ซ่งอิงเอ่ยตอบตามจริง
เพิ่งสิ้นเสียงนางเมื่อครู่ จู่ๆ ก็มีคนยกกระถางดอกเบญจมาศเดินมา
ลู่ข่ายมองเห็นก็สะดุ้งด้วยความตกใจ ทั้งยังรีบถามผู้ดูแลงานในบ้านว่า “เอาโบตั๋นเขียวมาจากไหน?”
“นี่คือ…ของที่ใต้เท้าฮั่วบ้านข้างๆ มอบให้…แม่นาง…แม่นางซ่งอิงขอรับ…” ตามจริงพ่อบ้านก็ประหลาดใจเช่นกัน
ตอนที่คนพวกนั้นนำของมาส่งให้ยังย้ำอีกว่า แม่นางซ่งเป็นญาติของใต้เท้าฮั่วนายของตน ให้คนตระกูลลู่ปรนนิบัติด้วยความเอาใจใส่ อย่าให้นางต้องขุ่นข้องหมองใจ และคล้ายกลัวว่าดอกไม้ของแม่นางซ่งยังไม่ดีพอ จึงได้ส่งโบตั๋นเขียวมาประดับบารมีเพิ่ม
คาดว่าแม้แต่ใต้เท้าฮั่วก็ยังคาดไม่ถึงว่า ดอกไม้ของแม่นางซ่งนั้น…งดงามเหลือเกิน!
“แม่นางซ่งที่ใต้เท้าฮั่วกล่าวถึง…คือ…นางอย่างนั้นหรือ” ลู่ข่ายเอ่ยความสงสัยเล็กน้อย
“ขอรับ” ผู้ดูแลงานในบ้านรีบตอบ
คนอื่นไม่รู้ว่าใครคือผู้ปกครองจวนตระกูลฮั่ว แต่ตระกูลลู่รู้ดีเป็นที่สุด ดังนั้นตั้งแต่พวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่ จึงระมัดระวังตัวเสมอมา ไม่กล้าทำอะไรผิดแม้เพียงเล็กน้อย
ลู่ข่ายเหงื่อแตกพลั่กด้วยความหวั่นใจ
แม้เขาจะมักจะอวดดี แต่ก็มีสติรู้ว่าอะไรควรไม่ควร คนอย่างอ๋องอู่เฉิน ไม่ใช่คนที่เขาควรมีเรื่องด้วย…
ดอกไม้ถูกยกมาอยู่ตรงหน้าซ่งอิง
ซ่งอิงมุ่นคิ้วมอง นางเห็นว่าคนอื่นก็มองตนอยู่เช่นกัน จึงยิ้มอย่างประหม่า “สามีผู้ล่วงลับของข้าเป็นทหารผู้น้อยใต้บัญชาของเขาเท่านั้นเอง เป็นสัมพันธ์ที่ห่างอยู่หลายวาเชียว เขาอาจคิดว่าข้าน่าสงสาร จึงส่งดอกไม้มาปลอบใจข้าสักหน่อย”
“ฮ่าๆ” ลู่ข่ายเพียงหัวเราะเจื่อน
สัมพันธ์ที่ห่างเป็นวาอย่างนั้นหรือ แล้วที่ส่งดอกโบตั๋นเขียวมาให้เล่า
โบตั๋นเป็นราชาแห่งมวลผกา ดอกเบญจมาศที่ถูกเรียกว่าโบตั๋นเขียวย่อมไม่ธรรมดาแน่ ตอนดอกไม้นี้บานในช่วงแรก ดอกจะมีสีเขียวดั่งหยก สุกใสดั่งหยดน้ำ กลีบเขียวแกมเหลือง ยิ่งสดใสสะดุดตานัก…
นี่นับเป็นของชั้นยอดเยี่ยมท่ามกลางหมู่สิ่งแปลกตา ราคามหาศาล
แม้แต่ซ่งสวินยังตะลึงไม่น้อย เนื่องด้วยเขาไม่รู้สักนิดว่าฮั่วหรงมีสัมพันธ์กับใต้เท้า!
ทันใดนั้นก็นึกเป็นกังวลใจในฉับพลัน
คนวงในเหล่านี้ คุณชายคุณหนูส่วนใหญ่ล้วนรู้ว่าไม่ควรมีเรื่องกับคนจวนฮั่ว ดังนั้นในตอนนี้คนส่วนใหญ่ก็ลดอคติก่อนหน้าไปมาก มีเพียงสองสามคนที่ได้ยินซ่งอิงพูดถึงสามีผู้ล่วงลับแล้วนึกคลางแคลงอยู่ในใจ
นึกว่าเป็นสตรีที่แต่งงานแล้ว คิดไม่ถึงว่านางจะเป็นหม้ายสามีตาย
“ใต้เท้าฮั่วดูแลเจ้าเพียงนี้ คงเป็นเพราะนับถือนิสัยใจคอของแม่นางซ่งที่รักษาขนบธรรมเนียม ไม่แต่งงานใหม่หลังสามีตายกระมัง” คุณหนูสวี่เห็นว่าไม่มีใครเอ่ยอะไร จึงรวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้นเบาๆ คล้ายชื่นชมในตัวซ่งอิงเหลือเกิน
ลู่ข่ายได้ยินก็ตะลึงไปเล็กน้อย
ซ่งอิงเพิ่งจะอายุสิบเจ็ดปี จะสงวนตนไม่แต่งงานไปทั้งชีวิตอย่างนั้นหรือ
…
เขาเองก็เคยได้ยินซ่งสวินพูดถึงเรื่องนี้ว่า ตั้งแต่สามีของน้องสาวเสียชีวิต นางก็ครองความสาวของตนมาไม่เคยมีเรื่องด่างพร้อย…
ซ่งอิงหันไปมองคุณหนูสวี่และเอ่ย “คงเช่นนั้นกระมัง”
“อย่างนั้นต่อไปแม่นางซ่งคงต้องระวังให้มากหน่อยแล้ว” คุณหนูสวี่เอ่ยอย่างอ่อนโยน
ระวังอะไรน่ะหรือ จะเป็นอื่นใดไปได้ หากไม่ใช่การะวังที่จะเข้าใกล้ชายอื่น ใต้เท้าฮั่วจะได้ไม่ไปตามล้างแค้น
“ขอบคุณคุณหนูสวี่ที่เตือน แต่ข้าเห็นว่าคุณหนูสวี่เองนั่นแหละที่ต้องระวังสักหน่อย ต่อไปขึ้นเขาลงห้วยต้องใส่ใจเรื่องความปลอดภัย อย่าให้ใครเขาหลอกไปไหน จนต้าลี่คนบ้านข้าต้องลำบากดึงเจ้าออกมาจากมือผู้ร้ายอีก” ซ่งอิงคลี่ยิ้ม
ตอนที่ 494 ทำคุณอย่าหวังผลตอบแทน
นางรู้จักคำพูดของคุณหนูสวี่เป็นที่สุด คำพูดที่คล้ายว่าเป็นห่วงเป็นใยนาง แท้จริงก็เพียงอยากให้นางอยู่ที่บ้านอย่างว่าง่าย ต่อไปอย่าได้มาออกงานเช่นนี้อีก หรือถึงขั้นอยากให้อยู่ห่างจากลู่ข่ายและบุรุษเหล่านี้ให้มากๆ หน่อย
นางไม่ได้อยากแต่งงานใหม่ แต่ก็ไม่ยอมโง่ให้ใครหาเรื่องง่ายๆ เช่นกัน
โดยเฉพาะคุณหนูสวี่ท่านนี้ เป็นถึงผู้ที่เคยรังแกคนของครอบครัวนางอย่างต้าลี่ผู้ซื่อบื้อ
คำพูดประโยคนั้นของซ่งอิงทำให้คนจำนวนไม่น้อยหันมามองคุณหนูสวี่เป็นตาเดียว
คุณหนูสวี่หน้าแดงในทันใด ท่าทีกระอักกระอ่วน ทั้งยังแฝงแววโทสะและน้อยอกน้อยใจขึ้นมาให้เห็นเล็กน้อย “แม่นางซ่ง ข้าเตือนเจ้าด้วยความหวังดี ในเมื่อ…ข้าได้ยินมาว่าใต้เท้าฮั่วเป็นคนใหญ่คนโต มิใช่คนธรรมดา ส่วนเจ้าเป็นภรรยาของผู้ใต้บัญชาเขาซึ่งล่วงลับไปแล้ว หากต่อไปแต่งงานใหม่ ใต้เท้าฮั่วจะไม่นึกรังเกียจเจ้าหรอกหรือ เหตุใดเจ้าจึงมองเจตนาข้าผิดไปเสียได้”
“แต่ที่ข้าพูดก็เป็นเรื่องจริงนี่” ซ่งอิงยิ้มมุมปาก “คุณหนูสวี่ ข้าเองก็เตือนเจ้าด้วยความหวังดีเช่นกัน”
“ข้า เจ้าหมิ่นเกียรติข้า!” คุณหนูสวี่เอ่ยด้วยความร้อนใจ “ตอนนั้นข้าไม่ได้ถูกคนหลอกไป ข้าเพียงซ่อนตัวอยู่ที่เขาหลายวัน ข้าไม่ได้…ข้าไม่ได้ถูกคนร้ายล่วงเกินข้านะ!”
“ข้าก็ไม่ได้บอกว่าเจ้าถูกคนร้ายล่วงเกินนี่?” ซ่งอิงสบถฮึในลำคอเบาๆ
หากไม่ใช่เพราะหนิวต้าลี่ออกมาได้ทันเวลา อย่าว่าแต่รักษาความบริสุทธิ์ของคุณหนูสวี่เลย ให้รักษาชีวิตยังจะทำได้ยาก
“แต่ แต่คำพูดของเจ้า…” คุณหนูสวี่น้ำตาร่วงในทันทีทันใด “นี่เจ้าจะบีบเค้นข้าให้ตายไปเลยใช่หรือไม่”
ซ่งอิงมองนางร้องไห้ด้วยสีหน้าราบเรียบ ไม่มีท่าทีจะใจอ่อนแต่อย่างใด
เสียงร้องไห้ของนางทำให้เหล่าบุรุษซึ่งเป็นแขกในงานจำนวนไม่น้อยมีท่าทีเห็นอกเห็นใจ ส่วนแขกสตรีก็เข้ามาปลอบใจเช่นกัน
ลู่เล่อหลิงมองลู่ข่ายอย่างร้อนใจ
ในเวลาอย่างนี้ ควรจะเข้าข้างใครดี?
ซ่งอิงเป็นถึงน้องสาวของสหายคนสนิทของพี่ชาย ย่อมสำคัญที่สุด เพียงแต่ตอนนี้เรื่องเกี่ยวข้องถึงเกียรติของสตรี นางไม่กล้าเอ่ยวาจาพร่ำเพรื่อ เพราะหากเผลอไปทำให้เกียรติสตรีของคุณหนูสวี่ด่างพร้อยไปด้วย อาจทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายไปชั่วชีวิต
ลู่ข่ายรู้สึกว่า สตรีช่างมากเรื่องเหลือเกิน
เอะอะก็ร้องไห้ มาเป็นแขกที่บ้านเขา เหตุใดจึงทำคล้ายว่ามางานอัปมงคลเสียอย่างนั้น
“คุณหนูสวี่ แม่นางซ่งมิได้มีเจตนาอย่างนั้นหรอก หากเจ้าไม่สบายตรงไหน กลับไปพักผ่อนก่อนดีหรือไม่?” ลู่ข่ายเอ่ยถามตามตรง
คุณหนูสวี่ได้ยิน ก็สะอื้นออกมาอีกเล็กน้อย
“คุณชายลู่ ข้าว่าพูดให้กระจ่างมาเลยจะดีกว่าว่า มิเช่นนั้นมีข่าวลือเสียๆ หายๆ ของคุณหนูสวี่แพร่งพรายออกไปจากงานเลี้ยงครั้งนี้จะจัดการอย่างไร” คุณชายกัวเอ่ยขึ้น
“นั่นน่ะสิ แม่นางซ่งเป็นสาวชาวบ้าน อาจมิได้สนใจเรื่องเกียรติสตรีนัก แต่กลับไม่รู้ว่าพวกเราเหล่าตระกูลที่มีกฎระเบียบ เกียรติสตรีนั้นยากแก่การถนอมที่สุดแล้ว…”
“แม่นางซ่ง เจ้าขอโทษคุณหนูสวี่เถิด!”
“…”
“…”
หนิวต้าลี่ได้ยินประโยคนั้นก็โกรธจนหน้าแดงก่ำ นางแทบอยากโยนสวี่ฉ่ายเย่ว์ออกไปในเดี๋ยวนั้น!
หน้าไม่อาย!
“ข้าเป็นคนช่วยนางแท้ๆ มีสิทธิ์อะไรบอกให้ท่านพี่ขอโทษนาง!” หนิวต้าลี่ไม่พอใจอย่างยิ่ง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้คนต่างก็หันไปมองหนิวต้าลี่ด้วยความประหลาดใจ และเห็นว่าแม้นางจะหน้าตาสะอาดสะอ้าน แต่พูดจากระโชกโฮกฮาก แต่งกายธรรมดาๆ วางมาดดุดัน ทันใดนั้นก็ลดความน่าเคารพลงไปไม่น้อย
“ทำคุณมิหวังผลต่างหาก จึงจะนับเป็นวิญญูชน…” คุณชายกัวกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ใช่ว่ากัวอั๋งจะเอาเรื่องเอาราวกับซ่งอิงให้ได้ แต่ใครใช้ให้ซ่งอิงเป็นน้องของซ่งสวินเล่า
ซ่งสวินเป็นคนไร้ชาติตระกูล แต่กลับนั่งเสมอพวกเขาได้ ช่างน่าขันเสียจริง พลอยจะทำให้ตัวเขาแปดเปื้อนไปด้วยเปล่าๆ
ซ่งอิงยิ้มแล้วกล่าว “คุณชายกัวคงถูกประตูหนีบหัวมากระมัง ทั้งที่คนที่ได้รับความช่วยเหลือเป็นตัวร้ายกาจ แค่ครั้นบัดนี้ท่านพูดถึง นางกลับกลายเป็นผู้ไร้เดียงสาเสียอย่างนั้นหรือ หากแม้ถูกผิดยังไม่อาจแยกแยะได้ ที่เพียรเล่าเรียนมาคงสูญเปล่า อย่าได้เรียกตัวเองว่าบัณฑิตเลย เปลี่ยนไปเรียกว่าจอมงั่งน่าจะใกล้เคียงกว่าหน่อย”