ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 59 ไม่เสียใจภายหลังแน่นอน ตอนที่ 60 ยืนหยัด
ตอนที่ 59 ไม่เสียใจภายหลังแน่นอน
นางก็แค่กลัวว่าเมื่อพวกเขาร้อนใจ เที่ยวไปหาลูกสะใภ้ให้ซ่งสวินสักคนอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ถึงตอนนั้นไม่แน่ว่ายังจะส่งผลให้ครอบครัวไม่เป็นอันสงบสุขเอาได้
ไม่สู้วิธีการประเภทนี้ของนาง ลำบากเพียงคราเดียว สบายไปตลอด
“แยกออกไปอยู่อาศัยข้าเองก็มีอิสระ ตระกูลซ่งคือครอบครัวท่านแม่ของข้า ภายภาคหน้าหากข้าแวะเวียนกลับมาหาบ้านมารดาบ่อยครั้ง ท่านก็อย่าได้รำคาญข้าเชียวนะเจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
หร่วนซื่อทำใจยอมรับไม่ได้
สมองมึนงงสับสนไปหมด
ซ่งจินซานก็เช่นกัน ไม่รู้เลยว่าควรต้องทำอย่างไร
ซ่งเหล่าเกินไม่เห็นดีเห็นงามกับวิธีการเช่นนี้ อย่างไรเสียก็ไม่สู้ให้อยู่อาศัยในครอบครัวยังจะดีกว่ามาก
ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่สุด…นั่นก็คือจากนี้จะมีคนก่นด่าเขาซ่งเหล่าเกินว่าเข้ากับหลานสาวไม่ได้ ทำลายชั่วชีวิตของหลานสาว แต่เรื่องงานแต่งของบรรดาหลานชายก็ย่อมไม่ใช่ปัญหาอีกแล้ว
นางเด็กสาวคนนี้…
ไม่รู้เช่นกันว่ากระทำเช่นนี้ด้วยความต้องการจากใจจริงหรือไม่ หรือยากทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ
“ยาโถว เจ้าก็คงรู้ดีว่าการเป็นแม่ม่ายมันไม่ดี” ผู้เฒ่ากล่าวเสียงเย็นชา
“รู้เจ้าค่ะ” ซ่งอิงพยักหน้า
“การเป็นม่ายจะกระตุ้นความสนใจและความอยากรู้ของผู้คน และ…เจ้าเลี้ยงชีวิตตนเองได้หรือ เมื่อเจ้าสร้างครอบครัวเป็นของตนเองแล้ว บ้านมารดาอย่างมากก็คงช่วยเหลือเจ้าได้เล็กๆ น้อยๆ แต่อาหารสามมื้อต่อวัน และการใช้ชีวิตในหนึ่งปีสี่ฤดูกาล เจ้าล้วนต้องคิดหาวิธีด้วยตนเองทั้งสิ้น!” ซ่งเหล่าเกินกล่าว
“ข้ามีมือมีเท้า จะเลี้ยงดูตัวเองไม่ได้ได้อย่างไรเจ้าคะ” ซ่งอิงมองซ่งเหล่าเกินอย่างไม่สะทกสะท้าน
ซ่งเหล่าเกินถูกนางกระตุกต่อมเดือดดาล
“ได้! ตัวเจ้าอยากแต่ง และอยากทำให้ตนเองอับอายขายหน้า ข้าก็ไม่ห้ามเจ้าเช่นกัน! แต่เจ้าต้องจำเอาไว้ เส้นทางนี้เป็นเจ้าเลือกด้วยตัวเองในวันนี้ ภายภาคหน้าตกทุกข์ได้ยาก อย่ามากล่าวโทษปู่และย่าเจ้าเชียว!” ซ่งเหล่าเกินกล่าวอย่างโกรธเคือง
คนเป็นๆ ไม่แต่ง ให้หาคนตายสักคน?!
“ตอนนั้นที่ท่านปู่นำข้ากลับมาเลี้ยงดู ให้ข้าได้รับความรักและการเอาใจใส่จากท่านพ่อท่านแม่ เรื่องนี้ข้าจะจดจำไว้ชั่วชีวิต แต่เรื่องใหญ่อย่างเรื่องแต่งงาน ข้าจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง นับแต่นี้เป็นต้นไป สร้างครอบครัวเป็นของตนเองแล้ว จะไม่เสียใจภายหลังเป็นอันขาดเจ้าค่ะ!” ซ่งอิงกล่าวตอบกลับอย่างเสียงดังฟังชัด
ซ่งเหล่าเกินยังคิดว่าจะทำให้นางรู้จักกลัว แต่ท่าทีนางในตอนนี้เสมือนกับว่าคำพูดที่กล่าวออกไปแล้วก็จะไม่คืนคำอีกเด็ดขาด
“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าก็จะไปถามไถ่หัวหน้าหมู่บ้านดู หาคนที่เหมาะสมมาให้เจ้าเลือกสักคน!” ซ่งเหล่าเกินกล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นก็รบกวนท่านปู่ด้วย” ซ่งอิงกล่าวอย่างเกรงอกเกรงใจ
ยามนี้คนอื่นๆ ล้วนสงบเสงี่ยมเป็นพิเศษ
ขณะมองดูนัยน์ตาซ่งอิงต่างก็ค่อนข้างรู้สึกประหลาดชอบกล
เห็นได้ชัดว่าล้วนคิดไม่ถึงว่าซ่งอิงจะปฏิบัติต่อตัวเองอย่างโหดร้ายเพียงนี้ ถึงขั้นคิดอาศัยป้ายหลุมศพของครอบครัวคนอื่นมาสร้างครอบครัว
แม้กล่าวได้ว่าลดความยุ่งยากลงไปได้มาก ทว่า…ในฐานะสตรีคนหนึ่ง จู่ๆ นางก็จะกลายเป็นแม่ม่ายอย่างไร้เหตุผลน่ะหรือ
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ไม่ถากถางใดๆ ซ่งอิงแล้วเช่นกัน
ซ่งเหล่าเกินมองผู้คนในห้องนี้อย่างรำคาญ ก่อนเอ่ยปากไล่ทั้งหมดออกไป
“อาอิง เจ้าไตร่ตรองดูให้ดีๆ ข้าเป็นพี่ชายเจ้า เป็นผู้ชาย ไปใช้ชีวิตในอำเภอไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่เจ้า อยู่ดีๆ ก็จะกลายเป็นแม่ม่าย แล้วจะให้ท่านแม่ทำใจยอมรับอย่างไรไหว” เมื่อกลับถึงห้องของบ้านสอง ซ่งสวินกล่าว
“พี่ชายเจ้าพูดถูก จะอย่างไรพวกเราบ้านสองก็แยกครอบครัวออกมาแล้ว ไม่อย่างนั้น…พ่อพาพวกเจ้าทั้งหมดย้ายออกไป ต่อให้ถูกด่าทอนั่นก็เป็นเรื่องของบ้านสองพวกเรา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้อื่น!” ซ่งจินซานกล่าวขึ้นมาบ้างเช่นกัน
“ดวงใจของแม่อา…นี่เป็นเรื่องใหญ่โตนะ เจ้าจะตัดสินใจอย่างนี้ไม่ได้…” หร่วนซื่อร้องห่มร้องไห้
ภูตโสมกำลังมองคนทั้งครอบครัวนี้อย่างงุนงง
แม้เสียงดังจนซ่งอิงปวดหัว ทว่าทั้งสามคนนี้ล้วนเป็นห่วงนางด้วยใจจริง
“ข้าจริงจังเจ้าค่ะ อีกทั้ง…นี่เป็นเรื่องดีนะเจ้าคะ!” ซ่งอิงคลี่ยิ้ม
“เจ้ายังจะยิ้มอีก! ดีตรงไหนกัน!” หร่วนซื่อกล่าวอย่างมีอารมณ์โมโห
“ท่านแม่ ท่านจะให้ข้าอยู่ในครอบครัวไปชั่วชีวิตก็ไม่ได้เช่นกัน จะช้าจะเร็วข้าก็ต้องออกไปอยู่ดี ข้าจะขอให้ท่านปู่ช่วยข้าหาครอบครัวเดี่ยวที่ไร้บุตรหลาน ไม่มีแม่สามี ไม่มีพี่สะใภ้น้องสะใภ้ จะได้ไม่ถูกคนเขารังแก อีกอย่าง…ภายภาคหน้าหากข้าอยากทำกิจการสักหน่อย ก็จะได้ไม่กระทบไปถึงครอบครัวเราต้องเปลี่ยนจากทำไร่ทำนาไปเป็นค้าขาย เช่นนี้พี่ชายข้ายังจะเข้าสอบได้ด้วย…แล้วก็ หลักๆ คือตัวข้าเอง ก็ไม่ชอบใช้ชีวิตโดยต้องคอยมองสีหน้าผู้คน อยู่ในบ้านซ่ง บรรดาลุงๆ อาๆ จะมากจะน้อยก็ต้องเหน็บแหนมข้าอยู่บ้าง เพราะข้าไม่ใช่บุตรในสายเลือด บ้างก็เป็นกังวลว่าจะพลอยเดือดร้อนไปด้วยเพราะข้า หลังข้าจากไปแล้ว ทุกคนจะได้สบายใจ พวกท่านเองก็จะได้เชิดหน้าได้เช่นกัน!”
คำพูดเหล่านี้ ซ่งอิงกล่าวด้วยใจจริง!
ตอนที่ 60 ยืนหยัด
การอยู่อาศัยที่บ้านซ่งต่อ แม้กล่าวได้ว่าไม่ค่อยเงียบเหงา แต่ภายภาคหน้าจะเกิดปัญหามากมาย และยากจะตอบแทนน้ำใจนี้ หากนางถูกผู้เฒ่าบีบบังคับให้ออกไปตั้งครอบครัว ภายภาคหน้าทางด้านวงศ์ตระกูลซ่งนี้ ก็ไม่อาจกดดันนางเรื่องทวงค่าเลี้ยงดูเพื่อทดแทนบุญคุณได้โดยง่ายดาย
“ท่านแม่ ท่านลองคิดดูนะเจ้าคะ ก็แค่การที่ในทะเบียนบ้านมีชื่อคนหนึ่งคนเท่านั้นเอง ไม่ต้องจัดโต๊ะกินเลี้ยง ไม่ต้องเชิญเพื่อนบ้านคนสนิท แม่ในทะเบียนราษฎร์จะปรากฎว่าเป็นแม่ม่ายคนหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงทุกคนต่างก็รู้กันดีอยู่แล้วใช่หรือไม่ หากภายภาคหน้ามีคนที่ถูกตาต้องใจข้าจริง ก็ไม่มีทางแยแสต่อสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นนั่นหรอกเจ้าค่ะ ท่านว่าใช่หรือไม่” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง
“นี่ล้วนเป็นเหตุผลไม่เข้าท่าของเจ้าทั้งนั้น…” หร่วนซื่อตัดสินใจไม่ได้ มองไปยังซ่งจินซาน
บุตรสาวกลับมาจากจวนโหวเพียงเดือนกว่าเท่านั้นเอง กล่าวตามจริง ระหว่างพวกเขากับบุตรสาวมีช่วงเวลาพรากจากกันไปสองปี เกิดความรู้สึกอย่างคนไม่คุ้นเคยกันอยู่เล็กน้อย จึงไม่มีความมั่นใจจะเป็นผู้ตัดสินใจแทนนางเช่นกัน
ซ่งจินซานถอนหายใจ “เป็นพ่อเองที่ไม่เอาไหน หากสมาชิกครอบครัวเราย้ายออกไปได้ทั้งหมด…”
“ท่านพ่อ ย้ายออกไปแล้วจะอย่างไรหรือ คนอื่นก็จะสร้างข่าวลือมิใช่เพราะครอบครัวเรามีเพียงสองห้อง แต่เป็นเพราะข้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ทั้งยังห่างจากครอบครัวไปสองปี ทำอะไรมาบ้างก็ไม่รู้ ยิ่งไปกว่านั้นเพราะรูปลักษณ์ข้าเสียโฉมแล้ว ลักษณะน่าเวทนา ดังนั้นจึงมีคนปากมาก คิดว่าข้าไม่ได้ออกเรือนแน่ ก็จะดึงท่านพี่มาข้องเกี่ยวไม่เลิก นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการย้ายออกไปอยู่ที่อื่นเลย” ซ่งอิงกล่าวตามความเป็นจริง
ผู้เฒ่านิสัยเป็นเช่นไรนางก็พอเข้าใจอยู่บ้าง
ในฐานะผู้อาวุโสของทุกคนในตระกูลซ่ง ซ่งเหล่าเกินเป็นผู้หนึ่งที่รู้จักรักษาภาพลักษณ์ผู้ทรงคุณธรรม
เจ้าของร่างถูกจวนโหวทอดทิ้ง สำหรับครอบครัวซ่ง ก็เป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ ทั้งยังไม่ใช่บุตรหลานร่วมสายเลือด แล้วยังจะนำมาซึ่งคำวิพากษ์วิจารณ์ของลูกหลาน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ยามที่เจ้าของร่างกลับมาจากเมืองหลวง ซ่งเหล่าเกินก็ไม่ได้เอ่ยคำพูดที่แสดงถึงการรังเกียจแม้แต่คำเดียว ถึงขั้นให้เจ้าของร่างทำใจให้สบาย รักษาอาการป่วยให้เต็มที่อีกด้วย
คราวนี้ หากมิใช่เพราะมีคนปากมาก ทำให้ซ่งเหล่าเกินคิดว่าเสียหน้า ทั้งยังเป็นกังวลเรื่องงานแต่งหลานชาย ก็คงไม่บีบบังคับให้นางแต่งงานเช่นกัน
เพราะซ่งเหล่าเกินผู้นี้ปฏิบัติต่อเจ้าของร่างถือว่าไม่เลวทีเดียว ดังนั้นตอนนี้ นางจึงเลือกทำเช่นนี้
ในเวลานี้เอง ซ่งจินซานถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า
รู้ว่ารั้งซ่งอิงไว้ไม่ได้แล้ว
ทางด้านบ้านสองนี้ บรรยากาศหมองหม่น
“ท่านพี่ ลวี่โต้วกั่วที่เหลือท่านนำเข้าไปขายในตัวอำเภอแล้วกัน ต่อให้ไม่มีการเล่นเป่ายิ้งฉุบจากข้า ผลไม้ที่รสชาติอร่อยของบ้านเราก็ย่อมขายได้เช่นเดิมเป็นแน่” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งสวินหดหู่ใจ “เข้าใจแล้ว”
ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย มองไปยังภูตโสมแวบหนึ่ง ภูตโสมว่าง่ายอย่างยิ่ง ในยามนี้กำลังมองสำรวจอารมณ์ของบรรดามนุษย์อย่างพวกเขาอยู่
มันรู้สึกสับสนมาก
วันรุ่งขึ้น ภายใต้การร้องขออย่างหนักหน่วงของซ่งอิง ซ่งสวินจึงเข้าอำเภอไปขายของ ส่วนทั่วทั้งบ้านซ่ง ก็ตกอยู่ในบรรยากาศเงียบสงัดเช่นกัน
พวกบ้านสามพ้นประตูออกมาเห็นซ่งอิงเข้า ก็พากันยิ้มแหยๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรมากมาย
หลังจากนั้นสามวัน ซ่งเหล่าเกินเรียกซ่งอิงไปหา
“ตอนนี้เจ้ายังคิดไม่ได้อีกหรือ” ซ่งเหล่าเกินกล่าวทันที่ที่เอ่ยปาก “อิงยาโถว แม้เจ้าไม่ใช่หลานสาวแท้ๆ ของข้า แต่บิดามารดาผู้ให้กำเนิดเจ้าก็เป็นคนของตระกูลบรรพบุรุษซ่ง ข้าเองก็มองดูเจ้ากระโดดเข้ากองไฟหน้าตาเฉยไม่ได้เช่นกัน หลายวันมานี้ข้าได้ถามไถ่ดู หากเจ้าไม่อยากแต่งกับหมาจื่อผู้นั้น ยังมีคนอื่นให้เลือก…หากไม่พอใจอีก เจ้าก็ลองออกไปเดินดู แล้วให้แม่สื่อไปพูดคุยถึงที่ก็ย่อมได้…”
“ท่านปู่ ตอนนี้ที่จะถูกตาต้องใจข้า ล้วนเป็นคนประเภทไหน พวกเราล้วนรู้อยู่แก่ใจ ดังนั้นข้ายังอยากคิดวิธียืนหยัดด้วยตนเองเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว
ซ่งเหล่าเกินเก็บความโกรธเคืองอัดอั้นไว้ภายในใจ จ้องเขม็งนางชั่วครู่หนึ่ง
“ตกลง! เจ้าเป็นคนมีความคิดเป็นของตนเอง ข้าก็ไม่รั้งเจ้าเช่นกัน” ซ่งเหล่าเกินสบถฮึ “ข้าถามไถ่ทางด้านหัวหน้าหมู่บ้านนั่นแล้ว ลูกหลานที่เสียชีวิตในช่วงสามปีมานี้ ที่ค่อนข้างเหมาะสมมีอยู่สามคน เจ้าเลือกเองแล้วกัน…”