ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 505 เชื้อเชิญ ตอนที่ 506 อย่าทำให้ขายหน้า
ตอนที่ 505 เชื้อเชิญ
สาเหตุที่ซ่งอิงเอ่ยเชื้อเชิญ ตามจริงเพราะรู้สึกว่าจินกวนผู้นี้น่าจะเป็นผู้หนึ่งที่ไม่เลวทีเดียว
แม้ว่าเป็นงู แต่เขาก็ยังเลี้ยงดูสัตว์เล็กเอาไว้อีกสองตัว หากเป็นปีศาจที่กินได้ทุกอย่างที่ขวางหน้า มีหรือจะทำเรื่องประเภทนี้ได้
“ย่อมกินอยู่แล้ว…” จินกวงยิ้มอย่างจนใจ “ยามที่ยังไม่กลายเป็นมนุษย์ ข้าแทบจะกินทุกอย่าง ต่อให้เป็นพวกงูก็เอาเข้าปากได้เช่นกัน หลังบรรลุแล้วก็ค่อยๆ ควบคุมได้หน่อย ไม่ค่อยกินพวกเดียวกันสักเท่าไร แต่กระต่ายป่าและกบเขียวรสชาติไม่เลว เพียงแต่แม่นางซ่งวางใจได้ ข้าไม่กินสัตว์ที่บรรลุแล้ว”
ปีศาจคือสัตว์จำพวกที่เกิดจิตวิญญาณที่มีพลังวิเศษแฝง สิ่งมีชีวิตที่ยังไม่เปลี่ยนรูปลักษณ์แต่เกิดสติปัญญาอันชาญฉลาดขึ้นมา ก็ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดจิตวิญญาณที่มีพลังวิเศษแอบแฝงเช่นกัน ส่วนมนุษย์ก็คือผู้มีจิตวิญญาณและเฉลียวฉลาดที่สุดในบรรดาสิ่งทั้งปวง
เมื่อซ่งอิงได้ยินดังกล่าวก็โล่งใจ
ด้วยธรรมชาติที่ติดตัวมาแต่กำเนิดจึงกินสิ่งเหล่านี้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผิดนี่?
นอกจากสิ่งมีชีวิตจำพวกพืชอย่างภูตโสมลักษณะนั้นดำรงชีวิตโดยอาศัยแร่ธาตุในดิน แม้กระทั่งหนิวต้าลี่ก็ต้องกินหญ้านี่? ส่วนหญ้า…ไม่แน่ว่าจะมีสติปัญญาได้เช่นกัน แต่นี่ก็เป็นอะไรที่พูดยาก
ส่วนการที่งูกินกบเขียว…
เมื่อก่อนซ่งอิงเคยเห็นกบเขียวเรียกบรรดาน้องๆ มากินแมลงเช่นกัน ตอนนั้นก็มีกบเขียวบางส่วนถูกกินไปตามธรรมชาติ ตอนนั้นปีศาจกบเขียวกลับเผยสีหน้าไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด
สิ่งมีชีวิตในโลก ส่งผลกระทบเชื่อมโยงเป็นสายระโยงระยาง อีกทั้งยังส่งเสริมซึ่งกันและกัน เช่นนี้จึงจะอยู่ร่วมกันได้
สำหรับกบเขียว เขาบรรลุแล้ว นั่นจึงไม่นับเป็นพวกเดียวกันกับกบเขียวธรรมดาอีกอย่างสิ้นเชิง
สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาอันฉลาดเฉียบแหลมและไม่มีสติปัญญา การมีตัวตนอยู่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
แน่นอนว่า หลังกลับไปนางจะหารือกับกบเขียวดูเสียหน่อยเช่นกัน อย่างไรเสียกบเขียวก็เป็นคนงานเก่าแล้ว นางยังต้องพิจารณาความรู้สึกของปีศาจกบเขียวด้วยสักหน่อย หากมันรู้สึกไม่เหมาะสมจริง เช่นนั้นเรื่องนี้นางก็จะไม่ดื้อดึงแล้วเช่นกัน หรือไม่ก็ให้ปีศาจทั้งสองตนนี้อยู่ห่างๆ กันหน่อย เพื่อที่จะไม่ทะเลาะเบาะแว้งถึงขั้นเลือดตกยางออก
“ข้อคิดเห็นที่ข้าเพิ่งเอ่ยเสนอเมื่อครู่ ท่านคิดว่าอย่างไร” ซ่งอิงเอ่ยถามอีกครั้ง
เทียบกับการจ้างคนงาน นางกลับรู้สึกว่าปีศาจน่าเชื่อถือกว่าเป็นไหนๆ
อีกทั้งปีศาจลำบากมาไม่น้อย ประการแรกเพื่อให้พวกมันดำรงชีวิตอยู่ได้ ประการที่สองเพื่อควบคุมจัดการและรวบรวมกลุ่มให้ดียิ่งขึ้นหน่อย
“หากแม่นางซ่งต้องการ ข้าย่อมไม่อาจปฏิเสธอยู่แล้ว!” จินกวงรีบบอกกล่าวทันควัน
ซ่งอิงพลันรู้สึกดีใจ “เช่นนั้นท่าน…ทำบัญชีเป็นหรือไม่ หากให้ท่านดูแลร้านค้าแห่งหนึ่งจะยากหรือไม่”
หากเขาไม่เหมาะสม ก็อบรมตำแหน่งงานนั้นๆ ให้ได้ งูที่มีชีวิตมานานหลายปีเพียงนี้แล้วต้องรู้จักตัวอักษรบ้างกระมัง
อีกทั้ง ปีศาจตนนี้ลักษณะหน้าตาดูมีไหวพริบชาญฉลาด อีกทั้งยังทำงานอยู่ในตระกูลลู่ จะต้องมีความสามารถอยู่บ้างแน่
“ตอนที่ข้าอยู่ตระกูลลู่ก็ช่วยพวกเขาดูแลจัดการหมู่บ้านไร่สวนและร้านค้าอยู่สามสี่แห่ง” จินกวงค่อนข้างมั่นใจในตัวเองไม่น้อย
ซ่งอิงคลี่ยิ้มมุมปาก
เรื่องนี้แม้ว่าพูดเป็นมั่นเป็นหมายแล้ว แต่อย่างน้อยก็ต้องแจ้งให้ตระกูลลู่รับทราบสักหน่อย ดังนั้นหลังจินเซียนเซิงรับประทานอาหารมื้อหนึ่งแล้วก็รีบกล่าวลา และนัดหมายไว้เรียบร้อยแล้วว่าวันรุ่งขึ้นจะมาดูร้านค้าเป็นเพื่อนนาง แน่นอนว่า เขาตกลงไว้แล้วว่าจะพาอีกาและเม่นมาด้วย
เมื่อมันจากไป หนิวต้าลี่ก็กล่าวขึ้นอย่างเป็นกังวล “พี่สาว เขามีพิษนะเจ้าคะ”
“กบเขียวก็มีพิษเช่นกัน พิษเป็นเพียงสิ่งที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันตัวเองเท่านั้น ขอเพียงไม่เอามาใช้ทำร้ายผู้คน นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่มีเล็บมีฟันมิใช่หรือ” ซ่งอิงกลับกล่าวอย่างเฉยชาเหลือแสน
หนิวต้าลี่ตะลึงงันไปชั่ววูบ “แต่มองมันแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นงูที่มีพิษอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ หากไม่ระวังแล้วถูกพิษงูของมันเข้า เกรงว่าไม่ถึงหนึ่งเค่อก็คงสิ้นชีวาแล้วน่ะสิเจ้าคะ…”
“ต้าลี่ มนุษย์ทำมีดทำดาบและปลิดชีวิตคนได้ในชั่วพริบตาเช่นกัน” ซ่งอิงสีหน้าจริงจัง “อีกทั้ง…งูพิษก็เลยสมควรตายเช่นนั้นหรือ ข้าควรจะจัดการมันให้ตายเสียที่นี่เลยจึงจะเหมาะสมหรือไร”
“…” หนิวต้าลี่นิ่งอึ้งไป
แน่นอนว่าจะทำเช่นนั้นไม่ได้ บำเพ็ญเพียรกว่าจะบรรลุไม่ใช่เรื่องง่าย…
“นั่นสิ เขาก็ต้องอยากมีชีวิตเช่นกัน ไม่ร่วมทางกับข้าก็ต้องไปร่วมทางกับคนอื่นอยู่ดี ยกเว้นก็แต่มันจะหลบอยู่ในขุนเขาลึกตลอดกาล อย่าได้โผล่ออกมา มิเช่นนั้นก็จะเป็นสัตว์พิษที่เคลื่อนไหวตัวหนึ่ง เทียบกับการที่มันเคลื่อนไปตามอำเภอใจตัวเอง ข้าคิดว่า ได้มองดูอยู่ข้างกายจะเหมาะสมกว่าหน่อย”
เมื่อพูดประโยคเหล่านี้จบ ซ่งอิงตะลึงงันไปเช่นกัน
นางมีความคิดประเภทนี้ได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
ตอนที่ 506 อย่าทำให้ขายหน้า
แรกเริ่มตอนที่รับเอาภูตโสมมาไว้ เป็นเพราะภูตโสมน่ารัก และนางก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับภูตและปีศาจเลยสักนิด จึงเก็บมันไว้ข้างกาย จะได้ไม่ให้ภูตโสมกลับไปเรียกพรรคพวกมา…
ต่อมา การตั้งรับภูตโสม สำหรับนางไม่นานนักก็เลือนหายไป
ต่อจากนั้นก็คือกบเขียว นางรู้สึกว่าพ่อหนุ่มนั่นกินแมลงได้ ส่วนหนิวต้าลี่ไถพรวนดินได้
เกือบทั้งหมดล้วนเพื่อผลประโยชน์ของตนเองทั้งสิ้น นางจ่ายเงินให้ จ้างพวกเขาทำงาน เป็นการแลกเปลี่ยนกันอย่างจริงจังอย่างสิ้นเชิง
แต่งูตัวนี้แตกต่างออกไป
แม้ว่าทำงานได้เช่นกัน แต่การกำกับดูแลร้านค้าเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าต้องเป็นเขาให้จงได้เท่านั้น…
ถึงขั้นว่า งูดำกลับเป็นสหายผู้หนึ่งที่นับว่าอันตราย…
แต่ในใจนางนี้ ไฉนจึงเกิดความรู้สึกอยากปกป้องคนเลวขึ้นมาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว แทบจะไม่ลังเลที่อยากให้ปีศาจตนนี้อยู่ใต้เงื้อมมือของนาง…
ซ่งอิงรู้สึกสับสนเล็กน้อยเช่นกัน แต่ทว่าในเมื่อคิดไม่เข้าใจเสียที เช่นนั้นก็ไม่ต้องไปคิดมันแล้ว
จิตใต้สำนึกของนางมักรู้สึกว่างูดำไม่มีทางทำร้ายนางได้ ถึงขั้นว่า…หากงูดำกล้าลงมือจริง นางก็มีความมั่นใจว่าจะกำราบได้
ไม่รู้เช่นกันว่าความเชื่อประหลาดๆ ของตนนี้มาจากไหน
นี่เป็นการที่นางเดินบนเส้นทางอย่างรนหาที่ตายเข้าไปเรื่อยๆ
แม้แต่งูก็ยังกล้าเลี้ยง จุ๊ๆ ช่างน่าตื่นเต้นจริงๆ!
ตระกูลลู่ทางด้านนั้นมีสิ่งที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่า
จินเซียนเซิงผู้นี้เพิ่งออกไปไม่ทันไรเองนี่? แต่เมื่อกลับมาก็ต้องการจะปฏิเสธงานไม่ทำเสียแล้ว…
นายท่านผู้เฒ่าตระกูลลู่มองจินเซียนเซิงท่านนี้ด้วยสีหน้าสับสน อยากรั้งท่านผู้นี้เอาด้วยใจจริง ไม่ให้เขาลาออกไป
ช่วงเวลาที่จินเซียนเซิงผู้นี้อยู่ตระกูลลู่เพิ่งไม่กี่เดือนเท่านั้น ถือว่าเป็นแขกเฉพาะกิจของตระกูลลู่ก็ว่าได้ ช่วงเวลาอันสั้นที่มา หมู่บ้านไร่สวนและร้านค้าของตระกูลมีรายรับเพิ่มขึ้นสองส่วน นอกจากนั้นจินเซียนเซิงท่านนี้ก็ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ หลายต่อหลายครั้ง แม้แต่ผู้ดูแลงานในตระกูลที่อบรมบ่มเพาะมาหลายปีก็ยังเทียบไม่ได้
แน่นอนว่า ที่สำคัญสุดคือ จินเซียนเซิงพูดคุยกับเขาได้ถูกคอ
ใช่ว่าตระกูลลู่ขาดแคลนคนทำงานไม่…
ตอนนี้จินเซียนเซิงต้องการจากไปแล้ว นายท่านผู้เฒ่าลู่จึงค่อนข้างเศร้าอยู่ในใจ แต่อย่างไรก็ตาม คงไม่ดีนักเช่นกันหากจะรั้งไว้ จึงทำได้เพียงกล่าว “จินเซียนเซิงกลับมาได้ทุกเมื่อ…หากวันใดมีเวลาว่างก็แวะเวียนมาเล่นหมากรุกกับข้าได้ นี่พอเจ้าไปข้าเองคงรู้สึกเบื่อขึ้นมาก”
จินเซียนเซิงยิ้มเล็กน้อย
“แม่นางซ่งผู้นี้ให้เงินค่าแรงสูงมากเลยหรือ” นายท่านผู้เฒ่ารู้สึกประหลาดใจขึ้นมาอีกเล็กน้อย
นายจินส่ายหน้า “แม่นางซ่งไม่เหมือนกันคนอื่น…ข้าติดตามนางมิใช่เพื่อเงินทอง”
“…” นายท่านผู้เฒ่าลู่รู้สึกแทงใจเล็กน้อย
“ข้าจำได้ว่าตอนแรกที่ข้าได้รู้จักกับจินเซียนเซิง เจ้าเคยกล่าวไว้ว่าเพื่อตามหาใครคนหนึ่งจึงได้ออกจากบ้านมา หรือว่าคนผู้นั้นก็คือแม่นางซ่ง” นายท่านผู้เฒ่าซ่งครุ่นคิดแล้วกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“น่าจะเป็นนางขอรับ” จินเซียนเซิงยังคงเผยสีหน้าสุขุมเช่นเดิม
เขาเป็นงู เดิมก็ค่อนข้างเยือกเย็น ปกติแต่ละวันก็เป็นลักษณะเช่นนี้
เพียงแต่เพราะทำงานรอบคอบ จึงถูกนายท่านผู้เฒ่าลู่คิดว่าเป็นคนหนึ่งที่ภายนอกเย็นชาแต่มีน้ำใจและเป็นมิตร จึงดูแลเขามากหน่อย
ตามจริง…
เขาไม่มีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ต่อตระกูลลู่เลยสักนิด
มีชีวิตมาตั้งยาวนานเพียงนี้แล้ว สิ่งมีชีวิตที่เคยพบเห็นนับไม่ถ้วน บัดนี้ไม่ใช่พรากจากกันด้วยความตายเสียหน่อย แล้วมีหรือจะรู้สึกสะเทือนใจ
อีกอย่าง การได้ติดตามแม่นางซ่ง เขารู้สึกดีใจจริงๆ นี่?!
นายท่านผู้เฒ่ารู้สึกทุกข์ใจ มองจินเซียนเซิงปราดหนึ่งอย่างคับข้องใจ ท้ายที่สุดก็ยังปล่อยให้เขาจากไป แน่นอนว่าก่อนจากไปก็ได้ให้เงินไว้ไม่น้อย
น่าเสียดายที่ทางด้านนี้ได้รับเงินแล้ว งูดำก็นำเงินจำนวนนี้ไปซื้อสิ่งของจำนวนมาก
อย่างเช่นโสมและเห็ดหลินจือตามร้านยา อย่างเช่นยาสระผมของโรงอี้จวิน…
น่าเสียดายที่ยาสระผมของทางด้านโรงอี้จวินตอนนี้ไม่ใช่อย่างที่เขาอยากได้ ดังนั้นเขาทุ่มเทแรงกายแรงใจสุดความสามารถ โดยจ้างคนไปไล่เรียงทีละบ้านเพื่อขอซื้อสินค้า ก่อนหน้านี้ยาสระชนิดนั้นที่โรงอี้จวินขายมีรสชาติแตกต่างออกไป อร่อยเป็นพิเศษ
เขามีช่องทาง แค่จ่ายเงินมากหน่อย ดังนั้นจึงหาซื้อยาสระรุ่นเก่ามาได้ไม่น้อย หอบเอากลับบ้านมาได้เป็นกอบเป็นกำ
บ้านของเขาตั้งอยู่ในเรือนค่อนข้างเล็กหลังหนึ่งในตัวอำเภอ ยาสระผมมากมายเหล่านั้นถูกวางลงตรงหน้าสหายหนุ่มน้อยทั้งสอง “กินสิ กินให้มากๆ หน่อยจึงจะรักษาสภาพรูปลักษณ์มนุษย์เอาไว้ได้นานหน่อย พรุ่งนี้จะพาพวกเจ้าไปเจอคนผู้นี้ จากนี้เราก็จะติดสอยห้อยตามนาง พวกเจ้าอย่าได้ทำให้ขายหน้าเชียวละ”