ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 539 ดาวนำโชค ตอนที่ 540 เซียนสวรรค์ลงมาสู่โลกมนุษย์
- Home
- ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล
- ตอนที่ 539 ดาวนำโชค ตอนที่ 540 เซียนสวรรค์ลงมาสู่โลกมนุษย์
ตอนที่ 539 ดาวนำโชค
แต่ละคนที่มาล้วนสีหน้าโกรธเกรี้ยว
“นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ไฉนหลานหลินจึงขึ้นไปอยู่บนหลังคาเสียแล้ว! เด็กเล็กขนาดนี้พวกเจ้าก็ยังรังแกได้ลงคอหรือ หากตกลงมาแล้วเป็นอะไรไปจะทำอย่างไร!” หญิงแก่ที่นำหน้ามารู้สึกโมโหจนหายใจแทบไม่ทัน
เหมียวซื่อเพิ่งเตรียมอธิบาย หญิงแก่ผู้นั้นไม่แม้แต่จะเหลียวมอง นางจับจ้องไปยังหลังคาบ้านทันทีแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หลานหลินรีบลงมาเร็วเขา มียายอยู่ทั้งคน ไม่มีใครรังแกเจ้าได้! เราไม่ต้องกลัว!”
“ยายจาง พวกเขาบอกว่าภายภาคหน้าจะขายแม่ข้า…เขา เขาตีข้าด้วย ท่านดูหน้าข้าสิ เขาบีบหน้าของข้า บีบลำคอของข้า บอกว่าหากข้าเอาเรื่องนี้ไปฟ้องก็จะจับข้าโยนไปบนเขาให้หมาป่ากิน…” ฮั่วหลินบอกอย่างเศร้าเสียใจ หยาดน้ำตารินไหลลงมาอย่างหนักหน่วง
ยายจางและคนอื่นๆ ได้ยินดังกล่าวก็เดือดดาลขึ้นมาทันใด
ยายจางผู้นั้นสาวเท้าก้าวเข้ามาแล้วไปหยุดตรงหน้าเหมียวซื่อ จากนั้นฟาดมือตบเข้าไปที่หน้าอย่างจัง!
เสียงดัง ‘เพียะ’ กึกก้องแก้วหู
เหมียวซื่อถึงกับตะลึงงัน!
“มีใครเขาข่มขู่เด็กให้กลัวเยี่ยงพวกเจ้ารึ! ต่อให้เจ้าเป็นแม่สามีของแม่นางฮั่ว ก็อย่าได้คิดจะตั้งตนเป็นผู้บงการนาง! เด็กคนนี้เป็นทายาทสืบสกุลเพียงคนเดียวของฮั่วหรง ข้าว่าพวกเจ้าคงอยากจะบีบบังคับคนเขาให้ตายๆ ไปเสียจึงจะสุขใจกระมัง?! เมื่อวานเห็นพวกเจ้าก็ดูไม่ค่อยเหมือนคนไม่ดีสักเท่าไร คิดไม่ถึงว่าจะใจร้ายใจดำเยี่ยงนี้! ขนาดเด็กยังไม่เว้น! ถุย!” ยายจางโกรธจัด
หลานหลินเป็นคนสำคัญของคนทั้งหมู่บ้านเชียวนะ
ส่วนนาง ชื่นชอบเด็กคนนี้อย่างยิ่ง
นางชะตาชีวิตทุกข์ยาก ตอนยังเยาว์เคยให้กำเนิดลูกมาแล้วเก้าคน ท้ายที่สุดมีชีวิตอยู่รอดมาสองคน เมื่อนางเห็นเด็กน้อยที่ขาวจ้ำม่ำคนนี้ก็นึกถึงเหล่าลูกๆ ที่จากไปแล้วตนเอง ในใจเหมือนกับถูกทอดในน้ำมันร้อนก็ไม่ปาน!
และก็เพราะหลานหลินรู้ความ มีครั้งหนึ่งมองเห็นนางปาดน้ำตาก็เดินเข้ามาปลอบโยนนาง พร่ำเรียกท่านยายคำแล้วคำเล่า ชวนให้นางใจอ่อนไปหมด
ทุกครั้งมองเห็นเด็กคนนี้ เรื่องเศร้าโศกนั้นก็ไม่ปรากฏขึ้นมาอีก นอกจากนั้นยังถูกเขาหยอกเย้าจนสุขใจขึ้นมาอีกด้วย!
เด็กที่น่ารักเพียงนี้ยังมีคนรังแกได้ลงคออีก!
เหมียวซื่อเกือบสำลักเลือดลมที่คับแน่นอยู่เต็มอก
“ไอ้หยา นี่เป็นการใส่ร้ายกันอย่างใหญ่หลวงชัดๆ!” เหมียวซื่อรีบส่งเสียงพูดขึ้นมาทันควัน ไม่สนใจความเจ็บปวดที่อยู่บนใบหน้า มองเหล่าผู้คนอย่างขุ่นเคือง จากนั้นกล่าวขึ้นทันใด “พวกเราเคยพูดประโยคเช่นนี้ที่ไหนกัน! เพราะ…เพราะเด็กคนนี้ เขาไม่เห็นคุณค่าของข้าวสารอาหารแห้ง แม่เขาให้เขาเอาสิ่งของมาให้ ใครจะรู้ว่าหลังเขาเอามาแล้วก็โยนสิ่งของทิ้งไปเสียดื้อๆ แล้วยังเอ่ยว่ากระทืบทิ้งเสียดีกว่าให้พวกข้ากิน บอกว่าต้องการทำให้พวกข้าโมโห…”
“นี่เป็นหลานชายของข้าทั้งคน! ครั้นได้ยินคำพูดนี้ข้าเองก็รู้สึกแย่เช่นกัน! จึงกล่อมเขาสองสามประโยค อาจเป็นเพราะไม่คุ้นชินกับพวกข้าเกินไป เขาจึงปีนป่ายขึ้นไปบนหลังคาบ้าน เพื่อโน้มน้าวให้เขาลงมาก็เลยพูดจาข่มขู่ไปสองสามประโยค แต่ไม่ได้พูดว่าจะจับเขาไปให้หมาป่ากินและไม่ได้พูดว่าจะขายแม่เขาด้วยเช่นกันอย่างแน่นอน!” เหมียวซื่อรีบกล่าวทันที
ฮั่วเฉียงพร้อมพวกรีบพยักหน้าอย่างระแวดระวังเช่นกัน
ฮั่วหลินเห็นดังกล่าวก็สบถฮึขึ้นมา
คนเหล่านี้ช่างจิตใจชั่วร้ายจริงๆ ไม่ยอมรับเรื่องที่กระทำ และช่างเข้าใจเสแสร้งแกล้งทำจริงๆ!
ฮั่วหลินสะอึกสะอื้นและชักสีหน้าเศร้าสร้อย มองดูน้อยเนื้อต่ำใจสุดขีด จากนั้นก้มหน้าพลางร้องไห้ ยิ่งเหมือนได้รับความไม่เป็นธรรมแล้วเข้าไปใหญ่
ปกติแล้วเขารู้ความเป็นที่สุด
ดังนั้นเหล่าชาวบ้านมองเห็นเขาในท่าทีเช่นนี้ จึงไม่ค่อยเชื่อในคำพูดของเหมียวซื่อสักเท่าไร
“พวกเจ้าคิดว่าหลานหลินเด็กน้อยคนหนึ่งข่มขู่ง่ายสินะ” หญิงชราจางหัวเราะเยาะ เห็นว่ามีคนถือบันไดเดินมาแล้ว จากนั้นอุ้มหลานหลินลงมา นางจึงได้เป็นอันโล่งใจ “หลานหลิน หลังจากนี้ก็อย่าได้มาที่นี่อีกเลย หากเจ้าไม่ชอบพวกเขา นั่นต้องเป็นเพราะพวกเขาไม่ดีอย่างแน่นอน”
“ใช่ จากนี้พวกเราไม่มาที่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัว!” มีหญิงที่อยู่ด้านหลังอดกล่าวขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน
หญิงที่เอ่ยพูดคนนี้ สาเหตุที่ชมชอบฮั่วหลินเป็นเพราะหลังนางแต่งงานมาห้าปีก็ยังไม่ตั้งครรภ์เสียที เมื่อมองเห็นฮั่วหลินแล้วรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กที่น่าเอ็นดู จึงดึงมากอดครู่หนึ่ง ใครจะรู้ว่าไม่ถึงเดือนก็ตั้งครรภ์แล้ว และตอนนี้ก็ใกล้จะคลอดแล้ว
ดังนั้นในสายตานาง ฮั่วหลินเป็นดาวนำโชค
ตอนที่ 540 เซียนสวรรค์ลงมาสู่โลกมนุษย์
เหมียวซื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ อดไม่ได้ที่จะถลึงตาเขม็ง
มีใครเขาสอนเด็กเยี่ยงนี้ที่ไหนกัน…
ยอมเชื่อเด็กดีกว่าเชื่อผู้ใหญ่? นี่…นี่ไม่ถูกต้องเอาเสียเลย!
ตามความเข้าใจของนาง โดยปกติแล้วเมื่อเด็กมีความขัดแย้งกับผู้อื่น หญิงชราส่วนใหญ่ล้วนคิดว่าเป็นเด็กที่ก่อเรื่องและไม่รู้ความ โดยเฉพาะนี่เป็นเด็กห้าหกขวบ ไม่ว่าจะไก่หรือสุนัขล้วนรังเกียจไปหมด พูดจาไม่มีความจริงสักอย่างและดูแลยากเป็นที่สุด แล้วไฉน…
“นี่เป็นหลานชายของข้า! ข้ารังแกเขาได้ที่ไหนกัน! ล้วนเป็นเพราะเด็กคนนี้ไม่ได้ถูกสั่งสอนให้ดีจึงพูดจาผิดๆ ไป พวกเจ้าไม่อาจขัดขวางการที่หลานชายข้าจะมาหาข้าได้หรอกนะ…” เหมียวซื่อกล่าวขึ้นอีกครั้งทันที
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกไปกลับสร้างความขุ่นเคืองให้ทุกคน
“เด็กทั่วหมู่บ้านก็มีหลานหลินนี่ละรู้ความที่สุด เจ้าเป็นย่าแต่ยังคิดว่าเขาไม่ได้ถูกสั่งสอนให้ดี?! ข้าว่า เจ้าไม่รักและเอ็นดูหลานหลินเลยสักนิด สมกับเป็นย่าที่โผล่มาภายหลัง มีแต่ความห่างเหินจริงๆ!”
“นั่นไม่บอกก็รู้ คงรังเกียจที่หลานหลินพวกเรามิได้เป็นลูกแท้ๆ ของฮั่วหรงใช่หรือไม่!”
“เอ่ยถึงฮั่วหรง…เขาเป็นถึงคนที่มีบุญคุณใหญ่หลวงของหมู่บ้านเรา ปัจจุบันก็มีหลานหลินเป็นลูกคนเดียว ใครรังแกหลานหลินเช่นนั้นก็เท่ากับมีปัญหากับพวกเราไปด้วย! ต่อให้เจ้าเป็นแม่แท้ๆ ของฮั่วหรงก็ไม่เว้นเช่นกัน!”
“เอ้อร์ยาสั่งสอนเด็กได้มีระบบระเบียบที่สุดแล้ว เด็กๆ ทั่วหมู่บ้านใครบ้างไม่ชมว่านางดีงาม”
“…”
เหมียวซื่อคิดไม่ถึงเลยว่าประโยคเดียวของตนจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ลักษณะนี้
ทันใดนั้นก็รู้สึกลนลานเล็กน้อย “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…ข้าเอ็นดูเขาและเอ็นดูลูกสะใภ้ด้วยเช่นกัน…”
“เอ็นดูจริงหรือไม่จริงพวกเราไม่รู้แน่ชัด เพียงแต่ข้าเห็นทีว่าหลังจากนี้คนของครอบครัวพวกเจ้าอยู่ให้ห่างๆ หลานหลินเอาไว้หน่อยจะดีกว่า ครั้งนี้ถูกพวกเขากดดันจนขึ้นไปอยู่บนหลังคา ครั้งหน้าไม่ถูกกดดันจนขึ้นเขาไปจริงๆ หรอกหรือ หากเป็นอะไรไปจริง ข้าจะเอาเรื่องพวกเจ้าสุดชีวิต!” หญิงชราจางพ่นเสียงถุยใส่พวกเขา
พูดจบก็จูงมือน้อยๆ ของฮั่วหลินเอาไว้ “หลานหลินของพวกเรา ไม่ร้องไห้แล้วนะ ไม่ต้องสนใจพวกเขา กลับบ้านไปเถิด!”
ฮั่วหลินพยักหน้า จากนั้นหยิบผลไม้ที่หอบไว้ในอ้อมแขนออกมา “เดิมทีข้าอยากเอาของกินนี้มาส่งให้พวกเขากินกัน แต่พวกเขากลับข่มขู่ข้า หลังจากนี้ข้าจะไม่เอาสิ่งของมาส่งให้พวกเขาแล้วเช่นกัน! ท่านยายจาง ท่านป้า ผลไม้เหล่านี้มอบให้พวกท่านลองชิมดู! อร่อยมากเลยละขอรับ!”
ที่เขาหอบเอาไว้เต็มอ้อมแขนนั่น ไม่ได้หนักแต่อย่างใด
ฮั่วหลินหยิบมาทีละผลแล้วแจกจ่ายไป
จากนั้นมองเห็นว่ามีอีกสามสี่คนที่ไม่ได้ คิดอยู่ว่าไว้กลับไปบ้านแล้วค่อยขอจากมารดาเขาอีกสักหน่อย ส่งให้บ้านใกล้เรือนเคียงสักเล็กน้อย
“เจ้าเด็กคนนี้ช่างจริงใจไม่พิษภัยจริงๆ ถึงฤดูนี้แล้วแท้ๆ ผลไม้ราคาแพงเสียยิ่งกว่าอะไรดี แต่เจ้าก็ยังเสียสละเอามามอบให้คนอื่นได้” หญิงชราจางทอดถอนใจ “ยายฟันไม่ดี ไม่กินดีกว่า เจ้ากินเถิด เพียงแต่หลังจากนี้อย่าได้นำของดีๆ เช่นนี้มอบให้คนไม่มีนโนธรรมพวกนั่นเชียวละ”
“ข้ารู้แล้วขอรับ! ดังนั้นเมื่อใดที่พวกเขารังแกข้า ข้าก็จะตะโกนเรียกคนอื่นทันที!” ฮั่วหลินคลี่ยิ้มหวานโดยที่ในดวงตายังเจือหยาดน้ำสีใส
รูปลักษณ์เช่นนี้ชวนให้ทุกคนใจอ่อนไหว ยอมจำนนอย่างราบคาบ
คำพูดเหล่านี้ยังคงเป็นการพูดต่อหน้าเหมียวซื่อพร้อมพวก เหมียวซื่อได้ยินแล้วถึงกับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ คนทั้งคนรู้สึกแย่มาก
ไฉนจึงเป็นเช่นนี้ไปได้เล่า!
คนในหมู่บ้านนี้เสียสติไปหมดแล้วหรือไร!
ไม่ใช่เด็กในครอบครัวตัวเองเสียหน่อย ไฉนจึงให้ท้ายถึงเพียงนี้ เขาพูดอะไรก็ต้องเป็นเช่นนั้นหรือ เขาเป็นเซียนสวรรค์ตกลงมาสู่โลกมนุษย์หรือไร!
เหมียวซื่อค่อนข้างเสียใจภายหลัง
วันนี้ใจร้อนเกินไปแล้วจริงๆ น่าจะอดกลั้นเอาไว้ อดกลั้นกระทั่งซ่งอิงแก้ไขทะเบียนสำมะโนครัวแล้ว ถึงเวลานั้นก็เป็นคนของครอบครัวนางจริงๆ หากไม่รู้ความไม่เชื่อฟังก็หย่าร้างขับไล่ออกไป หรือถึงขั้นขายออกไปก็ทำได้ทุกเมื่อ!
ตอนนี้กลายเป็นว่าเพิ่งมาวันแรกก็ได้รับความขุ่นเคืองจากคนเหล่านี้แล้ว จะทำอย่างไรดีเล่า!
มีทุกคนพะเน้าพะนอ ไม่ทันไรฮั่วหลินก็ผนึกกำลังกับทุกคนเป็นปึกแผ่นเดียวกัน ยิ้มระรื่นออกมาได้เสียที
ทุกคนไม่ได้เอาผลไม้ของเขาเช่นกัน ตอนที่เขาจะกลับบ้านก็ยัดกลับไปในเสื้อของเขา ต้องการให้เขาเอากลับมาให้จงได้