ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 529 นิสัยเสียมาแต่กำเนิด ตอนที่ 530 บากหน้ามาพึ่งญาติพี่น้อง
- Home
- ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล
- ตอนที่ 529 นิสัยเสียมาแต่กำเนิด ตอนที่ 530 บากหน้ามาพึ่งญาติพี่น้อง
ตอนที่ 529 นิสัยเสียมาแต่กำเนิด
ยามที่เปาไล่จื่อสับสน ผู้คนในหมู่บ้านบางส่วนรู้สึกปลื้มใจจริงจัง
เรื่องแปลกๆ มีให้เห็นทุกปี ปีนี้เยอะเป็นพิเศษ เปาไล่จื่อที่สำมะเลเทเมามาหลายปีขนาดนี้นึกไม่ถึงว่ายังรู้จักหัดทำเรื่องดีๆ ด้วย!
เนื้อตัวสะอาดสะอ้านมองดูค่อนข้างมีชีวิตชีวา นี่ตั้งกี่วันมาแล้วไม่ได้เห็นเขาจับจ้องเหล่าเด็กๆ อย่างดุดัน และไม่เห็นเขาเดินเตร็ดเตร่ไปมาทั่วหมู่บ้าน!
เรื่องลักเล็กขโมยน้อยยิ่งไม่มีให้เห็น แค่นี้ไม่เท่าไร นึกไม่ถึงว่าจะไม่ได้จับกลุ่มทำตัวเหลวไหลอยู่กับสหายนักเลงอีกด้วย!
ปฏิบัติตนเช่นนี้ จะไม่ทำให้ผู้อื่นดีใจได้อย่างไรเล่า
ดังนั้นแต่ละหลังคาเรือนโดยส่วนใหญ่ก็รู้จักเปาไล่จื่อทั้งนั้น แต่ละคนเป็นต้องเอ่ยชมเชยขึ้นมาสองสามประโยค และมีคนจำนวนไม่น้อยเช่นกันรู้สึกว่าการชมเชยและยิ้มแย้มให้แทนที่จะตำหนิเช่นนี้ทุกๆ วัน หลังจากนี้เกรงว่าเปาไล่จื่อจะเกรงใจเกินกว่าไปหาเรื่องบรรดาเด็กๆ ได้อีกแล้ว…
ซ่งอิงไม่คิดเช่นกันว่าผลลัพธ์จะดีงามเพียงนี้
การเปลี่ยนแปลงของคนคนหนึ่งตามจริงง่ายดายมาก
เปาไล่จื่อทำตัวอันธพาล ไม่ทำการทำงานทั้งยังสกปรก บัดนี้อาบน้ำด้วยสบู่หอม สะอาดสะอ้าน ย่อมไม่ดีนักหากจะสวมเสื้อผ้าสกปรกๆ เช่นเมื่อก่อน เขาจึงเปลี่ยนไปสวมเสื้อผ้าตัวใหม่ ที่อยู่อาศัยก็ย่อมต้องปัดกวาดสักหน่อยเช่นกัน หากถูกผู้คนชมเชยอีกเล็กน้อย ในฐานะผู้ชาย เพื่อไม่ขายหน้าก็ยิ่งต้องพยายามยึดภาพลักษณ์ในปัจจุบันเอาไว้ต่อไปเรื่อยๆ
กอปรกับมีซ่งหม่านซานคอยเป็นเครื่องกระตุ้นอยู่ด้านหลัง อยากจะกลับไปเป็นลักษณะเช่นที่ผ่านมา เกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
แต่ทว่า ณ ตอนนี้เปาไล่จื่อผู้นี้ไม่มีงานทำ
คนผู้นี้เป็นแกนนำเด็กหนุ่มใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาไปวันๆ มาโดยตลอด หากไม่มีรายได้ระยะยาวก็เป็นไปได้ว่าจะกลับเข้าสู่วงจรเดิม
เพียงแต่ความสัมพันธ์ของอาสี่ครอบครัวนางกับเปาไล่จื่ออย่างไรเสียก็ไม่ค่อยดีนัก เรื่องนี้นางไม่อาจแทรกแซงมากเกินไปได้ เพียงแต่ว่าหัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง และสังเกตเห็นประเด็นนี้เช่นกัน เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง จัดแจงหางานให้เปาไล่จื่อ รวมไปถึงพรรคพวกอีกสามสี่คนเสร็จสรรพ
นั่นก็คืองานคอยดูแลหมู่บ้านและปกป้องป่าไม้
ปัจจุบันต้นซิ่งบนเขาซิ่งแห่งนี้มีความสำคัญมากต่อเหล่าชาวบ้าน ในเขามีต้นกล้าต้นซิ่งป่าไม่น้อยเช่นกัน ที่เปาไล่จื่อพร้อมพวกต้องทำคือ นำต้นกล้าเหล่านี้ย้ายออกห่างต้นไม้ใหญ่ข้างๆ แล้วเอาไปปลูกลงในพื้นที่โล่งซึ่งมีแสงแดดส่องรำไร
นอกจากนี้ยังต้องคอยดูแลจัดการภูเขาซิ่ง อย่าให้คนอื่นมาทำลายต้นไม้ที่อยู่ในเขา
หมู่บ้านนี้มีเด็กๆ บางส่วนไม่รู้ความ ปีนต้นไม้และส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย มีเปาไล่จื่ออยู่ก็จะปกป้องต้นไม้เหล่านั้นได้
แน่นอนว่าแรกเริ่มเปาไล่จื่อแสดงออกอย่างดูถูกดูแคลน
ให้เขาไปเฝ้าดูแลภูเขา? เช่นนั้นต่างอะไรกับการติดคุก!
แต่ไม่ทันไรเขาก็เปลี่ยนไป
เพราะหัวหน้าหมู่บ้านซ่งเอ่ยถึงภรรยาและลูก เขาอายุปูนนี้แล้วยังไม่ได้สร้างครอบครัวเลย แล้วจะไม่ร้อนใจได้อย่างไรกันเล่า
ณ ตอนนี้ทำได้เพียงตั้งใจทำงาน ภายภาคหน้าต้องหาภรรยาได้แน่ การล่อใจอันยิ่งใหญ่มากเพียงนี้ย่อมเพียงพอเป็นธรรมดา!
“ระหว่างทางมาข้าได้เจอเอ้อร์ยาด้วย สาวน้อยผู้นั้นเอ่ยว่าเจ้าฝึกฝนอยู่ในเขานี้สักสองปี หากทำงานได้จริงจัง ภายภาคหน้าก็จะให้ไปเฝ้าร้านค้าแทนนาง” หัวหน้าหมู่บ้านซ่งกล่าวขึ้นอีกครั้ง
คำพูดนี้ซ่งอิงพูดไว้จริงๆ
ความหมายของซ่งอิงคือ ปัจจุบันชื่อเสียงของเปาไล่จื่อเปลี่ยนไปเพียงน้อยนิดเท่านั้นเอง อาสี่ของนางผู้นั้นยังคงดูถูกเปาไล่จื่อ แต่หากเปาไล่จื่อคงเส้นคงวาไปได้ปีสองปี เช่นนั้นจะยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้นิสัยไม่ดีจริงๆ เมื่อถึงเวลาร้านค้าของครอบครัวตนไม่แน่ว่าจะมากขึ้นไม่น้อยแล้วและขาดแคลนกำลังคนงานจริงๆ ค่อยจ้างเขาไปก็ยังไม่สาย
ครั้นเปาไล่จื่อได้ยินถึงกับงุนงงเล็กน้อย
“ท่านลุง…สาวน้อยนั่นพูดเยี่ยงนี้จริงๆ หรือ” เปาไล่จื่อลูบๆ จมูก ดูค่อนข้างละอายใจ
เขาไม่ได้ทำเรื่องดีงามอย่างแท้จริง! มิหนำซ้ำยังขายข้อมูลของซ่งอิงด้วย!
แต่เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเพียงแค่นำเรื่องราวไปบอกกล่าวซ่งอิงก็จะก่อสถานการณ์ที่ตามมาเช่นตอนนี้!
“แน่นอนว่าเป็นความจริง ทำไมรึ เจ้ายังไม่พอใจอีกหรือ” หัวหน้าหมู่บ้านซ่งกล่าว
“พอใจสิขอรับ! ท่านลุง…ข้าไม่กลัวท่านหัวเราะเยาะเช่นกัน ข้าเองก็ไม่ได้นิสัยเสียมาแต่กำเนิด ใครจะอยากให้คนอื่นมองอย่างเอือมระอาใส่ตลอดทั้งวันเล่าขอรับ” เปาไล่จื่อรีบเอ่ยพูดทันควัน
ตอนที่ 530 บากหน้ามาพึ่งญาติพี่น้อง
หลายวันมานี้เห็นคนอื่นหน้าตายิ้มแย้ม เขามีหรือจะยังคิดเช่นเมื่อก่อนอีก
ถูกรังเกียจมีอะไรดีเล่า อีกทั้งตอนแรกตามจริงเพียงเพราะยามที่เขาอายุยังน้อยไม่รู้ความ ต่อมาคิดจะปรับปรุงตัวก็ปรับปรุงไม่ได้แล้ว จึงปล่อยไปตามเวรตามกรรมเลยก็เท่านั้นเอง!
ตอนนี้มีโอกาสให้ลิ้มลอง แล้วจะไม่ยินดีได้อย่างไร!
“ตั้งใจทำให้ดี! เอ้อร์ยาเป็นผู้โดดเด่นมากความสามารถที่สุดในหมู่บ้านเรา จากนี้หากเจ้าสามารถติดตามทำงานกับนางได้จริง เช่นนั้นการหาเลี้ยงปากท้องก็ไม่ใช่ปัญหา และไม่แน่ว่าจะหาลูกสาวของครอบครัวคนดีๆ แต่งมาเป็นภรรยาได้ด้วย!” หัวหน้าหมู่บ้านซ่งมองเปาไล่จื่อพลางพูด
เด็กรุ่นหลังในหมู่บ้านล้วนเป็นผู้ที่เขาหวงแหนมากที่สุดและมองดูจนเติบใหญ่มาทั้งนั้น!
ต้าจื้อเด็กคนนี้ชะตาชีวิตลำบากมาแต่เด็ก ดังนั้นภายหลังต่อมาแม้เขาสำมะเลเทเมาไปหน่อย แต่เขากลับยินดีมอบโอกาสให้เขาเช่นกัน
มีคนมาฟ้องบ่อยครั้ง เขาเองก็พยายามปกป้องเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งทุกครั้งที่ปกป้อง เด็กคนนี้ก็จะว่านอนสอนง่ายไประยะหนึ่ง ไม่ทำให้เขาเสียหน้า นี่แสดงถึงว่าเขารู้จักประมาณตนในใจ
เปาไล่จื่อไม่มีความมั่นใจในตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าหัวหน้าหมู่บ้านมาแต่ไหนแต่ไร ยามนี้ย่อมรีบตอบรับซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นธรรมดา
ทั้งสองคนกำลังพูดคุย ก็มีคนผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาจากด้านนอก
“ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้าน มีคนครอบครัวหนึ่งมาอยู่ที่ปากทางเข้าออกมาหมู่บ้าน บอกว่าบากหน้ามาขอพึ่งพิงญาติขอรับ” คนที่มารีบบอกกล่าว
หัวหน้าหมู่บ้านซ่งตะลึงงันไปชั่วครู่ “บากหน้ามาขอพึ่งพิงญาติ? ครอบครัวใครรึ นำทางไปพบก็สิ้นเรื่องแล้วมิใช่หรือ”
ไฉนยังต้องวิ่งมาหาเขาถึงที่นี้เพื่อแจ้งให้ทราบเป็นการเฉพาะด้วยเล่า
ชายที่นำคำพูดมาถ่ายทอดเป็นการเฉพาะอึดอัดใจเล็กน้อย “คนครอบครัวนั้นที่มาเยือน…บอกว่าแซ่ฮั่วขอรับ…”
“…” หัวหน้าหมู่บ้านซ่งได้ยินดังกล่าว เกือบงงงวยจนทำอะไรไม่ถูก
หมู่บ้านซิ่งฮวามีแค่ครอบครัวเดียวที่แซ่ฮั่ว ต่อให้เอ้อร์ยาแต่งงานกับฮั่วหรงผู้นั้น ทว่าปัจจุบันก็เสียชีวิตไปแล้ว ตอนนี้ทั่วทั้งหมู่บ้านก็มีแค่ฮั่วหลินคนเดียว
ไฉนจึงโผล่มาอีกครอบครัวหนึ่งเล่า
หัวหน้าหมู่บ้านซ่งตระหนกตกใจ เร่งรีบให้คนไปพูดคุยอย่างละเอียด
“ข้อมูลหลักๆ ข้าเองก็ไม่ทราบแน่ชัด คนผู้นี้เพิ่งมาถึงปากทางเข้าออกหมู่บ้านก็ถามไถ่ไปทั่ว หญิงวัยป้าที่พูดคนนั้นกล่าวว่าสามีของตนและบุตรชายอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ลำบากยากเย็นแสนเข็นกว่าจะหาเจอ” ชายหนุ่มใหญ่กล่าวขึ้นอีกครั้ง
หัวหน้าหมู่บ้านซ่งได้ยินก็ใจเต้นระรัวขึ้นมาเช่นกัน จากนั้นจึงได้เร่งรีบตามไปดู
ยามนี้ ปากทางเข้าออกหมู่บ้านครึกครื้นเป็นพิเศษ
ที่มาเยือนมีหกคน ผู้นำหน้าเป็นหญิงวัยกลางคนอายุประมาณห้าหกสิบปี หญิงวัยกลางคนผู้นั้นพูดด้วยสำเนียงที่แปลกหู ยากที่จะฟังเข้าใจได้ ด้านหลังมีไม้กระดานแผ่นหนึ่ง ซึ่งบนนั้นหามคนแก่ผู้หนึ่งอยู่ น่าจะเป็นญาติผู้ใหญ่ของหญิงผู้นี้ ดูอายุเจ็ดแปดสิบปี มองดูผมขาวโพลนและฟันไม่ดีแล้ว
ผู้ที่หามคนแก่ผู้นั้นก็คือชายสองคน
คนหนึ่งคาดว่าอายุประมาณสี่สิบกว่าปีเห็นจะได้ อีกคนอายุประมาณยี่สิบกว่าปี
แล้วยังเหลืออีกสองคนสุดท้ายที่ค่อนข้างเยาว์วัย คนหนึ่งเป็นสาวน้อยวัยสิบเจ็ดสิบแปดปี อีกคนเป็นเด็กผู้ชายอายุประมาณสิบกว่าปี
บรรดาชาวบ้านต่างก็งุนงงเล็กน้อย
“สามีข้าผู้นั้นตายไปแล้วหรือ ลูกชายก็ตายแล้วเช่นกัน?!” หญิงที่อายุห้าสิบปีผู้นั้นได้ยินดังกล่าวก็แผดเสียงแล้วทรุดตัวนั่งลงบนพื้น ร้องห่มร้องไห้ขึ้นมา “ลูกชายที่น่าสงสารของข้า ไฉนจึงปล่อยให้แม่อย่างข้าที่เป็นคนแก่เฒ่าต้องส่งคนหัวดำจากไปก่อนเสียได้เล่า!”
“…”
ชาวบ้านเห็นคนเหล่านี้น่าสงสารจริงๆ แต่ก็แยกแยะไม่ออกว่าจริงหรือหลอก
แต่ไม่ทันไร คนเหล่านี้ก็ถือหนังสือสำมะโนครัวของตนเองออกมา “สามีข้าผู้นั้นนามว่าฮั่วจางตง ปีนั้นบ้านเกิดเราเจอพวกโจรผู้ร้าย ทั้งครอบครัวล้วนต้องไปหลบซ่อนตามป่าเขา ใครจะรู้ว่าพวกโจรผู้ร้ายกลับติดตามมาได้ ตอนนั้นร้อนรนใจอย่างยิ่ง สามีข้าก็เลยให้พวกข้าหนีไปก่อน ส่วนเขาอุ้มทารกที่มักจะส่งเสียงร้องไห้ดึงดูดพวกโจรผู้ร้ายไป ต่อมา…ต่อมาพวกเราก็พลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอนและตามตัวเขาไม่เจอเสียที สืบถามมาหลายปี นี่เพิ่งมีคนพูดว่าเห็นสามีข้าหนีมาทางด้านนี้!”
“…” ทุกคนได้ยินล้วนค่อนข้างรู้สึกแปลกๆ
มองดูสมาชิกทั้งครอบครัวนี้…
หากยอมรับในตัวพวกเขาจริงๆ เอ้อร์ยาก็ต้องคอยเชื่อฟังทำตามพวกเขา มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษน่ะสิ?
“นี่…นี่คนเหล่านี้เป็น…” ชาวบ้านเอ่ยถามอย่างลำบากใจ